อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อุทิศส่วนกุศลให้เจ้าที่เจ้าทาง


    ถาม : จะเดินทางไปต่างประเทศค่ะ ?
    ตอบ : เวลาไปไหน ให้สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้ท่านเจ้าที่เจ้าทางด้วย ท่านจะได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้เราได้ ขอให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ถ้ารู้สึกว่าไม่ดี…อย่าไป เพราะว่าสัญชาตญาณนั้น เกิดจากการที่เขาทั้งหลายซึ่งรับความดีจากเราไปแล้ว พยายามจะช่วยสงเคราะห์ ถ้ารู้ว่าไม่ดี..อย่าไป แล้วปกติแขวนพระอะไร ?

    ถาม : พระคำข้าว
    ตอบ : ใช้ได้ สวดมนต์ทุกวัน อิติปิ โสฯ ก็ได้ คาถาเงินล้านก็ได้ ถ้ามีพระสมเด็จคำข้าวก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    แจ้งให้ทราบครับ…

    พระอาจารย์จะเดินทางไปหาดใหญ่ วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๑ นี้ โดยนกแอร์ เที่ยว ๑๓.๑๐ น. จะค้างอยู่ที่บ้านคุณจันทร์ฉาย เพื่อรับศรัทธาจากญาติโยม แล้วเช้าวันที่ ๓๑ มีนาคม เดินไปบวงสรวงเพื่อหล่อพระที่วัดไชยชนะสงคราม (วัดหลวงปู่มหาอำนวย) เมื่อหล่อพระเสร็จก็จะเดินทางกลับครับ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post207603">#post207603” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=207603 #post207603

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    1520767084_142_ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุ.jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาจากเว็บวัดท่าขนุน เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    พระพุทธองค์สั่งว่า
    จรถ ภิกฺขเว จาริกํ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไป
    พหุชน หิตาย พหุชน สุขาย โลกานุกมฺปาย เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก
    …………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5745&page=3

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ที่มาของบทสวดพุทธชัยมงคลคาถา บทที่ ๖


    ถาม: บทสวดพุทธชัยมงคลคาถา ตรง “ปัญญาปะทีปะชะลิโต” มีที่มาอย่างไร ?
    ตอบ: ปัญญาปะทีปะชะลิโต แปลตรง ๆ ว่ามีปัญญาอันสว่างไสวเหมือนอย่างกับเปลวไฟที่สว่างรุ่งโรจน์

    ถาม: เคยอ่านเจอแล้ว ที่มาของบทสวดพุทธชัยมงคลคาถาตรงนี้ ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าถูกคนถามปัญหา แล้วใช้ปัญญาโต้ตอบกันและกัน ใครเป็นคนถามและโต้ตอบกัน ?
    ตอบ: สัจจกนิครนถ์ นิครนถ์เป็นนักบวชจำพวกหนึ่ง

    สัจจกนิครนถ์เขาเป็นคนมีปัญญามาก ศึกษาวิชาการทางด้านของเขาจนเจนจบ เขามีความเชื่อว่าความรู้ของเขาล้นพุง จนต้องเอาเหล็กแผ่นมาคาดพุงเอาไว้ กลัวพุงแตกเพราะความรู้เยอะ แต่บังเอิญความรู้ของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าท่านเสด็จไปเพื่อที่จะแก้ไขให้ เพราะท่านตรวจดูด้วยญาณแล้วว่าคนนี้โปรดได้ พระองค์ท่านก็ไปในลักษณะของการโต้ตอบปัญหา แล้วพระองค์ท่านชนะ โดยที่สัจจกนิครนถ์ไม่สามารถที่จะเถียงได้

    เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แจ่มแจ้ง เปรียบเหมือนกับการหงายของที่คว่ำ หรือจุดไฟในที่มืด สัจจกนิครนถ์รู้แจ้งเห็นจริงในจุดนั้น จึงเปรียบว่าพระองค์ท่านมีปัญญารุ่งเรืองเหมือนกับเปลวไฟ ส่องสว่างทำให้ความมืดมนของเขาหมดไปได้

