อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น โดยสมเด็จองค์ปฐม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 22 มิถุนายน 2012.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น

    (โ ด ย ส ม เ ด็ จ อ ง ค์ ป ฐ ม)​



    ทรงเมตตาสอนไว้เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๕ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่อ่าน แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผล มีความสำคัญโดยย่อดังนี้

    ในวันนี้ข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรม มองเห็นชายคนหนึ่งที่แพเลี้ยงปลาของวัด จับปลาสวายตัวใหญ่ (ปลาของวัดเชื่องมาก) ขึ้นมาจากน้ำ ปลาก็ดิ้นจนหลุดจากมือตกน้ำไป เขาก็จับปลาขึ้นมาใหม่ด้วยความสนุกสนาน ในครั้งนี้ปลาดิ้นแล้วตกลงที่พื้นกระดานของแพปลา แล้วจึงตกลงไปในน้ำเมื่อพวกเราเห็นการกระทำ (กรรม) ของเขา ก็เกิดอารมณ์ปฏิฆะ (ไม่พอใจ) พูดขึ้นว่า ”บ้า” อีกท่านหนึ่งพูดว่า “ทะลึ่ง” ซึ่งเป็นการคิดชั่ว พูดชั่ว (สอบตกในมโนกรรมและวจีกรรมทั้งคู่)

    สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาตรัสสอนว่า (เพื่อสะดวกในการจดจำ แล้วนำไปปฏิบัติต่อ ขอเขียนเป็นข้อๆ) ดังนี้

    ๑. "เหตุที่จิตมีอุปาทาน ยึดเอากรรมของผู้อื่นมาใส่จิตของเรา จึงกล่าวเป็นวจีกรรมหลุดออกไป เพราะเหตุไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของจิต ที่ยึดเอาอุปาทานนั้นๆ(บุรุษผู้สร้างกรรมกับปลา) ถ้าไม่ใช่อดีตกรรมส่งผลให้เขาทำกับปลา กล่าวคือ ถ้าไม่ใช่ปลาเคยเป็นคนมาแล้ว จับคนที่เป็นปลาอยู่อย่างนี้แล้ว กรรมนี้ก็เป็นกรรมปัจจุบัน คือ มีอารมณ์ฟุ้งซ่านเหลวไหล เห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ มีอารมณ์สนุกไปกับการเบียดเบียนปลา จึงสร้างกรรมนี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งกรรมนี้เมื่อลุล่วงไปแล้ว ก็เป็นกายกรรมอันส่งผลให้เกิดกรรมในอนาคตได้ กล่าวคือจะต้องมีชาติหนึ่งในต่อไปข้างหน้า บุรุษนี้ก็จะเกิดมาเป็นปลาสวาย และปลานั้นกลับชาติมาเกิดเป็นคนจับเงี่ยงปลาชูให้ดิ้นรน จนกระทั่งตกลงกระแทกแพอีก นี่คือกรรมภายนอก แต่เจ้าทั้งสองเอามาเป็นกรรมภายใน สร้างวจีกรรมให้เกิด เท่ากับเห็นคนผิด เห็นปลาถูก จึงไปตำหนิกรรมอยู่อย่างนั้น วจีกรรมคือนินทากับสรรเสริญนั่นเอง”

    ๒. "ถ้าจิตยังละการตำหนิกรรมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมโนกรรมหรือวจีกรรม ก็เท่ากับสร้างผลกรรมให้ต่อเนื่องกันไป ในการตำหนิกรรมไม่รู้จักสิ้นสุด ในเมื่อโลกนี้มันเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ ผิดถูกในโลกนี้ไม่มี มันมีแต่กรรมล้วนๆ”

    ๓. "ในเมื่อเจ้าทั้งสองตำหนิกรรมอย่างนี้แล้ว พอไปชาติหน้าก็ประสบมาเป็นคน จากคนที่เป็นปลาก็ต้องมาตำหนิกรรมอีก เมื่อมัวแต่ตำหนิธรรมหรือกรรมของผู้อื่น อันสืบเนื่องเป็นสันตติประดุจกงกำกงเกวียน หมุนเวียนต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วพวกเจ้าจะเอาชาติไหนมาตัดสินว่าใครผิด-ใครถูก โลกทั้งโลกมันเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-อกุศลกรรมเป็นเหตุ ทำให้จิตของคนกระทำกรรมให้เกิดแก่มโน-วจีและกายได้อยู่เป็นอาจิณ”

