อัตตา คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ชั่งเถอะ, 28 มีนาคม 2018.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ไปดูสังโยชน์3. ถามตัวคุณเอง. ไม่มีใครรู้คุณได้. ถามตัวเองในเรื่องสังโยชน์3. ถ้ามีอะไรให้สงสัยก็ยังไม่ผ่านเท่านั้นเอง
     
  2. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เรื่องการหายสงสัยนี้ตัวเองจะตอบได้ดีที่สุด
     
  3. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    จะต้องมีการเห็นจริง ที่สั่นสะเทือนถึงจิตใจ แยกรูป และนามได้ แต่ ถ้าเห็นแยกรูปและนามได้ รู้ว่ากายนี้ไม่ใช่เรา ไม่เป็นเรา แต่ อัตตาของพระโสดาบันละครับ อยู่ตรงไหน ไม่ต้องดูไกลเลยไปไหน เอาแค่ หากรู้ว่า อัตตาพระโสดาบันอยู่ที่ไหนได้ ผมว่าต้องสามารถ ละกายได้แน่แท้ เห็นธรรมแน่แท้ แต่ การละกายและอัตตาออกจากกันได้ จะต้องทำอย่างไร ให้เห็นจริงๆ ท่องได้ทุกวัน กายไม่ใช่เรา กายไม่เป็นเรา แต่จำเป็นต้อง มีอัตตา รู้อัตตาของ พระโสดาบันก่อนหรือไม่ว่าอยู่ตรงไหน ถึงจะรู้แน่ว่า กายนี้ไม่ใช่เราแน่นอน แบบนี้ จิตมันถึงจะยอมรับได้ไม่ใช่หรือครับ
     
  4. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    และไม่มีอะไรที่จะบ่งบอกคุณลักษณะของพระโสดาบันที่เป็นรูปธรรมได้หรอกนะ เป็นเรื่องของนามธรรมของพระโสดาบันที่เปลี่ยนความเชื่อผิดๆในโลกว่าเที่ยงแท้ มาเป็นไม่เที่ยงเกิดดับ เพราะท่านได้พิจารณาจนเชื่ออย่างมั่นคง
    ท่านคงไม่เข้าใจเรื่องศรัทธานุสารี กับธรรมานุสารีนะถึงกล่าวได้แบบนี้
     
  5. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    ศรัทธานุสารี กับ ธรรมานุสารี ขอความอนุเคราะห์ ท่าน อธิบายได้หรือไม่ครับ ผมพึ่งเคยได้ยิน ครั้งแรกเลย
     
  6. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    โสดาปัตติมรรค ๒ จำพวก


    ก. สัทธานุสารี
    ภิกษุ ท. ! ตา ... หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจ
    เป็นสิ่งไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นปกติ มีความเปลี่ยน
    เป็นอย่างอื่นเป็นปกติ.
    ภิกษุ ท.! บุคคลใด มีความเชื่อน้อมจิตไป
    ในธรรม ๖ อย่างนี้ ด้วยอาการอย่างนี้;
    บุคคลนี้เราเรียกว่าเป็น สัทธานุสารี
    หยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม (ระบบแห่งความถูกต้อง)
    หยั่งลงสู่สัปปุริสภูมิ (ภูมิแห่งสัตบุรุษ)
    ล่วงพ้นบุถุชนภูมิ ไม่อาจที่จะกระทำกรรม อันกระทำแล้ว
    จะเข้าถึงนรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือ เปรตวิสัย และไม่ควร
    ที่จะทำกาละก่อนแต่ที่จะทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.

    ข. ธัมมานุสารี
    ภิกษุ ท. ! ธรรม ๖ อย่างเหล่านี้ ทนต่อการเพ่ง
    โดยประมาณอันยิ่งแห่งปัญญาของบุคคลใด ด้วยอาการ
    อย่างนี้;
    บุคคลนี้เราเรียกว่า ธัมมานุสารี
    หยั่งลงสู่สัมมัตตนิยาม (ระบบแห่งความถูกต้อง)
    หยั่งลงสู่สัปปุริสภูมิ(ภูมิแห่งสัตบุรุษ)
    ล่วงพ้นบุถุชนภูมิ ไม่อาจที่จะกระทำกรรม อันกระทำแล้ว

    จะเข้าถึงนรก กำเนิดเดรัจฉาน หรือ เปรตวิสัย และไม่ควร
    ที่จะทำกาละก่อนแต่ที่จะทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
    ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๗๘/๔๖๙.
     
