อรรถธรรมคำแก้ว : หลวงปู่จาม

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 20 มีนาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อรรถธรรมคำแก้ว ( บทนำ )
    คำปรารภ
    หนังสืออรรถธรรมคำแก้วซึ่งเป็นการรวบรวมธรรมที่หลวงปู้จามมหาปุญโญได้แสดง ธรรมในโอกาสต่างๆซึ่งบางคำก็เหมือนเป็น “วรรคทอง” ของท่านเลย เพราะท่านได้พูดบ่อยๆ ก็เพื่อเป็นการเตือนสติและอบรมปัญญาแก่ลูกศิษย์ทั้งหลาย ทั้งฆารวาส ญาติโยม-พระเณร อยู่เสมอ เป็นการย้ำเตือนเพื่อไม่ให้เกิดความประมาท และละเลยการปฏิบัติ บางคราวมีลูกศิษย์มาขอบวช ท่านก็พยายามเตือนว่าการบวชปฏิบัติไมใช่ของที่จะทำเล่นๆแค่ตดใส่ผ้าเหลอง แล้วก็สึกออกไปกินเหล้า บวชมีหลายบวช ทั้งดีและไม่ดี ตามลักษณะดังต่อไปนี้ บวชหลบ, บวชลี้, บวชตามประเพณี, บวชหนีสงสาร, บวชผลาญข้าวสุก, บวชสนุกตามเพื่อน, บวชเปื้อนศาสนา, บวชหาบุญใหญ่, บวชไปนิพพาน

    ในการนี้ อาตมาภาพขออนุโมทนาในกุศลเจตนาคณะผู้รวบรวมขึ้นชื่อว่าการให้ (ธรรมเป็นทานย่อมชนะการให้ทั้งปวง) เพราะเป็นการให้ของที่เป็นประโยชน์ ทั้งผู้ให้และผู้รับ
    ด้วยความยินดียิ่ง
    พระเพชร อรุโณ
    ๒๖ กันยายน ๒๕๔๖

    ถ้อยคำนำทาง
    ข้าพเจ้าได้รวบรวมโอวาทธรรม คติธรรม สุภาษิต คำคม ที่ออกมาจากผอบแห่งวาจาของหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ จากที่ท่านเล่าสู่กันฟัง แสดงให้ฟัง แนะนำ ชี้แจง ในต่างวาระต่างโอกาส นับแต่อยู่ร่วมกับองค์ท่าน มาแต่เล็กแต่น้อย จนวันนี้


    ให้เข้าใจว่าคำพูดวาทะขององค์ท่าน มีภาษาอยู่หลายสรรพสำเนียง มีทั้งภาษาผู้ไทย ภาษาคำเมือง ภาษากลาง ภาษาอีสาน ปะปนกันอยู่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะองค์ท่านได้ผ่านไปในท้องถิ่นนั้นจึงได้เก็บภาษาเอาไว้ แต่ก็ได้แปลศัพท์เอาไว้บ้าง พอได้แนวทางในการทำความเข้าใจ

    ส่วนโอวาทธรรมนั้นได้รวบรวมจากที่องค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ได้เมตตาแสดงไว้ในระหว่างพรรษาปี ๒๕๔๖
    เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า องค์ท่านเป็นบุคคที่หาได้ยากยิ่งผู้หนึ่งควรที่เราทั้งหลายจะได้กราบไหว้ บูชา และเรียนรู้คุณธรรมอันเป็นธรรมมงคลนี้ ต่อไป


    สวัสดี
    พระธมฺมธโร ( แจ๋ว )
    ผู้รวบรวม
    ๒๕๔๖
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]
    บรรดาสานุศิษย์ ที่อยู่ร่วมสำนัก และได้รับคำสอนขอบองค์ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโตเถรต่างยกย่องเชิดชูองค์ท่านเหนือเกล้าว่าเป็น " พระบูรพาจารย์ " ผู้ขจัดความมืดมน เป็นดุจผู้ยังประทีปให้สว่างไสวในที่มืด ได้ยึดหลักธรรมที่องค์ท่านให้ไว้เป็นเนติแบบอย่างดำเนินรอยตาม และยอมรับโดยดุษฎีด้วยหลักเหตุผลอันงดงามที่ต่างเคยสัมผัสองค์ท่ายพระ บูรพาจารย์ว่า

    สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ
    ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน
    สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพา ความ สะอาดพึงได้รู้ได้ด้วยการทำงาน
    สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา

    ปัญญาธรรมขององค์ท่านพระอาจารย์มั่น ถือเป็นอมตานุสสรณียธรรม มูลมรดกชิ้นเอกที่หาผู้แสดงได้ยากในปัจจุบัน
    กุลบุตร กุลธิดา ผู้มาสุดท้ายภายหลังพึงน้อมรับสารธรรมนี้ มาประพฤติให้สมกับได้อัตภาพฐานะความเป็นมนุษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น เป็นบูรพาจารย์ผู้ให้เมตตาธรรมโดยแท้ สมกับนามมคธฉายาท่านว่า ภูริทตฺโต : " ผู้ให้ปัญญาประดุจดั่งแผ่นดิน "

    พ.ศ. ๒๔๘๙
    ณ เสนาอาสนะป่าบ้านหนองผือ ต. นาใน อ. พรรณานิคม
    จ. สกลนคร

    หลวงปู่จามไปพักที่วัดบ้านนาในกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร ต่อจากนั้นหลวงปู่หลุยจึงพาหลวงปู่จามเข้ากราบหลวงปู่มั่น ซึ่งพักอยู่บ้านหนองผือนาใน แล้วเรียนท่านว่า “ สามเณรจาม ตอนนี้บวชเป็นพระแล้วครับกระผม ”
    หลวงปู่มั่นกล่าวว่า “ บวชแล้ว เพราะท่านมีนิสัยนักบวช ” หลวงปู่มั่นจึงให้โอวาทแก่หลวงปู่จามว่า “ เมื่อก้าวมาสู่หนทางแห่งความดี ต้องเดินหน้าสู้ทน ตายเป็นว่า ( ตายเป็นตาย ) อยู่เป็นว่า ( อยู่เป็นอยู่ ) เหตุเพราะทางอื่นนั้นปราศจากความร่มเย็น ไม่เป็นความสุข อันนี้ความดีจะเป็นผลของตน ผู้เดินอยู่ในทางนี้ตลอดไปนั้น จิตใจก็อยู่ใกล้ธรรมอยู่กับธรรมไม่ละทิ้งความดี ตนก็จะเป็นผู้ราบรื่น ร่มเย็น ผาสุกอยู่ได้ในปฏิปทาแห่งตน ”
    ต่อจากนั้นหลวงปู่มั่นก็เทศนาต่อไปว่า “ ให้ตั้งใจเจริญพุทธคุณ ตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า ถือด้วยใจ ปฏิบัติด้วยใจ เจริญพุทธเนตฺติ ด้วยการประพฤติเพื่อความหนักแน่นในธรรม ผู้ถึงพระพุทธเจ้าด้วยหัวใจเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงธรรมทรงวินัยอยู่ได้
    อตฺตทนฺตํ ฝึกตนด้วยดี หนาแน่นด้วยพุทธคุณทั้งหลาย
    สมา หิตํ มีใจมั่นคง หนักแน่นสมเป็นบรมครู
    เทวาปินํ นมสฺสามิ เทพเทวาทั้งหลายก็นอบน้อม
    พฺรหฺมมุนาปิ ปสํสิโต แม้พรหมก็สรรเสริญ ชาวโลกก็นิยม
    อรหนฺตสมฺมาส มฺพุทโฺธ เป็นพระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นเอง ตกแต่งมาด้วยตนเอง เป็นผู้ประมาณตนมาด้วยธรรมโดยตลอด
    จิตของท่านผู้เข้าสู่นิพพานได้นั้น ท่านก็กำหนดรู้จิตรู้ใจของท่านเช่นกัน แต่ให้รู้เฉพาะ การบุญ การบาป การทุกข์ การโทษ สารธรรม และอสารธรรมเท่านั้น
    รู้ด้วยการวางใจใน การทาน การศีล การสมาธิ การปัญญา