    ๔. "เจ้าต้องการพ้นกรรม ก็จงหมั่นปล่อยวาง มองเห็นเหตุแห่งกรรม อะไรจักเกิดก็ต้องคิดว่า กรรมใครกรรมมัน รู้สันตติของกฎแห่งกรรมว่ามันเป็นอย่างนี้ ถ้าเขาไม่ทำกรรมกันมาก่อน กรรมนี้ก็จักไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นมาได้ ตถาคตจึงได้ตรัสยืนยันว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เมื่อเรารู้เหตุก็จงดับที่เหตุแห่งกรรมนั้น จงอย่ามองว่าใครผิดใครถูก กรรมถ้าไม่ใช่เขาก่อขึ้นเอง มันก็เกิดขึ้นไม่ได้เองหรอก”

    ๕. "เมื่อพวกเจ้าเข้าใจดีแล้ว ก็จงหมั่นทำจิตให้พ้นจากการตำหนิธรรมเถิด ค่อยๆวางค่อยๆทำ กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็จะละเอียดขึ้นตามลำดับ กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในวิมุติธรรม ทำอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ ยอมรับนับถือกฎของกรรมให้เกิดขึ้นในจิต ทำบ่อยๆเข้ามรรคผลก็จะปรากฏขึ้นเอง อย่าละความเพียรเสีย กระทบเท่าไหร่-เมื่อไหร่-ที่ไหนก็ต้องรู้ อย่าตำหนิธรรมให้เกิดขึ้นกับจิต เห็นกรรมที่เป็นสภาวะอย่างนี้อยู่ให้ชัดเจนอยู่ตลอดเวลาอยู่กับจิต ผู้ไม่รู้ย่อมกอปรกรรมให้เกิดด้วยจิตอุปาทานในกรรมนั้น ๆ กรรมใครกรรมมัน พวกเจ้าอย่าไปเกาะยึดเอากรรมนั้นๆมาตำหนิดีเลว เพราะเท่ากับว่ามีอุปาทานเห็นกรรมนั้น ๆ ว่าดี-เลว เมื่อจิตมีอุปาทานตำหนิดี-เลวจนเป็นมโนกรรม แล้วยับยั้งไม่อยู่ ก็ออกปากตำหนิดี-เลว จนเป็นวจีกรรมอีก”

    ๖. "ถ้าบุคคลไม่รู้อุปาทานนี้ ทำกรรมโดยลงแพไปต่อว่าต่อขานคนที่จับปลาเข้า ถ้ายังอารมณ์ปฏิฆะให้เกิด ก็จะทะเลาะกัน ดีไม่ดีก็จักทำร้ายร่างกายกัน จนเป็นกายกรรมสืบเนื่องต่อกันไปได้ ดังมีตัวอย่างมามากมาย คนอื่นเขาทะเลาะกัน สร้างกรรมกัน คนนอกเข้าไปสอดแทรก เป็นกรรมการห้ามปราม คู่กรณีไม่ยอมฟังเกิดอารมณ์โทสะขึ้นหน้า ลงมือทำร้ายกรรมการเสียจนตายไปด้วยความหมั่นไส้ เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเจ้าปรารถนามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ควรต่อกรรมกันไปอีก ยุติการตำหนิกรรมลงเสียให้ได้ ไม่ว่าจักเป็นกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็ต้องยุติลง ใช้ศีล-สมาธิ-ปัญญาอันเกิดแก่จิต พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงในสันตติวงล้อวัฏจักรกรรมว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้เอง พยายามทำจิตให้ยอมรับกฎของกรรมโทษของกรรมไม่ว่าดีหรือเลวนั้นไม่มี เห็นแต่กงกำกงเกวียนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด จงยอมรับกฎของกรรมซึ่งยุติธรรมที่สุด ใครทำใครได้ อย่าไปมีหุ้นส่วนกรรมกับใครๆเขาโดยการตำหนิกรรมเป็นอันขาด จำไว้นะ ”

