อยากให้เวปนี้มีผู้รู้ มาตอบปัญหาให้ผู้เริ่มปฏิบัติในแต่ละด้าน

เป็นไปได้หรือไม่ ที่ท่านผู้รู้และทรงปัญญาในแต่ละด้านที่ท่านได้ฝึกและปฏิบัติอยู่

จะมาช่วยแนะนำสมาชิกใหม่ที่มีความสนใจ ใคร่ฝึกจริง แนะวิธีที่ดี และถูกต้อง เพื่อเป็นกุศลทาน และอาจช่วยให้ผู้ที่กำลังเคว้งคว้าง ไม่มั่นใจว่า จะเริ่มต้นที่ตรงไหน ได้เข้าใจตนเอง และความสามารถของตนเองได้มากขึ้น หรืออาจให้คำแนะนำ พระ หรือผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้ก็ได้ แล้วแต่ความกรุณาของท่าน

ดังตัวอย่างเช่น คุณณ_มณฑ์ (ขออนุญาตออกนาม ด้วยความเคารพ)ผู้ซึ่งเรามิเคยรู้จักกันเลย แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราเชื่อว่า เมื่อท่านยิ่งให้ ท่านก็จะยิ่งได้รับมากขึ้น เพราะการที่เราได้มีคนสงสัย มีคนถามปัญหามาเราก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา และมองภาพได้ละเอียดรอบคอบในทุกแง่มุมมากขึ้น ส่งเสริมให้ท่านที่ปฏิบัติดีแล้ว ยิ่งปฏิบัติได้ดี และเข้าใจยิ่งๆขึ้น


ด้วยความจริงใจ และเคารพทุกท่าน

 

ถ้ามีอย่างที่เจ้าขอกระทู้บอกคงจะดีเหมือนกันนะครับ แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะแต่ล่ะท่านต้องมีการปฏิบัติงานในชีวิตประจำวัน คงจะเหนื่อย ๆกันทั้งนั้น เข้ามาคุยเล่นมีสาระปนบ้าง คงพอไหว แต่ถ้าเข้ามาคอยตอบคำถาม คงต้องมีเวลา บวกความเมตตา บวกความอดทน จริง ๆ

 

อยากทำให้เวลาแต่ละวินาทีคุ้มค่า
ก็ต้องเดินอยู่บนทางที่ถูกต้อง คือ มรรค8
เวลาที่เสียไป จะได้เป็นการเร่งก้าวไปสู่พระนิพพาน
ส่วนใครจะวิ่ง จะเดิน จะคลานไป
ก็แล้วแต่กำลังใจ และ ปัญญา ของแต่ละคน


ถ้าเรายังไม่มั่นใจตัวเอง ว่าเรายืนอยุ่บนเส้นทางมรรค 8 หรือไม่?
ควรหาเวลาไปคบหาสมาคมกับบัณฑิต หรือ ผุ้รู้
ของแบบนี้ ถ้าขาดบุญเก่า ยากมากที่จะมาหาเราเอง
มีแต่เราต้องไปหาท่านเหล่านั้น...ถึงที่

เจอผู้รู้แนะนำแนวทางและที่ถูกต้อง
ก็เหมือนเรามีเข็มทิศในการเดินทางไกล
นำกลับมาปฏิบัติเองให้ก้าวหน้า
ตามแต่ปัจจัยจะอำนวย

พอเจอสิ่งที่ติดขัด ก็ไปถามหรือให้ท่านแก้ให้ใหม่
ไปพึ่งบารมีท่านผู้เจริญเหล่านั้น
ย่อมดีกว่า เอาเวลาไปคบคนพาล
หรืออยากจะลองผิด ลองถูกเอง ก็ตามใจ

วันคืนผ่านไป ถ้าประมาทในชีวิต
ก็จะพลาดจากแก่นสารในชีวิต

 

ทุกคำตอบมีในห้องของหลวงพ่อแล้วค่ะ ทำความเข้าใจตรงนั้นก่อนแล้วย้อนไปอ่านที่มีการแนะนำไว้เป็นเรื่องไปตามพระไปเลย คุณอ้อยก้อเล่าคล้อยตามนั้นและแทรกที่ตัวเองฝึกไปได้เข้าไว้ด้วย อย่าให้เธอมาเล่าแล้วเล่าอีกเลยค่ะ ช่วยตัวเองบ้าง ตอนคุณอ้อยฝึกใหม่ๆ เธอก้ออ่านตามที่หลวงพ่อ และที่ห้องคนเมืองบัวเขียนไว้และมีมิตรช่วยตรวจพลังการฝึก อันนี้ค่อยแวะมาคุยกันได้ Good luck Ka...

