อสุภะกัมมัฏฐาน 10 อย่าง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nouk, 28 มิถุนายน 2012.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อสุภะกัมมัฏฐาน 10 อย่าง

    อสุภะกรรมฐาน ที่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาสัมมนา สัมพุทธเจ้า ทรงแนะนำไว้สำหรับคนที่มีนิสัยรักสวยรักงาม หรือราคะจริตเพื่อจะได้ทำลายล้างกิเลสความหลงคิดว่ากายคนบ้านช่อง เรือนโรง โลกนี้สวยสดงดงาม ถ้าหากนักปฏิบัติพิจารณา อสุภกรรมฐานได้จนจิตเป็นหนึ่ง คือ เอกัคตารมณ์ หรืออารมณ์เป็นหนึ่งเดียวจนเป็นฌาน 4 เป็นปกติก็เป็นเหตุปัจจัยเข้าถึงพระอนาคามีได้โดยง่าย และถึงอรหัตผลได้รวดเร็ว อสุภกรรมฐาน คือ พิจารณากายคน สัตว์เป็นซากศพทั้งหมด 10 ชนิด คือ หลังตายแล้ว 10 วันนั่น เอง คือ

    กรรมฐาน ที่ 11 ถึงกรรมฐานที่ 20 คือ
    11. อุทธุมาตกอสุภ หลังตายวันที่ 1 ซากศพตัวแข็ง เย็นชืด ขาดธาตุไฟธาตุลม
    12. วินีลกอสุภ หลังตายวันที่ 2 ซากศพเริ่มบวมพอง เป็นสีเขียว
    13. วิปุพพกอสุภ หลังตายวันที่ 3 ซากศพพองมากขึ้น ชักมีกลิ่นตุๆ จากเน่ามีหนองบวม
    14. วิฉิททกอสุภ หลังตายวันที่ 4 พิจารณาซากศพเนื้อหนังปริ ลิ้นจุกปาก น้ำเลือด น้ำหนองไหล
    ออกทั่วตัว เพราะเนื้อหนังเริ่มแตกแยก
    15. วิกขายิตกอสุภ หลังตายวันที่ 5 เหม็นส่งกลิ่นตลบ เพราะแขนขากระจุยกระจายแตกแยกหมด
    16. วิกขิตตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 6 ซากศพเรี่ยราดไม่เป็นชิ้นเป็นท่อนเหม็นเน่า
    17. หตวิกขิตตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 7 มีแมลงวัน หนอน มดชอนไชกินซากศพ
    18. โลหิตกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 8 ซากศพเหลือน้อยแต่กลิ่นเหม็นมากมีเลือด น้ำ หนอง เนื้อเน่าเละเทะ
    19. ปุฬุวกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 9 ซากศพกระจัดกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่งกลิ่นมากจนทนไม่ไหว
    20. อัฏฐิกอสุภ ศพหลังตายวันที่ 10 เหลือแต่ฟันและกระดูก แขน ขา กะโหลกมีกลิ่นเหม็น ไม่มี
    หน้าตาเหลืออยู่ เพราะโดนหนอน แมลงกัดกิน มีแมลงวันบินเต็มไปหมดเพราะกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งกระจาย

    การเจริญอสุภกรรมฐาน ไม่ใช่ให้ภาวนา หรือไปนั่งจ้องยืนจ้องซากศพที่โรงพยาบาล หรือป่าช้า แต่ท่านให้ใช้ความจำภาพซากศพที่เห็นแล้วใคร่ควรพินิจพิเคราะห์ดู ว่าตัวเรา ที่ยังหายใจอยู่ พูดได้อยู่ มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับซากศพที่ตายแล้ว เพราะร่างกายเราก็เหม็นเน่าทุกวันต้องชำระล้างอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ล้างเอาความเน่าเหม็นออกต้องสระผมเกือบทุกวันถ้าไม่สระหัวก็เหม็น ให้จิตใจรู้ตลอดเวลาว่าร่างกายเราเขาไม่มีใครสะอาดเหม็นกันหมด ทั้งโลก คนกับสัตว์ไม่แตกต่างกันเหม็นเน่าเหม็นคาวเหมือนกัน เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน

