อยากสอบถามเรื่องการนั่งสมาธิครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tommie, 4 มกราคม 2017.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ที่จะเล่าต่อไปนี้ถือว่า เล่าสู่กันฟังเนาะ..

    ๒ เดือนเทียบผลได้กับหายใจแบบเดิมๆ ๒ ปี ก็ตัดสินใจเองได้ไม่ยาก

    เรื่องระบบหายใจแรกๆมันต้องฝืนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

    เพื่อเป็นแนวทางให้กับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

    เพราะว่าเราหายใจแบบปกติมาตั้งแต่จำความได้

    จะมาเปลี่ยนให้ได้เลยทันทีก็ต้องให้เวลาร่างกายเค้าได้

    ปรับตัวเองหน่อย อย่างเร็วสุด ๑๕ วันและถ้าทำอย่าง

    ต่อเนื่องไปอีกก็จะใช้เวลาอย่างน้อย ๒ ถึง ๓ เดือน

    ต่อไปพอร่างกายชินมันก็จะเป็นระบบหายใจปกติในชีวิตประจำวันของเรา

    เหมือนกับการหายใจตั้งแต่ที่เราจำความได้ของมันเอง

    การปฏิบัตินะ ถ้าเราทำอะไรในช่วงแรกๆแล้วมันดูเหมือนง่ายๆ

    นั่นหละให้ระวังไว้เลยว่า ต่อไปมันจะยาก ไม่ว่าเรื่องการต่อยอด

    หรือเรื่องผลสำเร็จในกรรมฐานกองนั้น เป็นเหตุให้แม้ว่าจะปฏิบัติ

    มาเป็นปีๆ เป็น สิบปี หรือเกือบตลอดทั้งชีวิต ดูเหมือนว่าจะได้แค่ลูบๆคลำๆ

    กรรมฐานกองนั้นไม่ว่ากองใดก็ตามใน ๔๐ กอง แต่ผลปรากฏว่า

    ใช้งานจริงๆไม่ได้ซักกอง พิสูจน์ผลที่ได้จากกรรมฐานนั้นๆ

    อะไรไม่ได้ซักกอง เผลอๆจะหลงตัวเองแบบคาดไม่ถึง บ้างก็คิดว่าตนบรรลุธรรมก็มี

    ทั้งๆที่ไม่มีความสามารถพิสูจน์ให้บุคคลอื่นๆรับรู้ได้

    หรือแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ได้ชัด จากผลของกรรมฐานกองนั้นๆ

    ไม่ว่าจะเรื่องพิเศษต่างๆที่ได้ หรือเรื่องของปัญญาทางธรรมที่ส่งผล

    ให้ตัวจิต คลายความยึดมั่นถือมั่น ไม่เผลอไปดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ

    เข้ามาเป็นกิเลิส และกลายเป็นตัวเองอย่างที่ไม่รู้ตัว

    เราจึงพบว่า ทำไมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิบัติ เรื่องธรรมะ

    เวลาผ่านมาแล้วหลายปี ทำไมถึงยังติดในเรื่องของลาภศักการะ

    ทำไมยังติดในเรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์ทางสมมุติทั้งหลาย

    ทำไมยังติดในสุขเห็นแกความสบายส่วนตน

    ทำไมถึงยังอยากทำตัวเอง เพื่อ่ให้ได้รับการยอมรับจากสังคม

    อยากให้คนเห็นว่าตนเองนั้นเก่งหรือมีดีกว่าใคร...

    ทำไมบางคนไปฝึกกรรมฐานพิเศษมา แต่เหตุใดถึงปฏิบัติ

    ไม่ถึงระดับที่ใช้งานให้ก่อเกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นๆได้ซักที

    กลับพบอีกว่า ฝึกมาแล้วมีแต่พูดเรื่องตน พูดเพื่อยกตน พูดเพื่อ

    ให้ตนดูเหมือนสูงส่งกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งๆที่ตนเองนั้นไม่มีความ

    สามารถที่จะแสดงอะไรให้เป็นที่ประจักษ์ ที่ได้มาจากผลของ

    กรรมฐานที่มันเกิดขึ้นได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่กลับมั่นใจว่าตนเอง

    นั้นยังเก่งกว่าใคร มีดีกว่าใครและ มั่นใจว่าตนเองนั้นเข้าถึง

    ทั้งๆที่ไม่มีผลประจักษ์ใดๆเป็นชิ้นเป็นอัน คิดว่าแปลกไหม

    ก็แปลก แต่ก็มีให้เห็นได้เรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน

    เช่น บอกว่าตนเองไปเห็นโน้นนี่นั้น ทำโน้นนี่นั้นได้

    แต่พอเราถามว่า ทำให้ดูหน่อย ทำให้เห็นเหมือนกับที่ท่านเห็นได้ไหม

    เค้าก็จะอ้างบอกว่า มันเป็นเรื่องของบารมี ไปเรื่อยเปื่อยฯลฯ

    ทั้งๆที่กรรมฐานต่างๆ ถ้าเราเข้าถึงผลสำเร็จแล้ว มันจะส่งผลให้เรา

    แสดงได้เป็นที่ประจักษ์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แม้ว่าแสดงได้