 

ตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกเวปพลังจิตนี้ ดิฉันเคยสนทนาธรรมในเวปบอร์ดพันทิป ห้องลึกลับ หว้ากอ กับเวปบอร์ดอื่นบางที่อยู่พอสมควร
ช่วงนั้น ดิฉันเคยตอบคำตอบและแนะนำเกี่ยวกับกรรมฐานแก่ผู้สนใจทางเมล์อยู่บ้างเช่นกัน
พบว่า...บางครั้งที่คำถามนั้นอยู่นอกประสบการณ์ของดิฉัน ดิฉันไปค้นคำตอบให้พวกเขา ดิฉันเองก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้น และพบข้อมูลอื่นๆ ที่มีค่ายิ่งพ่วงมาด้วย

ใจดิฉันอยากให้คนในโลกนี้ทำกรรมฐานกันมากๆ
เพราะไม่ได้เพียงแต่จะเป็นการดีกับผู้ปฏิบัติโดยตรงเท่านั้น หากจะดีต่อคนใกล้ชิดของผู้ปฏิบัติ ดีต่อสังคมด้วยทั้งทางตรงและทางอ้อม
มองง่ายๆ นะคะ เพียงหากว่า...คนเราถือศีล 5 (เป็นอย่างน้อย)กันทุกคน
โลกนี้จะเป็นโลกที่รื่นรมย์เพียงใด จะวิเศษขนาดไหนหากไร้การเบียดเบียนกันทางกาย ทางวาจา ดิฉันอยากเห็นโลกแบบนี้ แต่รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ในชั่วชีวิตของดิฉัน

สิ่งที่ดิฉันควรจะทำได้บ้างคือ...
การตอบแทนพระคุณของพระรัตนตรัยที่ชี้ทางสว่าง ตอบแทนโลกใบนี้ที่ให้อากาศหายใจ ให้อาหาร ให้โอกาสให้การบำเพ็ญฯ
ดิฉันลงมือตอบแทนด้วยการเกื้อกูลคนที่ดิฉันจะสามารถเกื้อกูลได้ตามอัตภาพ

โลกใบนี้ยังมีบุคคลที่เป็น"ผู้ให้" ในรูปแบบต่างๆ กันมากมาย (และหลายท่านเป็นผู้ให้ยิ่งกว่าดิฉันนัก)
ลองคิดดูนะคะ...ว่าถ้าทุกคนเป็นผู้ให้
เช่น คนมีแรงช่วยด้วยแรง คนมีทรัพย์ช่วยด้วยทรัพย์ คนมีข้อมูลช่วยด้วยข้อมูล และคนมีประสบการณ์ก็ถ่ายทอดประสบการณ์ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกันและกัน
โลกแบบนี้ แค่จินตนาการก็มีความสุขแล้วนะคะ
และหากเกิดขึ้นในโลกความจริง สวรรค์บนดินย่อมปรากฏ...

คุณคนเก่าท่านก็ตอบและแนะนำความรู้ทางธรรมมากมายแก่ผู้สนใจในห้องลึกลับ
พี่คนเมืองบัวก็เสียสละตนอย่างที่ดิฉันจินตนาการไม่ออกว่าท่านจะมีเวลาใดที่ให้ตนเองบ้าง
และยังมีอีกหลายๆ ท่าน หรืออย่างเวปมาสเตอร์พลังจิตนี้ ก็สละเวลาส่วนตัว ทุนทรัพย์ และเวลางานเพื่อผู้คนอีกมากมายอย่างที่ชาวเราก็เห็นกันอยู่แล้ว

ทุกท่านคงเคยได้ยินพุทธพจน์ที่ว่า "สุขใดเสมอด้วยความสงบนั้นไม่มี"
ซึ่งดิฉันเชื่อด้วยปฏิบัติแล้วในระดับหนึ่ง เห็นจริงว่าสุขทางธรรมนั้นปราณีตกว่าสุขใด
(อีกทั้งการแสวงธรรมนั้น เป็นการแสวงที่ไม่เบียดเบียนใครเลย มีแต่จะดีในทุกด้าน)
และความสุขเหล่านี้นี่เองที่ดิฉันอยากแบ่งปัน...

