อยู่อย่างเบิกบานด้วยตนเอง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 มกราคม 2019.

  1. นรกส่งกุมาเกิด

    นรกส่งกุมาเกิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อความนี้ โดนเลยยย
     
  2. นรกส่งกุมาเกิด

    นรกส่งกุมาเกิด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2019
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ชื่อกระทู้ อยุู่อย่างเบิกบานด้วยตนเอง ก่อนที่มันจะเบิกบานนั้น มันเบิกบานด้วยตัวมันเอง รึมันเบิกบานจากสิ่งภายนอกที่ทำให้มันรู้แจ้งแท้งตลอดจากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง แล้วทำให้มันอยู่อย่างเบิกบาน ไม่ต้องมานั่งอมกำความทุกข์ ไม่ยอมคายยอมปล่อยทิ้ง...
     
  3. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +920
    ความจริงทำตามนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ นั่นคือ"การแกล้งโง่" อะนะ ตัวผมเองก็เคยลองทำมาแล้ว และบางครั้งบางอย่างก็เกือบจะทำเป็นนิสัย เลยก็ว่าได้อะนะครับ


    https://www.newsbanbanonline.com/?p...gPNca30efU_vajVTpweuSijCpk28zK2Th5pw0BrzTR9dY
     
  4. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    หลังจากปฏิบัติ 100 เปอร์เซ็น ทั่วกาย และฝึกเพิ่มลดตามที่ท่านกล่าวพอเข้าใจประโยคนี้ละครับ
    ขั้นตอนการหยุดพูดโดยตัวของมันเองผมลองสังเกตุมา 3 วัน เมื่อมีสติ+สัมปะชัญญะ 100 เปอร์เซ็นทั้งตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ต้องทำต่อเนื่องเป็นเวลานานพอสมควร กายเวทนาจะมีอาการดับ(หายไปเลย) ล้า หมดแรง เร่งไม่ออกบ่อยมากๆ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรีดให้สัมปะชัญญะออกมาให้ได้
    ผมขอสรุปตามความเข้าใจของผมนะครับ
    เมื่อเราขยายตัวดู กลายเป็นตัวกูซึ่งรู้สึกถึงตัวกูทั่วทั้งตัว 100 เปอร์เซ็นแล้ว ตัวกูก็จะกลายเป็นตัวกูจริงๆไม่ใช่ตัวดูอีกต่อไปครับ พอมันกลายเป็นกูไปแล้วทั้งตัวมันก็ไม่สามารถไปดูที่อื่นได้ ตัวพูดมากไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะไม่มีตัวไปดูให้มันอธิบายอีกต่อไปแล้วครับ
    ขอท่านธรรม-ชาติตรวจทานด้วยครับ ผมก็จะพยายามฝึกสติ-สัมปะชัญญะต่อไปเรื่อยๆครับอยากจะรู้ว่าจะไปสุดที่ไหนครับ
     
  5. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ทุกครั้งที่ผมนอนอาการที่กล่าวต่อไปนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้วซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับอาการที่ตัวพูดมาก พูดน้อยลงมากๆครับ แทบไม่พูดเลย (จะพยายามอธิบายในภาษาที่ได้เรียนรู้มาจากท่านธรรม-ชาตินะครับ)
    เริ่มนอนจะเหลือแต่รู้ ร่างกายปล่อยทิ้งทุกอย่างสภาวะคือเสมือนคนตาย หลังจากนั้นสัมปะชัญญะจะเริ่มหนาแน่น มากขึ้นเรื่อยๆจนเต็มไปทั้งตัว พอมันเริ่มเต็มมาที่บริเวณส่วนหน้าผากซึ่งจะมีก้อนกลมๆขวางทางอยู่ (ซึ่งก้อนนี้น่าจะเป็นก้อนพูดมาก เพราะ ตัวดูจะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน) มันจะติดไปต่อไม่ได้เ ราก็รู้ปล่อยให้แช่อยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆพลังงานในกายก็จะหนาแน่นมากขึ้น(กายหยาบก็จะหายใจเข้าลึกและยาวมาก) ดันจนก้อนกลมๆที่บริเวณหน้าผากมันรั่วออกมีเสียงปุ ด้วยครับ หลังจากนั้นรู้สึกมีพลังงานไหลมาจากก้อนนั้น ออกมาทางจมูกปาก ก้อนกลมๆที่หน้าผากก็จะดูเบาบางลงครับ อาการนี้เป็นมาหลายครั้งจนไม่สามารถนับได้ครับ
    อาการสัมปะชัญญะที่เกิดขึ้นเองนี้ ในบางคืนที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมามันก็ยังหนาแน่นเต็มตัวอยู่ครับ
    และสัมปะชัญญะที่เกิดขึ้นเองนี้มีพลังงานมากกว่าหนาแน่นกว่า สัมปะชัญญะที่เราสร้างขึ้นครับ
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถือว่า "มีความเพียร พอตัว" ทีเดียว
    +++ อาการ "หยุดพูด" ตรงนี้ เป็นอาการแบบเดียวกันกับ ที่เรียกว่า "ทิ้งลมหายใจ ทิ้งพุทโธ ใน อัปปนาสมาธิ"
    +++ จริง ๆ ก็คือ "มโนสังขาร + วจีสังขาร" สงบลงตัวใน อัปปนาสมาธิ ส่วนคำว่า "กาย" ใน อัปปนา นั้น "ไม่ใช่กายเนื้อ"
    +++ รู้ได้ด้วย "ตนเอง" ว่า สติ/สัมปชัญญะ ชัดเจน/เข้มข้น/คมชัด กว่ายามปกติ หลายเท่า เริ่มเป็น "มหาสติ" บ้างแล้ว
    +++ ตรงนี้ "การระบุภาษา ที่ตรงกับอาการ" ที่ตรงเป๊ะ 100 % ยังไม่ได้ อย่านึกว่าไม่สำคัญก็แล้วกัน