    “สัจจกนิครนถ์” อยู่ในบทสวดพาหุงฯ ๘ บท ในบทที่ ๖ “สัจจังวิหายะมะติ สัจจะกะวาทะเกตุง” เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนเวลาดื้อ..ก็ดื้อสะเด็ดเหมือนกัน ไม่เจอคนที่รู้จริง เก่งจริง ก็ยากที่จะยอมรับคนอื่น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    “หลวงพ่อนากเสร็จสมบูรณ์แล้ว วันศุกร์นี้จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่มณฑปวัดท่าขนุนแล้วครับ”

    ที่มา บอกเล่าเก้าสิบ เว็บวัดท่าขนุน (www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=207603)

    .jpg
    1520941926_14_หลวงพ่อนากเสร็จสมบูรณ์.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    คนอยู่ที่ไหนก็เป็นคน อย่าไปตั้งความหวังกับใคร
    เพราะว่าสถานที่ดีแค่ไหนก็ตาม คำสอนดีแค่ไหนก็ตาม
    ถ้ากำลังใจคนไม่ได้ดีตาม… ก็เสร็จ
    ของอย่างนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าใครวางได้ก่อนก็สบายก่อน
    ใครอยากจะแบกก็ให้มันแบกไป
    …………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    -อย.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๖๙ เดือนมีนาคม์ ๒๕๖๑
    โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    -ฉบับ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    เมื่อจะคิดก็คิดด้วยเมตตา เมื่อจะพูดก็พูดด้วยเมตตา
    เมื่อจะทำก็ทำด้วยเมตตา หวังประโยชน์ต่อพระศาสนาจริง ๆ
    ………………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5826
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การที่เราเป็นนักปฏิบัตินั้น ที่สำคัญคือต้องเห็นไตรลักษณ์ คือลักษณะของความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขา ถ้าเราไม่เห็นตรงจุดนี้ ก็แปลว่าการปฏิบัติของเรานั้นเสียเปล่า แล้วการเห็นนั้น อย่าให้เห็นเฉพาะตอนที่นั่งปฏิบัติอยู่ แต่ว่าให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

    ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เราต้องเห็นความไม่เที่ยงของทุกสิ่งทุกอย่าง มองไปเห็นตึกรามบ้านช่อง ก็ให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ใหม่ แต่ปัจจุบันนี้ค่อย ๆ เก่า แล้วท้ายสุดเดี๋ยวก็ร่วงโรยพังลงไป มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ระหว่างที่ดำรงสภาพอยู่ ก็ก้าวเข้าไปหาความเสื่อม คือความทุกข์เป็นปกติ อย่างเช่นว่า แม้กระทั่งปูนก็ยังมีการกัดกร่อนผุพัง เป็นต้น และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายได้ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เพราะถ้าไม่ใช่เราตายจากไปก่อน ตึกรามบ้านช่องนั้นก็จะพังเสียก่อน เป็นต้น

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นที่เราจะต้องดู จะต้องรู้ จะต้องเห็น และยอมรับความจริงนั้นให้ได้ มองไปในหมู่ผู้คน เห็นเด็กเล็ก ๆ เห็นเด็กโต เห็นหนุ่มสาว เห็นคนกลางคน เห็นคนชรา เราก็รู้ว่านี้คือสภาพที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนจริง ๆ ระหว่างที่แต่ละคนดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์ของการเกิด ทุกข์ของการแก่ ทุกข์การเจ็บ ทุกข์ของการตาย ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของการปรารถนาไม่สมหวัง ทุกข์ของการกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ท้ายสุดเราก็ไม่สามารถที่จะยึดถือตัวตนร่างกายนี้เอาไว้ได้ เพราะว่าต้องเสื่อมสลายตายพังไป กลับกลายเป็นธาตุ ๔ คืนไปเป็นสมบัติของโลกตามเดิม