ทว่า ดิฉันเองยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสุขภาพ (เมื่อดิฉันน้อยนอนแล้วสุขภาพมักจะประท้วงทันทีค่ะ)
ใจที่ตนอยากให้นั้น จึงทำได้เท่าที่"อัตภาพ"อำนวยค่ะ
สิ่งที่ทำได้เสมอทุกเวลาก็คือ คอยอวยพร คอยเอาใจช่วยผู้ฝึกฝนตนอยู่ไกลๆ ค่ะ

นอกจากนี้ ดิฉันทราบดีว่าผู้ปฏิบัติท่านอื่น ก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลาเช่นกัน
เพราะการฝึกกรรมฐานนั้นต้องให้เวลาแก่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
และระหว่างที่ยังไม่บรรลุพระอนาคามีนั้น ก็ยากที่จะทนแรงปะทะได้ตลอดเวลา
อีกทั้งการปฏิบัติสมถะนั้นต้องเลี่ยงโอกาสที่จะทำให้ตนฟุ้งซ่านอีกด้วย
เนื่องจากจำเป็นจะต้องประคองใจให้สงบ จัดบรรยากาศให้ใจตนสงบเพื่อวางนิวรณ์ได้ง่ายๆ เมื่อเข้าสมถกรรมฐาน
หลายท่านจึงไม่อาจมาให้ธรรมทานได้ไม่เต็มที่เท่าที่ใจปรารถนาตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็หวังว่าที่นี่...เวปพลังจิต และที่อื่นๆ
จะมีบุคคลที่มีสัมมาทิฐิ และมีการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไหลหลั่งมาเกื้อกูลกันและกันอย่างไม่ขาดสายนะคะ

 

ขอบคุณในน้ำใจของคุณยายกายสิทธิ์อย่างยิ่งนะคะที่ห่วงใย Soulmate หลายภพ

ดิฉันก็อ่านคำสอนหลวงพ่อ แล้วปฏิบัติตาม
ที่เขียนไว้นั้นอาจแทรกเทคนิคที่พบจากประสบการณ์บ้างดังคุณยายบอก

แต่ทุกอย่างนั้น ดิฉันเดินตามพระพุทธองค์ เดินตามหลวงพ่อผู้สอนพวกเราไว้
หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านสอนตั้งแต่วิธีปฏิบัติขั้นต้นจนสู่การบรรลุธรรมขั้นสูงสุดเลยจริงๆ ค่ะ
หากผู้ใดตั้งตรงต่อสัมมาทิฐิ มีการปฏิบัติที่ถูกต้องตามคำสอนพระพุทธองค์ ย่อมเห็นผลการปฏิบัติกันทุกคนค่ะ

ดิฉันเองอาจจะตอบคำถามโดยตรงทั้งหน้าบอร์ดและหลังบอร์ดเท่าๆ เมื่อตุลา-พฤศจิกาปีก่อนไม่ได้แล้ว
เนื่องจากหลายวันของช่วงนั้น ดิฉันเขียนและตอบหลายๆ ทาง โดยหยุดการทำงาน และหยุดกิจกรรมเกือบทั้งหมดในชีวิตประจำวันตามปรกติไป
ซึ่งดิฉันกับคุณปาริสัชชาสามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้เพียงระยะหนึ่ง
เนื่องด้วยไม่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริงในด้านเวลา
หากดิฉันมีกำลังมากกว่านี้ คงทำได้ดีกว่านี้ค่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม การตั้งกระทู้คำถามในเวปบอร์ดโดยไม่ได้ระบุเจาะจงผู้ตอบ
เมื่อดิฉันมีโอกาส ดิฉันคงจะเข้ามาตอบเป็นระยะๆ ได้ค่ะ