  7. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    อ่านไม่เข้าใจเลยครับ ขอออกตัวว่าผมโง่จริงๆ ครับ

    หากให้ผมแปลตามความโง่ผม คือ แค่ทำใจให้เชื่อเช่นนั้น คือ อายตนะ 6 ไม่เที่ยง ท่องไปเรื่อย ผมจะสามารถ บรรลุได้หรือครับ

    อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้ ขนาด ท่อง กายนี้แลไม่เที่ยง โลมา เกษา ทันตา ตะโจ เบลอๆๆๆ ฯลฯ ท่องทุกวันนับวันไม่ถูกเลย สมองผมมันยังไม่ยอมรับเลยนะครับ จะให้คิดว่าสะกดจิตตัวเอง มันก็พอได้อยู่ แต่พอ ข้ามวัน ก็ลืมหมดแล้วครับ ไม่ได้อะไรเลย แบบนี้มาหลายปีละ

    ผมสรุป กับตัวเองว่าจำเป็นต้องรู้ 2 สิ่ง คือ กายที่ต้องละ และอัตตาอีกตัว ของพระโสดาบัน จึงจะเห็นจริงได้แน่ ใจจะยอมรับได้ แต่ อัตตานี้อยู่ตรงไหน
     
  8. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    คุณต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้. อริยสัจสี่เป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจในหู ตา จมูกลิ้น กายใจ. ทำความเข้าใจ.
    คุณต้องเรียนรู้เรื่องอริยสัจสี่ 3รอบ มีอาการ12ให้เข้าใจ.
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จะเป็นคำว่า อัตตาได้ ทางกิริยาหมายความว่า
    ตัวจิตมันได้ ส่งตัววิญญานการรับรู้ออกไปกระทบ
    และดึงสิ่งนั้นเข้ามาเก็บไว้ในตัวจิตครับ

    เมื่อเก็บไว้แล้ว หากเห็นว่า สิ่งใดๆก็ตาม
    ที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่มันเก็บไว้ในจิต
    มันจะเกิดการเปรียบเทียบ แยกแยะ
    แบ่งฝ่ายขึ้นมาทันทีครับ
    และก็จะพยายามยัดเยียด
    ว่าสิ่งที่มันเก็บไว้ในจิตและฟันธงว่า
    ต้องใช้แบบที่มันเก็บไว้ในจิตอย่างเดียวครับ

    แล้วอะไรที่จิตส่งออกไปร่วมกับตัววิญญาน
    ก็คือ ตัวโทสะ โมหะ โลภะ ที่มันมีอยู่แล้ว
    ในจิตทุกดวงก่อนที่จะมีกายนี้นั่นหละครับ

    ในระดับ ที่เชื่อว่า เปนอริยะ(อริคือศัตรู ยะคือห่างไกล
    ลาภ ยศ สุข สรรเสริญเป็นภายนอกที่มีอยู่แล้วปกติ
    ไม่ใช่กิเลสนะครับ ตัวโมหะ โทสะ โลภะ ที่ไปดึง
    เอาลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เข้ามานั่นคือกิเลสครับ
    และยึดพวกนี้เป็นตนเอง นั่นคืออัตตาครับ) หมายถึง
    จิตเริ่มคลายตัวได้แล้วโดยธรรมชาตินั้น
    เนื่องจากเริ่มตัดการส่งตัววิญญานอะไรออกไปดึงเข้ามา
    ก็จะขึ้นอยู่ กำลังของตัว โมหะ โลภะ โทสะ ที่จะลดกำลัง
    ลงได้ จากการเดินปัญญา หรือ ใช้ปัญญาญานเข้าไป
    ทำให้ ๓ ตัวนี้ มันค่อยๆละ ค่อยๆคลาย การส่งออกไปดึง
    เข้ามามากน้อยเพียงใดครับ