    ขอยกตัวอย่างอารมณ์ที่สอบตกสัก ๒ เรื่อง

    เรื่องแรก...มีความโดยย่อว่า มีคนมาเล่าให้ฟังว่า หญิงแก่คนหนึ่งว่าจ้างรถจากในเมืองให้มาส่งที่วัดท่าซุงในราคา ๕๐ บาท พอรถมาส่งที่วัด หญิงแก่กลับให้ค่ารถเพียง ๑๐ บาท บอกว่าฉันมีแค่นี้จะเอาหรือไม่เอา คนรถก็ตำหนิหญิงคนนั้นว่า อะไรกัน คนมาปฏิบัติธรรมที่วัดใหญ่โต แต่ไม่มีสัจจะ พอได้ยินเขาเล่าเพียงแค่นี้ จิตก็ปรุงแต่งตำหนิหญิงแก่นั้นเสียยืดยาว คือ ร่วมวงนินทาปสังสากับผู้เล่าเสียเพลิน กว่าจะรู้ตัวว่าสอบตก ผิดทั้งมโนกรรมและวจีกรรม ก็ว่าไปครบสูตรแล้ว จึงต้องขอขมาพระรัตนตรัย

    เรื่องที่ ๒ คือ ตัวของข้าพเจ้าเอง พอขอขมาพระรัตนตรัยเรื่องการตำหนิกรรมของบุรุษผู้สร้างกรรมกับปลาแล้ว ตาก็เห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวโต ๆ ว่า เมืองไทยมีคดีฆ่าคนตายมากเป็นอันดับ ๒ ของโลก จิตก็ตำหนิกรรมทันทีว่าไม่จริง เป็นอุปาทานของนักข่าวเอง เพราะประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศที่มีคดีฆ่าคนมากกว่าเรา แต่หนังสือพิมพ์เขาไม่ประโคมข่าวในหนังสือพิมพ์หน้าแรกเหมือนเมืองไทย เมืองไทยชอบประโคมข่าวชั่วร้ายข่าวไม่ดีในหน้าแรกตัวโตๆ ชอบขายข่าวบนความทุกข์ของชาวบ้าน ว่าเสียยาวกว่าจะรู้ตัวว่าสอบตก ผลก็คือต้องขอขมาพระรัตนตรัยอีกครั้ง

    : หมายเหตุ

    นี่คือตัวอย่างเมื่อ ๑๕ ปีที่แล้ว ผู้อ่านพระธรรมบทนี้แล้วหากหวังก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เมื่อรู้ตัวเองว่าผิดก็ควรจะละอายแก่ใจ (มีเทวธรรมหรือหิริ - โอตตัปปะ) ให้ขอขมาพระรัตนตรัยทุกครั้งจนเป็นนิสัย

    ผมขออาราธนาบารมีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่ตั้ง ขอให้ผู้อ่านด้วยความศรัทธาทุกท่าน จงโชคดีในธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ในชาติปัจจุบันนี้



    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวนที่มาhttp://www.tangnipparn.com/page4_b00k3.html



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2012
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    อนุโมทนากับธรรมนี้ กับเจ้าของกระทู้และผู้ที่มีส่วนร่วมค่ะ
    ดีแล้ว ชอบแล้ว สาธุธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  3. oJOEo

    oJOEo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +136
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ ที่ทำให้ตาสว่าง กระจ่างแจ้งในธรรมซึ่งเป็นไปตามกฏของกรรม
    ขอบคุณครับผม
    และก็อนุโมทนากับสิ่งที่ท่านได้เผยแพร่เป็นธรรมทานในครั้งนี้ด้วยครับ
     
  4. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้ผมตำหนิกรรมของผู้อื่นบ่อยเลยครับ พยามแล้วแต่มันทนไม่ได้จริงๆ แต่ก้อจะพยายามต่อไปครับ...
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
    ...ทุกสิ่งอยู่ที่จิต ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่า...
    ...ปลูกพืชฉันใด ย่อมได้ผลฉันนั้น...
     
  5. phak

    phak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +458
    Thank you. Anumo tana..satu..naka.:cool:
     
  6. skyroad

    skyroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +259
    โมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่นำเรื่องนี้มาให้อ่าน ทำให้เข้าใจธรรมมากขึ้น อ่านแล้วรู้ว่าตนเองต้องปรับปรุงอีกมาก (สอบตกตลอด 555) เพราะบางเรื่องที่เราคิดนั้นเราเองหลงคิดไปเพลินๆไม่รู้ตัวว่านั่นคือ การตำหนิกรรมในใจ ตอนนี้รู้แล้วว่าความคิดนั้นเป็นสิ่งไม่มีประโยชน์และก่อให้เกิดโทษทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ต่อไปจะต้องมีสติให้มากขึ้นระมัดระวังความคิดมากขึ้น ^^
     