ก่อนอื่น คืออยากให้ทุกคน อ่านคำสอนหลวงพ่อแล้วลงมือปฏิบัติธรรมตามคำสอนทันที
เมื่อติดขัดอะไรจริงๆ แล้วถามผู้รู้ ก็จะเกิดประโยชน์โดยตรง เกิดกุศลถ้วนทั่วแก่ทุกฝ่าย
บางท่านที่ถามตุนๆ ไว้ หรือถามเพื่อรู้ไปอย่างนั้น แต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริง
อย่างนี้น่าเสียดายไม่น้อยนะคะ

ดิฉันมองว่าการปฏิบัติจริงนั้นสำคัญที่สุด
การอ่านนั้น พึงอ่านเพื่อให้ทราบแนวทางที่ถูกแล้วลงมือ
แต่ไม่ควรอ่านเพื่อสะสม"สัญญา"ค่ะ หรืออ่านเพื่อแค่รู้
เพราะบางที บางท่านกลับจะติดสัญญาเมื่อลงมือปฏิบัติด้วยซ้ำ...ก็เป็นไปได้

อย่างไรเสีย สังคมทางธรรมยังมากน้ำใจตลอดมา
ดิฉันเชื่อว่า คนใจดี ปฏิบัติตรง อีกไม่น้อยจะเข้ามาเกื้อกูลธรรมในเวปบอร์ดแห่งนี้และแห่งอื่นๆ เสมอทั้งในปัจจุบันและในอนาคตค่ะ

 

เห็นตรงกันกับคุณพี่ณฐมนท์ค่ะ

 

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบ และเรียนชี้แจง

HTML:

 
โลกใบนี้ยังมีบุคคลที่เป็น"ผู้ให้" ในรูปแบบต่างๆ กันมากมาย (และหลายท่านเป็นผู้ให้ยิ่งกว่าดิฉันนัก)
ลองคิดดูนะคะ...ว่าถ้าทุกคนเป็นผู้ให้ 
เช่น คนมีแรงช่วยด้วยแรง คนมีทรัพย์ช่วยด้วยทรัพย์ คนมีข้อมูลช่วยด้วยข้อมูล และคนมีประสบการณ์ก็ถ่ายทอดประสบการณ์ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกันและกัน
โลกแบบนี้ แค่จินตนาการก็มีความสุขแล้วนะคะ
และหากเกิดขึ้นในโลกความจริง สวรรค์บนดินย่อมปรากฏ...

ข้อความโดนใจที่ซู้ดดดด

ความจริงขออนุญาตยกตัวอย่างคุณ ณ_มณฑ์ แต่ทราบว่ามีหลายท่านที่เข้ามาช่วยตอบกระทู้ และเสียสละเวลาอันมีค่ากันมากมาย และเพียรให้ความรู้ ความเข้าใจแก่บุคคลทั่วไป พอดีไปอ่านเจอข้อความและเห็นความตั้งใจจริงในกระทู้ ของคุณ เลยขอหยิบยกมาเป็นประเด็น ต้องขออภัยทุกท่านที่ไมได้กล่าวอ้างถึง

 

เราหลายๆ คนต่างอยากเห็นสังคมที่อบอุ่น ร่มเย็น และดีงามเหมือนๆ กัน
ขอบคุณค่ะ ที่ให้เกียรติมดงานตัวเล็กๆ คนนี้เช่นนั้น....

เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นนะคะ

 

..ผมยังต้องได้รับการฝึกอีกมากครับ

*** ... แต่ควรศึกษาจากหนังสือหลวงพ่อไว้เป็นแนวทาง ท่านบอกหมดทุกอย่างจริงๆ ไม่มีปิดเลย เรื่องลึกลับก็บอกจนหมด... แถม ฮากลิ้ง

 

ขอถามทุกท่านว่า ...เราจะตั้งข้อสังเกตได้หรือไม่ว่า จิต หรือ จริตของเรา
เหมาะสมกับการฝึกแบบใด เพื่อให้เกิดผลเร็ว หรือต้องลองทำทุกรูปแบบ
แล้วมาสรุปด้วยตนเอง

ขอบคุณทุกท่าน ล่วงหน้า

 

ทดสอบ ทดสอบ ทดสอบ อิอิ

 

เมื่อเกือบปีมาแล้ว ช่วงนั้นสวดมนต์และนั่งสมาธิค่อนข้างบ่อยกำหนดคำ พุทโธ
มีอยู่วันหนึ่งความรู้สึกมันนิ่งและสงบมาก<O ลมหายใจก็แทบไม่รู้สึก คำภาวนาก็เหมือนหายไปแต่จิตมีสมาธิมาก ไม่ได้หลับด้วย <O

สักพักก็เห็นแสง กลมๆ สีขาวสว่างผุดขึ้นมาอยู่ห่าง<Oหน้าตัก เล็กน้อย แล้วก็มีแสงสว่างพุ่งออกจากวงกลมสีขาวนั้นเป็นรัศมี<O สีขาวรอบทิศทาง จนกระทั่งรัศมีนั้นกระจายแผ่ขึ้นคลุมศรีษะ แล้วก็ไล่ลงมา<O เป็นลำดับ จนกระทั่งถึงหน้าตัก ความรู้สึก ก็คือ เมื่อรัศมีนั้นกระทบไล่ไปจนสุดหน้าตักแล้ว ก็จะอิ่มเอิบและมีความสุขอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน (ขอย้ำว่าการไล่ของ<Oรัศมีแปลกมากเพราะไล่ลงแบบศรีษะจรดเท้า ไม่มีตรงไหนไม่โดนกระแส<O ของรัศมีเลยจริงๆ )<O

หลังจาก ความอิ่มเอิบ ปิติ ดำรงอยู่ชั่วครู่ ความตกใจ และเริ่มหวาดกลัวเข้ามาแทน<Oแม้จะพยายามตั้งสติใหม่ก็ เริ่มภาวนาใหม่ แต่จิตก็ไม่สงบเสียแล้ว เลยออกจากสมาธิ หลังจากนั้นก็ไม่กล้านั่งสมาธิอีกเลย จนกระทั่ง เข้ามาเวปนี้ เลยลองเริ่มต้นใหม่<O></O>

แต่ความสงบและ ความนิ่งไม่ค่อยดี จะดีก็เพียงแต่ การภาวนา และลมหายใจ จะรู้สึก<O หายไปเร็วมาก แต่สักพักก็จะโดนความฟุ้งซ่านเข้ามารบกวน ทุกที ทำให้นั่งได้ไม่เคยเกิน ครึ่งชั่วโมงเลย
<O
อยากขอความเห็นเพิ่มเติม และคำแนะนำ ที่จะช่วยให้มีความเข้าใจในการนั่งสมาธิ<Oของตัวเองมากขึ้น<O></O>> </O>

""""""ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบล่วงหน้า"""""""<O
<O> </O>

 

ธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ครับ

จริง แต่ไม่จริง
ผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมาธิภาวนา
เมื่อปรากฏผลออกมาในแบบต่าง ๆ ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดา
เช่น เห็นนิมิตในรูปแบบที่ไม่ตรงกันบ้าง
ปรากฏในอวัยวะร่างกายของตนเองบ้าง
ส่วนมากมากราบเรียนหลวงปู่เพื่อให้ช่วยแก้ไข
หรือแนะนำอุบายปฏิบัติต่อไปอีก มีจำนวนมากที่ถามว่า
ภาวนาแล้วก็เห็น นรก สวรรค์ วิมาน เทวดา
หรือไม่ก็เป็นองค์พระพุทธรูปปรากฏอยู่ในตัวเรา
สิ่งที่เห็นเหล่านี้เป็นจริงหรือ?