    การจะไปรู้ภายนอก รู้อะไรมันรู้ได้
    แต่ควรเป็นการไปรู้ด้วยการฝึกปฏิบัติของตนเอง
    เพียงแต่ มันไม่ควรไปสนใจ เพราะเป็นเรื่องภายนอกครับ
    ตัวเราเอง อยากรู้ว่า ตัวเองอยู่ระดับไหนนะครับ
    เอาง่ายๆ ถ้าระดับโปรซีรีย์ระดับพระอรหันต์
    ท่านยังมีร่างกายอยู่บนโลก ท่านก็อยู่สภาพแวดล้อม
    เหมือนเราๆ แต่เชื่อกันว่า ไม่มีเหตุอะไร มาทำให้
    จิตท่านเกิดได้อีกแล้ว ก็แสดงว่า จิตท่านคลายตัวได้
    แล้วปกติ จรึงไม่มีการเกิดนั่นเองครับ
    ในระดับรองลงมา จนถึงเริ่มต้น เราก็มาดู
    เปอร์เซนต์ ของการคลายตัวได้ ของจิตเราเอง
    ว่าใน ๑๔ ถึง ๑๖ ชั่วโมงที่เราลืมตานั้น
    ตัวจิตเรามันสามารถคลายตัวเองได้ กี่วินาที
    กี่นาทีในระหว่างวันครับ....หรือมันยังเกิดเป็นปกติ
    ประมาณนี้ ก็พอจะทราบผลที่ได้จากการปฏิบัติ
    ของตัวเองได้คร่าวๆครับ และจะไม่หลงสภาวะ
    หลงตัวเองด้วยครับ.
    ปล.จิตคลายตัวนะครับ ไม่ใช่ว่าง หรือสงบ
    เพราะว่างหรือสงบเป็นแค่กิริยาที่ยังมีตัวกระทำอยู่
    ถ้าคลายตัว จิตจะไม่มีรูปร่าง สำคัญว่า เราสร้างเครื่อง
    มือที่จะไปเห็นตรงนี้ให้เพียงพอหรือยัง
    ก็คือตัวสติทางธรรมที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ขอเพียงแต่ให้มีฐานอยู่ที่กายนั่นหละครับ
    จริงๆอยู่ บอกให้เจริญสติมันฟังดูไม่เท่ห์
    แต่ที่ดูไม่เท่ห์นี่หละครับ จะสำคัญต่อการเข้าใจทางนามธรรมต่างๆ อย่าลืมว่า กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ และทุกกิริยา
    ที่เจอในขณะฝึก มันเป็นนามธรรมทั้งนั้นนะครับ
    ซึ่งถ้าเข้าได้ดี มันก็ย่อมส่งผลให้ฝึกทำอะไร
    สำเร็จและเข้าถึงได้ง่ายตามมาอัตโนมัตินั่นเองครับ

    แค่เพียงแต่เล่าใหัฟังครับ
     
  10. ชั่งเถอะ

    ชั่งเถอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    253
    ค่าพลัง:
    +339
    คุณ Nopphakan สรุป ให้ได้รึเปล่าครับ ยากเกิน ผมไม่เข้าใจ อธิบายแบบ ให้เด็ก ประถมฟังนะครับ ผมโง่มาก สรุปเองไม่ได้เลยครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เอางี้ ๑.การจะเป็นอัตตาตัวตน ลองอ่านดูว่า
    เข้าใจกระบวณการมันได้ยัง
    ๒.จะรู้ตัวเองได้ คือ กำลังสติทางธรรมที่เริ่มเห็น
    ๓.อยากรู้ว่าตนอยู่ระดับไหน ก็วัดจากการคลายตัว
    ได้เองตามธรรมชาติจิตว่า มากน้อยเพียงใดในระหว่างวัน
    เทียบเอา พระอรหันต์ทำได้ทั้งวัน ระดับอื่นๆก็ลดหลั่งลงมา
    เป็นเปอร์เซนต์และวันในเวลาที่ลืมตาปกตินะครับ
    ต้องอาศัยข้อที่ ๒ เป็นฐาน
    ๔.นี้แบบพิเศษหน่อย การจะรู้ว่า ใครระดับไหนอะไรอย่างไร
    หากเราเข้าถึงพลังงานได้ (ซึ่งพลังงานมันจะหลอกกันไม่ได้
    เพราะมันเป็นคลื่นความถี่เฉพาะ) มันจะบอกได้หมดว่า
    ดวงจิตนี้จิตคลายตัวหรือยัง มีปัญญาทางธรรมไหม
    มีความสามารถทางจิตแบบไหน มีวิถีจิตด้านใด
    หรือภูมิจิตอยู่ระดับใด เพราะมันจะเป็นนามธรรมที่ไม่ยึดกาย

    สรุปว่า ข้อ ๑.ลองพยายามอ่านดูอีกครั้งครับ
    ข้อ ๒ ตามที่แนะ ของ ๓.ใช้ชี้วัดประกันว่าจะไม่หลงตัวเอง
    ข้อ ๔ เป็นเรื่องภายนอกที่ไม่ควรสนใจ หากเกิดมีได้
    ก็ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นอะไร จะมีไม่มีก็ไม่เป็นไร...แต่ถ้ามี
    ก็ควรน้อมมาสนใจในข้อ ๓ ถ้าไม่มีก็สร้างข้อ ๒ ให้มี
    เท่านั้นเองครับ