    +++ ตรงคำว่า "กายเวทนาจะมีอาการดับ(หายไปเลย) ล้า หมดแรง" ตรงนี้ "ระบุอาการ ไม่ถูกต้อง"

    +++ กายเวทนา "ไม่มีวันดับ แม้อยู่ในชั้น อรูป" แต่ "เนื้อ" ของมันแปรสภาพเปลี่ยน ไป/มา ได้ตลอด
    +++ กายเวทนา "ไม่มีวัน ล้า หมดแรง" แต่ "เนื้อ" ของมัน มีอิทธิพลต่อ "กายเนื้อ ทำให้ กายเนื้อ ล้า หมดแรง" ได้
    +++ ตัวกู/ตัวดู เป็น "ตัวเดียวกัน" เพียงแค่ สถานะหนึ่งก็เรียกอย่างหนึ่ง ให้ตรงตามอาการของมัน เท่านั้น
    +++ ภาษาที่ตรงตามอาการจริง ๆ คือ "กายเวทนา หดตัว กลายเป็น ตัวดู" "ตัวดู ขยายตัวเป็น กายเวทนา"
    +++ ทั้ง 2 อาการ (แต่เป็นตัวเดียวกัน) ล้วนเป็น "ตัวกู/ของกู" ทั้งสิ้น เพียงแค่ "ลักษณะ/อาการ ของมัน ต่างกัน เท่านั้น"
    +++ เมื่อ "เป็น/อยู่" กับ ตัวกู ชนิดเต็ม ๆ เมื่อไร เมื่อนั้น มันเป็น "อัปปนาสมาธิ ทันที"
    +++ ดังนั้น "จิต ไม่ ส่งออก" จึงเป็นเรื่อง ปกติ ของ "สมถะ ฌานสมาบัติ"
    +++ อาการของ "สมถะ" ที่แท้จริง คือ "ตรงนี้" เท่านั้น นอกนั้น "ไม่มี สมถะ" เข้าใจนะ
    +++ ตรงนี้ "ให้ยกไว้ก่อน" ตัวพูดมาก "สามารถทำงานได้ แม้ใน อรูป"
    +++ รวมทั้ง "ตัวดู" เกิด/ดับ ได้ในชั้น "อรูป" เมื่อปฏิบัติถึง จะรู้เอง
    +++ "สติ-สัมปะชัญญะ" ที่ฝึกนี้ เป็น "โภชฌงค์ 7" ที่เป็น "สัมมาสมาธิ ใน มรรค 8" ของ "โพธิปักขิยะธรรม 37 ประการ"
    +++ ดังนั้น คำตอบ ณ ขณะนี้ คือ "สุดที่ โพธิปักขิยะธรรม" นะครับ
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้แหละ ที่ภาษาของการปฏิบัติทั่วไป เรียกว่า "จิต เริ่ม สงบ" เริ่ม ไม่ฟุ้งซ่าน/ไม่ส่งออก
    +++ เป็นอาการของ "วจี+มโน" เริ่ม สงบลงตัว จะเรียกว่า "ตัวพูดมาก เริ่ม สงบตัวลง" ก็ได้
    +++ ถูกแล้ว เมื่อ "สัมปชัญญะ รวมตัวมาเป็น กลุ่มก้อนของ กายเวทนา" แล้ว "รู้ แยกชั้นออกมา"
    +++ เป็น "รู้/ตื่น อยู่ส่วนหนึ่ง หลับ/กายเวทนา อยู่อีกส่วนหนึ่ง" เมื่อไร เมื่อนั้น "การแยกขันธ์ ในชั้นเบื้องต้น" ก็ถือว่า "ผ่าน"
    +++ และตรงนี้ จะเป็น "บันทัดฐาน" ในชั้นที่ สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง คือ "ฌาน อยู่ส่วนหนึ่ง สติ อยู่อีกส่วนหนึ่ง"
    +++ จนกว่าจะ "รู้แจ้ง" ในขันธ์ทั้งหมด และ พ้น จากขันธ์ทั้งหมด เหลือแต่ "สติบริสุทธิ์" เท่านั้น ตอนนี้ "ให้ยกไว้ก่อน"
    +++ ไอ้เจ้า "ก้อนกลมๆขวางทางอยู่" นั้น คือ "ผลลัพธ์ จาก การเพ่ง" เป็นอาการ "เพ่งที่ไหน ก็ รู้สึกที่นั่น"
    +++ ตัวนี้ "ไม่ใช่ ตัวพูดมาก" แต่มันเป็น "เงา ของ ตัวดู" ตรงบริเวณนี้เป็น "นาม" ไม่ใช่ "รูป" ต่อไปจะ รู้ได้เอง
    +++ การที่รู้ว่า "ตัวดู อยู่ลึกเข้าไป" นั้น ถือว่า "ฝึกได้อย่างถูกต้อง และ ละเอียดดีพอตัว"