  7. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    สภาพโดยเนื้อแท้ของธรรม หลายขันธ์ที่เกิดจากอวิชชา เป็นทุกข์ทั้งหมด นับประสาอะไร จะไปรู้สึกอย่างนั้น เป็นขันธ์เฉย ๆ พระพุทธองค์ ตรัส ไม่มีอไรเกิดนอกจากทุกข์ และไม่มีอะไรดับนอกจากทุกข์ ขันธ์ทั้งหลายเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะยึดมั่นถือมั่น เพราะยึดติด เพราะไม่ปล่อย สมุทัยพาไหล ทางหยุดคือล่ะอุปทานก่อน มีแต่กองทุกข์
     
  8. RattanaMongkol

    RattanaMongkol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +4,962
    โดยสรุปคือการรักษาจิตอย่างเดียว ด้วยการพิจารณาทุกอย่างเมื่อมีสิ่งกระทบเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ด้วยพิจารณา และ พิจารณา เมื่อจิตรู้แล้วก็ปล่อยวางไป ขอนุโมทนาสาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. ผู้ไร้ความกังวล

    ผู้ไร้ความกังวล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +60
    ถือเป็นกระทู้ ที่มีสาระมากครับ ได้ความรู้ได้สติเยอะ ขอบคุณอนุโมทนาด้วยครับ
     
  10. จิตินันท์

    จิตินันท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2011
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +130
    ลึกซึ้ง ลึกซึ้ง เฝ้าดูจิตของตนเองเพียงอย่างเดียวก็พอ แต่ก็ชอบเผลอไปมองจิตของผู้อื่นอยู่ร่ำไป แล้วก็ปรุงแต่งให้เกิดทุกข์ซะยังงั้น

    ----------------------------
    บุญกุศลใดๆที่เกิดขึ้นกับลูก ลูกขอให้บิดามารดามีส่วนด้วยเสมอ
     
  11. ทางสวรรค์

    ทางสวรรค์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +347
    ผมทำประจำเลยครับ แต่พอได้มาอ่านแล้วก็เข้าใจ ต่อไปนี้จะพยายามไม่ทำแล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ
     
  12. ganyamala

    ganyamala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +168
    อนุโมทนา สาธุด้วยครับ เป็นข้อควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งจริงๆ ขอบคุณมากครับ
     
  13. ขอทางสงบ

    ขอทางสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2012
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +364
    อนุโมทนา สาธุ ทำให้เข้าใจความหมายและเหตุผลของมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม อย่างดีและสิ่งที่สมควรทำก็คือขอขมาพระรัตนตรัย สาธุ สาธุ:cool:
     
  14. Tanyong03

    Tanyong03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +343
    ขอบคุณมากค่ะ เป็นประโยชน์ อย่างยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เราได้พบได้เห็นอะไร เยอะแยะ ในแต่ละวัน บางครั้งก็อดตำหนิไม่ได้ แม้ไม่ได้พูดอะไรออกมา จิตก็ตำหนิ เมื่อก่อนเคยคิดว่าเขาทำไม่ถูก การที่เราไปตำหนิไม่ผิด แต่เมื่อได้อ่านแล้ว นำมาพิจารณาก็เห็นตามนั้น สิ่งแรกที่เราได้รับคือความหงุดหงิด รำคาญใจ ความสงสาร ที่เป็นเหตุนำมาซึ่งจิตเศร้าหมอง เป็นทุกข์ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ต่อไปนี้ จะต้อง ฝึก การปล่อยวางให้มาก ขอบคุณมากค่ะเจ้าของกระทู้นี้
     
  15. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    สาธุค่ะ..
    _________

    นิพพานปรมัง สุขัง
     
  16. junthet

    junthet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +139
    อนุโมทนาค่ะ จะพยายามปล่อยวางไม่ตำหนิกรรมของผู้อื่นอีก
     
  17. โอม อุดมชัย

    โอม อุดมชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +2,527
  18. joywarattaya

    joywarattaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +155
    ุสาธุ สาธุ สาธุ ลูกจะหมั่นจดจำทุกคำสอน

    ขอโมทนาบุญกันท่านที่นำมาเผยแผ่ด้วยค่ะ สาธุ
     
  19. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    ขออนุโมทนาสาธุกับเจ้าของกระทู้และทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ค่ะ
     
  20. oankrub

    oankrub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +112
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้สำหรับธรรม

    ธรรมนี้กระแทกเข้าข้างในได้ลึกมากเลยครับ....ขอบคุณครับ

    ขออนุญาติบันทึกเก็บไว้เตือนสติตนเอง(ตัวผมเอง)ด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...