**อย่าสนใจในกิเลส**

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DR-NOTH, 12 พฤษภาคม 2014.

  1. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    นักปฏิบัติทั้งหลาย กิเลส ตัณหา อุทาน ย่อมเข้ามาเยือนให้จิตได้รับรู้และทดสอบจิตของเราเป็นธรรมดา หากจิตเราหันไปสนใจก็อาจพลาดพลั้งเผลอจิตเผลอใจถูกกิเลสครอบงำจนจิตนี้คิดรู้เห็นหรือคล้อยไปตามอารมณ์กิเลสนั้นได้..
    ซึ่งกิเลสหยาบๆนั้นอาจรู้เห็นได้ด้วยพลังจิต แต่ถ้าเป็นกิเลสธรรมที่ละเอียดขึ้นไปแล้วต้องใช้พลังปัญญาและตบะธรรมอันแก่กล้าจึงจะรู้เห็นเท่าทันเล่ห์เหลี่ยมมันได้.
    (....^_^....)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2014
  2. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ......TEST SYSTEM.......​
     
  3. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ที่ท่านกล่าวมาก็ถูกในอีกนัย 1 คือหากกิเลสผ่านเข้ามาแล้วจิตดันไปสนใจ ให้กำหนดรู้
    และเห็นความไม่เที่ยง ความไร้สาระแห่งตัวกิเลสนั้น จิตนี้ก็จะค่อยปล่อยวางจากตัวกิเลสนั้นได้ ....
    อย่างนี้เป้นต้น โมทนา ....
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ" อัคิเวสนะ ครั้นภิกษุ ประกอบพร้อมด้วย สติสัมปชัญญะแล้ว ตถาคต ย่อมแนะนำเธอให้ยิ่งขึ้นไปว่า มาเถิดภิกษุ เธอจงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าละเมาะ โคนไม้ ภูเขา วอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฎ ที่แจ้ง หรือลอมฟาง เถิด ดังนี้ ภิกาุนั้นย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด ครั้นก้าวกลับจากบิณบาต ในกาลเป็นปัจฉาภัต นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะห้นา เะอย่อมละอภิชฌา คอยชำระจิตจากอภิชฌาอยู่ ละพยาบาท มีจิตปราสจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังควมเกื้อกูลในสัตว์ ทั้งหลาย คอยชำระจิตจากพยาบาทอยู่ ละถินนะมิทธะ มีจิตปราศจากถืนนะมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีสติสัมปชัญญะ คอยชำระจิตจากถินนะมิทธะอยู่ ละอุทํจจะกุกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน คอยชำระจิตจากอุทธัจจะกุกุจจะอยู่ ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวถามว่า นี่อะไร นี่อย่างไร ในกุศลธรรมทั้งหลาย คอยชำระจิตจาก วิจิกิจฉาอยู่......ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์5 ประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองแห่งจิต ทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ได้แล้ว เธอเป็นผู้มีปรกติ ตามเห็นกายในกายอยู่ มีปรกติตามเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีปรกติตามเห็นจิตในจิตอยู่ มีปรกติตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ มีความเพียร เผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นำออกเสียได้ซึ่งอภิ๙ฌาและโทมนัสในโลก...................ตถาคตย่อมแนะนำเธอนั้นให้ยิ่งขึ้นไปว่า .มาเถิด ภิกษุ เธอจงเป็นผู้มีปรกติตามเห็นกายในกายอยู่ แต่อย่า ตรึกซึ่งวิตก อันเข้าไปประกอบอยู่กับกายเลย................มาเถิดภิกษุ เธอจงเป็นผู้มีปรกติตามเห็นเวทนา ในเวทนาทั้งหลายอยู่ แต่อย่าตรึกซึ่งวิตก เข้าไปประกอบกับ เวทนาเลย................มาเถิดภิกษุ เธอจงเป็นผู้ตามเห็นจิตในจิตอยู่ แต่อย่าตรึกซึ่งวิตก อันเข้าไปประกอบอยู่กับจิตเลย...........มาเถิดภิกษุ เธอจงเป็นผู้มีปรกติ ตามเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่ แต่อย่าตรึกซึ่งวิตก อันเข้าไปประกอบอยู่กับธรรมเลย ดังนี้..............ภิกษุนั้น เพราะเข้าไปสงบรำงับเสียได้ซึ่ง วิตก และวิจาร จึงเข้าถึง ทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสในภายใน ทำให้สมาธิเป็นธรรมเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ ปิติและ สุขอันเกิดจากสมาธิแล้วแลอยู่(แล้วได้ตรัสถึง ตติฌาน จตุตถฌาน ปุพเพนิวาสนุสติฌาน จุตูปปาฌาญาน อาสวักญาน จนกระทั้ง วิมุติญาน ตามหลักบาลีที่กล่าวทั่วทั่วไปที่กล่าวถึงเร่องนี้)--อุปริ.ม.14/268-270/396-401..:cool:
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ................................ตามเห็น แต่ ไม่ยกขึ้นเป็นการ ตรึก วิตก..:cool:
     