    +++ ณ การฝึกในบริเวณนี้ ให้ถือว่า "เมื่อ ตัวดู ดู ความรู้สึก" ณ ยามนั้นถือว่า มันกำลัง "กำหนดภูมิ"
    +++ ณ การฝึกในบริเวณนี้ ให้ถือว่า "เมื่อ ตัวดู ดู ตัวพูดมาก" ณ ยามนั้นถือว่า มันกำลัง "กำหนดภพ"

    +++ ให้เรียนรู้ ณ บริเวณนี้ว่า "ภพเป็นรูป ส่วน ภูมิเป็นนาม"
    +++ ยามใดที่ "ตัวดู" พุ่งเข้าไปในนี้ เมื่อไรก็เมื่อนั้น เป็นการ "จุติ" ทันที
    +++ ณ ช่วงนี้ ให้เข้าใจไว้ก่อนว่า "ตัวดู นั่นแหละที่ กำหนด ภพ/ภูมิ ที่มันจะ ไปเกิด" เท่านั้นพอ
    +++ ต่อไป "เมื่อละเอียดกว่านี้" มันจะ "ทิ้ง" ทั้งลมหายใจและกายหยาบ ทั้งหมด
    +++ การฝึก จะอยู่ในระดับ "ไร้กาย" แม้ตายไป ก็ยัง ฝึกต่อได้ โดย ไม่สน กาย อีกต่อไป
    +++ ตรงนี้ยังเป็น "เงา" ของมัน ยังไม่ใช่ ตัวมัน
    +++ ให้ "รู้ ที่ ตัวดู ที่อยู่ลึกเข้าไป" จนกว่า "ตัวดู ถูกรู้"
    +++ แล้ว "ตัวดู" โดนดันหลุดออกไป พ้นขอบเขตของ "กาย+หน้าผาก"
    +++ จนมัน ไปลอยอยู่ใน "ความว่าง" ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อกันและกัน
    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "เงา" ที่สะท้อนออกมาจาก "แหล่งรากเหง้า คือ ตัวดู"
    +++ ต่อไปให้ "รู้ที่ตัวดู" ก็จะเห็น อาการ "แปรสภาพ" ของสภาวะ "พลังงาน" ได้เอง
    +++ สัมปชัญญะ ที่สร้างขึ้น จะ "เข้มข้น" กว่าเสมอ
    +++ อาการที่เกิดตรงนี้ เป็นเพียงแค่ "สัมปชัญญะ ที่เริ่มเป็น นิสัย (นิสัยยะปัจจัยโย)" เท่านั้น
    +++ มันเป็นอาการที่ "สัมปชัญญะ เริ่มแทรกซึมลงไปได้ในระดับ ภวังค์/จิตใต้สำนึก"
    +++ จนกว่าจะ "ควบคุมได้ แม้ในสภาวะ จิตใต้สำนึก" ตรงนี้ได้
    +++ ก็จะ รู้ ได้เองว่า อาการ "เป็น/ตาย" ไม่กำหนด เป็นอย่างไร
    +++ ให้ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะทราบได้ ด้วยตนเอง นะครับ
     
  8. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณท่านธรรม-ชาติที่ช่วยตรวจทานครับ
    เข้าใจละครับทำไมถึงเรียกสมถะ วันนี้ไปดูหลานแสดงโชว์บนเวที พอกำหนดสัมปะชัญญะ ก็สงบเลย บางครั้งก็ต้องปล่อยเหลือแต่รู้ครับผม
    ก็ยังต้องพัฒนาต่อไปครับผม
     
  9. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ครับผม
    จะพยายามสังเกตุและแยกให้ละเอียดกว่านี้ครับ
    ตรงจุดนี้ที่เป็นเงาผมสัมผัสมันได้ชัดเจน แต่ตัวดูซึ่งผมสัมผัสได้บางๆว่ามันอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีก อยู่ในสุดของทางที่เป็นกรวยรูปก้นหอย (เงาอาจจะคล้ายฝาหอยขม)คงต้องพยายามเพิ่มอีกละครับค่อยๆขยับไป แล้วไม่ทราบว่าหลังจากที่เอาสติไปรู้ตัวดูแล้วผมยังต้องสร้างสัมปะชัญญะตรงจุดนั้นด้วยหรือเปล่าครับ
    ขอบคุณท่านธรรม-ชาติมากครับในทุกๆคำตอบ แสดงว่าผมมาถูกทางแล้วลุยต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2019
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เออ... นี่แหละ "ใช้ได้" ไปได้เร็วพอสมควร
    +++ ตรง "ตัวดูอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีก อยู่ในสุดของทางที่เป็นกรวยรูปก้นหอย" นั้น "ถูกต้อง และ ใช้ภาษาพอได้"

