อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุเจดีย์ จ.ชัยภูมิ

สดจากหน้าพระ

โดย อนุชา ทรงศิริ

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงโปรดเมตตาประทานพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 9 พระองค์ ให้คณะกรรมการ โดยมีท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร เป็นองค์ประธานคณะกรรมการ ประกอบกับสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกาทรงโปรดเมตตาประทานพระบรมสารีริกธาตุให้อีก 9 พระองค์ รวมทั้งสิ้น 18 พระองค์

ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร องค์ประธาน มีดำริให้คณะกรรมการจัดหาทำเลที่เหมาะสม เด่นสง่าสวยงามในเขตจังหวัดชัยภูมิเพื่อก่อสร้าง "พระบรมธาตุเจดีย์ไพรีพินาศ" และจัดสร้าง "รูปเหมือนพระอรหันต์สมัยพระพุทธกาล" จำนวน 80 รูป พร้อมทั้งจารึกข้อความในพระไตรปิฎกครบจำนวน 84,000 พระธรรมขันธ์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุทั้ง 18 พระองค์ เป็นการถาวร

เนื่องจากจังหวัดชัยภูมิมีพื้นที่กว้างใหญ่ เป็นอันดับสามของภาคอีสานและเป็นอันดับแปดของประเทศ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ พระพุทธรูปสมัยทวารวดีและมรดกทางธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างสงบเรียบง่าย <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

และยังให้เมืองชัยภูมิเป็นที่จัดตั้งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตชัยภูมิ และอนุพุทธมณฑล อันเป็นสิ่งบ่งชี้ให้ จังหวัดชัยภูมิเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา เป็นดินแดนแห่งสันติสุข และปลอดอบายมุข อันจะนำไปสู่ความเป็นเอกลักษณ์ของพุทธมามกะของชาติและนานาอารยประเทศ

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2548 คณะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 15 รูป พร้อมด้วยคณะกรรมการจำนวน 15 คน เดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ณ ประเทศศรีลังกา และเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่ 29 ธ.ค. 2548 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชประเทศศรีลังกาทรงเสด็จมาพร้อมคณะนาฏศิลป์ เพื่อทรงโปรดประทานพระบรมสารีริกธาตุ และร่วมพิธีเฉลิมฉลองตามประเพณีดั้งเดิมของศรีลังกา ถวายเป็นพุทธบูชาพร้อมองค์พระบรมสารีริกธาตุของไทย
<TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
คณะกรรมการได้ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีมติเป็นเอกฉันท์ให้นำพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานชั่วคราวในบุษบก ณ สถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในวันที่ 29 ธ.ค. 2548 และจะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง และเมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐาน ณ จังหวัดใด ก็จะมอบให้ผู้บริหารในสถานศึกษานั้นจัดพิธีการสมโภชทุกจังหวัด จนกว่าจะนำพระบรมสารีริกธาตุทั้ง 18 พระองค์ขึ้นประดิษฐานเป็นการถาวรใน "พระบรมธาตุเจดีย์" ที่จังหวัดชัยภูมิ

กำหนดการพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2548-29 ม.ค. 2549 ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เวียนเทียนรอบมณฑปที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ ชมนิทรรศการวิชาการทางพุทธศาสนา และเชิญชมการแสดงนาฏศิลป์เปราเฮร่าจากศรีลังกา วันละ 3 รอบทุกวัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 ม.ค. 2549 ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น.

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ วันศุกร์ที่ 27 ม.ค. เวลา 07.00 น.คณะครู นักเรียนและเจ้าหน้าที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมืองทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ วันเสาร์ที่ 28 ม.ค. เวลา 06.00-20.00 น.เชิญสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ชมการแสดงนาฏศิลป์จากศรีลังกา พร้อมชมนิทรรศการพระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่งมอบไปประดิษฐานสถานศึกษาภูมิภาคในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา

นับเป็นโอกาสของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกและชาวไทยจะได้กราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุจำนวนถึง 3 พระองค์ที่สมเด็จพระสังฆราชจากสองประเทศพร้อมพระทัยกันประทานให้มาประดิษฐาน ไว้บนแท่นพระบรมธาตุเจดีย์เดียวกัน ณ ดินแดนแห่งชัยชนะทั้งปวงใจกลางประเทศไทย

นับเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นมหาบุญมหากุศล มหามงคลประเสริฐยิ่ง