    ลองดูอีกรอบ ว่าพอเข้าใจได้ดีขึ้นไหมครับ
     
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    อย่าเพิ่งไปไกลครับ
    เอาแค่ ว่า

    แยกรูปนามให้เข้าใจก่อน
    ตรงนี้ เป็นต้นทางเลยครับ เป็นทางไปหาชาติอริยะ

    ต้องแยกให้ออก ระหว่าง เจตนา กับพ้นเจตนาให้ได้เสียก่อน
    ไม่งั้นจะ ไม่มีมุมไหนที่พอจะมองออกได้เลย
    เวลาพูดถึง ขณะแห่งมรรค เกิดดับ สันตติ ไปจนถึงโพฌชง
     
  13. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    พระโสดาบัน ต้องแยกรูปกับนามได้ก่อนหรือ
     
  14. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    ไม่ได้แยกดีชั่วก่อนหรือ
    อย่างที่คุณว่าอ่านตำราหลวงพ่อฤาษี
    แล้วขัด
    คุณไปปฎิบัติตามคำสอนท่านรึยังคะ
    รบกวนถามคะ
     
  15. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    หลวงพ่อเป็นพระผู้ทรงคุณมหาศาล
    บทพิสูจย์ท่านมีนะคะ
    คุณลองปฎิบัติตามคำสอนท่านรึยังคะ
    พระโสดาบัน ต้องตัดสังโยชน์ 3 ประการนี้คุณรู้รึยังคะ เรียนถามคะ
     
  16. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    ละที่คุณแจ้งมา
    คือละความยึดมั่นถือมั่นทั้งหมดคะ
    จุดเดียวที่คุณเชือได้สนิท
    ใจ คือพระรัตนไตรคะ
     
  17. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    เคยได้ยินคำว่า บารมียังไม่ได้
    ก็ยังไปไม่ถึงไหมคะ
    คำว่าบารมี มีส่วนอย่างมากในกรณีของคุณคะ
     
  18. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    ครูบาร์อาจาร์ย สายหลวงพ่อก็ยังมี หลายท่าน ที่คุณ ควรฝากตัวไปเป็นศิษย์ท่าน
    ขอคำชี้แนะ
    เคยได้ยินคำว่า อยากเรียนเก่งต้องอยู่ใกล้คนเก่งใหมคะ
    คิดว่า คุณควรเข้าไปฝึกมโนมยิทธิคะ
    คุณจะได้วิธีเรียนลัดมากมาย โดยไม่ต้อง
    เหนื่อยคะ
    โมทนานะคะ
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    ไปหาเสียงเทศน์หลวงพ่อยังไม่เจอเรื่อง
    พระโสดาบันใช้สมาธิแค่ขั้นอุปจารสมาธิคะ
    เดี๋ยวเจอแล้วจะเอามาฝากนะคะ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ถ้าคิดอะไรไม่ออกใช้
    ตรรกะง่ายๆดังนี้ ถ้าพระอรหันต์
    จิตท่านไม่เกิด คือไม่มีเหตุอะไร
    ให้เกิดได้ทั้งเหตุจากภายใน
    และแม้เหตุจากภายนอกเข้ามาได้เลย
    แสดงว่าจิตท่านคลายตัวได้ตลอดเวลา
    แบบธรรมชาติ
    ในระหว่างวันได้ทั้งวัน
    พูดง่ายๆจิต
    ไม่เป็นวงกลมแล้ว ตึ๊งโป๊ะ!

    ระดับอื่นๆก็อย่าไปคิดเยอะ
    อย่าไปสนว่าตนจะเป็นระดับโน้นนี่นั้น
    พวกระดับระเดิบพวกนี้ อ่านดูแล้ว
    โครตหล่อ พูดอวดใครมันเท่ห์ระดับโลก
    พวกการยึดแบบนี้มันกิเลสตัวพ่อ
    หลอกให้เราหลงประเด็น หลงตัวเอง
    ไปวันๆ แบบไม่รู้ตัวเอง

    ก็ให้เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ระหว่างวันดู
    ว่าจิตเราเองประมานไหนแค่นั้น
    คลายตัวได้ซักวินาทีไหม ในวันหนึ่ง
    ที่เค้าใจว่าจิตตนเองเป็นระดับ
    หล่อเท่ห์ๆทั้งหลาย