    +++ ให้ "รู้" ในบริเวณนี้ให้ดี ๆ ว่า "กรวยก้นหอย" นั้น
    +++ มันเป็นอาการของ "ตา ของวังน้ำวน หรือ ตา ของพายุ" แบบเดียวกัน หรือไม่
    +++ และ "ต่อไปให้ รู้" ให้ดี ๆ ว่า "มันมี แรงดึงดูด ด้วยหรือไม่"

    +++ หาก "มี" ให้ทำ "แรงดึงดูด ถูกรู้ ส่วนเรา รู้อยู่"
    +++ จะเรียกว่า "อยู่กับรู้ ไม่อยู่กับ แรงดึงดูด" ก็ได้
    +++ เมื่อ "ทำ" ได้แล้ว ก็ให้ "ทำสลับ" กับการ "ไหลไปกับแรงดึงดูด"
    +++ จนกว่า จะบังคับ "การไหล" ให้ ช้า/เร็ว ได้ดังปรารถนา (ถ้าทำได้ จะ "ไขปริศนา" อะไรต่ออะไรได้ นานับประการ)
    +++ ณ การฝึกเฉพาะในขณะนี้ "ยัง" ไม่ต้องเพิ่ม สัมปชัญญะ
    +++ ให้ "ไหล" ไปมา "เล่น กับแรงดึงดูด" โดยใช้ "รู้ VS อิทธิพลของแรงดึงดูด"
    +++ โดยใช้หลัก "อิทธิพลเพิ่ม/รู้ลด อิทธิพลลด/รู้เพิ่ม" สลับกันไปมา
    +++ จนกว่าจะ "ควบคุม การไหล (เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการ บังคับ/เพิก/พ้น/ถอน อุปปาทาน ในระดับละเอียดในอนาคต) ได้"
    +++ OK ครับ
     
  11. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    ขอบคุณครับผมจะพยายามต่อไปครับ ดีจังเลยผมนึกว่าผมคงเพ้อไปคนเดียวซะแล้วโชคดีที่ผมเล่าให้ท่านฟัง ไม่ได้เก็บไว้ จะสังเกตุให้มากขึ้นและถ้ามีเรื่องราวเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบครับ ผมว่าขั้นตอนนี้อาจจะช้าหน่อยต้องค่อยๆทำครับ
    (ส่วนที่เป็นเงาจะแสดงความรู้สึกชัด จนบางครั้งบังตัวดูด้านในจนสัมผัสไม่ได้เลยครับ แต่ทุกครั้งที่ผมทำสัมปะชัญญะเต็มตัว100 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่เป็นเงาก็จะถูกดันให้เข้าไปลึกเรื่้อยๆครับ จนใกล้จะถึงจุดที่เป็นตัวจริงละครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2019
  12. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "ไม่ใช่"
    +++ "เงา" คือ ความรู้สึก ที่ตัวดูมันเพ่ง เพ่งที่ไหน ก็ รู้สึกที่นั่น
    +++ "เงา" ไม่ใช่ตัวดู และ ไม่สามารถรวมตัว กับตัวดูได้
    +++ "เงา" จะปรากฏชัดที่สุด โดยการเพ่ง "หน้าผาก"

    +++ อาการเป็น "ดวงหน่วง ๆ" หรือเป็น "ก้อนกลม ๆ" บริเวณหน้าผาก
    +++ ตรงนี้แหละ เกิดจาก "การเพ่งของตัวดู" ทำให้เข้าใจผิดไปต่าง ๆ
    +++ บางคนเรียก "เงา" ตรงนี้ว่า "ตาที่สาม" ก็มี "อารมณ์กสิณ" ก็มี
    +++ แล้วแต่จะ ตั้งคำศัพท์ กันขึ้นมาเพื่อสะดวกในการเรียก

    +++ อย่า "ดันเงา" ไปหาตัวดู นั่น "ไม่ใช่" วิธีที่ถูกต้อง

    +++ วิธีในการ "ใช้เงา ล่อตัวดู" มีง่าย ๆ ดังนี้
    1. ทำความรู้สึกทั้งตัว แค่ กาย50 ก็ได้
    2. จับพิรุทที่บริเวณ ใจกลางกะโหลกศีรษะ
    3. ใช้การ "ดูที่ไหน รู้สึกที่นั่น" กวาดการ "ดู" ไปข้างในตัวรอบ ๆ
    4. ความรู้สึก "เงา" จะเกิดไปยัง แขน/ขา ต่าง ๆ ตามการ "ดู"

    5. จะ "รู้" ได้ว่า ตัวอาการดู ที่แท้จริง มันอยู่ที่ "ใจกลางหัว" อยู่ดี
    6. มันดูที่ไหน มันก็ส่งกระแสดูไปที่นั่น แล้วก็รู้สึกที่นั่น (เงา)
    7. แต่ "ตัวดู" มันยังอยู่ที่เดิม หมุนไป/มา ส่งกระแสดู ไปเรื่อย ๆ
    8. ให้จับที่ "การหมุนของตัวดู" เท่านั้น อย่าไปจับ "เงา" มันเสียเวลา

