อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การเตรียมตัวไปร่วมงานเป่ายันต์เกราะเพชร
    ขอเชิญร่วมงานไหว้ครู พุทธาภิเษก เป่ายันต์เกราะเพชร
    ณ ศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    กำหนดการโดยประมาณตามรายการด้านล่างนี้
    ๐๗.๐๐ น. พร้อมกันบริเวณศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน
    ๐๗.๓๐ น. พิธีบวงสรวง ไหว้ครู พุทธาภิเษก เนื่องในวันเสาร์ ๕
    ๑๐.๐๐ น. พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร รอบแรก (รอบเช้า)
    ๑๑.๐๐ น. พักเพล / พักเที่ยง ขอเชิญรับประทานอาหารที่โรงทาน
    ๑๓.๐๐ น. พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร รอบที่สอง (รอบบ่าย)
    ๑๔.๐๐ น. เดินทางกลับบ้านโดยสะดวกปลอดภัย คล่องตัวทุกประการ

    หมายเหตุ…
    ๑. พิธีรับยันต์เกราะเพชร “รับได้ทุกที่” เพราะพุทธบารมีไม่มีประมาณ ท่านสามารถเปิดถ่ายทอดสด พร้อมเตรียมเครื่องบูชาในการรับยันต์คือ ธูป ๓ ดอก เทียน หนัก ๑ บาท จำนวน ๑ เล่ม แล้วน้อมใจปฏิบัติตามคำแนะนำ
    ๒. ท่านที่เข้าพิธีรับยันต์เกราะเพชรที่วัด ขอให้ทุกท่านเตรียมธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาทจำนวน ๑ เล่ม (ทางวัดมีจัดชุดให้บูชาวางอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้า สามารถหยิบแล้วร่วมบุญได้ตามศรัทธา) ให้พร้อมก่อนเริ่มพิธี (๑๐.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น.) เพื่อความสะดวกของตัวท่านเองและเพื่อเรียบร้อยของงาน
    ***แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ กรุณาหยิบธูปเทียนเผื่อลูกในท้องตามจำนวนด้วย***
    ๓. กรุณานั่งแบบกระชับพื้นที่ แบ่งปันที่นั่งให้เพื่อนที่มาทีหลัง
    ๔. มีโรงทานให้บริการ กรุณาช่วยกันรับประทานให้เต็มที่
    ๕. น้ำมนต์เข้าพิธี มีจำหน่ายบริเวณด้านข้างสมเด็จองค์ปฐม (ฝั่งขวาขององค์ท่าน) กรุณามาบูชาเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่รับฝาก
    ๖. การแต่งกาย สีอะไรก็ได้ ตามที่สะดวก แต่ห้ามโป๊ หากสบายใจสีขาวก็แต่งขาวได้
    ๗. ท่านที่นำรถมาเองสามารถจอดได้ที่หน้าวัด บริเวณหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม จะมีรถตู้เวียนจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตพาเข้ามาด้านในวัด
    ๘. ท่านที่ต้องการเดินทางพร้อมรถตู้ชมรมโมทนาบุญพลังจิต กรุณาติดต่อที่คุณชยาคมน์ ที่ @Chayakom Thammapreecha
    ๙. http://goo.gl/maps/8UM3w แผนที่ทางไปวัดท่าขนุนค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ขอเชิญรับฟังการถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายบูชาพระคุณครู

    เนื่องด้วยคณะผู้ดูแลกระดานสนทนาวัดท่าขนุน ได้กราบเรียนขออนุญาตจากพระอาจารย์ (พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.) ในการดำเนินการจัดตั้งระบบการถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ บูชาพระคุณครู ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
    (ถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. เป็นต้นไป จนกระทั่งจบงาน)

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมถ่ายทอดสดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ บูชาพระคุณครูด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับฟังเสียงถ่ายทอดสด จะได้ร่วมกันกำหนดจิตน้อมใจร่วมสวดพระคาถาไปพร้อม ๆ กัน

    จึงใคร่ขอเชิญสาธุชนทั้งหลาย ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ถวายกุศลแด่พ่อทั้งแผ่นดิน รับฟังการถ่ายทอดเสียงสดจาก ห้องจัดเลี้ยง ชั้น ๑ อาคาร ๙ บมจ.ทีโอที (สำนักงานใหญ่) ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    +++

    การรับชม-รับฟังการถ่ายทอดสด

    ท่านสามารถรับชม-รับฟังการถ่ายทอดสด ตามวันและเวลาที่กำหนดผ่านช่องทางต่อไปนี้

    รับชมทาง Facebook เพจ watthakhanun: www.facebook.com/watthakhanun

    รับชมทาง YouTube ช่อง Sapanboon: www.youtube.com/channel/UCgkHL4DqAHM4mSyTGesp5OA

    รับฟังทางวิทยุออนไลน์: www.watthakhanun.com/radio

    หมายเหตุ: การรับฟังวิทยุออนไลน์ทางโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

    ๑. ระบบปฏิบัติการ Android: แอปพลิเคชัน VLC for Android
    ๒. ระบบปฏิบัติการ iOS: แอปพลิเคชัน VLC for Mobile

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ห.jpg

    การเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปานท่านบอกว่าเป็น ตำราพระร่วง สำหรับยันต์เกราะเพชรนั้นก็ได้จาก บท อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

    ถ้าอ่านลงตามแบบหนังสือจีน คือ อ่านตามขวาง ก็ได้ใจความว่า อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ชักสูตรเป็นตาข่าย

    เวลาจะเป่ายันต์เกราะเพชร ท่านก็เขียนใส่กระดานดำ เมื่อท่านเขียนแล้ว ก็ให้คนที่จะมารับยันต์เกราะเพชร จุดธูปเทียนบูชารับศีลแล้วก็ภาวนา ว่า “พุท” หายใจเข้า “โธ” หายใจออก