    รู้ ด้วยการวางใจในสัตว์ ในบุคคล ในตัวตน ในเรา ในเขา ในเทพเทวา ในหมู่พรหม ในหมู่นรกเปรตผี

    กำหนดรู้จนได้ หมายเป็นว่ารู้ แต่ไม่ถือรู้ ไม่ถือจิต ไม่ถือใจวางใจคืนแก่อนัตตาธรรม

    วางใจไว้ ดุจแผ่นดินเหมือนแผ่นดินวางต่อการรองรับสรรพสิ่ง

    แม้ภพ แม้วิภพ ก็วางคืนแก่ภพและวิภพ
    เป็นเช่นนี้ก็เป็นผู้เข้าสู่นิพพานได้ ”


    เมื่อเทศน์จบหลวงปู่มั่นหันมาสำทับว่า “ ท่านจามเข้าใจไหม จำไว้ให้ดีนะ ”
    เมื่อลากลับไปที่วัดบ้านนาใน หลวงปู่จามซาบซึ้งในคำสอนนี้ด้วยความปีติสุขใจยิ่ง พยายามทบทวนจำไว้ให้ขึ้นใจ จะได้ไม่ลืม เพราะถือว่าคำสอนนี้เป็นกุญแจสำคัญแห่งชีวิตนี้


    ต่อมาก็ได้มีโอกาสฟังธรรมจากหลวงปู่มั่นในวาระครั้งสำคัญ โดยหลวงปู่จามได้อธิษฐานจิตถามหลวงปู่มั่นล่วงหน้าไว้ ๔ ครั้ง ปรากฏว่าหลวงปู่มั่นทราบด้วยญาณทัศนะและเทศนาในเรื่องที่ต้องการทราบ
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ครั้งที่ ๑ หลวงปู่จามมีความสงสัยว่า “ คนที่ได้ธรรมะเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้ธรรมะ ปฏิบัติอย่างไร ” จึงอธิฐานถามท่านหลวงปู่มั่น
    คืนวันนั้นหลวงปู่มั่นยก “ หิริโอตฺตปฺป ” ขึ้นมาเป็นหัวข้อแสดงพระธรรมเทศนา อธิบายธรรมะไว้ดังนี้
    “ บุคคลผู้ทรงธรรม มีธรรมบริสุทธิ์ สะอาด มีใจมั่นคงในธรรม เป็นบุคคลผู้ได้ธรรม รู้ธรรมทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นสัตตบุคคล “ หิริโอตฺตปฺปสมปนฺนา สุกฺกธมฺมสมาหิตา
    สนฺโตสปฺปุริสาโลเก เทวธมฺมาติ วุจฺจเร ”
    หิริธรรม เป็นอัชฌัติกาธรรม เป็นธรรมภายใน มีตัวเป็นใหญ่ ละอายแก่ตัว ละอายบาป ละอายชั่ว

    หิริธรรม ขาวสะอาดตั้งอยู่ได้เพราะเป็นผู้มีสติ มีขันติธรรม นี่ส่วนภายใน ส่วนภายนอกนั้นเป็นบุคคลผู้คำนึงในชาติตระกูลของตน อายุวัยของตน หนทางข้างหน้า ปฏิปทาของตน

    ผู้ทรงหิริธรรมจึงเป็นผู้กล้าหาญเด็ด เดี่ยว

    โอตฺตปฺธรรม เป็นพหิทธาธรรม เป็นธรรมภายนอก มีผู้อื่นเป็นเหตูอ้าง มีโลกเป็นเหตุอ้าง กลัวต่อผลของความชั่ว กลัวต่อบาปกรรมทุกข์โทษ นี่ส่วนภายใน แต่ส่วนภายนอกนั้นเป็นบุคคลผู้มีโสรัจจธรรม เป็นผู้สงบต่อกิเลสทั้งปวง อีกทั้งเป็นผู้คำนึงในธรรมของตนอยู่เสมอ เกรงแก่ใจของบุคคลอื่น กลัวต่อคำติเตียนของประชุมชน เกรงต่อท่านผู้รู้ แม้ในที่สุดอาชญาจองจำให้โทษแก่ร่างกาย เป็นต้น

    ผู้บริบูรณ์ด้วย หิริโอตตัปปะนี้จึงเป็นผู้ทรงศีลทรงวินัย ตั้งอยู่ในสังวร เมื่อตั้งอยู่ในสังวรธรรมแล้ว อวิปปฏิสาร ( ความไม่เดือดร้อน ) ความเดือดร้อนใดๆก็เป็นอันตัดขาดไป

    เมื่อเป็นผู้หาโทษไม่ได้แล้ว ความปราโมทย์ ความปีติ ปัสสัทธิ สุขสมาธิธรรม ก็เกิดได้ตามมา เมื่อธรรมเหล่านี้สมบูรณ์ในตนแล้ว ความรู้ในธรรมทั้งหลาย ความรู้เห็นเป็นจริงตามธรรมก็ปรากฏขึ้นมา เป็นของเฉาะแก่ตน

    รู้ อัชฌัตตพหิทธาธรรม ธรรมอันมีภายนอกและภายใน บังเกิดโยนิโสมนสิการ พิจารณาโดยไตรลักษณญาณแห่งตนจนเป็นไปได้ถูกทางถูกธรรม

    นิพพิทา ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นแล้ว วิราคะความคลายตนออก เพิกกิเลสออกไป จึงเป็นวิมุตติบุคคล เป็นบุคคลผู้หลุดพ้น วิสุทธิ ผู้บริสุทธิ์โดยแท้

    ผู้ วิสุทธิทั้งนอกทั้งใน ทั้งภายนอกและภายในจึงเป็นผู้ได้ธรรม เป็นพระอรหันต์เจ้าแน่แท้

    ส่วนผู้พรั่งพร้อมด้วยกามคุณวุ่นวาย ด้วยกิเลสคลุกเคล้าอยู่ด้วยตัณหา บ้าหน้าบ้าหลังอยู่กับอุปาทานอยู่ตราบใด เหตุไฉนจึงจะเป็นสัตตบุคคลผู้ได้สุกกธรรมได้

    หิริโอตตัปปะ เป็นต้นทางของธรรม ผู้ขาดหิริโอตตัปปะ ย่อมทำบาปได้วันยังค่ำ ”
    พระสงฆ์ที่พักอยู่ตามสถานที่ต่างๆ จะมารวมตัวกันฟังธรรมเสมอ เมื่อหลวงปู่มั่นเทศนาจบลงก็หันหน้ามองไปที่หลวงปู่จาม แล้วถามเป็นเชิงปรารภว่า
    “ เป็นอย่างไรท่านจาม ผู้ได้ธรรมเป็นอย่างนี้เข้าใจไหม ”
    หลวงปู่จามตอบว่า “ เข้าใจครับกระผม ”
    บรรดาพระสงฆ์ที่นั่งฟังก็หันมามองหลวงปู่จามกันทั้ง หมด