    +++ หลังจากที่ "รู้จัก ตัวดู" แล้ว ก็ให้เรียนรู้ จาก พฤติกรรมของมัน
    +++ ก็จะเรียนรู้ "สภาวะธรรมต่าง ๆ" ได้อย่างมากมาย ด้วยตัวเองนะครับ
     
  13. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    ขอบคุณครับผม เพิ่งเข้าใจติดอยู่ตั้งนานหลายวันอ่านหลายรอบก็ไม่เข้าใจ
    พอเราดูไปที่แขนขวา มันก็จะไปรู้สึกที่แขนขวา อาการรู้สึกหน่วงๆบริเวณหน้าผากก็หายไปเอง เราก็ รู้ที่ตัวดูในกลางกระโหลกศรีษะอย่างเดียวครับ(ลองสั่งให้ดูรอบตัวโดยที่เราไม่หัน มันจะมีความรู้สึกกวาดไปตามทิศที่เราสั่งด้วยครับ)
    ตอนนี้พยายามฝึกตัวกูอยู่ครับ ต้องอ่านย้อนไปหลายๆรอบเพื่อดูว่าอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เข้าใจตอนนี้ก็เข้าใจมากขึ้นครับ แต่พอรู้สึกได้ครับว่าตัวกูละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ
    เมื่อก่อนผมขับรถยนต์ผมใช้ 2 เท้าตลอดเขาบอกให้ขับเท้าเดียว ผมก็เลยลองกำหนดทั้งตัวยกเว้นขาซ้าย ก็ดีครับไม่ติดขัดเลยเหมือนไม่มีขาซ้ายลืมไปเลย ใช้เท้าขวาขับคล่องเลยครับ
    บางครั้งเราก็รับกระแสของตัวกูของคนอื่น ได้ใช่ไหมครับโดยเฉพาะเวลาที่เขาไม่พอใจเหมือนมีคลื่นมากระทบตัวเรา(แสดงว่าตัวกูของเขาขยายออกมาเต็มจนล้นมาสัมผัสเรา นั่นคือตัวกู เปลี่ยนภพภูมิไปแล้วชั่วขณะจิตหรือเปล่าครับเต็มตัวเลย)
    บางครั้งเหมือนเราจะตกใจเสียงด้านซ้าย ตัวกูก็ออกมาด้ายซ้ายแว้บนึงนะครับแล้วก็หายไป เราก็รู้อยู่ภายใน ทำงานเหมือนชิลด์อัตโนมัตเลยครับ
    ขอบคุณอีกครั้งครับท่านธรรม-ชาติ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยครับ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ สภาวะธรรม "ในศาสนาพุทธ" เป็น "สันทิฏฐิโก" ต้องปฏิบัติเอาเอง ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ไม่อาจ รู้/เห็น ได้ ด้วยการอธิบาย
    +++ สภาวะธรรม "ในศาสนาพุทธ" เป็น "เอหิปัสสิโก" ให้มา "ปฏิบัติพิสูจน์" จึงจะได้ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แล้วจะ "รู้ชัดแจ้ง" ได้ด้วยตน
    +++ ชัดเจนแล้วนะ "สภาวะธรรมในศาสนาพุทธ ต้องลงมือด้วยการ ปฏิบัติ (สันทิฏฐิโก) เท่านั้น" จึงจะ "รู้/เข้าใจ" ได้ด้วยตนเอง
    +++ รู้จัก "การนำมาประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจำวัน" ถือว่าใช้ได้
    +++ และนี่แหละ "ขาซ้ายไม่ใช่กู กูเลยไม่ใช้มัน"
    +++ ต่อไปก็จะรู้จัก "กูใช้/ไม่ใช้ กูมี/ไม่มี กูเป็น/ไม่เป็น ต่าง ๆ" ค่อย ๆ รู้ไปเอง
    +++ ใช่ ตรงนี้เป็น "ส่วนหนึ่งของ เจโตปริยะญาณ ใน วิชชา 3 ในพระพุทธศาสนา"
    +++ ต่อเมื่อ "ชัดเจนในวาระจิตแห่งตนเอง" แล้ว ต่อไปก็จะ ชัดเจนในวาระจิตของผู้อื่นด้วย เช่นกัน
    +++ เมื่อ "ชัดเจน" ในวาระจิตแล้ว ต่อไปให้ฝึก "หยุด/ตรึง วาระจิตนั้น ๆ"
    +++ ก็จะรู้ถึง "รูป/ความคิด นาม/ความรู้สึก" ที่มาจากจิตนั้น ๆ ได้
    +++ เป็นอาการ "ประดุจเห็น/ประดุจเป็น" ในจิตนั้น ๆ ได้เอง (หากละเอียดเพียงพอ)
    +++ ตัวกู ของเขา "ไม่ได้ขยาย" แต่เป็น "ตัวกูทั้งแท่ง ส่งออกมานอกร่างของเขา แล้ว มาสัมผัสกับเราโดยตรง"
    +++ ปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่ม "รู้" ได้เอง ถึงการ "ทำจิตส่งออก" ตรงนี้เป็น "การฝึก ใช้ตัวกู (ใช้ขันธ์)"
    +++ ต่อไปก็จะ "ทำ/รู้ ได้เอง" ทั้ง 3 ภาค คือ "เห็นขันธ์ ฝึกขันธ์ ใช้ขันธ์"
    +++ จนชัดเจนในเรื่อง "ขันธ์" เกิดขึ้น/ตั้งอยู่/ดับไป รวมทั้ง "วิธีทำ ให้มัน เกิด/อยู่/ดับ" ทั้งหมด
    +++ ตลอดจน การใช้ขันธ์ที่ "เนื่องด้วย ภพภูมิ ต่าง ๆ" ตลอดจน อิทธิพล ของมันด้วย (ตอนนี้ ให้ยกไว้ก่อน)
    +++ ต้องฝึกให้ "ชัดเจน" นะว่า เป็น "ตัวกู หรือ เงาของมัน" กันแน่ ที่ "แวป" ออกมา
    +++ ถ้า "เรารู้อยู่ข้างใน" นั่นเป็น "เงา" ของมันที่ แวป ออกไป
    +++ ถ้า "รู้ แต่ไม่มี เรา" มีแต่ "รูปกายเฉย ๆ" นั่นเป็น "ตัวกู" ออกไปแล้ว
    https://www.m-culture.go.th/young/ewt_news.php?nid=105&filename=index