    ถ้ามีลูกอยู่ในท้อง ก็ให้จุดธูปแทนลูกในท้อง ๑ ดอก เวลาคลอดบุตรออกมา ก็จะมียันต์ทั่วทั้งตัว แล้วภายในเวลา ๗ วัน ยันต์ก็จะหายเข้าไปในตัว

    สำหรับผู้ใหญ่นั้น ย่อมไม่เห็นยันต์ ถ้าใครรักษาไว้ด้วยดี เมื่อเวลาตายเขาเอาไปเผา จะเห็นมีรูปยันต์ที่กระดูก

    ยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานนี้ ท่านกล่าวว่าท่านได้มาจาก ยอดธงมหาพิชัยสงคราม เป็นธงออกศึก ท่านตัดเศียรเอามาโดยเฉพาะ แบ่งจากยอดธง คือ ธงนั้นมียันต์มาก ทีนี้เอายันต์หนึ่งในยอดธงมหาพิชัยสงคราม ท่านให้ชื่อว่า ยันต์เกราะเพชร

    เวลาที่ท่านจะเป่าให้ ท่านอธิบายว่า ของท่านไม่รับรองเรื่องคงกระพันชาตรี รับรองแต่เพียงว่า ใครรับยันต์เกราะเพชรแล้ว
    ๑. จะไม่ตายโหง
    ๒. จะไม่ถูกคุณผี คุณคน จะป้องกันสรรพอันตรายที่บุคคลทั้งหลายทำมาด้วยวิชาการต่าง ๆ
    ๓. จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์พิษ อย่างนี้เป็นต้น

    และบุคคลทั้งหลาย ถ้าได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าบูชาไว้ด้วยดี ใครก็ตามจะกลั่นแกล้งบุคคลที่ได้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ท่านห้ามไม่ให้โกรธตอบ ให้ทำเฉยแล้วบุคคลนั้นจะได้รับผลกรรมที่ตัวทำนั้น หมายความว่า เราไม่ต้องทำตอบ เมื่อเขาแกล้งเราด้วยวิธีใด ก็วิธีนั้นแหละจะลงโทษเขา ถ้าเขาคิดจะฆ่าเรา เขาก็ตายเอง ถ้าเขาจะกลั่นแกล้งเราให้ย่อยยับ เขาก็ย่อยยับเอง ถ้าเขาจะทำให้เราลำบาก เขาก็ลำบากเอง อันนี้เป็นวิธีการอันหนึ่งที่ไม่ใช่ทำให้เขาลำบาก ถ้าเขาทำ ผลนั้นเขาจะพึงได้รับเอง เราไม่บาป

    แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่า
    ๑. ห้ามดื่มสุราเมรัยเด็ดขาด
    ๒. ห้ามทุจริตโดยการลักขโมย ฉ้อโกง อย่างนี้เป็นต้น

    ถ้าใครประพฤติปฏิบัติในศีล ๒ ประการได้ ยันต์เกราะเพชรก็จะคุ้มครองบุคคลผู้นั้น ถ้าใครรักษาศีลไม่ได้ ยันต์เกราะเพชรจะไม่คุ้มครอง อันนี้เป็นความจริง

    ที่่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=605

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๘-แต่เลิกงานตอนเท.jpg

    ถือศีล ๘ แต่เลิกงานตอนเที่ยงตรง กินอะไรหลังเที่ยงได้หรือไม่ ?

    ถาม :
    ถ้าเราถือศีล ๘ แล้วไปทำงาน แต่งานของเราเลิกตอนเที่ยง หลังเที่ยงเรากินอะไรได้ไหมครับ ?
    ตอบ : ได้…ถ้าเราถือศีล ๘ แล้วงานเลิกเที่ยง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ว่า “อนุญาตให้ไม่เกินบ่าย ๒ โมง ถ้ายังไม่เกินบ่าย ๒ โมง ยังถือเป็นศีล ๘ อยู่”

    ถาม : ศีล ๑๐ ข้อที่ ๙ และข้อที่ ๑๐ คืออะไรครับ ?
    ตอบ : ข้อที่ ๙ จะเป็นข้อที่ ๗และ ๘ ที่ยืดออกมา

    “นัจจะ คีตะวาทิตะ วิสูกะทัสสะนาฯ ” จะเป็นข้อที่ ๗
    “มาลาคันธะ วิเลปะนะฯ” เป็นข้อที่ ๘
    “อุจจาสะยะนะฯ” จะเป็นข้อที่ ๙
    และไปเพิ่มข้อที่ ๑๐ ก็คือ “ชาตะรูปะ ระชะตะฯ” ไม่ให้จับเงินจับทองข้อนี้เป็นศีลของเณร
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๔.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔ : ครูกรรมฐานคนแรก

    ข้าฯ ขอนอบน้อมคุณ แด่ท่านครูผู้อารี
    กรุณาและปรานี อุตส่าห์สอนทุกทุกวัน
    ยังไม่รู้ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ ดีชั่วชี้ให้ชัดเจน
    จิตมากด้วยเอ็นดู อยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
    รักไม่ลำเอียงเอน หวังให้แหลมฉลาดคม
    เดิมมืดไม่รู้แน่ เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
    สงสัยและเซอะซม กลับสว่างแลเห็นจริง
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ในที่ยิ่ง
    เพราะเราพึ่งท่านจริง จึงได้รู้วิชาชาญ


    บทสรรเสริญคุณครูบาอาจารย์นี้ ท่านจางวางอยู่ เหล่าวัตร เป็นผู้ประพันธ์ ลิขสิทธิ์เป็นของหลวงปู่หลุย (พระโศภณสีลคุณ) วัดเทพศิรินทราวาส หลวงปู่มหาอำพันเมตตาท่องให้อาตมาฟังทุกคืน…