    มองออกไปเห็นต้นไม้ ต้นเล็ก ต้นกลาง ต้นใหญ่ เห็นใบไม้อ่อน เห็นใบไม้ปานกลาง เห็นใบไม้แก่ เห็นใบไม้ที่เหลืองร่วงหล่นลงจากขั้ว เราก็จะเห็นว่า ต้นไม้ก็มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีหนอนมีแมลงคอยบ่อนเบียนชอนไชอยู่ กัดกินอยู่ ต้นไม้ก็มีความทุกข์เป็นปกติ และท้ายที่สุดก็โค่นล้ม เน่าสลาย ผุพังจมดินไป

    ถ้าเราเห็นสรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแล้ว ก็ต้องดึงย้อนกลับเข้ามาหาตัวเราด้วย อย่าเอาแต่มองออกเพียงอย่างเดียว แต่ให้น้อมนำเข้ามาข้างใน ภาษาบาลีว่า โอปนยิโก น้อมเข้ามาที่ตน ให้เห็นว่าเราก็เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง สลายตัวไปในที่สุดเช่นกัน

    ก่อนหน้านี้เป็นเด็กเล็ก แล้วก็เป็นเด็กโต เป็นเด็กหนุ่มเด็กสาว เป็นคนหนุ่มคนสาว บัดนี้อายุเราล่วงเลยมาถึงปานนี้แล้ว จะล่วงลับดับขันธ์ลงไปเมื่อใดก็ไม่ทราบ ให้เห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เช่นเดียวกับตึกรามบ้านช่อง เช่นเดียวกับผู้คนทั้งหลายที่เราเห็น เช่นเดียวกับต้นไม้ใบหญ้าที่เราเห็น

    ขณะที่เราดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากของรักของชอบใจ ปรารถนาไม่สมหวัง กระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น เราเองก็ทุกข์เช่นเดียวกับเขา เขาเองก็ทุกข์เช่นเดียวกับเรา ถ้ายังต้องมาเกิดอีกก็จะพบกับความทุกข์เช่นนี้อีก และท้ายที่สุดร่างกายนี้ก็ยึดถือมั่นหมายเป็นเรา เป็นของเราไม่ได้ เพราะว่าเป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมตัวกันขึ้นมาเป็นเครื่องอาศัยของเราชั่วคราว แล้วเราก็จะไปยึดถือมั่นหมายว่านี้เป็นเรา เป็นของเรา

    ในเมื่อเราเห็นชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ เรือนโรง ผู้คน สัตว์ทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งร่างกายของเรา ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ระหว่างที่ยังทรงตัวอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ และไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราให้ยึดถือมั่นหมายได้ ท้ายสุดทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องคืนไปเป็นสมบัติของโลกตามเดิม

    เมื่อเห็นชัดเจนดังนี้ จิตของเราก็จะเบื่อหน่าย ถอนตัวเองออกมาจากความอยากเกิด ถอนตัวเองออกมาจากความอยากได้ใคร่ดีในร่างกายของเรา ถอนตัวเองออกมาจากความอยากได้ใคร่ดีในร่างกายคนอื่น ถอนตัวเองออกมาจากความอยากเกิดในโลกนี้ เอาจิตของเรามุ่งไปที่เดียวคือพระนิพพาน เมื่อเราสามารถที่จะไล่ความรู้สึกของเราขบคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ก็ให้จับลมหายใจของเราภาวนาต่อไป เพื่อจะเป็นการตอกย้ำปัญญาของเราให้หนักแน่น ให้มั่นคงยิ่งขึ้น