    เมื่อหลวงปู่จามกลับไปที่พักก็รีบนั่งภาวนาเพื่อทบทวนคำสอนของ หลวงปู่มั่น เพื่อให้จำไว้อย่างขึ้นใจ
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ครั้งที่ ๒ หลวงปู่จามอยากรู้เรื่อง “ พระธรรมวินัย ว่าธรรมอย่างหยาบ ธรรมอย่างกลาง ธรรมอย่างละเอียด เป็นอย่างไร ” จึงได้กำหนดจิต อธิษฐานถามหลวงปู่มั่น และหลวงปู่จามก็คิดนึกในใจต่อไปว่า “ อยากรู้ถึงปฏิปทาภพชาติของตนเองด้วย ” ในคืนนั้นหลวงปู่มั่นได้เทศนาดังนี้
    ท่านยกหัวข้อธรรมขึ้นว่า
    “ หีนาธมฺมา มชฺฌิมาธมฺมา ปณีตาธมฺมา ” แล้วอธิบายธรรมและวินัยควบคู่กันไปให้รู้เข้าใจกระจ่าง และได้แจกแจงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเที่ยงคืนพอดี
    ครั้งที่ ๓ หลวงปู่จามอยากรู้เรื่องอภิธรรม พอตอนกลางคืน หลวงปู่มั่นก็เทศนาเริ่มต้นที่มูลกัจจายนะ จากนั้นก็แสดงพระอภิธรรมจนเป็นที่เข้าใจได้ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
    ครั้งที่ ๔ มี ๒ เหตุการณ์ที่สำคัญกล่าวคือ

    เหตุการณ์แรก มีพระผู้เฒ่าหลวงพ่อหลวงตาเข้าไปศึกษาธรรมะกับหลวงปู่มั่น มีพระผู้เฒ่าองค์หนึ่งนิสัยโลภ แสดงออกทางโลภอาหารเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน

    หลวงปู่มั่นก็เทศนา เรื่อง “ ความโลภทำให้เสียธรรม ” เป็นอุบายไล่พระหลวงพ่อองค์นี้ ต่อมาในวันรุ่งขึ้นพระองค์นั้นก็หายไป ไม่กล้ามาฟังธรรมและพักอาศัยอีกต่อไป

    เหตุการณ์ที่สอง หลวงปู่จาม เกิดข้อสงสัยว่าเราเองก็ทำความเพียรอย่างจริงจังมากแต่ไม่ค่อยได้ผลดีตามที่ ปรารถนา พระองค์อื่นก็คงเป็นเช่นเดียวกับเราคงมีอีกไม่ใช่น้อย จึงอธิษฐานจิตถามหลวงปู่มั่นไว้ล่วงหน้า

    หลวงปู่มั่นได้เทศนากัณฑ์ แรกจบไปก็เริ่มเทศนาเตือนสติในตอนท้ายว่า “ เอาจริงเอาจังเกินไป หรือขวนขวายพยายามพากเพียรมากไปแต่ขาดปัญญา ก็เป็นเหตุให้ใจดิ้นรนอยากได้ อยากเป็น อยากเห็น อยากสำเร็จ อยากบรรลุธรรม

    โลโภธมฺมานํ ปริปนฺโถ ความอยากของตนจึงเป็นอุปสรรคของตน จึงให้ดูใจดูตนของตนด้วยสติปัญญา ”

    เมื่อเทศน์จบหลวงปู่มั่นก็หัน หน้ามาถามหลวงปู่จาม แล้วถามว่า “ เป็นอย่างไรท่านจาม ความโลภเป็นอย่างนี้เข้าใจไหม ”
    หลวงปู่จามตอบอย่างเคารพนอบน้อมเป็นที่ สุดว่า “ เข้าใจซาบซึ้งเป็นที่สุดครับกระผม ”
    ..................................................................................................................................
    ขอขอบคุณที่มาบทความ : หนังสือ อรรถธรรมคำแก้ว วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ( หลวงปู่จาม ) ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อรรถธรรมคำแก้ว ( ตอนที่ 1 )
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์ตามลำดับพรรษา
    ราย นาม อุปสมบท/ญัตติ
    ๑.พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐

    ๒.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๐

    ๓.หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๓ - ๒๔๓๕ (ญัตติ)

    ๔.หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖

    ๕.หลวงปู่บุญ ปญฺญาวุโธ พ.ศ. ๒๔๔๙

    ๖.หลวง ปู่จูม พนฺธุโล ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๒

    ๗.พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิรา จารย์ (หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม) ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๙

    ๘.พระ ราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) พ.ศ ๒๔๖๑ (ญัตติ)

    ๙.พระอาจารย์ กู่ ธมฺมทินฺโน พ.ศ ๒๔๖๖ (ญัตติ)

    ๑๐.พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญา วิศิษฏ์ ( หลวงปู่เทสก์ เทสฺรังสี ) ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖

    ๑๑.หลวง ปู่บุญมา ฐตเปโม ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๗

    ๑๒.หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๓ ปีชวด พ.ศ. ๒๔๖๗ (ญัตติ)

    ๑๓.หลวง ปู่ชอบ ฐานสโม ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗

    ๑๔.หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘(ญัตติ)

    ๑๕.หลวงปู่ขาว อนาลโย ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘(ญัตติ)

    ๑๖.หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๘(ญัตติ)

    ๑๗.หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ พ.ศ. ๒๔๗๐ (ญัตติ)

    ๑๘.หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ (ญัตติ)

    ๑๙.พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ (ญัตติ)

    ๒๐.หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พ.ศ. ๒๔๗๑

    ๒๑.หลวงปู่สาม อกิญฺจโน ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ (ญัตติ)

    ๒๒.พระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส) ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ (ญัตติ)

    ๒๓.พระญาณสิทธาจารย์(หลวงปู่สิม พุทธาจาโร) ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๒

    ๒๔.หลวงปู่ซามา อจุตฺโต ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๓ (ญัตติ)

    ๒๕.พระธรรมวิสุทธิโสภณ (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗

    ๒๖.พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๒

    ๒๗.หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๒

    ๒๘.พระ อุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕

    ๒๙.พระ อาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ๒๔มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๖(อุปสมบทใหม่)

    ๓๐.พระ อาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๗

    ๓๑.หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘ (ญัตติ)​
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]

    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ

    หลวงปู่จามมหาปุญโญ
    ปูชนีย์แห่งธรรม
    สังเขปประวัติ : หลวงปู่จาม มหาปุญโญ นับหนึ่งในอาจาริยาจารย์ที่ถือเคร่งในพระธรรมวินัย มั่นคงในพระปรมัตถ์ วิปัสสนา กรรมฐาน ดำเนินชีวิตในมรรคธรรม ออกเที่ยววิเวกรุกขมูลหาความสงบนิ่ง จนทราบถึงรสพระธรรม นับได้ว่าเป็นผู้แตกฉานโดยมิได้พักสงสัย
    กำเนิด : เป็นคนตระกูลชนเผ่าผู้ไทย สกุลผิวขำ ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ
    บิดาชื่อ กา ( ภายหลังอายุ 60 ปี บวชเป็นพระได้ 6 พรรษาจึงได้มรณะภาพ )
    มารดาชื่อ มะแง้ ( ภายหลังบวชชีได้36 พรรษาจึงถึงแก่มรณะภาพ)
    เกิดวันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม 2453 ขึ้น 10ค่ำ เดือน 6 ปีจอ เป็นบุตรคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้องร่วมอุทรทั้งหมด 9 คน
    บรรพชา : ครั้งที่ 1 ตั้งใจบวชติดตาม องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เมื่ออายุ15ปีที่วัดสุทัศนาราม เมืองอุบล พระมหารัฐ รัฐปาโล เป็น พระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม นำไปบวช ก่อนหน้านี้ 8 เดือน ได้บวชเป็นตาปะขาว(ตาผ้าขาว) อยู่จำพรรษากับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เสนาสนะบ้านหนองขอน อ. หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ

    ในปีนั้นตกหน้าแล้งองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เดินธุดงค์เข้ากรุงเทพฯ ได้มอบสามเณรให้อยู่ในความดูแลของพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ต่อมาไม่นานก็เคลื่อนย้ายหมู่คณะสงฆ์สามเณรไปตั้งกองทัพธรรมอยู่จังหวัด ขอนแก่น

    อายุ19ปี ได้ลาสิกขาออกมาเพื่อรักษาโรคเหน็บชา อันเนื่องมาแต่ตกกระไดกุฏิ และการประกอบความเพียรมากเกินไป เช่น นั่งภาวนาในน้ำ ถือไม่นอน และ ฉันน้อย เป็นต้น

    ครั้งที่2 เมื่ออายุ 29ปี ที่วัดป่าบ้านโคกคอน อ. ท่าบ่อ จ.หนองคายพระอาจารย์ คำพัน กนฺตสีโล เป็นบรรพชาจารย์ บวชเพื่อหนีอุปสรรค คือ บวชป้องกันมาตุคามหญิงสาวคนงามอำเภอบ้านผือที่มารบเร้าขอร่วมชีวิต ในขณะระหว่างเดินทางไปเพื่ออุปสมบท
    อุปสมบท : เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2482 เวลา 20.32 น.
    ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ. อุดรธานี
    พระเทพกวี ( จูม พันธุโล ) เป็น พระอุปัชฌาย์
    พระครูศาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระครู ประสาทคุณากิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ย้อนไปแต่ยุคสมัยที่เป็นเด็ก น้อยฝึกหัดปฏิบัติ
    พระธุดงค์กรรมฐานอยู่วัดหนองน่องมาจนสมัยเป็น ตาผ้าขาว เป็นสามเณร เป็นพระภิกษุ หลวงปู่จาม ได้ศึกษาสังเกต เรียนรู้รับใช้ ปรนนิบัติ และศึกษาธรรมจาก

    พระปรมาจารย์ - องค์หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
    พระบูรพาจารย์ - องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    พระ เถระชั้นครู อาทิ
    พระอาจารย์ สิงห์ ขนฺตยาคโม
    พระอาจารย์ มหาปิ่น ปญฺญาพโล
    พระอาจารย์ อ่อน ญาณสิริ
    พระอาจารย์ ชอบ ฐานสโม
    พระอาจารย์ หลุย จนฺทสาโร
    พระอาจารย์ ขาว อนาลโย
    พระ อาจารย์ ฝั้น อาจาโร
    พระอาจารย์ แหวน สุจิณฺโณ
    พระอาจารย์ กงมา จิรปุญฺโญ
    พระอาจารย์ ลี ธมฺมธโร
    พระอาจารย์ น้อย สุภโร
    พระ อาจารย์ ตื้อ อจลธมฺโม
    พระอาจารย์ สิม พุทธาจาโร
    พระอาจารย์ มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
    พระอาจารย์ ชา สุภทฺโท
    ตลอดจนศึกษากับพระสุปฏิปันโนสายเมืองเหนืออีกหลายรูปหลายองค์ อาทิ ครูบาไชยา, ครูบาคำแสน คุณาลังกาโร, ครูบาพรหมจักร, ครูบาอินทิจักร, ครูบาธรรมจักร, ครูบาทิ, ครูบาขาวปี เป็นต้น ทำให้หลวงปู่จามได้ซึมซับข้ออรรถอุบายธรรม นิสสัยโกศล มาโดยลำดับอย่างลึกซึ้ง
    วัดป่าวิเวก เดิมอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านเป็นที่อยู่จำพรรษาของ
    วัฒนาราม: หมู่ใหญ่ของพระธุดงค์กรรมฐาน ชื่อวัดหนองน่อง ก่อนปี

    2464 องค์ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    2468 องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    2471 พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พร้อมหมู่สงฆ์อยู่จำพรรษา
    2478 พระอาจารย์บัญชี ได้ย้ายมาอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านห้วยทราย แล้วอยู่จำพรรษาพร้อมหมู่พระเณรกรรมฐาน
    2495 พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน พร้อมด้วยหมู่คณะมาจำพรรษา จนลุขึ้นปี2498 และได้ตั้งชื่อใหม่ จากวัดหนองน่อง เป็นวัดป่าวิเวกวัฒนาราม
    2499 พระอาจารย์สม โกกนุทฺโท พร้อมหมู่เณรจำพรรษา
    2500 พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร อยู่จำพรรษา
    2501 พระ อาจารย์ศรี มหาวีโร อยู่จำพรรษา
    2512 หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ มาอยู่จำพรรษาจนปัจจุบัน พ.ศ. 2546
    การพัฒนาวัด : หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ มีแนวคิดเน้นในธรรมชาติ สิ่งต่อเติมก่อสร้าง กุฏิ ศาลาธรรม และพระเจดีย์ ให้กลมกลืน เงียบสงบ ท้าทาย ร่มรื่น และอบอุ่น

    ชีวิตผลงานที่ทรงคุณ ค่า คุณความดีที่เป็นประวัติศาสน์นับเป็นปฏิปทาที่เจริญตามแบบแห่งองค์พระ พุทธเจ้า ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง เชิดชู ควรยึดไว้ ควรระลึก ควรแก่การนำไปประพฤติปฏิบัติตามยิ่งนัก
    ประวัติเจดีย์ : เจดีย์บู่ทองกิตติ สร้างขึ้นโดยการปรารภของหลวงปู่จาม มหาปุญโญ สำหรับเป็นที่เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระธาตุของพระอรหันต-สาวกหลายองค์ อาทิ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสีวลี พระอุปคุต เป็นต้น พระธาตุดังกล่าว มีจำนวนมากมายกว่าที่พบในที่อื่นๆ มีคหบดีคือ คุณแม่บู่ทอง กิตติบุตร สานุศิษย์ ของหลวงปู่จาม ซึ่งมีเชื้อสายเป็นเจ้านายเก่าจากจังหวัดเชียง- ใหม่ มากราบไหว้หลวงปู่และได้บริจาคเงินสร้างเจดีย์องค์นี้เป็นจำนวนหนึ่ง และได้เริ่มลงมือก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ ใช้ศิลปะช่างพื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ ควบคุมการก่อสร้างโดยหลวงปู่จาม สร้างแล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐
    ................................................................................................................................
    ขอขอบคุณที่มาบทความ : หนังสือ อรรถธรรมคำแก้ว วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ( หลวงปู่จาม ) ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>[​IMG]</td><td colspan="2">
    </td></tr> </tbody></table> [​IMG]อรรถธรรมคำแก้ว ( ตอนที่ 2 )
    คนเรามันจนความดี
    มันไม่จนความชั่ว
    จนความชั่วนั้นมันดี
    ................................................................................................................................
    บทภาวนาประจำ ของ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
    พุทธานุภาเวนะ
    ธัมมานุภาเวนะ
    สังฆานุภาเวนะ
    สีลานุภาเวนะ
    จา คานุภาเวนะ
    เมตตานุภาเวนะ
    เทวดานุภาเวนะ
    ................................................................................................................................
    ที่สูงเป็นดำ
    ที่ดำเป็นขาว
    ที่สั้นเป็นยาว
    ที่มั่นเป็นคลอน
    ที่ หย่อนเป็นตึง
    ชั่วเป็นผี
    ดีเป็นคน
    จนเป็นทาส
    ฉลาดเป็นครู
    อวดรู้เป็นพาล
    ..........................................................................................................................
    1.
    พระพุทธเจ้าผู้เห็นทุกข์แล้วพ้นได้
    พระอรหันต์ผู้เห็นตามแล้ว พ้นได้
    พระอริยเจ้าผู้เรียนตามแล้วปลดเปลื้องออกได้
    เหลือไว้แต่ตัว เราพวกเราเดี๋ยวจะอย่างใด
    .........................................................................................................................