    คำว่า “ครู” มาจากภาษาบาลีว่า “ครุ” แปลตรงตัวว่า “หนัก” เพราะหน้าที่พ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ที่จะหล่อหลอมเยาวชนออกมาให้ได้ดีนั้น เป็นภาระที่หนักหนาสาหัสจริง ๆ ต้องเป็นทั้งพ่อแม่และครูอาจารย์ในเวลาเดียวกัน…

    สมัยอาตมาเรียนชั้นประถมอยู่นั้น ครูท่านเข้มงวดทั้งความรู้ และความประพฤติ ไม่ยอมปล่อยปละละวางเด็ดขาด เพื่อนรุ่นพี่ และรุ่นเดียวกันถูกปรับตกซ้ำชั้นคนละหลาย ๆ ปี ถ้าไม่ดีจริงไม่มีทางได้เลื่อนชั้นให้เสียชื่อครูหรอก… ที่เรียนซ้ำชั้นจนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวไปเลยก็มาก ส่วนใหญ่พวกนี้มักจะเกเร จึงต้องมีไม้กว้างสามนิ้วยาวสองเมตรไว้คุมประพฤติ ฟาดแต่ละทีแทบจะลอยตามไม้ไปเลย สมัยนี้ทำอย่างนั้นคงถูกย้ายไปดาวอังคารโน่น…!

    ครูบางท่านตีนักเรียนมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นลูก มาจนถึงรุ่นหลาน ดังนั้น นักเรียนที่จะมาขึ้นเสียงกับครูจึงไม่มี ก็พ่อยังถูกครูตี ลูกมันจะดีกว่าพ่อได้อย่างไร มาฟ้องพ่อว่าถูกตีมีหวังโดนฟาดซ้ำอีกรอบ… สมัยนั้นจบป.๔ มา ก็มีการคัดตัวผู้ที่ต้องการเป็นครูเข้าสอนต่อ โดยได้รับการบรรจุเลย จึงไม่ต้องสงสัยว่า การเรียนนั้นโหดขนาดไหน ความรู้ถ้าไม่แน่นจริงจะออกไปเป็นครูเขาได้อย่างไร… อาตมาเองมีครูจบป.๔ หลายท่าน ขอเอ่ยนามไว้เป็นที่เคารพบูชาสัก ๒ ท่านคือ ครูเสงี่ยม หรั่งนิ่ม และ ครูพิส ถิ่นญวน จิตวิทยาในการสอนเด็กของท่านนั้น ผู้ที่จบครุศาสตร์บัณฑิตในสมัยนี้ เทียบไม่ได้แม้หนึ่งในหมื่น…?

    ขอกล่าวถึงครูกรรมฐานคนแรกของอาตมาเสียที ตอนนั้นอาตมาเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน วิชาที่เป็นยาขมหม้อใหญ่ของทุกคนคือ คณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเลขคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ ไซคลิกออเดอร์ ฯลฯ…. หลังจากถอดสมการสิบหกชั้น จนหน้ามืดตาลายกันทั่วหน้าแล้ว อาจารย์ณรงค์เดช บุญมี ก็ถามทุกคนว่า “นักเรียน มีใครอยากรู้โดยไม่ต้องเรียนบ้าง ?” ทุกคนยกมือกันสุดแขนเลย…ท่านอาจารย์เลยอธิบายวิธีรู้โดยไม่ต้องเรียน กลายเป็นว่าท่านสอนกรรมฐานแบบธรรมกาย ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ และอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ แบบผู้รู้จริง โดยบอกว่า ถ้าถึงธรรมกายแล้ว อยากจะรู้อะไรให้ถาม “พระ” ท่านจะบอกได้ทุกอย่าง…

    ในยุคนั้น…ใครปฏิบัติกรรมฐานมักถูกกล่าวหาว่า “บ้า” ดังนั้นบรรดาครู และนักเรียนทั้งหมด จึงลงความเห็นเป็นเสียงเดียวว่า อาจารย์ณรงค์เดช “บ้า” แล้ว ยกเว้นอาตมาที่ไม่ได้คิดแบบนั้น…! คำสอนของท่านอาจารย์เหมือนกับจุดไฟในกายอาตมาให้สว่างรุ่งโรจน์ขึ้น เหมือนม้าคะนองที่มีคนเปิดคอกให้โลดทะยานไป จิตของอาตมาได้รับความมหัศจรรย์ทางธรรมที่ใฝ่หามานานในคราวนี้เอง…!

    ท่านอาจารย์ณรงค์เดช บุญมี ประกอบด้วยปฏิปทาของผู้เสียสละอย่างเปี่ยมล้น ของทุกอย่างท่านสละให้แก่ผู้ต้องการโดยไม่ลังเล บ้านพักครูที่สมัยนั้นหายากกว่าทอง ท่านก็ยกให้เพื่อนครูไปอาศัยแทน… เงินเดือนของท่านจะแลกเป็นเหรียญบาทใส่พานไว้ นักเรียนคนไหนต้องการเงินซื้อข้าว ซื้อขนมไปหยิบเอาได้เลย…ถ้านึกสนุกขึ้นมาท่านจะบอกอดีตชาติของนักเรียนแต่ละคนว่าเป็นใคร มาจากไหน เกิดมาเพื่อทำหน้าที่อะไร…? ปัจจุบัน หากท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ คงจะชราภาพมากแล้ว ขอท่านอาจารย์โปรดทราบ…ศิษย์คนนี้ยังระลึกถึงอยู่มิรู้วาย…

    ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    บันทึกเพิ่มเติม : ได้ทราบข่าวมาจากคุณวัลษา บัวโต รุ่นพี่ที่เรียนโรงเรียนมัธยมฐานบินมาด้วยกันว่า คุณครูณรงค์เดช บุญมี ได้บวชหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว ที่วัดปลักไม้ลาย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จากนั้นก็ออกธุดงค์ไป ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ จนถึงปัจจุบันนี้

    ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ใครได้-ทำแทนกันไม่.jpg

    ใครทำ ใครได้ ทำแทนกันไม่ได้

    ถาม
    : …………………………………
    ตอบ : อันแรกเรียกว่าทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในปัจจุบัน อันหลังเรียกว่าสัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในอนาคต คือว่ากำลังใจทรงตัว ย่อมไปสุคติ ทรงตัวน้อยไปสวรรค์ ทรงตัวปานกลางไปถึงพรหม ถ้าถึงที่สุดไปพระนิพพานจัดเป็นประโยชน์สูงสุด เรียกว่า ปรมัตถประโยชน์

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ก็เพื่อตัวเราเองทั้งนั้น ไม่ว่าในทาน ในศีล ในภาวนา เราทำเราได้ แล้วสำคัญที่สุดตอนที่พระองค์ที่สิบท่านมา ท่านบอกว่า เรื่องของธรรมะ ใครทำ ใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ ถ้าหากว่าอยากได้ดี อยากไปพระนิพพานก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำไป มัวแต่ไปเที่ยวอธิษฐานขอจากคนอื่นไม่ได้หรอก

    ท่านบอกว่าขืนให้ไปนาน ๆ ฉันก็หมดบารมี กลายเป็นบารจนพอดี ให้กันไม่ได้ เพียงแต่ว่าผู้ใดที่ต้องการ อยู่ในลักษณะเป็นกำลังใจ ท่านก็ให้ แต่ท่านก็จะแทรกข้อคิดให้อยู่ตลอดเวลา

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -เรื่องการเป่ายันต์เ.jpg

    ถาม: เรื่องการเป่ายันต์เกราะเพชร ?
    ตอบ: การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้นเป็นการสงเคราะห์ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าใช้ความสามารถของตัวเอง จะทำได้ไม่ถึง ๑ %

    ดังนั้น…ท่านที่ถามพระอาจารย์ว่า เมื่อไรจะเป่ายันต์เกราะเพชร แล้วท่านตอบว่าไม่รู้นั้น ไม่ใช่การเล่นตัว หากแต่ว่าถ้าไม่ได้รับคำสั่ง ท่านก็ไม่สามารถที่จะบอกได้จริง ๆ

    การเป่ายันต์จะจัดขึ้น ณ วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จำนวน ๒ รอบ คือ เวลา ๑๐.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. ท่านที่ต้องการรับยันต์เกราะเพชรให้ภาวนาจับภาพพระพุทธเจ้าให้เป็นปกติทุกวัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป)

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3139

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ปี-พระครูวิลาศกาญจนธร.jpg

    ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ……………………………………………

    ขอเชิญร่วมงานเนื่องในวาระเจริญอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ณ วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
    งานหล่อหลวงพ่อทองคำ

    วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
    งานอุปสมบทหมู่ ๑๐๘ รูป

    วันอาทิตย์ที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
    งานสืบชะตาหลวง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.

    วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
    งานเจริญพระพุทธมนต์ฉลองพระพุทธรูป ๓ กษัตริย์ วัดท่าขนุน (หลวงพ่อเงิน, หลวงพ่อนาก, หลวงพ่อทองคำ)

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อานุภาพของยันต์เกราะเพชร

    อานุภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น ผู้รับยันต์ไปแล้วถ้ารักษาเอาไว้ได้
    ข้อที่ ๑ จะไม่ตายโหง แปลว่าการตายด้วยอุบัติเหตุอันตรายผิดปกติใด ๆ จะไม่เกิดขึ้น เกิดอุบัติเหตุหนักเท่าไรก็ตาม รับประกันว่ารักษารอดได้แน่นอน ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือโยมแม่ของอาตมาเอง โดนราชรถ ๑๐ ล้อมาเกย กระดูกด้านขวาของร่างกายตั้งแต่กรามลงไปถึงข้อเท้าหักหมดทุกชิ้น รักษาตัวอยู่ ๓ ปีก็กลับคืนดีมาเหมือนเดิม

    ตอนแรกที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ๑๐ กว่าวัน อาตมาไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนท่านว่าแม่โดนรถชน นอนอยู่ไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว ผมขอถวายสังฆทานให้แม่ครับ หลวงพ่อถามว่า “แม่เคยรับยันต์เกราะเพชรไปหรือเปล่า ?” กราบเรียนหลวงพ่อท่านว่า “เคยรับไปครับ” ท่านบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไม่ตายแน่นอน” และก็เป็นความจริงตามนั้น คือบุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปจะไม่ตายโหง

    ประการที่ ๒ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษทั้งหลาย เรื่องนี้อาตมาทดสอบมาด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจตนา ก็คือโดนงูกะปะกัดเข้าที่ชีพจรข้อมือพอดี อาตมาก็ไม่ได้รักษาอะไรมากมาย นอกจากล้างทำความสะอาด เอายาเบตาดีนเทใส่แผล เช็ดแห้งแล้วก็ปิดด้วยพลาสเตอร์ เล่นเอาลูกศิษย์ที่มาจากปักษ์ใต้เครียดจนหัวล้านไปเลย..! บอกว่าเขาอยู่สวนยาง ไอ้งูกะปะนี่กัดใครก็ตาม จะเน่าหลุดเป็นชิ้น ๆ ท้ายสุดก็ตาย แต่ปรากฏว่าอาจารย์เล็กยังสบายดีจนทุกวันนี้ และทุกวันนี้ก็ยังจับงูทุกชนิดเล่นเป็นปกติ

    โดยเฉพาะงูจงอางของวัดท่าขนุน ๒ ตัว ถึงเวลาเลื้อยข้ามถนน หัวพ้นถนนไปแล้วหางยังไม่ขึ้นมาเลย ถ้าหากว่าค่ำ ๆ เวลาทุ่มครึ่งสองทุ่มมักจะขึ้นมาโชว์ตัวเพราะว่าต้องออกไปหากิน จะไม่บอกว่าอยู่บริเวณไหน ถึงเวลาโยมเจอจะได้จับเล่นบ้าง…!