    ให้ทุกคนนึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา ดูไปด้วยว่าแม้แต่ลมหายใจเข้าออกก็ไม่เที่ยง ผ่านจมูก ผ่านอก ลงไปสุดที่ท้อง ออกจากท้อง ผ่านอก มาสุดที่ปลายจมูก ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอนเลย เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราต้องใช้ความพยายามในการกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ก็คือเรากำลังอยู่ในกองทุกข์ และท้ายที่สุดแม้กระทั่งลมหายใจนี้ ก็ต้องเสื่อมสลาย คืนกลายเป็นสมบัติของโลกไปตามเดิม ก็แปลว่าแม้แต่ลมหายใจเราก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเช่นกัน

    ถ้าหากว่าต้องตายลงไปจะด้วยอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ หรือด้วยการหมดอายุขัยก็ตามที เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียว เอาใจของเราจดจ่ออยู่ที่พระนิพพาน ใครสามารถยกจิตขึ้นไปพระนิพพานได้ ให้ยกจิตขึ้นไปกราบพระข้างบน ถ้าหากว่าท่านใดไม่ชำนาญก็ให้กำหนดนึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ ว่านั่นเป็นองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้ประคับประคองรักษาอารมณ์อย่างนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ขอให้ช่วยสอนธรรมะใ.jpg

    ถาม :
    ขอให้ช่วยสอนธรรมะให้ด้วยค่ะ
    ตอบ : สอนไม่ได้..สอนไปก็เท่านั้น ต้องทำเอง พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ชัดเลยว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง อัญโญ นาญยัง วิโสธเย ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของจำเพาะตน คนหนึ่งจะทำอีกคนหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ ฉะนั้น…อยากได้ต้องทำเอง พระท่านได้แต่เอาใจช่วย และบอกวิธีเท่านั้น ถ้าเอาใจช่วยแล้ว บอกวิธีแล้ว โยมไม่ทำ..ก็เท่านั้น

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    การซ้ำเติมผู้อื่น สภาพจิตของเราประกอบไปด้วยกิเลส
    สภาพจิตจะเศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้น
    โอกาสที่ลงอบายภูมิมีสูงมาก
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5745
    www.watthakhanun.com

    -สภาพจ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945

    .jpg

    จุดสำคัญของการบริจาคให้ทาน


    ถาม: การถวายสังฆทานที่ทำหลาย ๆ ถัง ความจริงทำแค่ก็ถังเดียวก็ได้ ?
    ตอบ: ถังเดียวก็ได้ ถ้าหากเราทำมาก คือ กำลังใจของเราดีและกำลังทรัพย์ของเรามีมาก

    ผลของการทำ “สังฆทาน” ถ้าเกิดใหม่ต้องเป็นมหาเศรษฐี คราวนี้มหาเศรษฐีจากอานิสงส์สังฆทานนั้น ต่ำสุดจะต้องมีเงิน ๘๐ โกฏิ หรือประมาณ ๘ ร้อยล้านของสมัยนี้ ถ้าเราทำเยอะกว่า เราก็จะมีมากกว่านั้น เป็นมหาเศรษฐีเหมือนกัน แต่จะมีทรัพย์สินมากกว่า ๘๐ โกฏิ

    ถ้าเราสามารถทำได้มากก็ทำไป แต่ถ้าไม่มีความสามารถทำมากขนาดนั้น เอาชุดเดียวก็พอ เรื่องของการบริจาคให้ทาน จุดที่สำคัญที่สุดคือ อย่าให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อน ทำแล้วเราสบายใจ ถ้าทำแล้วตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อน พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ถาม : เราใช้กำลังฌานในการตัดกิเลสได้ไหมครับ ?
    ตอบ : กำลังฌานยังไม่พอ ทำได้แค่กดกิเลสให้นิ่ง ตัวที่จะตัดจะละได้จริง ๆ เป็นปัญญา กำลังฌานเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้ปัญญาแข็งกล้าพอ กำลังฌานเป็นเหมือนกับคนเพาะกายจนแข็งแรง ส่วนปัญญาเป็นเหมือนกับอาวุธที่มีความคม มีกำลังมีอาวุธนั่นแหละ จึงจะตัดได้ มีกำลังอย่างเดียวไม่ไหวหรอก
    ……………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    -เราใช้กำลังฌานในกา.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ดับความวุ่นวาย