    ก็ยังไม่ใช่ทางหลุดพ้น ก็ต้องมาเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสกันต่อ

    ในบุคคลที่ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่เข้าไปยุ่งเกี่ยวผ่านกรรมฐานนั้นๆมา

    ยังไม่เคยเข้าถึงได้ซักกรรมฐาน ถามว่าจะไปเข้าด้านปัญญาทางธรรมได้ไหมหละ

    เพราะว่า มันก็ต้องอาศัยพื้นฐาน จากกำลังสมาธิที่ได้จากกรรมฐานต่างๆ

    กับกำลังสติทางธรรมที่ได้จากส่วนหนึ่งในการฝึกกรรมฐาน

    เพื่อที่จะเอามาหนุนส่งเสริมในการเดินปัญญาทั้งนั้น

    จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราไม่มีกำลังสมาธิบ้าง ไม่มีกำลังสติทางธรรมเลย

    เราจะไปเดินปัญญาได้จริงๆหรือ ก็ในเมื่อ การเดินปัญญานั้น เป็นไปเพื่อ

    ให้จิต ลด ละ คลายเครื่องยึดเกาะต่างๆ และเครื่องที่มายึดเกาะจิตต่างๆ

    เหล่านี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรมทั้งนั้น มันไม่ใช่รูปธรรมอย่างเสื้อผ้า

    ที่เราแค่ถอดแล้วโยนทิ้งได้ ดังนั้นพื้นฐานของระบบหายใจที่ได้แนะนำไปนั้น

    (การทำความรับรู้ที่ปลายจมูก เป็นจุดในร่างกายที่สร้างสติทางธรรมได้ดีที่สุดแล้ว

    เพราะเป็นจุดที่ยาวที่สุดจากจิตโดยที่ยังมีลมหายใจอยู่และเกาะอยู่ที่กายแล้ว)

    กำลังสติทางธรรมมันสร้างจากตรงนี้ ยังไงก็ได้ขอให้ฐานอยู่ที่กาย แต่ฐานกาย

    ตรงไหนหละที่สร้างมันได้เร็วสุด และกำลังสติทางธรรมตรงนี้นี่หละ ที่เสมือน

    เป็นตัวเครื่องมือ ที่จะทำให้เราเข้าใจนามธรรมต่างๆ กิเลสก็นามธรรม

    แรกๆมันจึงเป็นเครื่องมือที่คอยควบคุมความคิด ควบคุมพฤติกรรมของจิต

    ให้จิตคลายจากความคิด คลายจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม การที่จะสร้างมันตรงนี้ได้

    ก็ต้องควบคู่กับกำลังสมาธิสะสมเล็กๆน้อยๆที่ค่อยสร้างขึ้นมา ที่จะคอยมาหนุนส่งกัน

    จนจิตมันแยกส่วนนามธรรม ที่เป็นส่วนอารมณ์ต่างๆได้ แยกความคิดที่เกิดจากจิตเราได้

    และจิตมันได้รู้ได้เห็นกิริยาต่างๆเหล่านี้ได้ จากกำลังสติทางธรรมที่เราได้สร้างขึ้นมา

    โดยมีกำลังสมาธิสะสมคอยหนุนให้มันคงอยู่ในสภาวะที่จะเห็น จะรู้ตรงนี้ได้นั่นเอง

    เราถึงจะเริ่มมาเดินปัญญาทางธรรมได้จริงๆ พอมีกำลังสติทางธรรมและรู้กิริยาของจิต

    เราก็จะรู้สภาวะที่จิตเป็นกลาง ณ เวลาปัจจุบันได้ของมันเอง การที่กำลังสติทางธรรม

    ควบคุมจิตไว้ ไม่ให้จิตเกิด แต่ปล่อยให้จิตเค้ารับรู้ นี่หละที่จะเกิดเป็นปัญญาทางธรรมต่อไปได้

    ซึ่งจิตจะเข้าใจในส่วนนามธรรมต่างๆได้ของตัวจิตเข้าเอง.....เล่ามาตั้งนานแล้วมันจะเกี่ยวกับ

    กรรมฐานที่ผมฝึกไหมครับ หรือเกี่ยวอย่างไรครับพี่นพ...?

    ก็จะบอกน้องว่า กรรมฐานทุกๆกองนั้น สภาวธรรมต่างๆ หรือกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างทางนั้น

    ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรมทั้งนั้นยังไงหละครับ ที่เราเจอโน้นนี่นั้น เป็นสภาวะนามธรรมทั้งนั้น

    ไม่ว่าจะแสง สี เสียง เส้นสาย ผี เทวดา เทพ พรหม ครูบาร์อาจารย์ พระพุทธฯ ภาคส่วนภพภูมิต่างๆ

    ที่เราจะเจอในระหว่างทาง มันเป็นนามธรรมทั้งนั้นหละครับ ทำไมเราถึงยังสงสัยว่า สภาวะนี้มันคืออะไร

    ทำไมเราไปต่อไม่ได้ ทำไมเรายังไม่เข้าใจมันหละ ทั้งๆที่บางสภาวะในตำราก็มีบอก แต่ทำไมเรายังไปยึด

    ยังไปสงสัยมันอยู่หละครับ ก็เพราะว่า กำลังสติทางธรรมซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือในการที่จะทำให้เรา

    เข้าใจนามธรรมตรงๆนี้ เรายังไม่เพียงพอ ตลอดจนกระทั่งที่จะคอยควบคุม พฤติกรรมของจิต

    ควบคุมพฤติกรรมความคิด ควบคุมขันธ์ ๕ นามธรรม ที่จะทำให้เราไปไปยึด กับสภาวะกิริยาทางธรรม

    ต่างๆเรานั้นมันยังไม่เพียงพอ ไม่เพียงพอคือ เราเคยมี แต่ยังไม่พอสำหรับที่จะผ่านสภาวะนั้นๆได้ครับ....