    ประการที่ ๓ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายจากไสยศาสตร์ ใครตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่มียันต์เกราะเพชรอยู่และอาราธนาทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไปหมด เขาตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่เราแรงขนาดไหน เขาก็จะรับคืนไปแรงเท่านั้น

    เรื่องนี้รุ่นพี่ของอาตมาก็คือพี่สามารถ ปัจจุบันสึกไปแล้ว อดีตก็คือพระสามารถ ฐานิสฺสโร ถ้าหากว่าไม่รู้จักก็ต้องบอกว่า ท่านเป็นคนออกแบบมณฑปที่ตั้งสังขารหลวงพ่อวัดท่าซุงและปราสาททองคำ ถ้าไม่รู้ก็โปรดรับทราบเอาไว้ว่า นั่นเป็นฝีมือของพี่สามารถ

    ท่านไปที่ถ้ำตับเต่าในลักษณะของการธุดงค์ ไปเจอเจ้าถิ่นซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าร้อนวิชาท่าไหน เห็นพี่สามารถธุดงค์มาก็ทำไสยศาสตร์ใส่ พี่เขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ถึงเวลาก็สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐานตามปกติ ครูบาอาจารย์บอกว่าให้ปลุกยันต์เกราะเพชรไว้ทุกวัน ท่านก็ปลุกตามปกติ

    รุ่งเช้าก่อนออกบิณฑบาตปรากฏว่าพระเจ้าถิ่นวิ่งออกมาบอกว่า “ท่าน..พอเถอะ ๆ ผมไม่สู้แล้ว” พี่สามารถก็งง ๆ ว่า “เต็มเต็งหรือเปล่าวะ ?” ปรากฏว่าตอนสายออกไปบิณฑบาต เจอพระรูปนั้นแก้ผ้าเดินอยู่ในตลาด พี่สามารถก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดูท่ามันเล่นเราแน่ ๆ แต่ปรากฏว่ามียันต์เกราะเพชรคุ้มครองอยู่ ก็เลยสะท้อนกลับ ตัวท่านโดนในสิ่งที่ท่านทำเอง

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4651

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๗๙ เดือนมกราคม ๒๕๖๒
    โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    -ฉบับ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    แจ้งเปลี่ยนเวลาหล่อพระนะครับ

    งานหล่อพระพุทธรูปทองคำ ตรงกับวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๒๐ น. (หล่อช่วงเช้านะครับ)

    .png

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ความกลัวทุกชนิดมีพื้นฐานมาจากความกลัวตายทั้งสิ้น อาตมาเคยตามพิจารณาดูใจตัวเองเป็นปี ๆ อยู่ในป่ากลัวเสือกัด เสือกัดแล้วเป็นอย่างไร ? ตายจ้ะ กลัวงูจะมารัด งูรัดแล้วเป็นอย่างไร ? ตายเหมือนกัน กลัวผีจะมาหลอก เดี๋ยวมันบีบคอเราแล้วเป็นอย่างไร ? ตายเหมือนกัน

    สรุปแล้วทั้งหมดไม่ว่าจะอ้อมโลกไปไกลขนาดไหนก็ตามจะลงตรงที่ว่าเรากลัวตายเหมือนกันทั้งหมด ต้องพิจารณาให้เห็นว่าความตายเป็นปกติธรรมดาของเรา เป็นปกติธรรมดาของสัตว์โลกทั้งหมด สัตว์โลกเกิดเท่าไรตายหมดเท่านั้น พระพุทธเจ้าท่านยืนยันเอาไว้ ถ้าเราเห็นจริงว่าเราเกิดมาแล้วต้องตายเป็นปกติเป็นธรรมดา ถ้าเราทำความดีไว้ ตายไปเราก็ไปสบาย ความตายก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๕.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๕ : พระคาถาชินบัญชร

    รากศัพท์ของคำว่า “คาถา” มาจากภาษาบาลีว่า “กถา” แปลว่า “วาจาเป็นเครื่องกล่าว” ดังนั้น…คำพูดของคนเราทุกคำก็คือคาถาทั้งสิ้น แต่คาถาในความเข้าใจของทุกคน ไม่ใช่ความหมายเช่นนั้น…

    คาถาที่เรารู้จักคือถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถแสดงผลอันวิเศษแก่ผู้ที่ยึดถือท่องบ่น ในบรรดาคาถาที่ท่านผู้รู้ผูกขึ้นมานั้น พระคาถาชินบัญชรของสมเด็จพุฒาจารย์โต หรือหลวงพ่อโต วัดระฆัง นับว่าแพร่หลายที่สุด… คาถาชินบัญชรนี้เพียบพร้อมไปด้วยอรรถ และฉันทลักษณ์ ทั้งยังคงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยิ่ง พระเครื่องสมเด็จวัดระฆังที่ลือลั่นสนั่นเมือง ก็ปลุกเสกด้วยคาถานี้เอง… แต่ว่า…พระคาถาชินบัญชรนี้ก็ยังมีแปลกแตกต่างไปหลายฉบับ บางฉบับก็เพิ่มมาหนึ่งบท บางฉบับก็หดหายไปสองบรรทัด คาถาบางตัวก็ผิดเพี้ยนกันไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…

    ความศักดิ์สิทธิ์ของคาถานั้น ขึ้นอยู่กับสมาธิจิตของผู้ท่องบ่น ต่อให้คาถาผิดพลาดเพียงไรก็ตาม หากจิตเป็นสมาธิแนบแน่นมั่นคงเสียแล้ว ผลก็เป็นไปตามการอธิษฐานทุกประการ… หากท่านผู้อ่านตัดความตะขิดตะขวงใจในตัวคาถาเสีย ตั้งใจท่องบ่นอย่างจริงจัง ผลดีย่อมบังเกิดแก่ท่านอย่างไม่ต้องสงสัย และต้องอัศจรรย์ใจในคาถาอันวิจิตรไพเราะ ที่เป็นผลผลิตจากอัจฉริยภาพของเจ้าประคุณสมเด็จท่านเป็นแน่แท้… อาตมาได้พระคาถานี้จาก “หนังสือลานโพธิ์” อ่านแล้วชอบใจตรงที่ว่าหากใครท่องบ่นด้วยความเลื่อมใสอย่างแท้จริง พระสมเด็จวัดระฆังที่หายากเป็นนักหนา จะเสด็จมาอยู่กับผู้ท่องบ่นเอง….