    ถาม: วุ่นวายมากเลยค่ะ ?
    ตอบ: ที่วุ่นวายจริง ๆ คือเราไปยุ่งกับเขา ถ้าเรารักษาสภาพจิตใจของเราสงบอยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้า อยู่กับปัจจุบัน ก็จะไม่วุ่นวายกับใคร พวกเราแทนที่จะเป็นคนดูส่วนใหญ่ก็กระโดดลงไปเล่นเองทุกที ต่อไปทำตัวเป็นคนดูนะ

    อะไรเกิดขึ้นให้รักษาอารมณ์แจ่มใสเฉพาะหน้าของเราเอาไว้ รักษาสติสัมปชัญญะของเราเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดคำถามว่า “ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนั้น ? ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ ?”

    ขึ้นชื่อว่า “ทำไม ?” เมื่อใดก็ทุกข์แล้ว ทุกข์เพราะว่าเราไปแบกเอาไว้แล้ว

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ท่านทีจะลดความอ้วนสามารถตั้งระบบร่างกายได้ เพียงแต่ว่าต้องฝืนให้ได้ประมาณ ๓-๔ วัน พอถึงหลังเที่ยงไปแล้วบอกกับร่างกายว่า “ไม่มีให้แล้ว จนกว่าจะพรุ่งนี้เช้า” บอกอย่างนั้นแหละ..ทุกวัน พอสัก ๓ วันติดกันร่างกายก็จะจำแล้วก็ตั้งระบบใหม่ หลังจากนั้นก็จะงดมื้อเย็นได้โดยอัตโนมัติ ก็จะช่วยให้หุ่นดีขึ้นได้

    พระวัดท่าขนุนหลายรูปน้ำหนักลดเป็น ๑๐ กิโลกรัม มีบางรูปลดถึง ๒๐ กิโลกรัม แต่ขนาดลดแล้วก็ยังดูไม่ยุบเลย นี่แค่งดมื้อเย็นมื้อเดียวนะ แสดงว่าพวกเราปกติกินล้นกินเกินเป็นปกติ ห้ามปากตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะห้ามตัวเองไม่ให้กินของหวานไม่ได้ เวลากินของหวานสมองจะหลั่งสารเอนโดรฟินที่เป็นสารก่อความสุขให้ออกมา เราก็จะรู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้กิน จนกระทั่งเบาหวานรับประทานก็ยังมีความสุขอยู่นั่นแหละ..! เพราะฉะนั้น..สั่งไปเลย “ตั้งแต่นี้ต่อไป หลังเที่ยงเอ็งอด..!” อย่าไปฟังการประท้วงของร่างกาย จะปวดหัว ปวดท้อง เป็นไข้อะไรก็ช่างหัวมัน ๓ วันเท่านั้นแหละ

    บางคนฝืนมาก ๆ นี่ท้องเสียเลย ถ่ายท้องเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรจะกินนั่นแหละ..แต่ก็จะถ่าย ต้องดื้อสู้กันหน่อย ถ้าสู้การเรียกร้องของร่างกายตัวเองไม่ไหว อย่าฝันเลยว่าจะไปสู้กับกิเลสได้ เรามาปฏิบัติธรรม ๓-๔ วันเรารักษาศีล ๘ ได้ แล้วทำไมต่อจากนั้นแล้วเราถึงรักษาไม่ได้ ?
    …………………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    โอวาทช่วงบวชเนกขัมมะ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๕๘
    ที่มา: www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การระลึกถึงความตายจัดเป็นกรรมฐานใหญ่กองหนึ่ง เรียกว่ามรณานุสติกรรมฐาน การระลึกถึงความตายไม่ใช่ทำให้จิตใจเศร้าหมองหดหู่ แต่เป็นการที่สภาพจิตยอมรับความเป็นจริง ว่าธรรมดาของร่างกายต้องเป็นเช่นนี้ เกิดมาแล้วก็แปรปรวนไปเรื่อย ท้ายที่สุดก็เสื่อมสลายตายพังไป