    ดังนั้นถ้าเราได้อ่านดูจะพบว่า พื้นฐานเรื่องระบบหายใจตรงนี้ มันมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องสืบต่อไปข้างหน้า

    ได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง หากว่าเราไม่เอาพื้นฐานตรงนี้ของเราให้มันดีก่อน ให้เราไปต่อยอดกรรมฐานอะไร

    มันก็จะเข้าถึงผลสำเร็จได้ยากไม่ว่ากองไหนนั่นเองครับ เข้าใจหรือยังว่า ทำไปบางคนฝึกเป็นปี ฝึกหลายปี

    ฝึกตลอดชีวิต ถึงได้แค่ลูบๆคลำๆครับ......


    เพราะไปมองข้ามพื้นฐานระบบหายใจตรงนี้ เพราะไปคุยกับใครแล้วมันไมหล่อ ไม่เท่ห์

    ไปมองแต่เรื่องกรรมฐานที่พิเศษๆ แสดงฤทธิ์ได้ ไปนรก ไปสวรรค์ รู้โน้นรู้นี่ได้

    ทำโน้นนี่นั้นได้ มันเหท์วะ มันหล่อดี ทำได้ สาวๆคงกรี๊ดกร๊าด เวลาเดินไปวัด

    ประหนึ่งว่า ตรูคงหล่อป่าน พี่โดม แท้จริงๆแล้วถ้าสังเกตมันล้วนเป็นโทสะ โมหะ โลภะทั้งนั้น

    ที่ทำให้เราไปดึง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ที่มันมีอยู่แล้วปกติภายนอกมันเข้ามา จนกลายเป็นตัวตนของเรา

    จนเราไม่รู้ตัว และยังไปมองผลว่าถ้าฝึกได้แล้ว

    มันทำอะไรได้บ้าง ไปมองพื้นฐานตำราทางธรรม ในเรื่องระดับที่สูงๆ เค้าว่าผ่านหรือทำตรงนี้ได้

    เราจะเข้าถึง บรรลุระดับโน้นนี่นั้นเหมือนดั่งตำราที่ได้กล่าวไว้

    ใช่ถ้าจิตเรามันเป็นจริงๆอย่างในตำรา เราเข้าถึงแน่

    แต่จะไป หวังว่า หากตนเข้าใจได้ทางสมมุติแล้ว รู้แล้ว ได้อ่านแล้ว ได้ระวังได้ข่ม

    เพื่อ่ให้เข้าเกณฑ์แล้ว

    สภาวะจิตของตนเองมันจะเป็นอย่างนั้น คิดว่ามันจะเป็นไปได้ไหมหละครับ

    เพราะจิตก็เป็นนามธรรม เราจะเอาอะไรไปรู้ ไปเข้าใจว่า จิตมันเข้าถึงได้หละ

    ถ้าไม่มีกำลังสติทางธรรม ก็จะเข้าทำนอง


    หากพื้นฐานเรายังไม่ดีพอ มันก็จะแค่ได้ลูบๆ คลำๆ ไปตลอดชีวิตนั่นหละครับ

    ดังนั้นไม่ต้องสนใจว่า จะต้องไปฝึกกรรมฐานโน้นนี่นั้น หรือควรจะต้องฝึกอะไรก่อน

    เพราะไม่ว่ากองไหน

    ถ้าเราทำได้ เข้าถึงได้จริง มันมีกำลังเพียงพอที่จะทำให้เรามาต่อยอดเดินปัญญา

    จนกระทั่งเข้าถึงฝั่งได้ทั้งนั้นหละครับ..และจำเอาไว้เลยว่า ไม่ว่ากรรมฐานกองใดๆ

    หากเราเข้าถึงได้จริงๆแม้แต่กองเดียว ในระดับที่ต้องใช้กำลังสมาธิเท่าๆกัน

    ถ้าเราไปลองฝึกลองทำ เราจะทำได้เอง แค่ครั้งสองครั้งเราก็ทำได้แล้ว

    ไม่ต้องไปเริ่มฝึกให้มันหยุ่งยาก เพราะกรรมฐานหลายๆกอง มันอาศัยกำลังสมาธิ

    ในระดับเดียวกันที่จะเข้าสู่ผลสำเร็จ ดังนั้นหากเราทำได้ซักอย่าง อย่างอื่นๆก็จะทำได้เองไม่ยาก