  6. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    แนะนำว่าให้ไปอ่านสติปัฐฐานสี่นะ คุณจะได้เข้าใจธรรมะได้ดีขึ้น กิเลสเกิดขึ้นเรามีหน้าที่ดูและกำจัด ท่านเรียกจิตตานุปัสสนาวิปัสสนากรรมฐาน เป็นบ้าอะไรไม่ดูกิเลส กิเลสใครกิเลสมัน แต่นิพพานแล้วทะเลมีรสเค็มฉันใด ภาวะนิพพานก็ปราศจากเครื่องร้อยรัดคือกิเลส กำจัดได้หมดสิ้น
     
  7. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ...ตัวตนแห่งบุคคล สถานที่ช่วงเวลา อันน่าประทับใจ ที่ความทรงจำนี้ผุดเอามานึกมาคิด ก็จัดเป็นกิเลสอีกแบบหนึ่งที่ละเอียดขึ้นมาหน่อย แต่ยากที่จะห้ามความคิดอันไม่เที่ยงแท้แน่นอนนี้ได้ หากคิดดีมีสาระและเป็นประโยชน์ก็จัดเป็นกุศลจิต ให้ยกสติคือความระลึกรู้ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งเป็นผู้ดูผู้เห็นในตัวความคิดนี้ และหากจะให้ดีจริงก็ยกตัวอุเบกขาคือเข้าไปรู้พิจารณาจนเกิดปัญญามาเป็นตัวประคองจิตอีกชั้นหนึ่ง... อย่างนี้เป็นต้น
     
  8. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ..โมทนา หลักการสำคัญ คือ ทางสายกลาง คือความสมดุลของกายและจิตในการเข้าถึงธรรมต่างๆแต่ละขั้น นั่นเอง ...
    .......^__^........
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ....คุณลักษณะของ สติ คือการ ระลึกรู้(มีลักษณะเฉพาะ). ระลึกรู้อะไร ระลึกรู้ปัญจุปาทานักขันธิ์ ขันธิ์ 5อันเป็น ทุกข์อริยสัจจ์อยู่แล้ว.(ทุกข์ควรกำหนดรู้).....................เจริญสติปัฎฐานสี่หรือ สัมมาสติ..อันเป็นหนึ่งในองค์มรรค คือทางแห่งความพ้นทุกข์...เมื่อเจริญแล้ว ย่อมเกิดปัญญาอันยิ่ง อันเป็นผลที่ ยัง มาไม่ถึง...:cool:.........เคยดูรายการพื้นที่ชีวิต ตอนหนึ่ง วรรณสิงห์ และ นิ้วกลมคุยกันเรื่อง สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา...นิ้วกลมคิดว่า ภาวนามยปัญญา ก้ คือการคิดในรูปแบบหนึ่ง แต่วรรณสิงห์ก็ให้ข้อ สังเกตุว่า มัน อาจจะไม่ใช่ความคิด...เช่นเมื่อเรา ยังปั่นจักรยานไม่เป็น ว่ายน้ำไม่เป็น เราอาจจะยังมีความคิด...แต่เมื่อ เราปั่นจักรยานเป็นแล้ว ว่ายน้ำเป็นแล้ว เรา อาจจะไม่ได้ใช้ความคิด นั้นแล้ว เพราะ เราเป็น แล้ว.....ผล ย่อม มา จากการเจริญมรรค..:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2014
  10. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    อนุโมทนาสาธุ ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงธรรม ขอสรรเสริญในพลังธรรมพลังปัญญาที่ท่านทั้งหลายสั่งสมกันมา โมทนา ^__^
     
  11. พระมหาอริย

    พระมหาอริย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3

แชร์หน้านี้

Loading...