    +++ คุณของพระธรรมมี 6 ประการ ดังนี้

    1. "สวากขาโต ภควตา ธัมโม" พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า นั้น
    2. "สันทิฏฐิโก" ต้องปฏิบัติเอาเอง ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ไม่อาจ รู้/เห็น ได้ ด้วยการอธิบาย
    3. "อกาลิโก" ปฏิบัติตามเมื่อไร มันก็ยัง จริง อยู่เช่นเดิม ไม่เกี่ยวกับ กาล/เวลา
    4. "เอหิปัสสิโก" ให้มา "ปฏิบัติพิสูจน์" ไม่ใช่ "มานั่งเถียงพิสูจน์"
    5. "โอปะนะยิโก" เดินจิตให้ถึง สภาวะที่ต้องการ
    6. "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ" แล้วจะ "รู้ชัดแจ้ง" ได้ด้วยตน

    +++ ฝึกไปเรื่อย ๆ ก็จะ "รู้ชัด" ไปเรื่อย ๆ ด้วยตนเอง นะครับ
     
  15. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    ทุกอย่างเป็นตามที่ท่านกล่าวครับ ปฏิบัติให้ถูกต้องก็จะค่อยๆชัดเจนครับ
    ตอนนี้ก็เรียนรู้กู เพราะกูเป็นทุกอย่างมีทุกอย่างในตัวของมันเองอยู่แล้วใช่ไหมครับ
    เมื่อก่อนเราเป็นกูทั้งตัว ตอนนี้เราจะเปลี่ยนกูทั้งหมดให้เป็นเรา เหมือนสู้กับตัวเองเลยครับสนุกดี
    ตัวดูที่กลางศรีษะ ถ้ารู้นานๆตัวกูจะแสดงอาการเยอะมากเพื่อไม่ให้เรา รู้ถึงตัวเขา
    และถ้ารู้นานๆก็จะมาอาการแปร๊บๆเบาๆที่กลางศรีษะด้วยครับ
    ตอนนี้ผมใช้วิธีพอทุกอย่างว่างผมก็รู้ที่ตัวเขา พอตัวกูแสดงอาการเยอะผมก็ถอยไปทำอย่างอื่นก่อนครับ เหมือนนักมวยเลยครับ แย๊บไปเรื่อยๆเก็บแต้มไว้ก่อนครับ
    ขอบคุณในคำสอนครับท่านธรรม-ชาติ จะพยายามต่อไปครับ
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใช่... เรียนรู้สภาวะธรรมของตัวเราเอง ไม่ใช่ไปดูผู้อื่นจนมั่วไปหมด
    +++ การเรียนรู้จิต มันก็ "จิตกู" นั่นแหละ จนกว่าจะ "รู้แจ้ง" ในสภาวะธรรม "ของกู"
    +++ จนกว่าจะ "สิ้นสงสัย" ว่า "กูเกิด" มาได้ยังงัย "กูอยู่" มาได้ยังงัย จนถึง "กูดับ" ทำอย่างไร
    +++ ทั้งหมดมันก็ "เท่านี้เอง" แต่เบื้องต้นทั้งหมด ขึ้นอยู่ที่ "รู้จัก กู" ให้ได้เสียก่อน เท่านั้น
    +++ "เรา กับ กู" มันก็ ตัวเดียวกันนั่นแหละ หากใช้ภาษา "สุภาพมากไป" มันก็สามารถ "หลงอาการ" ได้เหมือนกันนะ
    +++ ให้ฝึก "ขยายตัวดู ให้เต็มขอบเขตของกาย" แล้วอยู่กับ "สัมปชัญญะ ที่มาจาก สัมโภชฌงค์" สัก 2-3 นาที
    +++ จากนั้นค่อย ๆ "หดขอบเขตของ กายสัมปชัญญะ ให้ไปรวมเป็น ตัวดู" ตรงนี้จะช่วย เพิ่มความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น
    +++ ตรงนี้จะ เน้น/ย้ำ ในเรื่อง "อะไรเป็น ตัวกู/ของกู" และอะไร ไม่ใช่ ตรงนี้เป็น "วิปัสสนา"