    ดังนั้น..การระลึกถึงมรณานุสติ เป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นพุทธิจริต คือต้องประกอบไปด้วยปัญญา ถึงจะรู้เห็นความเป็นจริงและยอมรับได้ สำหรับบุคคลทั่ว ๆ ไปแล้วมักจะไม่ค่อยยอมรับ และพยายามหลีกเลี่ยง..หลีกหนี ไม่ยอมรับรู้ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ด้วยความกลัวตายเป็นเหตุ ความจริงการกลัวตายนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เราเป็นคนรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ประมาท แต่การเกิดมาไม่ว่าจะเป็นคนเป็นสัตว์ ในเมื่อต้องพบกับความตาย เราก็ต้องมีการเตรียมพร้อม เพื่อที่ถึงเวลาตายแล้ว อย่างน้อย ๆ จะได้ไปสู่สุคติก็คือภพภูมิที่ดี อย่างเช่นได้เกิดเป็นมนุษย์ที่มีความสุขความสบาย มีความทุกข์น้อย ได้เกิดเป็นรุกขเทวดา ภูมิเทวดา อากาศเทวดา ได้เกิดเป็นรูปพรหมหรืออรูปพรหม ตามกำลังความดีที่เราทำมา เป็นต้น

    ในเมื่อเราหมายมุ่งจะไปสู่สุคติภูมิ ละเว้นจากทุคติแล้ว เราก็ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม การที่เราจะเตรียมตัวพร้อมรับความตายนั้น อันดับแรก ต้องนึกถึงความตายว่าจะมีต่อเราทุกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายเช่นกัน ในเมื่อความตายมาถึงเราได้ทุกลมหายใจเข้าออก เราก็ต้องเร่งสร้างความดี ความดีที่เราจะสร้างนั้น ก็มีทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย

    ความดีในเบื้องต้นคือเรื่องของการให้ทาน การให้ทานนั้นมีทั้งปาฏิปุคคลิกทาน คือทานที่เจาะจงเฉพาะบุคคล อย่างเช่นตั้งใจว่าเราจะใส่บาตรหลวงพ่อรูปนั้น หลวงปู่รูปนี้ เราจะไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อรูปโน้น เป็นต้น การที่เราไปถวายทานกับท่านเพียงรูปเดียว จัดเป็นปาฏิบุคลิกทาน ถ้าต้องการให้เป็นสังฆทาน เราต้องบอกท่านชัดเจนว่า สิ่งที่เราถวายนั้นเป็นสังฆทาน เพื่อที่ท่านจะไม่นำไปกินไปใช้คนเดียว จะเกิดโทษแก่ตัวเองมาก

    ลำดับต่อไปคือสังฆทาน ได้แก่ทานที่ถวายต่อหมู่สงฆ์ หมายเอาพระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ซึ่งมีอานิสงส์มากกว่าปาฏิบุคลิกทานเป็นแสน ๆ เท่า เนื่องจากว่าเป็นทานในการต่ออายุพระพุทธศาสนา ไม่อย่างนั้นเราก็คงจะเลือกว่าเราจะทำบุญกับใคร อย่างเช่น อยากทำบุญกับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ อยากทำบุญกับหลวงพ่อคูณ เป็นต้น พระหนุ่มเณรน้อยอื่น ๆ ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ได้ เพราะไม่มีคนทำบุญด้วย ศาสนาก็จะตั้งอยู่ไม่ได้

    แต่เมื่อเรามีการถวายสังฆทานที่ไม่เจาะจง หมู่สงฆ์ทั้งหมดต่างมีส่วนร่วมในสิ่งที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อได้บริโภคใช้สอย สามารถที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก ก็จะมีกำลังในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย เมื่อปฏิบัติได้แล้ว นำมาเผยแผ่ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการยังพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ครบถ้วน ๕,๐๐๐ ปี ดังนั้น..การถวายสังฆทานถึงมีอานิสงส์มหาศาล เพราะเป็นทานในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