    พอจะเข้าใจคำว่า อะไรที่เริ่มต้นยากๆแล้วต่อไปมันจะง่ายหรือยัง

    .ดังนั้นเอาพื้นฐานระบบหายใจให้มันได้ก่อน

    สร้างสติทางธรรมกับสมาธิสะสมตรงนี้ให้ได้ก่อน เด่วต่อไปเราจะรู้เองว่าเราควรจะ

    ต้องไปต่อยอดกรรมฐานอะไร เพราะเมื่อมีเครื่องมือที่จะทำให้เข้าใจนามธรรมได้แล้ว

    เราจะรู้ได้ด้วยตัวเราเอง การปฏิบัติอยู่คนเดียวก็สนุก อยู่หลายคนก็สนุก

    ยิ่งปฏิบัติยิ่งเห็นสิ่งไม่ดี ยิ่งปฏิบัติพฤติกรรมทางโลกยิ่งดี ยิ่งปฏิบัติสิ่งที่แย่ๆ

    ที่ฝั่งลึกในใจปรากฤมาให้เห็นยิ่งดี เมื่อเข้าถึงแล้ว ทำได้แล้ว

    เราถึงมาปล่อยวาง มันก็จะเป็นไปตามเนื่อหาเดิมแท้ที่จิตเราเคยสะสมได้ของมันเอง

    ตามระดับ ระยะเวลาในการคลายตัวจากสิ่งยึดเกาะได้ของตัวจิตโดยธรรมชาติ

    สมาธิถึงจะเป็นสมาธิที่แท้จริง ความสามารถถึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริง

    ไม่มีเสื่อม ไม่มีถอย มีแต่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าด้านปัญญา ด้านความละเอียดในการรับรู้

    ที่จะนำพอไปสู่จุดหมายปลายทางได้ เหมือนๆท่านที่พ้นไปแล้วทั้งหลาย...

    ปล.ยาวหน่อย ถ้าอ่านจบเข้าใจได้ จะเกิดประโยชน์ (^_^)
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    อยากกดไอค่อนอนุโมทนาพร้อมกับไอค่อนหัวเราะ ต้องทำยังไงคะ ><
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,306
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ตามนี้ได้เลยครับคุณ tommie เรื่องของการทําสมาธิ ก็ download พระอภิธรรม on line บทที่ 9 สมถกรรมฐาน 40 <<<< อันนี้ครับ มีทุกอย่างเกี่ยวกับการทําสมาธิแล้ว ส่วนถ้าอยากจะฝึกวิปัสสนาสู่การหลุดพ้นไปนิพพานด้วย ก็ download บทที่ 10 วิปัสสนากรรมฐาน แล้วนําไปปฏิบัติได้ครับ ขอให้โชคดีครับ อนุโมทนาครับ

    download หนังสือบทเรียนพระอภิธรรม on line 10 บท free ได้ที่นี่ครับ ( บทเรียนดีมาก ๆ เป็นแก่นหลักของธรรมะโดยตรง )

    [URL='http://palungjit.org/posts/9936375[/URL]
     
  4. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,009
    ค่าพลัง:
    +470
    ไปฟังเรื่องธรรมตัณหา ของพระครูเกษมธรรมทัต
    อ้อ ธรรมเป็นนามธรรม ทั้งๆที่ก็รู้นะแต่ไม่เห็น พอหลุดถึงรู้
    ที่ภาวนาปล่อยๆเนี่ย อุปาทานมันตามติด ฐิติ สติ ปัญญา ….
    มาพิจารณาอินทรีย์22 เท่านั้นหละ มันร่าเริง ที่ทำๆ มันเหมือนๆไปได้ เนี่ยจิตไม่ถึงฐาน
    คราวนี้ ไม่เหมือนๆ มันพิจารณาแบบน้ำไหลเลย แรกๆก็22 ไล่พิจารณาเข้าไป
    พรึบเดียว ไม่มีแล้ว22 มันจี้ดับลงวับๆ เหมือนกันไปหมด เป็นอะไรก็ไม่รู้หละ ดับลงวับๆๆต่อหน้าต่อตา มันทำงานอัตโนมัตเลย ตรงนี้ที่ฐานจิต
    ก่อนหน้านี้ รู้มันก็รู้นะ รู้ไปหมด สัพเพธรรมาอนัตตา แล้วคิดว่าถึงฐานด้วย
    พอมาพิจารณาแล้วโอ้ย โง่ซ้อนโง่ จิตไม่ถึงฐาน
     
  5. tommie

    tommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +25
    สอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับ

    ตอนนี้พยายามปฎิบัติทุกวันตามคำแนะนำต่างๆจากหลายๆท่านข้างต้นครับ ฝึกหายใจลึกๆ เท่าที่จะนึกได้ ระหว่างวันก็พยายามมีสติ รู้ตัวเท่าที่จะทำได้ ตอนเช้าตื่นมานั่งสมาธิประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วแต่โอกาส ตอนนี้พอเริ่มนั่งตามลมหายใจพุทโธ รู้สึกถึงลมเข้าออกที่ปลายจมูกไม่นาน เสียงรอบข้างจะเริ่มเงียบลง แต่ความรู้สึกดำดิ่งจะมีไม่มากเหมือนก่อนๆ แล้วก็หลุดออกมามีเสียงรอบข้างเหมือนเดิม แล้วพุทโธตามลมหายใจต่อ ถ้ามีเสียงอะไรแทรก หรือเผลอไปคิด ก็จะกำหนดรู้ว่าอาการเหล่านั้น แล้วก็กลับมาตามลมหายใจต่อ เสียงรอบข้างก็จะเงียบหาย เป็นช่วงๆ วนๆไป จนครบเวลา (ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ แต่ส่วนใหญ่จะรู้ตัวก่อนครบเวลาสัก 5 นาที 10 นาที) มีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ไม่แน่ใจว่าตอนที่เสียงรอบๆเงียบไปที่เราคิดว่าไม่นาน แต่จริงๆจะหลับไปหรือเปล่า แต่เป็นตอนเช้า ซึ่งนอนพักผ่อนมาเต็มที่แล้ว ก็ไม่น่าจะง่วงอะไร

    ตอนนี้ระหว่างวันเวลาอยู่เงียบๆ คนเดียว ลืมตา สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เวลาเผลอๆ บางทีก็มีอาการเสียงรอบข้างวูบดับลงเหมือนกันครับ แต่เป็นแป๊บเดียว ไม่เหมือนตอนนั่งหลับตา จึงอยากจะสอบถามว่า ที่ผมปฎิบัติมา ควรทำอย่างไรต่อถึงจะเข้าสมาธิได้ บางทีก็รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรก้าวหน้า เหมือนจะถอยหลังไปกว่าเดิม ประมาณเมื่อวานทำได้ เมื่อวานเหมือนจะก้าวหน้า วันนี้ทำไม่ได้ แต่ก็จะพยายามต่อไปครับ
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,973

    ความเห็นส่วนตัวของผมครับ

    ฐานลมตรงปลายจมูก จะทำให้เรามีสติสัมปชัญญะ ระลึกที่ฐานกายหยาบๆได้ง่าย ในชีวิตประจำวัน เพราะยังต้องใช้สติฯในการปฏิสัมพันธ์กับสังคมภายนอกอยู่

    ขออนุโมทนาในสิ่งที่คุณเล่า คุณทำได้ดีเลยครับ

    พอเวลาว่างจากสังคมภายนอก
    ถ้าต้องการความก้าวหน้าด้านการเจริญองค์ฌาณให้ได้นานและลึกขึ้น งับฟันบนและล่างให้แตะสนิท(ลิ้นจะแตะเพดานปากได้อัตโนมัติ ) อาจลองเลื่อนฐานลมที่กำหนดมาเป็นที่ในโพรงจมูก ในกลางกระโหลก เพดานปาก ปากช่องลำคอ(ใกล้ๆลิ้นไก่) กลางทรวงอก ลิ้นปี่ บริเวณกลางตัวในช่องท้องกลวง( ระดับเหนือสะดือสองนิ้วมือก็ได้ ) ลองไล่ดูที่ละฐาน นานแค่ไหนก็ลองเลือกทำตามอัธยาศัย แล้วมาเล่าระดับความลึก ความสงบ ที่ได้นะครับ

    แล้วสังเกตุด้วยว่า พอเสียงข้างนอกดับได้นานขึ้นหรือดื่มด่ำอารมณ์สมาธิได้ลึกขึ้น จะส่งผลอย่างไรกับสติสัมปชัญญะที่ต้องเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนไม่ได้นั่งดิ่งลึกในสมาธิ


    ส่วนความก้าวหน้าโดยองค์รวมที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ข้อสังเกตุคือ
    ความผ่องใสคล่องแคล่วของจิตใจที่จะสลัดนิวรณ์หรือกิเลสหยาบๆได้มากขึ้น


    สติปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรมจะว่องไวขึ้น ไม่เฉื่อย ไม่ข่มมอารมณ์รอเวลาระเบิด แต่จะเบรคอารมณ์ลบได้ไวและแน่นขึ้น แล้วไม่ติดในใจนาน

    ขอให้พบกับความสำเร็จทั้งโลกและธรรม อนุโมทนาสาธุ


    ปล. ท่านเน้นย้ำว่า การเจริญสมาธิฌาณ อย่ารีบเร่งใจร้อนที่จะมุ่งให้เข้าถึงฌาณลึกๆ
    ต้องค่อยๆเจริญสติสัมปชัญญะให้เท่าทันกิเลสแล้วสลัดมันออกให้ไว้ แล้วฌาณสมาธิจะเกิดอย่างไม่เป็นอันตราย ...สังเกตุให้ดีตรงที่ ขณะลมหายใจละเอียดสุดท้ายดับไป สติสัมปชัญญะเราตามทันชัดเจนหรือไม่ ถ้าไม่ทันจุดนี้ ให้ระวัง ..เพราะ ถ้าปล่อยให้เข้าถึงสภาวะที่ดับความรู้สึกทางกายไปดับทั้งหมด โดยไม่เท่าทันลมหายใจหยาบสุดท้ายดับ จะส่งผลให้ความสามารถของสติฯในการระลึกเรื่องราวต่างๆช้าลง มีความเบลอ เอื่อยเฉื่อย อันนี้ท่านเน้นมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2017
  7. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ที่ว่าวูบไปนั้นมีสติรู้ตัวมั้ยครับ
    ถ้าไม่มีสติรู้ตัวแสดงว่าเข้าสู่อสัญญีสัตตาภูมิ หรือ พรหมลูกฟักครับ
    จับอาการให้ดีครับหลังจากวูบแล้วไปต่อยังไง
    เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนจะกลับมามีเสียงแวดล้อม
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,973
    ตรงนี้ ที่ท่านผ่านมาเฉยๆได้สอบถามท่านเจ้าของกระทู้ เข้าตรงประเด็นที่ผมได้เน้นไว้ ตรง ปล. ขอรบกวนท่านเจ้าของกระทู้สังเกตุตรงนี้ด้วยครับ
     