    คิดไว้อย่างนี้ตลอดเวลาท่านเรียกว่าจิตทรง ฌานใน อสุภกรรมฐาน ใครเจ็บป่วยไข้ก็รักษาพยาบาลเป็นการระงับทุกขเวทนา คิดไว้เสมอว่าเราเขาคือซากศพ ต่างก็สกปรกเช่นกัน จะไปหลงรักผูกพันกันอะไรกันนักกันหนา จิตเลิกผูกพันตัวเราเขาจิตก็เบาสบาย ความหนักใจก็ไม่มี ใครจะตายก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าทุกคนเป็นศพที่พูดได้ เดินได้พอจิตออกจากร่างกายเราเรียกว่า ศพที่ตายแล้ว

    ที่มา : http://www.chiangmaithailand.tht.in/aticle246.html
     
  2. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    การพิจารณาหากเอาเรื่องกายอย่างเดียวไม่จบหรือไม่ขอรับ

    กาย วาจา ใจ
    หรือกาย เวทนา จิต ธรรมหรือไม่อย่างไร

    พอดีกับคำๆนี้คือ.........อสุภ
    กับคำว่า สุ.....ภา........ว
    หากเป็นกายคือกายสุภาพ
    วาจาสุภาพ
    จิตสุจริต

    หากวาจาไม่สุภาพถือเป็นการพิจารณาอสุภได้หรือไม่ขอรับ

    แล้วต่อไปถึงจิตได้ไหม ธรรมได้ไหม

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
  3. Allymcbe222

    Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ชอบอสุภครับ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คนละอย่างกับที่คุณเข้้าใจค่ะ

    อสุภ (อ่านว่า อะสุบ, อะสุบพะ) แปลว่า ไม่งาม ไม่สวย ไม่ดี คือไม่น่าชื่นชม น่าเกลียด น่าระอา ใช้ว่า อสุภะ ก็ได้

    อสุภ ในคำวัดใช้ หมายถึงซากศพในสภาพต่างๆ ซึ่งท่านกำหนดเป็นอารมณ์กรรมฐาน

    ขอให้เจริญในธรรมเช่นเดียวกันค่ะ
     
  5. Safetyman

    Safetyman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +85
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออภัยข้าพเจ้าไม่ได้ขัดคอหรือก่อกวนะขอรับ เพียงเล่่าประสบการณ์ให้ได้คิดพิจารณาว่า

    ประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๕ ถึง พ.ศ.๒๕๑๐ มีนายแพทย์โรงพยาบาลสวนดอก(โรงพยาบาลมหาราชปัจจุบัน)ท่านหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าท่านเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าคนถึง ได้แนะนำข้าพเจ้าไว้ว่า
    ไปศึกษาซากศพเหล่านั้นทำไมกัน(เพราะข้าพเจ้าเข้าไปทัศนศึกษาในโรงพยาบาลที่เขาดองศพไว้ ศพที่ไปดูนั้นเป็นคนแข็งแรงมีกล้ามเนื้อมาก) ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย สู้ศึกษามนุษย์ที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจยังจะดีกว่า ได้ประโยชน์ทั้งตัวเองและอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย ขอรับ
     
  7. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    ก่อน อื่น...ผม ขอท้วงติง อย่าโกรธ ผมนะ....ขอก่อนเลย...

    คำว่า อสุภ..อ่านว่า อะ-สุ-ภะ.....แปลว่า ไม่สวยงามครับ
    สุภะ คำนี้ คือ คำว่า โสภา..แปลว่าสวยงาม........

    ส่วนคำว่า สุ---ภา--ว...ที่คุณเขียนน่ะ คนละความหายครับ
    สุ แปลว่า ดี ,,ถูกต้อง ดีงาม.....คำว่า ภา-วะ..ที่รวมแล้วตรงกับคำว่า ภา--พหรือ ภาพ...