    ตำราที่เขียน บอกว่าตัดโน้นนี่นั้นได้นั่น
    ท่านเขียนบอกไว้เพื่อเอาไว้
    ให้มาดูเอาเปรียบเทียบ
    ตรวจสอบตัวเองครับ ว่าประทานไหน
    ไม่ใช้ไปยึดเอามาเป็นเกณฑ์ชี้วัดตัดสิน
    เพราะมันเป็นระดับความสามารถ
    ของพระระดับปฎิสัมภิทานที่มีความ
    เฉลียวฉลาด ละเอียดในทางด้าน
    มากกว่าปกติทั่วไป ท่านจึงแยกได้
    ว่าสภาวะจิตที่ตัดตัวนี้ได้
    เทียบหรือเรียกได้ว่าเป็น
    โสดาฯ อะไรว่าไป เทียบออกมาเป็น
    ภาษาสมมุติ. แต่ไม่ใช่มนุษย์กะโหลกกะลา
    อย่างเราๆจะไปรู้ได้ เพราะความสามารถทางจิตและต้นทุนทางบารมีเราต่างกับท่าน
    ฟ้ากับเหว และไม่ยึดเอาสิ่งที่ท่าน
    ได้แยกแยะแล้วมาฟันธงว่าใช่เลย




    และไม่ใช่ไปอ่านมา แล้วไปยึด
    และไปใช้สัญญาทางโลกตัดเอา
    ตามที่ท่านเขียนครับ

    ยิ่งพวกอยากสร้างภาพ อวดตน
    อวดชาวโลก พอไปอ่านมา
    เด่วก็จะมาดัดจริตทางจิต
    เอาจากที่อ่านมา แล้วก็มามโนเอา
    ว่าตนเป็นระดับโน้นนี่นั่น เดินเท่ห์ไปวันๆ
    ทั้งๆที่จิตยังแยกรูปแยกนามไม่ได้เลย
    มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
    มันเป็นการเริ่มต้นของสัญญาวิปลาส
    ที่จะทำให้เราเริ่มคล้ายๆใกล้คนบ้า
    หรือเพี้ยนๆอย่างไม่รู้ตัวครับ
    เพราะเราจะไม่มันความคิดที่เกิดจากจิต
    และความคิดที่เกิดจากขันธ์๕ ส่วนนามธรรม
    และเอามันไปพิจารณาเพราะคิดว่าเป็นสติปัญญา มันจึงกลายเป็น วิปัสสนึกครับ


    โลกนี้ถึงได้เกิดพวกดวงจิต สัญญาวิปลาส
    มากมาย ที่เข้าใจไปเอง คิดไปเอง
    ว่าตนเองเป็น พระโซดาฯ พระสกิฯ พระอนาคาฯ เพราะยึดเอาสัญญาที่รู้ แล้วเอามากระทำสร้างอัพเดทหลอกจิตตัวเองไปเรื่อยนั่นหละครับ

    ขั้นตอนก่อน
    จิตมันจะเริ่มคลายตัวได้
    แค่วินาทีเดียวก่อนนะครับ
    มันต้องเริ่มแยกรูปแยกนาม
    ได้ก่อนอันดับแรก
    คือ เห็นว่า จิต ความคิด ความคิดจากขันธ์ ๕
    นามธรรมเป็นคนละตัวได้จริงๆ

    มันถึงจะเริ่มเดินปัญญาได้
    ด้วยการปล่อยให้จิตรับรู้ตามความ
    เป็นจริงด้วยใจที่เป็นกลางได้
    ด้วยกำลังสติทางธรรมที่คอย
    ทำหน้าที่ไม่ให้ความคิด และขันธ์ ๕
    นามธรรมเข้าไปปรุงร่วมกับจิตเลย
    เพราะจะเข้าใจสภาวะ
    ความเป็นกลางได้จริงๆ

    ต่อมาถึงถึงจะเกิดเป็นปัญญาทางธรรม
    พอเกิดเป็นปัญญาทางธรรม
    จิตก็จะละคลาย เรื่องนั้นๆได้

    พอละคลายได้ มันก็จะคลายตัว
    ได้เองตามธรรมชาติของมัน
    พอคลายตัวได้เอง
    ก็ค่อยมาเทียบระยะเวลา
    กับระยะเวลาที่จิตท่านที่ไม่เกิดทั้งวันเอา
    มันก็จะพอรู้ตัวเองได้
    แบบไม่หลงสภาวะ
    หลงตัวเอง
    ยึดตำรา อ้างโน้นนี่นั้น
    แต่ไม่รู้ที่มา
    ท้ายสุดกลายเป็นสัญญาวิปลาส
    ต้นเหตุแห่งการเริ่มเพี้ยนนั่นแลครับ

    ปล ออแค่เพียงแต่เล่าให้ออเจ้าฟัง ๕๕๕


     

แชร์หน้านี้

Loading...