อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    สถานที่สัปปายะ

    ถาม :
    การบรรลุธรรมนั้นจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องบรรลุธรรมในวัดหรือในป่า บรรลุธรรมในบ้านได้หรือไม่ ?
    ตอบ : สถานที่ไหนก็ได้ถ้าเหมาะสม อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่าสถานที่สัปปายะ คือสถานที่เหมาะ หมายถึงอยู่ในที่สงัดไม่เกลื่อนกล่นไปด้วยผู้คน อาหารสัปปายะ หมายความว่า อาหารเหมาะกับธาตุขันธ์ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าคนแพ้ข้าวเหนียวแล้วไปอยู่ภาคอีสานอย่างนี้ก็แย่ อากาศสัปปายะ ก็คือว่าไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป เป็นที่พอดีสบาย

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ส่วนมากสำหรับผู้ฝึกในระยะแรกเริ่ม แต่ว่าผู้ที่กำลังใจทรงตัวแล้ว สถานที่ไหนก็เหมาะสำหรับท่าน ตรงจุดไหนก็สามารถบรรลุมรรคผลได้ เพียงแต่ว่าใช้ความพยายามมากน้อยต่างกัน ถ้าในสถานที่ที่เคยมีพระที่บรรลุมรรคผลอยู่ก่อนแล้ว พลังงานของท่านจะหลงเหลืออยู่ พอเราไปตรงจุดนั้น พลังงานของท่านจะหนุนเสริม ทำให้กำลังใจของเราเข้าถึงธรรมได้ง่าย แต่ว่าถ้าไม่มี สถานที่นั้นเราก็ต้องตะเกียกตะกายเอง

    เหมือนกับว่าสถานที่หนึ่งมีหนทางให้เราอาศัยขึ้นภูเขาได้ ได้รับการหักล้างถางพอมาดีแล้วก็จะสะดวกสำหรับเรา แต่ถ้าหากเราต้องไปบุกป่าฝ่าหนามปีนเขาปีนห้วยเองก็ลำบากหน่อย แต่ว่าถึงเหมือนกัน ถ้าถามว่าสถานที่ไหนเหมาะ ทุกที่ก็ได้นะ แต่ถ้าหากว่าได้ที่ ๆ เป็นสัปปายะจริง ๆ ก็เป็นอันว่าวิเศษเลย
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๔.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๔ : ธงมหาพิชัยสงคราม

    วัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่อาตมาประจักษ์ชัดในอานุภาพมากที่สุด เชื่อมั่นติดตัวเป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามคับขันตลอดมา คือธงมหาพิชัยสงคราม ด้วยธงเล็ก ๆ ผืนเดียวนี่แหละ ที่ช่วยอาตมารอดจากการบอมบ์ด้วยปืนใหญ่ อย่างไม่ลืมหูลืมตาของฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว ทั้งยังรอดจากจรวดอาร์พีจี และกระสุนปืนที่ระดมมาเป็นห่าฝนยิ่งกว่าปาฏิหาริย์…!

    ธงมหาพิชัยสงครามนั้นสร้างขึ้นตามตำราพระร่วง เป็นธงนำทัพในสมัยนั้น กว่าจะเขียนเสร็จกว่าจะปลุกเสกเป็นที่เรียบร้อย ก็กินเวลาเป็นเดือน ๆ แต่มีอานุภาพคุ้มกับความเหนื่อยยาก ผืนเดียวคุ้มกันได้ทั้งกองทัพ ตามตำรากล่าวว่า เพียงถือด้ามธงเข้าไปในป่า รับรองว่าไม่อดตาย ป้องกันอันตรายและเสนียดจัญไรทุกชนิด ซ้ำยังดึงดูดแต่สิ่งที่ดีมีมงคลเข้ามาสู่ผู้ใช้อีกด้วย ให้มีแต่ความสุขความเจริญทุกประการ…

    หลังจากท่านอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลกตาย หลวงพ่อก็ไปขอตำราพระร่วงที่ท่านยืมไปจากหลวงปู่ปานคืนมา เปิดดูแล้วชอบยันต์มหาพิชัยสงครามที่สุด แต่วิธีทำตามที่ระบุในตำรา มันช่างยากเย็นเหลือประมาณ นิสัยของหลวงพ่อนั้น ถ้าอะไรมันยากก็ไม่เอาซะเลยหมดเรื่อง…! จึงปล่อยทิ้งคาตำราไว้อย่างนั้นเอง…