    ปากนั้นอู้ธรรม
    ใจนั้นดำเหมือนมินหม้อ
    (อู้ - พูด, มินหม้อ – เขม่าติดหม้อ)
    ............................................................................................................................

    อยู่วัดสามปี ตีหัวจัวน้อย
    (จัว – สามเณร)
    ...........................................................................................................................

    คนดีเหมือนไม้ผลดก
    วันศีลไม่ละ วันพระไม่เว้น
    .............................................................................................................................

    วันพระไม่ขะลำ วันคำไม่เว้น
    (ขะลำ – เว้น, วันคำ – วันโกนวันพระ)
    ...........................................................................................................................
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    บทภาวนาประจำภพชาติ พุทโธ โหมิ
    ธมฺโม โหมิ
    สงฺโฆ โหมิ
    นิพพาน ปจฺจยฺโย โหนฺตุ
    ...........................................................................................................................

    ครั่งใกล้ไฟ ไขใกล้แดด
    ใบบอนใกล้หนาม น้ำตาลใกล้มด
    หนุ่มใกล้ สาว หรือจะอดอยู่ได้
    ...........................................................................................................................

    สันดานแมงภู่ บ่อยู่อ้อยอิ่ง
    สันดานแมงพิ้ง อ้อยอิ่งต่อยตอม
    (แมง พิ้ง - แมลงหวี่)
    สันดานแมลงวันใจมันถึงคูถ
    สันดานแมงผึ้งใจมันถึงน้ำหวานเกสร
    ...........................................................................................................................
    2.
    บาปไม่เห็น เป็นตนเป็นตัว
    บุญไม่เห็น เป็นตนเป็นตัว
    ใจไม่ เห็น เป็นตนเป็นตัว
    แต่เป็นของมีฤทธิ์
    3.
    อย่าทำแบบโลก
    ให้ทำแบบธรรม
    ...........................................................................................................................

    เยียะหื้อเปิ้นฮัก ยากนักจักหวัง
    เยียะหื้อเปิ้นชัง กำเดียวก็ได้
    (ทำ ให้เพิ่นรัก, ทำให้เพิ่นชัง, กำเดียว - ขณะครู่เดียว)
    ...........................................................................................................................

    หลงตัวลืมตาย
    หลงกายลืมแก่
    หลงกามคุณลืมพ่อแม่
    ไม่มีพอ เพราะพอไม่เป็น
    ความพอ ไม่มีในโลก
    โลกคือ ใจนี้มีกิเลส
    ...........................................................................................................................

    บทรำลึกก่อนภาวนา
    พุทโธ เม นาโถ
    ธมฺโม เม นาโถ
    สงฺโฆ เม นาโถ
    นิพพาน ปจฺจยฺโย โหนฺตุ
    ...........................................................................................................................

    เสียเงินเสียคำ ฮิหาได้
    เสียน้ำใจ๋ จะหาไหนมาม่อ
    ( ฮิ – ก็, หาก , ม่อ -ที่ไหน)
    ...........................................................................................................................

    อยากมีความฮู้
    อย่าหลบหลู่ครูอาจารย์
    อยากเป็นหนี้ ให้เป็นนายหน้า
    อยากเป็นขี้ข้า ให้เป็นนายประกัน
    ...........................................................................................................................

    เฮาแฮงน้อย อย่าไปหาบหนัก
    กอนแอวบ่หัก คีงหลังจะก่อง
    (เราแรง น้อย, กอนแอว – บั้นเอว, คีงหลัง – สันท่อง, ก่อง - โก่ง)
    ...........................................................................................................................
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    4.
    ข้าวเปลือกแกะเปลือกออกเป็นข้าวสาร
    ไม่งอกขึ้นฉันใด
    ใจเรา ก็ฉันนั้น
    หากแกะเปลือกอันห่อหุ้มใจออกไปได้
    ก็เป็นดวงใจอันบริสุทธิ์
    ให้ รู้จักชำระกากของใจออกไป
    ...........................................................................................................................
    อยู่คนเดียวอย่างสงบ
    ดีกว่าคบพบปะคนพาล
    เด็กน้อย บ่ฮู้หนาว
    หนุ่มสาว บ่ฮู้ไข้
    คนเฒ่า บ่ฮู้ตาย
    (บ่ฮู้ - ไม่รู้)
    เฒ่าแก่แล้ว บ่ต้องมาสอน
    ไม้ขอนนอนมันตึงบ่ดัง
    (ตีไม้ขอนนอนมันไม่ ดัง)
    ...........................................................................................................................
    5.
    ฝึกฝนตนเอง
    สะสมความดี
    ให้เป็นนิสสัยปัจจัยเอาไว้
    เหตุ ปจฺจยฺโย
    ทำเหตุอันใดไว้
    ย่อมได้รับผลเป็นปัจจัยอันนั้น
    ...........................................................................................................................