    +++ ณ ขณะที่ "หด/ขยาย ตัวดู" ก็จะรู้ระดับของ "ความเข้มข้น/จางคลาย" ของเนื้อตัวดู ไปด้วยกัน
    +++ ฝึก "อยู่" กับเนื้อต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็จะ "รู้ระดับฌานต่าง ๆ" ตรงนี้เป็น "สมถะ"
    +++ การฝึก "เพียงอาการเดียว" แต่ได้ทั้ง "สมถะ/วิปัสสนา" ณ ขณะเดียวกันนี้
    +++ จะ "ร่น" เวลาการฝึกได้หลายเท่า เมื่อเทียบกับการฝึกแบบอื่น ตรงนี้ "รู้" อยู่แล้วนะ
    +++ เหตุเกิดจาก "การเกร็งตัวของ ตัวดู" เนื้อของมัน "เข้มข้น" มากขึ้น รวมทั้งขนาด เล็กลง ไปด้วย
    +++ ปล่อยให้ "มัน" เป็นอยู่อย่างนั้น "ขนาดเล็ก/เข้มข้น" ห้ามไป "แทรกแซง/ยุ่งเกี่ยว" กับมัน
    +++ ให้ "รู้ซื่อ ๆ ที รูปกาย อย่างเดียว" หากทำได้ถูกส่วน "ตัว กู/เรา" จะแยกออกไปจาก "สภาวะรู้" ได้เอง
    +++ ณ ขณะใดที่ "หลุดพ้น" จากตัวกู ยามนั้นจะรู้ได้เองว่า "สภาวะไร้ตน" เป็นอย่างไร
    +++ ตอนนี้ "ถ้าว่าง" ให้ทำการ "หด/ขยาย" จากนั้น "ทำ หด/เกร็ง/รู้กาย" จนกว่ามันจะ "หลุด" ออกไปจาก "รู้" ให้ชำนาญ
    +++ แล้วจะมี "ของเล่น" อีกมากมายให้ "เล่น" จนสิ้นสงสัยในสภาวะธรรมทั้งหมด
    +++ ตั้งใจจริง ทำจริง มันก็ ได้จริง เป็นธรรมดานั่นเองนะ
     
  17. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    ตอนนี้พอเข้าใจละครับ ตัวกูเกิดมาได้เพราะเราแน่นอนครับไม่ว่าเรา จะ ทำอะไรในทุกๆขณะจิต ตัวกูจะเข้ามารองรับตลอด เราไม่สั่งตัวกูก็ไม่ทำ ไม่ว่าเราจะทำด้วยความหลง ทำดี ทำชั่วหรืออะไรก็ตามครับ(เพราะมันจะต้องรู้สึกก่อนจะทำอะไรเสมอครับ และก่อนหน้านั้นเราจะต้องรู้ก่อน อยู่ที่สติเราละเอียดแค่ไหน)
    ณปัจจุบัน กูอยู่ มาได้ยังงัย เราเองนี่ละทำให้มันอยู่ (ก็ท่านธรรม-ชาติให้ฝึกอยู่ทุกวันนี่ละครับฝึกให้รู้จักว่าตัวกูทำงานอย่างไร ตั้งอยู่ได้อย่างไร เป็นการบ้านก่อนลงสนามจริงในชีวิตประจำวันว่าตัวกูทำงานพร้อมกับเราตลอดเวลาครับ
    กูดับ ณปัจจุบันกูก็ดับได้ถ้า เริ่มต้นที่เรารู้ ต่อด้วยรู้สึก ปล่อยความรู้สึกก็คือปล่อยกูและตอนนี้กูก็จะกลับไปเป็นดูครับ ก็ยังต้องฝึกต่อครับให้ละเอียดกว่านี้
    ท่านไม่บอกผมก็ไม่รู้จริงๆครับ แต่ก็ทำทุกวันแต่รูปแบบใหม่นี่ หมดแรงเลยครับ
    จะพยายามปล่อยมันไป ไม่ยึดไม่ยุ่ง ไม่สนครับ เพราะตอนนี้อาการตัวกูมันแปลกๆเหมือนมีเงาอยู่ด้านหน้าแต่ก็ไม่ใช่เงาครับมันหน่วงๆเบาๆ
    ขั้นตอนนี้ คือให้ หด/ขยาย ความรู้สึกให้เต็มรูปกาย จากนั้นหด/เกร็ง/รูั้กาย แบบนี้นะครับผม (ตอนแรกต้องรู้สึกก่อนฝึกๆไปก็แค่เกร็งกาย)
    ขอบคุณมากครับท่านธรรม-ชาติ จะไปฝึกต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2019
  18. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ให้ไปทำความเข้าใจในเรื่อง "ตัวจะ" ในกระทู้ที่ผมเคยโพสท์เอาไว้ในห้อง "ประสพการณ์ อภิญญา-สมาธิ" นะ
    +++ ตอนนี้คุณเริ่มถึง เริ่มก้าวเข้ามาในบริเวณของ "ตัวจะ" แล้ว