  9. tommie

    tommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +25
    ตอนเสียงภายนอกดับ ตัวจะเบาๆชาๆ แต่ยังได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองเข้าออก และได้ยินเสียงหัวใจ เต้น ตึกๆๆ ชัดเจน ตาปิดอยู่มีแต่ความมืดไม่มีแสงมีสีอะไร ตอนอยู่ในอาการนั้นจะมีความอยากรอดูว่าจะเกิดอะไรต่อ แต่ทุกครั้งก็ไม่มีอะไรต่อครับ อยู่ในภวังค์นั้นไม่นานก็จะมีเสียงด้านนอกแทรกเข้ามาแล้วก็หลุดออกมา จะเป็นวนๆ แบบนี้สัก 2-3 ครั้งในการนั่งสมาธิแต่ละครั้งครับ เวลาอยากจะเข้าไปสู่อาการนั้นอีกจะทำไม่ได้ ต้องค่อยๆตามลมไปเรื่อยๆ นึกไว้ว่าไม่มาก็จะเลิกนั่ง บทอาการจะมา อยู่ๆก็มาเองครับ

    เรื่องการจับลม ตอนนี้รู้สึกได้ชัดที่ปลายจมูกนอกจากลมสัมผัสเข้าออกแล้ว รู้สึกถึงความร้อนเย็นของลมด้วย ส่วนในโพรงจมูก พอจะสัมผัสลมได้แต่ไม่ชัดเท่าที่ปลายจมูก พยายามตามรู้ลมลงมา ตามฐานต่างๆของทางเดินลม แต่มันไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ยิ่งฐานที่ท้องเหนือสะดือ 2 นิ้วนี่ไม่เคยรู้สึกเลย รู้สึกอย่างมากก็แค่ท้องมันพองออกมาครับ ไม่แน่ใจว่าต้องฝึกอย่างไร ถึงจะจับลมที่ฐานอื่นๆได้ครับ

    ตอนที่พิมพ์ตอบกระทู้นี้ บางจังหวะเสียงภายนอกก็แวบๆ เงียบลงครับ หลักเลิกนั่งสมาธิไม่ได้รู้สึกเบลออะไร ผลการใช้งานจริงยังไม่ค่อยชัดครับ พอจะสลัด อารมณ์ต่างๆได้เร็วขึ้นบ้าง แต่ไม่ถึงกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่หลังๆจะหันมาสนใจในอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวเรา มากว่าจะไปสนใจ คนหรือสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์นั้นครั้บ
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,973
    อนุโมทนาสาธุ น่าชื่นใจที่สุดตรงสองบรรทัดท้าย

    ทำบ่อยๆ เนืองๆ ค่อยๆเป็นไป อย่าเร่งเกิน อย่าอยากมากเกิน
    เสวยความสุขภายในทีละนิด กลายเป็นฉันทะในอิทธิบาทสี่ เป็นเหตุให้ความสงบใหญ่ค่อยๆเติบโต

    สามารถเพิ่มการพิจารณาในชีวิตประจำวันได้ ตามกระทู้ข้างล่างที่ลิ๊งค์มาให้นี้ครับ
    http://palungjit.org/threads/ฝึกอาร...สำหรับผู้มุ่งพระนิพพานในภพชาติอันใกล้.571013/
     
  11. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    964
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ประกอบเหตุได้ดีพอสมควรครับ
    เสียแต่ไปคาดหมายในผลมันเลยไม่เข้าที่เข้าทางครับ
    ไม่ว่าจะมืด เสียงจะเงียบ เสียงภายในปรากฏ อะไรก็ช่าง
    อย่าไปสนใจครับ
    ประกอบเหตุเท่านั้นครับ
    กำหนดรู้อยู่ที่ฐานเท่านั้นครับ
    เอาเท่านี้ก่อนครับ
    ถ้าละการคาดหมายได้รับรองมีมาถามต่อแน่ครับ
    ขอให้โชคดีครับ
     
  12. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ร่วมแสดงความเห็นนะครับ
    ส่วนตัว คิดว่า ภาวนาไปเจอเอา..กับดับ..ของกิเลสที่วางไว้

    ภาษานักภาวนาเรียก..อาการจิตหลับ..

    ต้องระวังครับ อย่าไปพอใจกับมันนะครับ..
    ถ้าเจ้าของ เกิดความพอใจกับอาการนี้..อันตราย..ต่อไปจะแก้ยาก...