    ฟ้าฮ้องก่อนฝน
    คนเมาก่อนเหล้า
    (ฮ้อง – ร้อง)
    ไม่มีสิ่งใด ไม่ใช่ การศึกษาเรียนรู้โลก
    สิบปีอาบน้ำบ่หนาว
    ซาวปี แอ่วสาวบ่ก๊าน (20ปี)
    สามสิบปีบ่หน่ายสงสาร
    สี่สิบปีทำงานเหมือนฟ้า ผ่า
    ห้าสิบปีสาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ
    หกสิบปีไอเหมือนฟานโปก (ฟานร้องโปกๆ)
    เจ็ดสิบมะโฮกเต็มตัว (มะโฮก – ตกกระ)
    แปดสิบหัวเหมือน ไห้ (หัวเราะเหมือนร้องไห้)
    เก้าสิบบ่ดีจักอย่าง
    ร้อยปีไข้ก็ตายบ่ไข้ ก็ตาย
    ...........................................................................................................................
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    6.
    อย่าถือความเห็นผิด
    อย่าถือทิฎฐิอันผิด
    ในความเห็นใดๆต้อง วางให้หมด
    ตนของตน
    จึงจักรู้ธรรมะของเราตถาคต
    ...........................................................................................................................
    เมียไต่ความผัว
    จัวไต่ความพระ
    มันไม่ดี
    (จัว – สามเณร)
    คบสมภารชวนไปชั้นฟ้า
    คบพ่อค้าอายุยืนหมื่นปี
    คบลัชชีตายวันนี้วัน พรุ่ง
    (ลัชชี – ผู้มียางอาย)
    ...........................................................................................................................
    7.
    การภาวนาชื่อว่ารักษาสมบัติของตน
    ภาวนารักษาใจให้อยู่ได้
    รักษา ใจให้ตั้ง
    ใจตั้งแล้ว จึงรู้จักธรรมะ
    ใจตั้งแล้ว บุญกุศล เกิดขึ้น
    ใจ ตั้งแล้ว สุขสงบ เกิดขึ้น
    ใจตั้งแล้ว เย็นอกเย็นใจ เกิดขึ้น
    ใจตั้ง แล้ว ความสว่าง เกิดขึ้น
    ใจตั้งแล้ว รู้ความรู้เหตุรู้ผลรู้ธรรม
    ฉะนั้น ให้รีบทำภาวนา
    ...........................................................................................................................
    ครูบาเฒ่า (พระเถระ)
    พระเจ้าเก่า (พระพุทธรูป)
    เจ้าเมิงจี (จี – น้อยหนุ่ม)
    อัคคีน้อย
    อย่าได้ประมาท
    แรง เหมือน มด
    อด เหมือน แร้ง
    แรง ดั่ง กา
    กล้า ดั่ง หญิง
    ...........................................................................................................................
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    8.
    รูปนามกายใจนี้
    พิจารณาเป็นวิปัสสนา
    จิตผู้รู้ จิตผู้เข้าใจ จิตผู้รู้จัก
    ทุกข์เพราะสังขาร
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
    อย่า ไปยึดมั่นในสิ่งมิใช่ตนมิใช่ตัว
    ปล่อยวาง
    รูปจิต เจตสิก ปล่อยคืนแก่โลกหมด
    ดับสังขารได้จึงได้นิพพาน
    คนได้เข็ญใจคอมันซ่าน
    คนขี้คร้านบ่ทำการงาน
    ถ่อยคนพาลบ่ฮู้จักธรรม
    ดอก ทองกวาวสีมันงามหายกลิ่น
    รู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ
    ไม่รู้ไม่ชี้เป็นหนี้เขาจนตาย
    บวช หลบบวชลี้
    บวชหนีสงสาร
    บวชผลาญข้าวสุก
    บวชสนุกตามเพื่อน
    บวช เปรื้อนศาสนา
    บวชปูบวชปลา
    บวชมาม่าไวไว
    ...........................................................................................................................
    9.
    บัณฑิตทั้งหลาย
    จึงสอนให้เจริญบริกรรม
    ระลึก พุทโธก็ดี ธัมโมก็ดี สังโฆก็ดี
    ระลึก ถึงความเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย ก็ดี
    ระลึก รู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี
    ระลึกถึงร่างกายก็ดี
    เหล่านี้เป็นบริกรรม คือเป็นเครื่องผูกมัด มิให้จิตแตกซ่านไปในที่อื่น
    ให้รู้อยู่กับอารมณ์ อันนั้น
    จดจ่ออยู่อย่างนั้น
    ...........................................................................................................................

    น้ำเข้ากับน้ำ
    น้ำมันเข้ากับน้ำมัน
    ดินเข้ากับดิน
    สนุก อย่านอน (อย่านอนใจ)
    เมียวอนอย่ายิน (อย่ายินดี)
    หากินอย่า คร้าน (อย่าเกียจคร้าน)
    เข้าบ้านอย่าอาย (อย่าเอียงอาย)
    ผีตายอย่า ขี้เหลียด (อย่ารังเกลียด)
    เพิ่นเคียดอย่าเคียดปัง (ปัง – โต้ตอบ)
    เพิ่น ชังอย่าชังตอบ
    ...........................................................................................................................
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    10.
    ร่างกายมันตายแต่ใจมันไม่ตาย
    สรีระร่างกายอันนี้มีแต่คร่ำ คร่ำไปทุกวันๆ ชำรุดไปทุกขณะ
    จะเอาสาระอะไรกับมันก็มิได้
    อย่าบำรุง แต่กายเกินไป
    ให้บำรุงใจนี้ให้มาก บำรุงด้วยธรรมะ
    ใจรับธรรมะนั้นมัน อิ่ม มันอิ่มไปนาน
    กายนี้กินแล้วถ่าย ถ่ายแล้วกิน กินแล้วหา
    หามาแล้ว กิน หมดแล้วก็หามาอีก
    ตั้งแต่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์เป็นต้นมาใครๆตายแล้วไม่ เห็น
    ได้เอาอะไรไปสักอย่าง
    ...........................................................................................................................
    เฮือนใกล้กว้าน (กำนัน ผู้ใหญ่ ผู้มีอิทธิพล เจ้านาย)
    บ้านใกล้วัด
    เป็น ทุกข์เสี้ยงอย่าง (ทุกข์สุดๆ)
    เอาลูกเขามาเลี้ยง
    เอาเมี่ยงเขามาอม
    ...........................................................................................................................

    11.
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    ก็ธรรมะอันเก่านี้
    พระวินัยอัน เก่า
    พระสูตรอันเก่า
    พระอภิธรรมอันเก่า
    เรามาฝึกฝน ก็ตั้งใจ
    มา ตั้งใจเรียนรู้ต่อยอดของเก่า
    เรียนให้จบให้ได้ในชาติชีวิตนี้
    ...........................................................................................................................

    แม่หญิง
    แม่ญาง
    แม่กะถางนางไข่
    แม่ไต่ความผัว (ไต่ความ – เถียง)
    แม่ขนครัวลงล่าง (ย่าง – เดิน)
    แม่ย่างเหมือนเหาะ
    แม่เลาะ เลียบรั้ว
    แม่ตูดตะกั่ว
    เคราะห์กระทำ กรรมข้อน
    เวรคอบ กระตอบเถิ่ง (มาถึง, ได้รับผล)
    (ข้อน – รวม, คอบ – ตอบแทน)
    ...........................................................................................................................
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    12.
    เดี๋ยวนี้พวกเกิดมาได้พบปะศาสนาของพุทธะ
    หน้าที่ของพวกเราควร คิดอ่านพิจารณาเพิ่มเติมความดี คือบุญกุศลของตน
    อย่าเข้าใจว่าบาปไม่มี
    อย่า เข้าใจว่าบุญไม่มี
    อย่าเข้าใจว่าโลกหน้าไม่มี
    อย่าเข้าใจว่าโลกนี้ไม่ มี
    อย่าเข้าใจว่านรกไม่มี
    อย่าเข้าใจว่าสวรรค์ไม่มี
    อย่าเข้าใจว่า พรหมไม่มี
    อย่าเข้าใจว่าพระนิพพานไม่มี
    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยเจ้า ท่านเป็นมาท่านพร่ำสอนมาเป็นลำดับๆ
    ผู้บารมีพร้อมทำความดี ได้ถึงที่สุดก็หลุดพ้นไปได้
    คิดอ่านให้ดีเถิด ...........................................................................................................................
    เด็กน้อยเป็นพญา
    หลวงตาเป็นสมภารเจ้าวัด
    อยู่ไม่เป็นสุขได้
    นา สองเหมิง
    เมิงสองเจ้า
    ผัวขี้เหล้า
    ข้าวหมูกวน (หมูป่ารบกวนนาข้าว)
    มัน เป็นทุกข์
    (เหมิง – หนองน้ำขนาดใหญ่, เมิง – เมือง, เจ้า – เจ้าแผ่นดิน)
    ...........................................................................................................................

    13.
    ความโลภ ความโกรธ ความหลง
    เราหาช่องทางปลดเปลื้องมันออก ไป
    โลภก็มาจากหลง
    โกรธก็มาจากหลง
    หลงเพราะขาดปัญญา
    หลงเพราะขาด ธรรมะ
    หลงเพราะขาดความสงบ
    สอนตัวเจ้าของให้มาก เตือนตัวเองให้มาก
    แม้ มันยากแสนยากก็ให้พยายาม
    ...........................................................................................................................