    คำว่า ภาวะ นั้นแปลว่า..ภพ หรือ ความเป็นไป ของ เรื่องราว ขอบเขต ของความเกิดขึ้น ในเรื่องราวต่อหน้า((แปลแบบยาวๆ))

    คำว่า สุภาพ จึงแปลว่า...เรื่องราว ที่ดีงาม ความเป็นไป ของเรื่องราว ที่ ดีงาม.....

    ผม แวะมาอธิบาย แค่นี้ก่อนครับ....
     
  8. รีล มาดริด

    รีล มาดริด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +717
    มีบางเม้น อ่านแล้ว ก็ได้แต่ปลง

    ไม่ได้รู้เรื่อง อะไรเลย..แต่ อยากแสดง...
    ซากศพ..เขาให้ดู แล้วเทียบลงในตัวเราเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
    แต่ ดันมาเม้นว่า ไม่ควรไปดู

    เฮ้ออ...ไม่รู้อะไร ก็ น่าจะ อยู้เฉยๆ ดีกว่า
    ผ่านตา จะไม่อ่านก็ ไม่...อ่านแล้ว ก็ อยาก อ้วก..

    เมื่อไร จะ หาย บ้า ซะทีล่ะ ท่าน พอ -- ที--- สัด....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เพราะอะไรจึงให้พิจารณา
    ตรงนี้คงต้องใช้ปัญญาค่ะ
    พิจารณาให้เห็นว่าไม่ว่าเขา ว่าเรา
    อีกหน่อยก็มีสภาพนี้เหมือนกัน คือศพที่เน่าเหม็น ขึ้นอืด
    เต็มไปด้วยน้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำเมือกฯ ไม่น่าชม
    สุดท้ายก็กลายเป็นเถ้าธุลีดิน คืนสู่ธาตุทั้ง 4
    เหมาะสำหรับคนที่มีราคะจริต รักสวยรักงามทั้งหลาย
    และยึดมั่นถือมั่นในอัตตา ตัวตน เรา เขา

    แต่สมัยนี้คงดูยาก เพราะตายปุ๊บก็ฉีดฟอร์มาลีนปั๊บ
    แต่สีสรรค์ของเนื้อหนังก็เปลี่ยนไปค่ะ เป็นเขียวคล้ำ
    เพราะเลือดไม่ไหลเวียนแล้ว ตรงนี้คงต้องแล้วแต่ปัญญาบารมี
    มุมมองและความละเอียดของจิตที่จะพิจารณา ของแต่ละท่านนะคะ

    ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
  10. ปิยะคุณ

    ปิยะคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +391
    ช่วงแรกที่พิจารณา ( หมายถึงตัวเราเองนะค่ะ ) เมื่อถึงเวลาทานอาหาร สิ่งเป็นเป็นเนื้อสัตว์ พอเข้าปาก จิตมันฟุ้ง ดันบอกว่ามีกลิ่นเหม็น บางครั้งไปร้านอาหารได้กลิ่นอาหารประเภทย่าง ดันอยากอาเจียน เพราะจิตมันฟุ้งว่าคือการย่างซาก เลยเป็นคำถามว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่ดิฉันเป็นนั้น ผิดหรือไม่ อยากขอคำแนะนำด้วยค่ะ
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตรงนี้คืออุปาทานค่ะ ลองพิจารณาว่ามันเป็นอาหาร
    เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกาย อาการต่างๆ ก็คงหมดไปเอง

    ถ้าถามว่าผิดหรือไม่ ขอตอบว่า "ไม่ผิดค่ะ"

    ตัวเองก็เคยเป็นเหมือนกันค่ะ หากพิจารณาว่านี่คือซากศพ
    ซึ่งในความจริงก็ใช่ หากแต่การดำรงชีวิตนั้นจะเป็นต้องหล่อเลี้ยงร่างกาย
    ด้วยอาหารเพื่อใ้ห้ร่างกายพ้นจากเวทนาความหิว
    และเพื่อให้จิตสงบระงับจากทุกขเวทนา มีความพร้อมสำหรับการงาน
     