    คืนหนึ่ง…ปรากฏท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง เสด็จมาหาหลวงพ่อบอกว่า หลวงพ่อเป็นเชื้อสายสุดท้ายของพระร่วง ขอให้ช่วยทำธงมหาพิชัยสงครามขึ้นมา ของวิเศษชิ้นนี้จะได้ไม่สูญหายไปจากโลก ถ้าผิดจากหลวงพ่อแล้ว คนอื่นเอาไปทำเท่าใดก็ไม่เป็นผล เพราะไม่ใช่เชื้อสายกัน หลวงพ่อท่านปฏิเสธไม่ขอทำ บอกว่า “มันยาก”

    ท่านท้าวมหาพรหมพยายามขอร้องให้หลวงพ่อทำให้ได้ ต่อรองกันจนในที่สุดท่านขอแค่ว่า ถ้ากลัวเขียนยากก็ให้ลูกศิษย์ไปจ้างเขาพิมพ์มา แล้วตั้งเครื่องบวงสรวงไว้ ท่านจะเสด็จมาทำพิธีให้เอง…! เป็นอันว่าตกลงตามนี้ หลังเสร็จพิธีท่านบอกว่า “ลง” ให้หนักที่สุด อย่าให้ใครเอาไปทดลองปลุก จะทานอานุภาพไม่ไหว ถึงตายเอาง่าย ๆ….!

    ระยะแรกหลวงพ่อท่านแจกให้เฉพาะทหาร และต้องเป็นทหารที่อยู่แนวหน้าเท่านั้น อานุภาพประจักษ์ชัดเป็นที่เลื่องลือ ขนาดรถจี๊ปโดนกับระเบิดแหลกราญหมดทั้งคัน ยังลุกขึ้นมายิงกับฝ่ายตรงข้ามได้หน้าตาเฉย ตกอยู่ในวงล้อมชนิดหนึ่งต่อร้อยยังฝ่าออกมาได้ ชนิดที่กลับถึงฐานเพื่อนเผ่นกระเจิง…นึกว่าผีหลอกเพราะจำหน่ายว่าตายไปแล้ว…!

    อาตมาขึ้นชายแดนคราวนั้น สิ่งเดียวที่ติดกระเป๋าไปคือธงมหาพิชัยสงครามที่รับมาจากหลวงพ่อ ภารกิจหลักอย่างหนึ่งของอาตมาคือ ๒-๓ วันต้องเข้าไปอรัญประเทศ เพื่อซื้ออาหารสดมาเลี้ยงกำลังพล ระยะทาง ๕๐ กิโลเมตร มีโจรเขมรดักปล้นทุกวัน ออกไปลำบากยากเข็ญขนาดนั้น แต่เพื่อขวัญและกำลังใจของเพื่อน ๆ ก็ต้องยอมเสี่ยงเอา…

    รถขนเสบียงนั้น จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง รับมาจากตอนยานยนต์ มีธงมหาพิชัยสงครามติดอยู่ด้วย เก่าแก่จนแทบจะกลายเป็นสีขาว ไม่ทราบว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไร วันเกิดเหตุนั้น อาตมากับลุงจ่าและเพื่อนทหารอีกหนึ่งนาย ออกไปรับเสบียงตามปกติ… ขาไปสะดวกราบรื่นดี ขากลับมาถึงทางช่วงสุดท้ายเลยบ้านนางามไปเล็กน้อย เป็นรอยต่อระหว่าง ร้อยร. ๙๑๐๒ กับ ร้อยร. ๙๑๐๓ ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างกองร้อยของอาตมากับกองร้อยข้างเคียง เสียงจรวดอาร์พีจีก็ลั่น…แ..ว้..ด…ด…!

    จุดอ่อนของจรวดทำลายรถถังชนิดนี้คือ ขณะถูกส่งออกจากลำกล้องจะมีเสียงดังให้รู้ตัวชั่วเสี้ยววินาที จ่าสมชัยกระทืบเบรคทันที เสียงตูมสนั่นฝุ่นตลบ จรวดมหาประลัยตกห่างจากหน้ารถไม่ถึง ๑๐ เมตร แรงอัดระเบิดกระแทกทุกคนผงะหงายหลัง…! ถ้าไปด้วยความเร็วเดิมรับรองเละทั้งคัน…!

    ไม่ทราบว่าลุงจ่าแกเหยียบคลัชเปลี่ยนเกียร์อีท่าไหน รถทั้งคันกระโจนพรวดอย่างกับเหาะ พร้อม ๆ กับเสียงแ..ว้…ด ตูม สนั่นขึ้นอีกครั้ง ตรงที่รถเพิ่งกระโจนออกมากลายเป็นหลุมมหึมา แรงอัดอากาศกระแทกจนตับไตไส้พุงแทบขย้อนออกทางปาก…!