    ด้วยความอยากได้พระสมเด็จวัดระฆัง อาตมาจึงพยายามหัดท่องคาถา วันแรกก็ตะกุกตะกักไม่เป็นท่า เหนื่อยขึ้นมาเลยเอาคาถาหนุนหัวหลับไป เกิดฝันว่าท่องคาถาได้คล่องปรื๋อเลยล่ะ…! ตื่นขึ้นมาก็ท่องได้จริง ๆ….! นับว่าอัศจรรย์มาก เพราะความฝันกลายเป็นความจริงไปได้ อาตมาก็เลยท่องคาถาทุกวัน ท่องไปก็อธิษฐานไป ขอให้สมเด็จวัดระฆังเสด็จมาทีเถอะ…เจ้าประคุ้ณ…! เวลาผ่านไป…ผ่านไป ไม่เห็นมีวี่แววว่าสมเด็จวัดระฆังจะมาสักที จนอาตมาท่องคาถาจนชิน วันไหนไม่ได้ท่องเหมือนขาดอะไรไป ความอยากได้พระหายไปจากใจ กลายเป็นหน้าที่ประจำ ที่จะต้องท่องอย่างน้อยวันละ ๑ จบ…

    ปีแล้ว…ปีเล่า…อาตมายังคงท่องคาถาโดยไม่เบื่อไม่หน่าย จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ในปีที่ ๑๑ ของการท่องคาถาติดต่อกันนั่นเอง สมเด็จวัดระฆังที่อยากได้เป็นนักหนาก็ได้มาสมใจนึก… ผู้มอบให้เป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง ทั้งบ้านมีแต่ของเก่าแทบไม่มีที่จะเก็บ เขาติดหนี้บุญคุณอาตมาไม่ทราบจะทดแทนอย่างไร เลยมอบพระเครื่องสุดรักสุดหวงของตนให้อาตมา ๑ องค์…

    นี่แหละ…ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ของทุกอย่างเขาดีจริงอยู่แล้ว ขอเพียงเราทำให้จริงเท่านั้น ผลสำเร็จย่อมเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน…

    ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์

    ถาม :
    มีอยู่วันหนึ่ง มีความรู้สึกว่าไม่สบาย เวียนหัว แล้วพอไปเข้าห้องน้ำ แล้วรู้สึกหน้ามืด พอหน้ามืดตอนนั้น จิตฉุกคิดขึ้นมาว่า ที่เราเป็นอย่างนี้ เพราะมีร่างกาย พอคิดอย่างนี้แล้วรู้สึกมืดไปหมดเลย ไม่รู้ตัว ?
    ตอบ : อย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจของเราใช้ได้ เวลาเกิดเวทนา เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยกับร่างกายขึ้นมา เราสามารถนึกถึงข้อธรรมคำสอนได้อะไรได้ ตอนนั้นถ้าตั้งใจหน่อยเดียวว่า ถ้าตายตอนนี้เราขอไปพระนิพพาน ก็สบายเลย

    แบบนี้แสดงว่าเป็นลูกพ่อจริง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็ไปหน้ามืดอยู่ในห้องน้ำ แล้วท่านไม่ได้หน้ามืดเฉย ๆ แต่หล่นจากโถส้วมไปกองกับพื้นเลย เสร็จแล้วท่านก็อุตส่าห์พยายามทรงตัวถอดกลอนออกมา แล้วมาหมอบอยู่หน้าห้องน้ำ ท่านบอกว่า เดี๋ยวคนไปลือว่าข้าตายคาโถส้วม ลูกศิษย์จะขายหน้าเขา ก็เลยตะกายออกมาตายข้างนอก หมดลมอยู่พักหนึ่ง พระท่านไล่กลับมา ก็เลยต้องฟื้นใหม่

    ถาม : แล้วตอนนั้นที่รู้สึกว่ามืดไปนั้นเป็นอย่างไรคะ ?
    ตอบ : มีอยู่สองอย่าง คือ สติขาดไป เพราะเวทนาที่เกิดขึ้นบีบคั้น อีกอย่างหนึ่งก็คือ พอเป็นฌานอยู่บ้าง แต่ว่าสติตามไม่ทัน ก็ตัดไปเฉย ๆ ลักษณะนั้นเหมือนกับวูบไป อาการใกล้เคียงกันมาก ต้องสังเกตดูให้ดี แต่ว่าถ้าทำในลักษณะนั้นได้ก็สบายใจได้เลยว่า อย่างน้อยกำลังใจของเราน่าจะเกาะความดีได้อยู่บ้าง แต่อย่าไปประมาทนะ หมั่นทำบ่อย ๆ

    อาตมาตอนป่วยหนักคราวก่อนนี้ เกาะไม่ปล่อยเลย เขาจะหามไปเผาทิ้งเสียแล้ว ถึงเวลาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้นหนัก ๆ ถึงเวลาก็จับอารมณ์ภาวนาเพื่อหนีความทุกข์ของร่างกาย ปรากฏว่าจับแน่นไป เขาจะเอาไปเผาเสียแล้ว อย่าพยายามเลียนแบบ คนที่ไม่เข้าใจเขาเอาไปเผาแล้วจะยุ่ง