  12. ปิยะคุณ

    ปิยะคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +391
    บางทีฟุ้งไป เมื่อพิจารณาอสุภจากภาพที่เกิดจากฆาตรกรรม เมื่อจับภาพนั้นมา แทนที่จะพิจโดยสรุปคือไม่สวย ไม่งาม ไม่เที่ยง ดันพิจไปว่า อารมณ์ก่อนตามเธอทรมานเช่นไร กระเสือกกระสน ดิ้นรนมากมาย และสุดท้ายเธอก็ตายอย่างทรมานด้วยสายไฟรัดคอ !!! ดูสิค่ะ ดิฉันฟุ้งมากไปจริง ๆ กำลังพยายามแก้อยู่ อนุโมทนาในคำตอบนะค่ะ ^^
     
  13. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    วาจาที่ไม่สะอาด
    ไม่มีรูป
    เป็นซากศพที่ไม่มีรูปหรือไม่ครับ

    จิตที่สกปรก
    ตายแล้วคือบรรลุเจตนาไปแล้ว
    แต่ผลยังเน่าเหม็นอยู่เป็นอสุภกรรมฐานหรือไม่ขอรับ

    ผมไม่ค่อยจะโกรธละครับท่านอย่าละแวง
    คนที่มีเจตนาไม่ดีแล้วเดินเข้าบ้านเรามา
    หากเป็นผมผมคงทำในสิ่งที่ควรทำครับ

    ด้วยเจตนาที่ห่วงเพื่อนนักปฎิบัติครับความรู้เพียงน้อย
    ขอยอมเป็นหลักปักเลนให้เพื่อนๆข้ามน้ำไปครับแม้ผมจะจมลงทุกครั้งที่เพื่อนเหยียบครับ

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วาจา และจิต เป็น นามค่ะ ไม่มีรูปให้พิจารณาออย่างซากศพ
    คิดลึกไปหรือเปล่าคะ จิตที่บริสุทธิ์กับจิตไม่บริสุทธิ์ เมื่อตายไปแล้ว
    มีเพียงจิตผ่องใส กับจิตไม่ผ่องใส เท่านั้นค่ะ มันมีกลิ่นเหม็นด้วยเหรอคะ
    ไม่ยักกะทราบนะ อุปาทานทำให้คิดไปเ่ช่นนั้นหรือเปล่าคะ

    การพิจารณาสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ควรอิงมรรค 8 ค่ะ
    1. สัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจถูกต้อง
    2. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    3. สัมมาวาจา คือการพูดจาถูกต้อง
    4. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    5. สัมมาอาชีวะ คือการดำรงชีพถูกต้อง
    6. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    7. สัมมาสติ คือการระลึกประจำใจถูกต้อง
    8. สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง

    ขอใ้ห้เจริญในธรรมค่ะ
     
  15. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ขอขอบคุณครับ
    ลากมาครึ่งโลกครึ่งธรรมเพื่อสื่อเลยเคลื่อนครับ
    กระผมเพียงอยากจะถามว่ากายานุสติ
    นอกจากพุทธองค์แล้วมีใครได้หรือเคยบรรลุธรรมโดยกายานุอีกไหมครับ

    แต่เวทนานุมีทั่วไปอยู่ภายในตัว
    จิตตานุมีอยู่ในตัว
    แต่หากเราไปพิจารณานอกบ้างในบ้างไม่ผิดหรอกครับ
    ผมกล่าวอยู่เสมอ
    การปฎิบัติไม่ต้องขนของเติมน้ำมันรถไปวัด
    ไปบ้างแต่คงไม่ถึงกับทุกครั้งหรือไม่