    พ่อขี้ยา
    นาตีนบ้าน (แปลงที่นาอยู่ติดที่พักอาศัย)
    มันเป็น ทุกข์
    หมอผึ้ง (คนปีนผึ้ง)
    หมอตาล (คนขึ้นตาล)
    แม่มาน (คนมีท้อง)
    ควาญ ช้าง
    หมอทอย (คนขึ้นไม้)
    ลอยน้ำ (ว่ายน้ำ)
    ความตายติดตามทุกย่าง ก้าว
    ...........................................................................................................................
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    14.
    สมถะ คือ จิตอยู่
    จิตตั้ง
    กรรมฐาน คือ ปฏิภาค อสุภะ กสิณ อนุสฺสติ
    พรหมวิหาร ปฏิกูล ธาตุ ฌาน
    วิปัสสนา คือ ทุกขํ
    อนิจจํ
    อนตฺตา
    อุคคหโกศล เป็นฐานของวิชชา
    ปฏิภาคโกศล เป็นฐานของความรู้จริงเห็นจริงตามจริง
    ผู้ จะเห็นธรรมะใจต้องตั้งอยู่ในธรรมสังเวชเสียก่อน ...........................................................................................................................
    ศิษย์สมภาร หลานเจ้าวัด
    มันดื้อ มันพาล
    มันไม่ยอมฟังคำของใครๆ
    ความ ดีต้องไม่ให้มีโทษ
    เพราะ ความดีนั้นเป็นธรรมะ
    ...........................................................................................................................
    ช่างเหล็กต้องตีเหล็ก
    ช่างปั้นหมอต้องตีหม้อ
    ครูอาจารย์หวังดีต่อ ลูกศิษย์ต้องตี
    ช้างมันดุเอาขอสับ
    เพื่อให้ดีงามเชิดหน้าชูตา
    ...........................................................................................................................
    15.
    สมบัติอันหายากที่สุด
    วิชชา
    ปัญญา
    ธรรมะ
    มรรค
    ผล
    นิพพาน
    สมบัติ นี้ใครก็ทำให้ใครก็มิได้
    ...........................................................................................................................
    อยากดูวัดให้ดูถาน
    อยากรู้สมภารให้ดูเณร
    (ถาน – ห้องน้ำห้องส้วม)
    กินข้าวให้มันได้ความคิด
    อย่าเมากิน อย่าเมาคิด
    ให้รู้จักตนเอง
    ...........................................................................................................................
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    16.
    เราภาวนานี้ให้
    รู้จักกายตน
    รู้จักใจตน
    รู้พลธรรม
    รู้ ว่าจิตมันตั้งยาก
    รู้อุบายแก้กาย แก้ไขใจ
    ตั้งใจให้ดี เสพสร้องความดี หลีกหนีความชั่ว
    ยึดถือเอาอินทรียธรรมเป็บาท ...........................................................................................................................

    คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
    คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
    คบคนจน พาตัว เราตกต่ำ
    (คนจนความดี)

    นักปฏิบัติ 3 จำพวก
    1.มีหวัง
    2.หมดหวัง
    3.ไม่หวัง
    ...........................................................................................................................

    17.
    เรื่องดีเรื่องชั่ว
    เรื่องทุกข์เรื่องสุข
    ล้วนเป็น เรื่องของโลก
    เราจะเป็นโลก หรือจะเป็นธรรม

    18.
    อดทนไว้ก่อน
    ทุกข์ก็ทน
    สุขก็ทน
    ทนต่อบุพกรรม ทุกอย่าง
    ให้เรารู้ว่าอยู่ตรงกลางของสุขทุกข์
    ...........................................................................................................................

    โง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้
    มันจมไม่ลง
    ช้างอวดงา
    หมาอวดเขี้ยว
    เงี้ยวอวดดาบ
    (เงี้ยว – ไทยใหญ่ ;พระไทยใหญ่ชอบสะพายไปไหนมาไหนเสมอ)
    ...........................................................................................................................
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    19.
    หาความดีใส่ตนของตนด้วยเน้อ
    อย่ามัวเมาหลาย
    อย่าเอามัวเมา มาเป็นประมาณในชีวิต เมาชีวิต เมาวัย เมาลูกหลาน เมากินเมาอยู่ เมาโลก เมาวิชชาความรู้ เมาอยู่เมาหา
    ศรัทธามันพาให้เห็นทุกข์เห็นตัวเอง
    สุตตะ พาให้เกิดความรู้ความใจ
    อดทน พาเอาชนะสิ่งใดๆได้
    วิริยะ พาให้พ้นทุกข์ได้
    ปัญญา รักษาตัวรักษาตนได้ ...........................................................................................................................

    จดจำไว้ให้ดี
    วิจารณ์ด้วยเหตุผล
    นำหน้าคนด้วยความประพฤติดีงาม

    อย่าเหยียบแผ่นดินผิด
    หาบน้ำไม่เป็นมันหกเรี่ยราด
    ...........................................................................................................................
    20.
    คนหาเสพด้วยสมาคมกับคนดี
    เป็นอยู่ไม่เบียดเบียนใครมีเจ้าของ เป็นต้น
    ไม่เบียดเบียนธรรมะของพระพุทธเจ้า
    หมั่นระวังรักษาตัวให้ สะอาด
    เหมือนหม้อน้ำหากข้างในมีน้ำพร่องไปมันก็จะกระฉอกออกได้
    หาก มันเต็มเปี่ยมยกไปเคลื่อนไปน้ำก็อยู่ได้
    ใจที่เต็มด้วยธรรมะ ก็ทรงอยู่ได้เป็นองค์พระธรรม

    21.
    ดีมันเกิดขึ้นแล้วก็รักษาเอาไว้
    ชั่วมันรุกล้ำใจก็ใช้ ปัญญาแก้ไข
    อย่าให้ตกนรก
    ...........................................................................................................................
    ขอขอบคุณที่มาบทความ : หนังสือ อรรถธรรมคำแก้ว วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ( หลวงปู่จาม ) ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>[​IMG]</td><td colspan="2">
    </td></tr> </tbody></table> [​IMG]อรรถธรรมคำแก้ว ( ตอนที่ 3 )
    กินน้ำตาลเคลือบยาขม
    ดีกว่ากินขนมเคลือบยาพิษ
    ....................................................................................................................

    หญิงสามผัว
    จัวสามโบสถ์
    ร่มไม้ใกล้ทาง
    อย่าห่างจากธรรม
    ....................................................................................................................

    22.
    การฝึกฝนอบรมธรรมะ ให้เกิดขึ้นในใจนี้
    อย่าเข้าใจว่ามัน หนักเกินกว่ากำลังของตน
    พอใจในการปฏิบัติ จดจ่อพากเพียร ใคร่ครวญ คิดอ่านแก้ไข
    ใช้ปัญญากำกับ
    อย่าอยาก
    อย่าโกรธให้เจ้าของ
    อย่า น้อยใจ
    ทำไปเท่าที่ตนทำได้
    อกุศล อุปสรรค ตัวขัดขวางมันมีอยู่ก็เรื่องของมัน เรื่องของความตั้งใจเป็นเรื่องของเรา
    เล็ก น้อยก็ต้องเอา สะสมเรื่อยไป
    ....................................................................................................................

    สวรรค์ นรก ก่อนตายทั้งนั้น
    ....................................................................................................................

    หัวโล้นญาดลำ หัวดำญาดเทศน์ (ญาด - แย่ง)
    ไม้คดมีประโยชน์
    สำหรับเทียบไม้ต้นตรง
    ....................................................................................................................