    ถาม : แต่ก่อนที่จะวูบไป จิตรู้ตัวว่าเวียนหัว แต่ไม่มีความทุกข์ ?
    ตอบ : เรารู้เท่าทัน แต่ขณะเดียวกัน จิตก็พร้อมที่จะรับ ตอนนั้นนึกถึงพระได้เลย ถ้าหากว่าเราตายตอนนี้ ขอไปอยู่กับพระที่พระนิพพานเท่านั้น ทำอารมณ์ใจสบาย ๆ จะเป็นจะตายก็ปล่อยไป ถ้าลืมตาตื่นขึ้นมา เราก็ทุกข์ต่อไป ถ้าไม่ลืมตาตื่นขึ้นมาเราก็สบายไปเลย อาตมาพยายามทำหลายครั้งแล้ว ตื่นทุกครั้งเลย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วิธีการเป่ายันต์เกราะเพชร

    ทีนี้วิธีเป่ายันต์ ท่านเป่าทีละศาลา คือ นั่งกันเต็มศาลาแล้วท่านให้จุดธูปเทียนบูชารับศีลแล้วก็ภาวนา ว่า “พุทโธ” ท่านที่นั่งภาวนาบางคนมีอาการหนักศีรษะบ้าง เหมือนไรไต่อยู่ที่ศีรษะบ้าง มีอาการร้อนหู ร้อนหน้าบ้าง อย่างนี้เรียกว่า ยันต์เกราะเพชรเข้าถึงตัว อาการอย่างนี้จะทรงอยู่ ๒-๓ วัน ก็จะหาย ทั้งนี้เพราะยันต์เกราะเพชรจะค่อย ๆ ซึมเข้าไปทีละนิด จนกระทั่งทั่วร่างกาย แล้วอาการนี้จึงจะหาย

    ถ้าหากว่ายันต์เกราะเพชรยังไหลไม่ทั่วร่างกายเพียงใด ความรู้สึกหนัก หรือร้อนหน้าร้อนตา หรือคล้ายไรไต่ตามหน้าตาก็จะยังปรากฏอยู่

    การเป่ายันต์เกราะเพชรแต่ละคราว ต้องเป่าเฉพาะวันเสาร์ ๕ คือ วันเสาร์ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ จะเป็นเดือนอะไรก็ได้

    การเป่ายันต์์เกราะเพชรของท่านไม่มีค่าครู ไม่มีค่าวิชา ไม่มีค่าป่วยการ คือ หลวงพ่อทำอะไรทุกอย่างไม่หวังผลตอบแทน ทำเพื่อเมตตาสาธารณประโยชน์ โดยเฉพาะวันเป่ายันต์เกราะเพชรของท่านถือเป็น วันไหว้ครู ซึ่งบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจะต้องมาพร้อมกันเวลาในเพล ก่อนเพล หรือหลังเที่ยง ตั้งแต่เช้าประมาณ ๒ โมงเช้า จะรวบรวมสรรพสิ่งทั้งหลายที่บรรดาศิษยานุศิษย์นำมาเป็นการคารวะครูแล้วก็ทำพิธีไหว้ครูเสร็จภายในเพล

    ตอนนั้นใครจะลงตะกรุดพิสมร ผ้ายันต์ ก็เขียนเอาไป ใครชอบใจยันต์อะไร ชอบตะกรุดอะไรก็เขียนลงไป เอาไปวางในสถานที่ท่านไหว้ครู

    เมื่ออัญเชิญครูเสร็จ ท่านก็จะปลุกเสกของเหล่านั้นเสร็จไปด้วยกัน แล้วต่างคนต่างนำกลับ อันนี้ก็ไม่มีค่าครูเหมือนกัน ไม่มีค่าป่วยการ

    บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายท่านก็ไม่บังคับว่าใครจะมาหรือไม่มา มาแล้วจะนำของอะไรมา หรืือไม่นำมาท่านไม่บังคับ สิ่งของสิ่งใดจำเป็นในการไหว้ครู ท่านจะนำทำของท่านเสร็จครบถ้วนบริบูรณ์ ถือว่าเป็นกิจของท่าน ถ้าบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายจะร่วมในการไหว้ครูก็เป็นสิทธิของศิษย์ที่มีคารวะในครูบาอาจารย์

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=605

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพบรรยากาศงานทำบุญวันปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ วัดท่าขนุน
    ขอบพระคุณคลิปวีดีโอจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เรื่องของความเจ็บป่วยนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่เลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐ มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะสามารถช่วยบรรเทาความเมาในวัยของเรา สามารถช่วยบรรเทาความเมาในการไม่เจ็บไข้ได้ป่วยของเรา ความเมาในวัยคือรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มยังสาว แข็งแรงอยู่ ความเมาในการไร้โรค ไร้ความเจ็บป่วย ทำให้เกิดความประมาท

    เมื่อมีความเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดขึ้น เราต้องฉวยโอกาสพิจารณาให้เห็น ว่าธรรมดาของร่างกายเป็นเช่นนี้ สังขารัง โรคะนิทธัง ร่างกายนี้เป็นรังของโรค ปะภังคุณัง ต้องเน่าเปื่อยไปเป็นธรรมดา ตัวตนของเราก็เป็นเช่นนี้ ตัวตนของคนอื่นก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเราเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา ก็แปลว่าที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงความทุกข์ของร่างกายว่า พยาธิปิทุกขา ความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นทุกข์ เป็นความจริงแท้แน่นอน เราต้องยอมรับนับถือ เพราะพิสูจน์ทราบด้วยตัวเองแล้ว ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนี้เป็นทุกข์จริง ๆ