    เราภาวนาเพื่อเรียนรู้กิเลสเจ้าของและรู้ทันมันนะครับ..จึงจะทำลายกิเลสได้..
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สิกขายท ที่จิตคุณกำลัง วิวัฏ พัฒนา ยังเปนอา
    การที่ทางปฏิบัติเรียดว่า โยคะกรรม หรือ โยคาวจร

    ทีนี้ จิตคุณก้พิจารณา ธรรมยิ่งกว่า มีอยู่แน่
    วิปัสสนามีอยู่แน่ หรือ สติปัฏฐาน4มีอยู่แน่

    ความมีอยู่แน่ จิตคุณฟังธรรมมามากพอ ที่จะ
    เหนได้ว่า อสังขาริกัง มีอยู่แน่ เปนของผู้มีปัญญาดี

    ไม่ใข่ของผู้มีปัญญาทราม ยังต้องอาสัยฟัง
    จากผู้อื่น

    ความมีอยู่แน่ ตรงนี้ เปนธรรมที่พ้นเจตนา หาก
    ยังมีอยากทำ หรือ ทำยังไงจึงถูก จะรู้อยู่แก่ใจว่า
    ล้มละลายทางการปฏิบัติทันที

    คราวที่แล้วแนะนำให้รู้จักสังโยชน์ วันนี้ก้ขอแนะนำอีก ให้สังเกต สีลลัพตปรามาส การ
    ดำริว่า ทำอย่างไรจึงถูก ที่มันกระซิบหลอก
    ให้หลุดจาก รัตนบัลลังก์ มาตรึกธรรม นั่นแหละ
    มันหลอก

    แต่ไม่ต้อง ถามซ้อน ว่า เอ้าแล้วทำยังไงจึงถูก

    สังโยชน์มันจะหัวเราะเอา

    รู้จัก รส หรือ อรรถ หรือ อาการจิต ที่เกิดขึ้น
    ตั้งอยู่ ดับไป ผู้เพียรปฏิบัติเท่านั้นที่เหน ก้รู้
    ไปซื่อๆ ดูสังโยชน์เจ้าของ อย่าไปดู กิเลสเจ้าของ ให้โง่
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ตรง วรรคแรก ที่กล่าวเรื่อง ภวังค์ อันนั้นเก่ง

    มันออก หรือหลุด จากภวังค์ ด้วย เหตุ ปัจจัย อะไร อันนั้นก้เก่ง

    ลม เปนธาตุ มีอาการ ไหว เคลื่อน ย้ายไป ย้ายมา

    ลม พวกมิจฉาทิฏฐิ จะบอกว่ามันนิ่ง อยู่ที่ตรงนั้นตรงนี้

    ให้เอา สันติ ยัดปากมัน

    ดังนั้น ตามพิจารณาธาตุลม จะได้อนิจจะสัญญา

    ให้สังเกต สภาพนึกได้ถึง อนิจจา แล้วไม่กอดรัด
    จมแช่ มีอาการปล่อยสิ่งที่กำลังรู้ เข้ามาเลย

    พอได้อนิจจสัญญา ที่ถูกฝา

    เราจะแนะนำต่อว่า เออแนะ ท่านผู้เจริญ

    จิตนั้นเปนธาตุ ดั่งวานร ท่านเหนหรือ?
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อาการ จิตวิวัฏ จิตยุติฐาน หรือ วุฏฐาน บาลี
    ใช้อะไร จำไม่ได้

    แต่อาการที่จิต ไม่ส่งิกนอก

    ใส่ใจ สดับธรรม ไม่เกินกายใจตน อันนั้นแหละ
    จิตพ้น การสดับจากผู้อื่น

    โสดาบัน จิตจะไม่เคลื่อนออกไปเลย จะมีขันธ์ห้า
    กระจัดกระจายอยู่(กระทบอยู่) แต่ไม่สำคัญ นอก/ใน

    เปนเพียง สังสารวัฏ ที่ทำงานครอยคลุมใจ สัตว์
    ผุ้ไร้ สิกขา เท่านั้น
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    กรณี เปน พระโพธิสัตว์

    ให้สังเกต อาการจำแนก เข้าไปจำแนก เข้าไปแยกแยะ เจตสิก ขณะจิต ขณะธรรม ที่เกิด

    ให้สังเกต ความพอใจ ไม่พอใจ

    กรณีบารมีกล้า ให้สังเกตความงั้นๆ ต่อ การแจ้ง
    อรรถ ต่อการบัญญัติ พยัญชนะ กำหนดหนทาง
    ปฏิปทาเข้าไปเหน

    ถ้าไม่กำหนด จะฉล่ดแบบโง่ดักดาน ไม่นานก้ แผ่สองสลึงคลึงไข่
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    กรณี เปนโพธสัตว์ ตอนแจ้งอรรถ บัญญัติพยัญชนะ

    หากจิตไม่ใส่ใจ ในคำของ ตถาคต

    ไม่เหน ปัญญานิรุติ มีแต่ ตถาคต เท่านั้นกล่าว
    ครอบคลุมไว้หมดแล้ว เอกบุรุษในโลกธาตุมี
    หนึ่งเท่านั้น ซ้อนกลางสมัยไม่ได้

    ถ้ายังมีแนว รู้เอง ก้ กบฏ และโดน บางอย่าง
    กระซิบหลอก ยุแยงอยู่

    ถ้ามีอาการแบบนี้ ให้ยก เจตสิกชื่อ สัททา มาวิจัย

    แต่อย่าไปพูดกับใคร ว่า วิจัยตัวนี้ อย่างงั้น อย่างงี้ จะโดนหลอก ด้วย มหาสีล

    สลัดคืนธรรม ไม่เหลือ ไม่เปน อย่ามา โม้ หรือ
    ดำริในใจ เปนโพธิสัตว์ หนา สันติ!!!!