    +++ ตัวจะ เป็นตัว "1 วาระจิต" เป็นตัว "1 เจตนา" รวมทั้งเป็นตัว "1 ความเข้าใจ (ภาษาอังกฤษ Concept)(ภาษาบาลี สังกัปโป)"
    +++ พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า "เราถือว่า เจตนา เป็นกรรม" ตรงนี้แหละ "ตัวจะ คือ มูลเหตุแห่ง มโนกรรม" ก่อนเป็น "วจี+กายกรรม"
    +++ ตรงคำว่า "เรา" ของคุณนั้น "เป็นอาการไหน" (เราไม่สั่งตัวกูก็ไม่ทำ) ตรงนี้ "ต้องจำแนกอาการ ให้ชัดเจน"
    +++ อาการหลัก ๆ ผมจะใช้เพียงแค่ 3 อาการเท่านั้น คือ

    +++ 1. ตัว นึก/คิด รวมทั้ง "ตัวจะ" ที่จะนึก จะคิด "ตัววาระจิต" ตรงนี้ ผมรวบมันเป็นส่วนของ "ตัวพูดมาก"
    +++ 2. ตัว ดู/กู/ฌาน/พลังงาน/วิญญาณขันธ์ ที่เป็นส่วนของการ "รู้สึกจิตทั้งหมด" ผมรวบมันเป็นส่วนของ "ตัวดู"
    +++ 3. ไม่มีตัว "มีแต่สภาวะ ที่เป็น รู้ เฉย ๆ" เรียกว่า "สภาวะรู้/สติรู้" ตรงนี้จะใช้คำว่า "ตัว ไม่ได้เลย" เพราะมันไม่มี "อาการ"

    +++ ตรงคำว่า "เราไม่สั่งตัวกูก็ไม่ทำ" ตรงนี้ คำว่า "เรา" ของคุณ เป็นข้อไหน ให้ "จำแนก" มาให้ชัดเจน ด้วยนะ
    +++ ตรงนี้จะ "เป็นอุปสรรค" กับตัวคุณเอง ในการฝึกในชั้นที่ "ละเอียดมาก ๆ กว่านี้" (ภาษาพาจน)
    +++ ให้ "แยก" ตัวกูกับตัวเรา ออกจากกัน เพราะมันเป็น "ตัวเดียวกัน" ไม่งั้น "การหลงภาษาของตนเอง" จะตามมาและ "เป็นอุปสรรค" แน่นอน
    +++ กูดับ "หรือ" กูเปลี่ยน กันแน่ ภาษาพาจนอีกตามเคย
    +++ ในท่อนนี้ มีทั้ง "เรา/กู/ดู" ให้ระวังภาษาให้ดีนะ
    +++ ในชั้นละเอียด มันจะ "มัดการเดินจิต ไม่ให้ก้าวหน้า"
    +++ ณ ประโยคนี้ "กู" ของคุณ ชี้ไปที่ "กายเวทนา" และ "มันโดนแยกไปอยู่ข้างหน้า"
    +++ ณ ขณะที่มัน "แยกออก" ไปนี้ "ความเข้มข้นของมัน ลดลง"
    +++ ณ ขณะที่มัน "แยกออก" ไปนี้ "ความเป็น ตัวกู/ของกู หลุดไปอยู่ข้างนอก"
    +++ ให้เพิ่มการฝึก แยก "ตัวดู/กายเวทนา" ทั้ง 2 อาการ (ตัวเดียวกัน) ให้ "หลุด" ออกไปข้างนอก
    +++ จากนั้น ให้เพิ่มการฝึก แยก "ตัวพูดมาก (อาการ นึก/คิด) ให้ หลุด" ออกไปข้างนอกด้วยเช่นกัน

    +++ ตรงนี้แม้ "ไม่ง่าย" แต่ก็น่าจะ "พอทำได้" ให้ลองพยายามทำดู นะครับ
     
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    สวัสดีครับท่านธรรม-ชาติ
    จะไปศึกษาเพิ่มเติมครับ
    ผมเข้าใจผิดและใช้ภาษาผิดด้วยครับผิดเยอะมาก ผมมองว่ารู้เป็นเราครับซึ่งสติมีแต่รู้
    ซึ่งตอนนี้พอเข้าใจละครับตอนนี้คือ กูมีสติรู้ กูรู้สึกถึงตัวพูดมาก กูรู้สึกถึงตัวดู รู้สึกถึงตัวกู (วิญญานขันธ์น่าจะเข้าใจที่สุดสำหรับผม) ตรงนี้คือกูไม่สั่งตัวกูก็ไม่ทำ เพียงแต่ขั้นตอนการเกิดมันมีสภาวะธรรมหลายอย่างครับผมเลยสับสนไปเยอะเลย
    ตรงนี้ยังไม่เข้าใจครับแต่จะพยายามต่อไปครับ เรื่องใหญ่คือตอนนี้ผมใช้ภาษาไม่ตรงกับอาการหลายๆครั้งต้องพยายามในส่วนนี้ก่อนครับ
     
  20. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    กราบขอโทษครับท่านธรรม-ชาติ อาการนี้ผมกล่าวผิด คือตัวดู
    มันอยู่ด้านหน้าตัวดู แถวๆโพรงจมูกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...