    ขณะเดียวกัน ความเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ใช่จะมาถึงทุกคน ถ้าไม่ใช่วาระของกรรมมาถึง ต่อให้เรียกร้องอย่างไร ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ปรากฏ องค์สมเด็จพระบรมสุคต ก่อนจะตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงสร้างบุญสร้างบารมีมาถึง ๒๐ อสงไขยกับอีกแสนกัป ก็คือสร้างบารมีในช่วงที่คิดว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ ๗ อสงไขย สร้างบารมีช่วงที่กล่าวว่าเราจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขย หลังจากนั้นก็พยายามทำกายวาจาใจของตนเอง เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า อีก ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้านับการเกิดแต่ละชาติของพระองค์ท่าน ซึ่งนับชาติไม่ถ้วน แต่ละชาติใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองไปเป็นจำนวนมหาศาล แล้วต้องเกิดมากมายหลายล้านอนันตชาติ ไม่ทราบว่าล้างผลาญทรัพยากรเป็นจำนวนงบประมาณสักเท่าไร คาดว่าจำนวนเงิน ๒ ล้านล้าน ๒ แสนล้านบาทที่เป็นงบประมาณซึ่งประเทศของเราจะปรับปรุงพัฒนาประเทศของเรา เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเดียวเท่านั้น

    ในเมื่อต้องใช้งบประมาณมหาศาลขนาดนั้น แล้วพระองค์ท่านถึงจะได้รู้เห็นความทุกข์อย่างชัดเจน ก็แปลว่าโรคภัยไข้เจ็บที่เกาะกินร่างกายของเรานี้ มีคุณค่าเหลือเกิน ประมาณเป็นเงินทองไม่ได้ เพราะว่าซื้อไม่ได้ ถ้าไม่ใช่วาระกรรมมาถึงจริง ๆ ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้

    เมื่อสิ่งที่มีคุณค่าขนาดนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องใช้เวลาเนิ่นนานขนาดนี้ ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณไปขนาดนี้ เพื่อที่จะได้รู้เห็นตามความเป็นจริง ได้ปรากฏชัดขึ้นเบื้องหน้าของเราแล้ว ก็แปลว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นของที่ประเสริฐ เป็นของที่เลิศ เป็นของที่หาได้ยาก เป็นตัวเสริมปัญญาบารมี จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ เพราะคำว่าอนัตตานั้น แปลว่าไม่ใช่ตัวตนก็ได้ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราก็ได้ อยู่นอกเหนือการบังคับบัญชาก็ได้

    ดังนั้น..เมื่อเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น เราจึงควรที่จะหยิบฉวยเอาประโยชน์จากตรงนี้มาใช้งาน ให้สภาพจิตของเราเห็นความเป็นจริง ว่าธรรมดาของร่างกายเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ ในเมื่อธรรมชาติคือธรรมดาเป็นอย่างนี้ ถ้ามีโอกาสเราก็รักษาไปตามหน้าที่ แต่ว่าจิตใจของเราอย่าไปกังวลอยู่กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือรักษาหายก็หาย ถ้ารักษาไม่หายจะตายก็ช่างเถิด เพราะขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก เต็มไปด้วยความเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ เราไม่ปรารถนาอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องการคือพระนิพพาน

    เมื่อพิจารณาเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกาย ที่เกิดจากความเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างชัดเจน สภาพจิตก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ในเมื่อเบื่อร่างกายตนเองก็ต้องเบื่อร่างกายคนอื่นด้วย ถ้าเบื่อทั้งร่างกายตนเอง เบื่อทั้งร่างกายคนอื่น ก็ต้องเบื่อการเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ด้วย เมื่อเบื่อการเกิดมามีร่างกายอย่างนี้ ก็ให้วิ่งเข้าหา ศีล สมาธิ ปัญญา มุ่งไปสู่ความหลุดพ้นที่ตนปรารถนา

    ก็ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ อย่าล่วงศีลด้วยตนเอง อย่าสนับสนุนคนอื่นให้ล่วงศีล อย่ายินดีเมื่อเห็นคนอื่นล่วงศีล ให้สร้างสมาธิภาวนาให้เกิด อย่างน้อยในระดับปฐมฌาน เพื่อจะได้มีกำลังในการตัดกิเลสอย่างน้อยระดับโสดาบันขึ้นไป พยายามใช้ปัญญามองให้เห็น ว่า ร่างกายเรานี้มีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา เราไม่อาจจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ได้ป่วยไปได้ ร่างกายนี้มีความตายเป็นธรรมดา เราไม่อาจล่วงพ้นจากความตายไปได้ ท้ายที่สุดทุกคนต่างก็ล่วงลับดับขันธ์ แยกย้ายไปตามความดีความชั่วที่ตนเองกระทำมา ถ้ายังไม่ล่วงพ้นจากความทุกข์ ต้องมาเกิดใหม่ ก็ต้องมาทุกข์ยากลำบากกับร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้อีก

    ดังนั้น..ให้ทุกคนตั้งเป้าไว้ว่า ถ้าเราตายลงไปเพราะความเจ็บไข้ได้ป่วยดังนี้ก็ดี ถ้าเราตายไปเพราะหมดอายุขัยก็ดี ถ้าเราตายลงไปเพราะอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ที่เกิดจากกรรมเก่าก็ดี เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น แล้วเอาจิตจดจ่อเกาะพระนิพพานไว้

    ถ้าไม่เคยชิน เกาะพระนิพพานไม่ได้ ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด ตั้งใจว่านั่นคือองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เรานึกถึงท่านคือเราอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน ให้ทุกคนรักษากำลังใจอย่างนี้เอาไว้ แล้วกำหนดการภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพงานพุทธาภิเษกสมเด็จองค์ปฐมวัดศาลพันท้ายนรสิงห์
    วันอาทิตย์ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุน

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post228900">#post228900” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=228900 #post228900

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เราต้องคอยตรวจและทบทวนอยู่เสมอว่ากำลังใจของเราตอนนี้ดีหรือเลว ต้องรู้ตัวโดยที่ไม่เข้าข้างตนเองด้วย เช็คอยู่เสมอว่าตอนนี้ความดีในใจของเรามีหรือไม่ ? ถ้าไม่มีทำให้มันมีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตอนนี้ความชั่วในใจของเรามีหรือไม่ ? ถ้ามีให้ขับไล่ออกไป แล้วคอยระวังไว้อย่าให้มันเข้ามา
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...