หลวงปู่ก็บอกว่า

 

ขยมคนสุริทร์คนหนึ่ง กราบนมัสการและน้อมนำธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ มาส่องทางเสมอค่ะ

Anumothana

 

ฮัลโหลๆๆ คุณ devilbitch อยู่สุรินทร์ หรือ อำเภออื่น แล้วได้ข่าวว่ามีหลวงพ่อ
แถวสุรินทร์ที่ปฏิบัติดี ชื่ออะไรน๊า จำมะด้ายยย

มีไร..ช่วยแนะนำด้วยดิ

 

ข้อความข้างบนของคุณต้นตะขบดีค่ะ แต่วิธีจะเข้าใจภาษาแบบนี้ ก็เป็นเรื่องยากว่า
หมายความว่ายังไง เช่น บอกว่า พุทธจริต ให้แก้ด้วยการเจริญ มรณานุสสติ
อุปสมานุสสติอาหาเรปฏิกูลสัญญา จตุธาตุววัฏฐาน ๔
ในความคิดส่วนตัวของดิฉันแล้วผู้เขียนที่อยากให้ผู้คนได้ปฏิบัติตาม
น่าจะเขียนในเชิงที่แปลความหมายออกมาให้ด้วยนะถึงจะดี เพราะ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจภาษาแบบนี้ แต่หากควรจะเข้าใจ และเน้นผู้รับรู้ด้วย
และควรจะเป็นการบอกให้ผู้รับเข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้ง่ายเลย ไม่ต้อง
ไปนั่งค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก แต่คนที่จะสื่อให้ผู้รับเข้าใจง่าย ก็ต้องอาศัย
การปฏิบัติด้วยตัวเองจริงๆ จึงจะสามารถถ่ายทอดเป็นภาษาร่วมสมัย เข้าใจง่าย
แล้วก็บอกว่านี่เป็นสิ่งที่ตนได้ปฏิบัติ และผลเป็นอย่างไร น่าจะเกิดผลดีที่สุด

 

และอยากทราบวิธีการใช้ว่าจะใช้ เมื่อไหร่ คือไม่เข้าใจว่าให้นำมาแทน อานาปานสติเลย หรือพอถึงช่วงหนึ่งแล้วค่อยเข้า กรรมฐานตัวที่ถูกจริตกับเราที่สุด ถ้าสมมติเราไม่แน่ใจว่าตัวไหนที่จะมาแก้ไขได้ ให้ลองทำ อรูป ๔ ภูตกสิณ ๔ อาโปกสิณ ๑และอากาศกสิณ ๑ ซึ่งเหมาะกับทุกคน ใช่หรือไม่ค่ะ

HTML:

 
 ถึงแม้ว่าจะให้กรรมฐานกลางได้แต่ไม่เข้าใจแก้อารมณืของใจตามอำนาจจริตแล้ว ก็อย่าไปเรียนเลยเสียเวลาเปล่าต่อให้เรียนอยู่ด้วยสักหมื่นชาติก็จะไม่ได้ดีอะไร นอกจากเสียเวลาเปล่าดีไม่ดีจะพาให้เป็นมิจฉาทิฏฐิเลยลงนรก

ข้อความที่กล่าวมา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอำนาจจริตขนาดนั้นเลยหรือค่ะ
เพราะจริงๆ เราอ่านมายังไม่มีตัวไหนที่มั่นใจว่าถูกจริตเราจริงๆ หรือเป็นเพราะเข้าข้างตัวเองมากไป หรือ ไม่มั่นใจว่าใช่รึเปล่า เพราะบางอันน่าจะใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เลยเลือกไม่ถูก (one-eye)

 

คุณดาวประกาย
ไม่ทราบว่าหนังสือหลวงปู่ฝากไว้ พอซื้อหาได้ที่ไหนบ้างครับ
ผมซาบซึ้งในธรรมของหลวงปู่มาก นับตั้งแต่ได้อ่าน อริยสัจแห่งจิต

 

คุณ R2D2...
ดิฉันไม่ทราบแหล่งที่ขายหนังสือค่ะ แต่อยากแนะนำให้
ลองserch ใน google หัวข้อ *หลวงปู่ดูลย์ อตุโล* ค่ะ
มีอะไรน่าสนใจเยอะดี เผื่อจะตรงใจคุณ ไม่มากก็น้อยค่ะ

ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นค่ะ