    23.
    ท่านอาจารย์แหวน เทศน์ว่า “พุทโธ ทำเมา
    ธรรมโม ทำเมา
    สังโฆ ทำเมา”
    ดูเหมือน ทุกวันนี้มันชัดเจน
    อยากสำเร็จก็เมา
    อยากได้ก็เมาศึกษาปริยัติก็เมา ปฏิบัติก็เมา
    พระสงฆ์สังโฆพาเมา เมาโลกเมาเงินเมาหาเมาขอ
    24.
    อย่าเอาความเกียจคร้านมาทำความดี มันไม่เจริญ
    บาปเป็นกำลัง ของใจพาให้ใจเศร้าหมองเรื่อยๆ
    ใจเศร้าหมองไปนรก
    ใจมีบุญเป็นกำลังไป สวรรค์
    ใจได้องค์ฌานไปพรหมโลก
    ใจได้ธรรมะพาให้ถึงนิพพาน
    ....................................................................................................................

    ปลวกตัวน้อย
    มันทำบ้านอยู่ใหญ่โต
    แข็งดีต้องไม่หัก
    อ่อนดีต้องไม่ขาด
    ....................................................................................................................
    25.
    กรรมก็หาบ
    บาปก็หาม
    เวรก็คอน
    โทษก็หิ้วหนัก อะไรกันนักหนา
    ไม่รู้ตัวเองอย่างนี้ เมื่อใดมันจะพ้นทุกข์ได้

    26.
    มีบุญกุศล
    มีหิริโอตตัปปะ
    มีศีลมีวินัย
    มีธรรมมี ปัญญา
    มีได้มันต้องฝึกหัดฝึกฝน
    มันต้องเป็นของน้อยไปสู่ของมาก
    จาก ของยากๆต่อไปมันหากง่ายเอง
    ....................................................................................................................

    ถ้อยคำนำฉลาดและโง่ออกมาแสดง
    อย่าหวังสบายก่อนทำ
    ความสบายมันอยู่หลังงาน
    ....................................................................................................................
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    27.
    หน้าที่ของผู้ฝึกหัด
    1. กราบไหว้คารวะอ่อนน้อม
    2. สดับรับฟัง
    3. จาคะในปัจจัยทั้ง4
    4. พิจารณาตนของตน
    5. ฝักใฝ่ในกรรมฐาน
    6. สะสมปัญญา
    ปัญญามรรคนำออกจากโลก
    ปัญญาญาณพาให้รู้จักแก้ไขตัวเอง
    28.
    ทำดีของพวกเรามันต้องบังคับ
    ทนต่อความเกลียดคร้าน ความเมาหลับเมานอน
    อยากนอนไม่ให้มันนอน
    อยากเลิกไม่ให้มันเลิก ทรมานมันเอาไว้
    ....................................................................................................................

    งามอยู่ที่ผี
    ดีอยู่ที่ละ
    หายโง่
    หายบ้า
    หายเมา
    ก็หายจากโลก
    ....................................................................................................................

    29.
    ท่านหลวงปู่ขาว ทำบุญอุปถัมภ์ค้ำชูบำรุงศาสนาของพระพุทธเจ้าสิขี ต่อมาได้เกิดอีกล้านชาติ เป็นคนเป็นเทวดาสลับสับเปลี่ยนกันมา จนมาเกิดในศากยสกุล แล้วบวชเป็นพระใหม่เข้าเป็นศิษย์ของพระเทวทัต พระใหม่เห็นผิดง่ายยังไม่รู้อะไร จนพระอัครสาวกไปช่วยเหลือเอาไว้ กลับมาหาพระพุทธเจ้ายังไม่ได้สำเร็จ มาเกิดใหม่บ้านบ่อชะเนง หัวตะพาน ได้เมียได้ลูกมาบวชใหม่ชีวิตสุดท้าย ได้โสดาบันอยู่แม่ปั๋ง เชียงใหม่ มาได้สำเร็จอยู่ถ้ำกลองเพล แก้ไขตัวเองหลุดพ้นไปได้
    โทษของการเข้าหมู่คนพาลทำให้สำเร็จยาก เนิ่นช้าเคยได้พบปะพูดคุยกันอยู่บ้านแม่หนองหาน ท่านสอนให้ระวังให้ดีในมาตุคาม เอาให้ดีนะๆ ไม่รักษาตัวเองสู้เขาไม่ได้นะจามนะ
    ....................................................................................................................

    ชนะตัวเองเป็น
    ก็พ้นจากทาส
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    30.
    ท่านผู้ได้ธรรมะแล้ว
    ขี้เกียจขี้คร้านไม่มี
    สงสัยไม่มี
    เมา หลับเมานอนไม่มี
    เมากามไม่มี
    คิดร้ายปองร้ายไม่มี
    แต่…เราปุถุชน นี้มีเต็มอัดแน่นอยู่
    31.
    นักบวชตัวแทนพระสงฆ์ยุคใหม่
    พระทันสมัย อยากได้ของ อยาก ได้เงิน
    อยากได้คน อยากได้ยศ
    โทรทัศน์ โทรศัพท์ หนังสือพิมพ์
    สิ่ง เพลินหลงใดๆ อีสาว
    ต้องยกให้เขาทั้งหมด
    ธรรมวินัย ศีลสิกขารู้อยู่ เรียนอยู่ แค่ไม่รักษา

    32.
    ทุกข์หายไปเพราะรู้จักใจตน
    ใจที่ไม่ยึดถืออันใด
    ใจ ที่ปราศจากอุปทาน
    ใจที่ไม่ห่วงอันใดอีกแล้ว
    33.
    ความตั้งใจของตนนี้
    จะเป็นผลเป็นประโยชน์แก่ตนของตน
    เพราะ เป็นเจตนาหาสุขในโลกทั้งสอง
    จึงชื่อว่าบัณฑิต
    เพราะ เป็นผู้ละเว้น
    เป็น ผู้รู้หนทาง
    เป็นผู้รู้นรกสวรรค์ รู้บุญรู้บาป รู้คุณโทษ
    การตั้งใจ นี้ เองเป็นวิชาที่ยากสุดในโลก
    แต่ไม่พ้นการตั้งใจไปได้
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    34.
    พระพุทธเจ้าโปรดเอาสาวกด้วยอุบายหลายอย่าง
    เป็นต้นว่าโปรด เอาด้วยฤทธิ์ปาฏิหาริย์
    โปรดเอาด้วยสอนให้รู้
    โปรดเอาด้วยวิชชา
    โปรด เอาด้วยเหตุผล
    โปรดเอาด้วยธรรม
    โปรดเอาด้วยการขู่ให้ทำ
    35.
    ความหลงมัวเมาของสัตว์ในโลก
    นี้ไม่รู้จบหรอก
    อีกทั้ง หาประโยชน์อะไรก็มิได้
    36.
    ชีวิตใดจิตมีกำลังในการทำความดี
    ก็สามารถจักเอาชนะความชั่ว ใดๆได้
    ชีวิตใดหากจิตมีกำลังอ่อนก็ทำชั่วไว้มาก
    ผู้ที่ท่านตั้งใจอยู่ เสมอนั้น ทำอะไรท่านก็ทำด้วยปัญญา
    ฝักใฝ่ตั้งใจให้เป็นคนใจสูงอยู่เสมอ

    37.
    ใช้ปัญญา รู้ดีรู้ชั่ว รู้นรกรู้สวรรค์ รู้หนทางหลุดพ้น
    ใช้ ธรรมะรักษาจิตให้อยู่กับความดี
    ดำเนินไปในหนทางของมรรค

    38.
    บุญกุศล
    ความสงบสุข
    องค์ฌาน
    ปัญญาญาณ
    ธรรมะ
    มรรค
    เหล่า นี้เราทุกคนต้องศึกษาเรื่อยไป

    39.
    ความเจริญก็เจริญมาจากความดี
    ความเสื่อมก็เสื่อมมาจาก ความชั่ว
    เราชอบให้ตนเสื่อมหรือชอบให้ตนเจริญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...