    ปล. กำหนด สัททา แล้วน้อมไป มีประโยชน์กว่า
    จะนั่ง ภาวนา ให้มันหลอกใช้
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ไม่มีอะไรหรอกครับ ทำไปเรื่อยๆ
    ไม่ต้องไปสนใจ กิริยาใดๆทุกๆกรณี
    ถ้าเราลืมตาแล้วไม่เข้าใจมัน ให้เฉยๆไปและ
    สมาธิสะสมยังไม่พอที่จะข้ามจุดนี้
    กำลังสติทางธรรมยังไม่พอที่จะ
    ทำให้รักษาสภาวะนี้และข้ามไปได้
    เจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น อย่าลืมช่วงเอี้ยว
    นั่งหรือทำสมาธิระหว่างวันเพิ่มขึ้น
    ๓ ถึง ๔ นาทีก็ว่าไปเอาแค่สงบ
    ควรเดินจงกลมก่อนนั่ง...
    ถ้าอยากไปเร็ว ให้จำเอาไว้ว่า
    ขณะที่นั่งสมาธิ ไม่ว่าจะเกิดกิริยาอะไรก็ตาม
    ทาง กาย จิต หู จมูก ให้ช่างมันทุกๆกรณีครับ
    ไม่ว่าจะได้ยินอะไรให้ช่างมัน
    ไม่ว่าจะเห็นอะไร ที่ชอบ ไม่ชอบ ดีไม่หรือไม่ดี
    ให้ช่างมันไว้ก่อน
    ไม่ว่าจะคันหยุบๆยิบๆให้ช่างมัน
    แม้ว่านั่งไปจะเห็นตัวเองนั่งอยู่ได้ก็ให้ช่างมัน
    ให้นั่งจนกว่า จะแยกตัวจิตกับกายให้ขาดออก
    จากกันได้ชั่วคราวและที่สำคัญคือบังคับให้จิต
    มันนิ่งๆอยู่ในกายได้ด้วย**** ย้ำว่าจิตกับกาย
    แยกกันได้เด็ดก่อน และควบคุมจิตให้อยู่
    ในกายแบบนิ่งๆให้ได้ด้วยครับ ***
    แล้วค่อยมาเรื่องการเดินปัญญา
    แล้วค่อยมาดูว่าอยากจะฝึกกรรมฐานพิเศษอะไร
    ถ้าข้ามขั้นตอนพื้นฐานนี้
    ประกันได้ว่า แม้ไปทางปัญญาก็เป็นปัญญาทางโลก
    แม้ไปทางกรรมฐานพิเศษ แม้ว่าไม่มีความสามารถ
    ทำได้จริง พิสูจน์ได้จริง ก็มีสิทธิ์จะหลงตัวเองได้
    แถมผลที่ทำได้ไม่ดี ก็ยังอาจจะหลงตัวเองได้....

    เอาพื้นฐานให้มันดีๆก่อน ยากหน่อย
    ต้องเพียรบ้าง แต่อย่าไปคาด ไปหวัง
    ไปเปรียบ ไปเทียบ อะไร ทำไปเรื่อยๆ
    ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
    จะเป็นนักปฏิบัติที่ สำเร็จ พระโอษฐ์สญาน
    หรือจะเป็นนักปฏิบัติ ที่ผลเกิดกับตัวจิต
    และเอามาใช้งานได้จริงที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น
    และประโยชน์กับตัวเอง ให้คุณลองเลือกเส้นทางเอา..
    '' อะไรที่มันดูเหมือนง่ายๆ ต่อไปมันจะยาก
    เริ่มต้นที่ยากๆ ต่อไปอะไรๆมันจะง่าย''
    สมาธิขอให้กำลังใช้งานและกำลังเข้าถึงในระดับ
    เดียวกัน เราทำได้อย่างเดียว กรรมฐานกองอื่นๆ
    ที่กำลังสมาธิเท่าๆกัน กำลังใช้งานเท่าๆกัน
    เราก็จะทำได้เหมือนๆกัน โดยที่ไม่ต้องไปย้อน
    ฝึกให้ยุ่งยากเสียเวลาครับ
    ปล.ลองพิจารณาดูเด้อครับ(^_^)
     
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หวัดดีปีใหม่ ลูกพี่
    นี้ลูกศิษ ลูกพี่หรือ..

    มิน่า ลูกศิษ ถึงก้าวหน้า จิตดำมืดเลย...:)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017
  20. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    บันลุโสดาแล้วหรือ ยังเอาชนะนิวรณ์ไม่ได้เลย

    ไปโสดาแล้ว....:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...