    ลมหายใจไม่ต้องลงทุนทำอะไรเลยอยู่ที่ไหนทำอะไรอยู่ก็ทำได้
    หลับตาลืมตา
    กินข้าวอาบน้ำตำน้ำพริก
    เออนี่เราหายใจอยู่
    หายใจเข้าหรือออก
    นึกได้นับ
    เดี๋ยวลืมอีก
    นึกได้นับอีก
    อยากสื่อเพียงเท่านี้เอวงนะขอรับ

    จิตตานุสติอยู่ในตัวเราอีกเช่นกัน
    จิตที่ไม่สุภ
    คือจิตทีสก
    หรือไม่ขอรับ

    วาจาที่ไม่สุภ
    คือวาจาอะไร

    สมมุติของกะลาที่คว่ำอยู่
    ตรงข้ามของการคว่ำคืออะไร

    ผมอาจจะเอาหนึ่งมานับใหม่
    แต่เมื่อนับไปถึงศูนย์
    ผมก็ทศไว้หนึ่งผิดหรือไม่ขอรับ
    หากไม่ผิดถูกไหม
    หากไม่ถูกไม่ผิดคืออะไร

    แล้วแต่ท่านจะปัจจยตา
    หรือแล้วแต่ท่านจะสมมุติ

    แล้ววิมุตคืออะไร
    คือหายสมมุติ

    แล้วหากไม่สมมุติเราจะเอาอะไรมาสื่อกันให้เข้าใจ
    เอ้ามายาวแล้วต่อนะครับ

    รูปเวทนาสัญญาสังขาร
    ก้าวขึ้นบนเวทีธรรมแล้ว

    สุดท้ายมรรคมีองค์แปด
    คือสัมมา
    ผมเข้าใจว่าคือ...............สม
    เมื่อใดที่สม
    สมมุติ
    สมฑิ............สมฐิ
    สมวา............สมจา

    แล้ว...........วิ...........ละครับคืออะไร

    ทิ
    ฐิ
    คงไม่มีความหมายเหมือนกันหรือไม่ครับ
    เมื่อมาผสมกัน
    สมาธกับ
    ปฎิสนธิกัน
    ถึงเป็นฑิฐิหรือไม่ครับ

    คำสอนคือพระธรรม
    แล้วพระธรรมสืบต่อกันมาโดยเล่าต่อหรือบอกต่อกันมาหรือไม่

    ของจริงภาษาอะไร

    และมรรคมีองค์อยู่แปด
    เก้าคืออะไร
    สิบคืออะไรครับ

    ผมภูมิใจ
    ผมกูมใจ ที่มีล ลิงครับ

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2012
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ยาวและเยอะมากเลยค่ะ
    ที่คุณกล่าวมาก็ถูกนะคะ

    ในส่วนของอสุภะกัมมัฏฐานที่ยกมานี้
    เพียงเพื่อให้ได้พิจารณาสำหรับผู้ที่มีราคะจริต
    ยึดติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์
    ไม่ใช่ว่าจะต้องไปขวนขวายหามาพิจารณาแต่อย่างใด
    แต่หากได้ประสบพบเจอโดยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
    สามารถนำกัมมัฏฐานบทนี้ ขึ้นมาพิจารณาได้เลยค่ะ

    ขอเรียนให้ทราบตามตรงนะคะ
    ดิฉันไม่ได้เชี่ยวชาญปริยัติค่ะ
    เป็นเพียงนักปฏิบัติ และสิ่งที่ยกมานี้
    ตนเองได้เคยนำไปปฏิบัติจนเห็นผลมาแล้ว
    จึงมีเจตนานำมาแบ่งปันให้กัลยาณมิตร กัลยาณธรรม เท่านั้น
    ไม่ได้มีจุดประสงค์ใดแอบแฝงค่ะ
    ในอนาคตข้างหน้าก็จะไม่มีผู้ตอบและผู้ถาม นามนี้ รูปนี้เหมือนกัน