    ส่วนทานด้านอื่นนั้น เป็นทานที่เกิดจากกำลังใจ อย่างเช่นธรรมทาน เราศึกษาปฏิบัติธรรมได้แล้ว ก็นำไปสั่งสอนคนอื่นเขาต่อ อภัยทาน พยายามที่จะตัดความโกรธเกลียดบุคคลอื่นออกจากใจของเรา โดยการพยายามทำความเข้าใจว่า บุคคลที่ทำให้เราโกรธเราเกลียดนั้น เขายังเป็นบุคคลที่มืดบอดอยู่ ในเมื่อเป็นผู้ที่มืดบอด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้น เป็นทุกข์เป็นโทษต่อคนอื่นอย่างไร เขาจึงเป็นบุคคลที่น่าสงสาร ไม่ใช่น่าโกรธ เราจึงต้องพยายามให้อภัยทาน นี่ก็คือการสร้างความดีในเบื้องต้นในระดับของทาน

    ความดีในเบื้องกลางคือการที่เราทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลตามสภาพของตน อย่างเช่น บุคคลทั่วไปก็รักษาศีล ๕ อุบาสกอุบาสิการักษาศีล ๘ สามเณรรักษาศีล ๑๐ พระภิกษุรักษาศีล ๒๒๗ เป็นต้น เราต้องระมัดระวังรักษาทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ถ้าวางกำลังใจของเราเช่นนี้ได้ เราจะเป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยสีลานุสติ จัดว่าเป็นความดีในเบื้องกลาง

    ความดีในเบื้องปลายนั้นคือการภาวนา คำว่าภาวนาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงนั่งสมาธิเท่านั้น ภาวนา แปลว่า ทำให้เจริญขึ้น คือสภาพจิตของเรามีการพัฒนาขึ้น เบาบางจากกิเลสมากขึ้น มีความผ่องใสมากขึ้น จนท้ายที่สุด สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ปัญญามาช่วย อย่างเช่น เห็นว่าสภาพร่างกายนี้มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ระหว่างดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนเราเขาได้ ถ้าสภาพจิตยอมรับ ถอนออกจากการยึดเกาะร่างกายนี้ หมายมุ่งหนทางแห่งการพ้นทุกข์คือพระนิพพาน เราก็มีสิทธิ์ที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ก้าวเข้าสู่พระนิพพานได้

    การทำความดีในทานนั้น ผลานิสงส์จะส่งผลให้เราเป็นผู้สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติต่าง ๆ การรักษาศีลนั้นจะทำให้เราเป็นผู้มีรูปสวย มีจิตใจเยือกเย็น มีจิตใจที่สงบระงับ การเจริญภาวนานั้นทำให้เราเป็นผู้มีปัญญามาก เกิดปัญหาทางโลกก็มีปัญญาแก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย เกิดปัญหาทางธรรมก็มีปัญญาพิจารณา จนก้าวล่วงปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นไปได้ โดยเฉพาะการก้าวพ้นจากการยึดเกาะร่างกายนี้และโลกนี้ ไปสู่พระนิพพาน

    ดังนั้น..การที่ความตายมาถึงเราอยู่ทุกขณะ สิ่งที่เราต้องไม่ประมาทก็คือ ต้องสั่งสมความดีในทาน ในศีล ในภาวนาให้มากเข้าไว้ ถ้าไม่สามารถหลุดพ้นได้ ก็ต้องให้เราไปสู่สุคติที่สบายที่สุดเท่าที่จะพึงเป็นไปได้ แต่ว่าให้เรามุ่งหมายเอาไว้เลยว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เราทำนี้ เราปรารถนาอยู่อย่างเดียว คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน แล้วเอากำลังใจของเราจดจ่อแน่วแน่ อยู่ที่ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานก็ได้ หรือว่าภาวนานึกถึงพระนิพพานเป็นอุปสมานุสติก็ได้ ตามความถนัดของแต่ละคน

    ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจดูลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ กำหนดรู้ลมหายใจของเราไว้ ถ้ามีคำภาวนาอยู่กำหนดรู้ในคำภาวนาเหล่านั้น ถ้าลมหายใจเบาลงหรือหายไป คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดรู้เอาไว้เฉย ๆ อย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น และอย่าอยากให้พ้นจากสภาพนั้น

    ถ้าเรารักษากำลังใจได้ สมาธิเราจะทรงตัวตั้งมั่น เป็นสมาธิลึกมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเข้าถึงที่สุดของอัปปนาสมาธิได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจกำหนดดูลมหายใจเข้าออก และคำภาวนาไป จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๖


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    รู้ว่าบุญนั้นดีเราก็ทำ เรารู้ว่าบาปนั้นชั่วเราก็ละ
    ทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่ยึดเกาะทั้งดีทั้งชั่ว
    ท้ายสุดจะพ้นบุญพ้นบาปไปเอง
    ……………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945

    -ทุกอย่างก็ดี.jpg

    ถ้าใจเราดี ทุกอย่างก็ดีหมด


    ถาม : กังวลเรื่องเลขทะเบียนรถ ว่าจะมีผลต่อชะตาชีวิต ?
    ตอบ : จำเอาไว้ว่า จะมีผลก็เพราะเราไปกังวล ถ้าใจเราดี..ทุกอย่างก็ดีหมด ถ้าใจเราไปคิดว่าไม่ดี ก็เหมือนกับแช่งตัวเอง เลยพลอยไม่ดีไปด้วย เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ กำลังใจของเรา เขาเรียกว่า มโนมยา สำเร็จด้วยใจ ไปคิดว่าไม่ดี ๆ ๆ เดี๋ยวก็เจ๊ง เพราะว่ากลายเป็นแช่งตัวเอง

    อาตมานี่บ้าเกินร้อยมาตั้งแต่เด็ก เขาบอกว่าเขม่นตาซ้าย..ร้ายจะมา เขม่นตาขวา..ลาภจะมา ใช่ไหม ? ตูเขม่นตาซ้าย..ลาภใหญ่จะมา เขม่นตาขวา…ลาภใหญ่กว่านั้นก็จะมา ก็เราเชื่อของเราอย่างนี้

    ส่วนหนึ่งที่น่ากลัวก็คือ หมอดูเขาถอดดวงแล้ว เขาบอกว่าเป็นดวงที่ประหลาดมาก ดวงอาตมา อริเป็นมรณะ ใครตั้งตัวเป็นศัตรู..ตายหมด ทุกวันนี้จึงไม่กลุ้มใจอะไรกับใครเลย ใครอยากเป็นศัตรูก็ให้เขาเป็นไป ปัตนิเป็นโภคะ เพศตรงข้ามจะให้ลาภ อาตมาก็สังเกตว่าใช่ โยมที่มาทำบุญร้อยละเก้าสิบเป็นผู้หญิง แต่อีกตัวไม่ค่อยดีก็คือ สหัชชะเป็นพยายะ เพื่อนจะพาจนอยู่เรื่อย พูดง่าย ๆ ว่าเขาเดือดร้อนเมื่อไร ก็เราโดนด้วยตลอด

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมกราคม ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    การที่เราจะได้อะไรบางอย่าง ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด ในเมื่อเราคิดว่าเราทำได้ ก็ตัดสินใจเลยว่า “เอา” ทำเดี๋ยวนั้นเลย ถ้ามีการตัดสินใจแบบนี้ โอกาสที่เราจะได้อะไร ๆ ก็มีมาก แต่ถ้าไม่มีการตัดสินใจลักษณะอย่างนี้ โอกาสที่จะได้ก็มีน้อย
    ………………………………..
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    .jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...