    หลักการปฏิบัตินั้น ก็มีมากมายหลากหลายวิธี
    จะบอกว่าวิธีนี้ดีกว่า วิธีนั้นไม่ดี คงไม่ใช่ เพราะทุกวิธีล้วนดีทั้งนั้น
    เนื่องเพราะมุ่งเน้นให้ผู้ศึกษาได้นำไปใช้ให้เหมาะกับจริตแห่งตน
    อันนำมาซึ่งผลของการปฏิบัติ

    ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ธรรมะแห่งพระพุทธองค์นั้นมีมากมาย
    ธรรมบางธรรมก็ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจลึกซึ้งได้ด้วยภาษาใดๆ ในโลก
    นอกจากเอาใจเข้าไปรู้รสแห่งธรรมนั้น จึงมีคำว่า "ปัจจัตตัง" ขึ้นมา ยังไงล่ะคะ

    ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2013
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การกำหนด จิตสัมผัสรูปปรมัตถุ์

    การกำหนด จิตสัมผัสรูปปรมัตถุ์ จากพระสูตร " พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเรียก ร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุ 4 (มหาภูตรูป 4 )นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง" ให้จิตกำหนดรู้เพียง เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ในลักษณะ ในสัมผัส แม้ทาง ตา แม้ทางใจ ไม่มีอะไรเกินไปกว่าขอบเขต เย็น ร้อน อ่อน แข็ง นี้ กามสัญญา (กามสังโยชน์) กามวิตก กามวิจาร (กามนิวรณ์) ย่อมถึงซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้ รูปราคะ รูปปฏิฆะ ก็ตั้งอยู่ไม่ได้ จิตย่อมหยุด งอกลับ สลัดทิ้ง สละ ลง ซึ่งความยินดีในกามารมณ์ทั้งหลาย จิตไม่หย่อนลงใน กามภพทั้งหลาย

    จิตรู้เห็นสภาพของรูปทั้งหลายตามความเป็นจริง รูปไม่เป็นอารมณ์ที่เป็นเหตุให้เกิด ทุกข์อีก ความไม่กำหนดรู้ทุกข์เป็นอวิชา ความไม่กำหนดละเหตุแห่งทุกข์คือตัณหา และเมื่อมีอุปทานยึดมั่นถือมั่นทำกรรมใดๆ วัฏฏสงสารก็หมุนไป

    เพราะเหตุนั้น ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วได้พบพระพุทธธรรมนั้นแสนยาก อย่าให้เสียชาติเกิด กำหนดรู้ทุกข์ ( อุปทานขันธ์5 ) ให้ได้เสียแต่ชาตินี้ " ภิกษุทั้งหลาย จงเพ่ง ภิกษุทั้งหลาย เธอควรกำหนดรู้" นี้เป็นคำตรัส ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์

    ที่มา : BlogGang.com : : shadee829 :
     
  18. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เช่นกันครับผมก็ไม่มีเจตนาที่ไม่ดีเช่นกัน
    พอดีว่ามาพิจารณาว่า
    สิ่งที่พุทธองค์ทรงกล่าวไว้นั้น
    และกุญแจที่มีไว้ให้สำหรับไขหรือขันธ์
    ในเรื่องธรรมมะนั้น
    หากเข้าถูกทาง
    คงมีวิธีและขั้นตอนที่เหมือนกันทุกอย่างที่เราจะเข้าไปกำหนดอารมณ์
    หรือวิตกวิจารณืเดียวกันทั้งหมดจนเป็นเอกคตาหรือไม่เท่านั้นครับผมก็หาเรื่องไปทั่วอยู่เหมือนกันเพื่อจะได้เจอผู้รู้

    และเรื่องการปฎิบัตินี้ถูกตามจริตนั้นถูกต้องแล้วครับ
    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง

    ผมก็อ่านข้อธรรมนี้อยู่เพื่อหาประโยชน์ในมุมมองอื่นเพื่อพิจารณาตัวเองเช่นกัน

    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
  19. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ผมว่าเรื่องภาษานี้ของเดิมต้องมีอยู่ครับ
    แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไปบ้างไม่มากก็น้อย
    แต่เรื่องปริยัตินี้ผมก็ยังงมอยู่เช่นกัน
    รู้บ้างไม่มากแต่ก็มีคำถามว่า
    หากพระหรือผ้ายันต์ที่เป็นเรื่องของปริยัติ
    ถูกนำเอามาขายข้างทาง
    แล้วเมืองไทยจะป็นเหมือนอินเดียไหม
    คือเป็นของง่ายที่ไม่น่าสนใจ
    เพราะศาสนาพุทธไปเจอโดยนักปราชญ์อินเดีย

    เอาเป็นว่าไม่เชื่อแม้มีบทบัญญัติไว้ดีแล้ว
    หากไม่ได้ปฎิบัติเองในห้ามเชื่อข้อที่สิบหรือไม่ผมก็ลืม

    ไม่เชื่อไว้ก่อนแล้วลงมาพิสูจน์คงดีกว่าหรือไม่
    ขอท่านเจริญในธรรมครับ
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราไม่ตำหนิกรรมของใครนะ เราเพ่งโทษตัวเราเองอย่างเดียว
    ใครจะทำอะไร อย่างไร นั่นเป็นกรรมของผู้นั้นเราไม่เกี่ยวข้องด้วย
    กรรมที่สร้างกันได้ง่ายที่สุดก็คือ "วจีกรรม"

    ขอนำคำสอนของหลวงปู่ดู่ มาให้อ่านกันอีกครั้งนะคะ

    หลวงปู่ดู่สอนศิษย์ "คนดีไม่ตีใคร"
    ธรรมะจาก หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดอยุธยา

    หลวงปู่บอกว่าคนดีเขาไม่ว่าใครถ้าแกไปว่าเขาแกก็จะเป็นคนไม่ดี

    หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้นำไปปฏิบัติคือ มงคล 38 ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อยๆ นั่นคือสัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคลท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจาเพราะกรรมนี้สร้างได้ง่ายแต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรมเมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร คำพูดนั้นสำคัญมากบางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี

    บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปีคนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาลหรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตายก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขาถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน

    แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ท่านสอนศิษย์เสมอว่าอย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเองท่านบอกไว้อีกว่าคนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น รวมไปถึงการพูดไม่ดีต่างๆ กับคนอื่นนั้นกรรมจะมาเร็วมาก เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายในไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลายกรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอๆ ทั้งทางกายและทางใจบางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัวพอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลงกรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภกรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี

    เหมือนอย่างเขาผู้นั้นซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57 บางทีก็ติดต่อการค้าหรืองานต่างๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้างไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่างๆ มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอๆ ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้านๆ เขาก็จะได้แค่หมื่นสองหมื่น หรือโชคครั้งนี้จะได้หลายหมื่นแต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาทหรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดีและรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลานเขาเหล่านั้นก็จะทำความเดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูงก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษด่าว่าทะเลาะวิวาททำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนต่างๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้นมีลูกหลานก็จะดื้อด้านว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อนให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟังไม่เคารพนับถือลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมักจะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หายเช่น อัมพฤตอัมพาตมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่างๆ อีกมากมายหลายชนิด

    หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่ากรรมทางวาจามีร้ายแรงมากการที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจ หรือไปพูดทำลายความหวังต่างๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสียถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้พอตายลงไปยังต้องไปใช้กรรมยังนรกตามขุมต่างๆ อีก ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร" ความหมายว่าคนดีไม่ตีใครไม่ใช่เอาไม้หรือของแข็งๆ ไปตีเขาแต่ท่านไม่ให้พูดจาไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหายและ "ทุกข์ใจ"

    ที่มา : หลวงปู่ดู่สอนศิษย์ "คนดีไม่ตีใคร"
     

แชร์หน้านี้

Loading...