    ยอดพลขับเหยียบคันเร่งจนมิด ยี.เอ็ม.ซี. คู่ใจทะยานแข่งกับเสียงจรวดที่ลั่นตามมาอีกอย่างจะไม่ให้รอดกันเลย แถมด้วยกระสุนปืนเล็กกลแตกกราวไล่หลังมา ผู้ที่รับไปเนื้อ ๆ คือ ป่าไผ่ข้างถนน ขาดระเนนระนาดด้วยฤทธิ์อาวุธสงครามนานาชนิด…!

    สิงห์ทะเลทรายประจำกองร้อยของเราสวนออกมาเร็วทันใจดีเหลือเกิน เอ็ม.๖๐ ผงาดร่า พ่นมัจจุราชหัวทองแดงเข้าหาฝ่ายตรงข้ามเป็นห่าฝน เท่านั้นเอง…ฟาดกันนัวไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จนกองร้อยทหารพรานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ต้องยกกำลังมาเสริมทั้งกองร้อย…!

    จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง กลายเป็นวีรบุรุษไปเลย แต่ลุงจ่าแกบอกอยู่คำเดียวว่า “ไม่ใช่ฝีมือผม…ผมทำแบบนั้นได้ซะเมื่อไหร่..เดชะบุญคุณพระคุ้มแท้ ๆ…!” แต่ไม่มีใครฟังแกเลย ต่างคว้าพระที่คอของลุงจ่าไปดูกันเป็นการใหญ่ แต่สรุปไม่ได้ว่าองค์ไหนช่วย…!

    อีกไม่กี่วันต่อมา หมู่ปืนเล็กลาดตระเวนของสิบเอกอภิชาติ อินต๊ะรัตน์ ไปถูกล้อมกรอบที่เนิน ๔๒… สิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ ตัดสินใจขับรถปาฏิหาริย์คันนี้ ลุยเข้าไปกลางวงล้อมช่วยพรรคพวกทั้งหมดออกมา ชนิดที่รถไม่ระคายเลยแม้เท่ารอยแมวข่วน…! ทุกคนอัศจรรย์ใจเหลือที่จะกล่าว รถคันเท่าบ้านเท่าตึก ฝ่ายตรงข้ามยิงไม่ถูกซักนัด…! มีเพียงพลทหารวรรณะ ใสรังกา บาดเจ็บที่ข้อเท้าคนเดียว…!

    อานุภาพธงมหาพิชัยสงครามที่เด่นชัดที่สุดที่อาตมาพบ เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามถล่มกองร้อยของอาตมาด้วยปืนใหญ่ขนาด ๑๕๕ ม.ม. เสียงระเบิดปานฟ้าผ่าปลุกทุกคนขึ้นมาตอนใกล้รุ่ง อาตมากระโดดลงหลุม ปืนกลหนักขนาด ๑๒.๗ ม.ม.ระดมยิงสวนไปอย่างหูดับตับไหม้ หมู่ ค. ๘๑ เผ่นเข้าประจำที่ ส่งกระสุนตอบโต้อย่างกับเด็กหาญสู้ผู้ใหญ่…!

    ตามปกติแล้วหมู่ปืนใหญ่ที่ชำนาญมาก ๆ ภายในสามวินาทีจะยิงได้ ๑ นัด อาตมาให้อย่างช้าหกวินาทีต่อนัดเลยเอ้า …ปืนใหญ่ทั้งสามกระบอกรุมบอมบ์อยู่ ๑๕ นาที ๔๕๐ นัด…! มัจจุราชแตกอากาศ ที่รัศมีแห่งความตายของแต่ละนัดเท่ากับ ๕๐๐ เมตร ไม่ทราบว่าวิ่งชนกำแพงอะไร ตกอยู่แค่แถวหน้าฐานทั้งหมด กระทั่งข้ามฐานยังข้ามไม่ได้เลย…!

    “ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน” เสียงหลวงพ่อที่บอกขณะอาตมารับมอบธงจากท่านดังก้องขึ้นในใจ อาตมาขนลุกซู่ไปทั้งตัว สาธุ…พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ถ้าไม่ได้บารมีท่านช่วยคุ้มครอง ลูกคงตายไปหลายวาระแล้ว…!

    ต่อมาภายหลัง อาตมาได้รับวัตถุมงคลรุ่นเก่าของหลวงพ่อหลายอย่าง ที่คนอื่นเขาหากันทั้งชีวิตก็ไม่ได้ เช่น เหรียญเกลียวเชือก ธงเขียว ธงแดง ลูกแก้วจักรพรรดิ มีดหมอ (ดาบฟ้าฟื้น) พระเนื้อชินตะกั่ว ยันต์ท้าวมหาชมภู ตลอดถึงพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระสีวลี เป็นต้น ไว้ในครอบครองอย่างง่ายดาย อาตมามั่นใจว่าเป็นอานุภาพของธงมหาพิชัยสงคราม ที่ดึงดูดแต่สิ่งที่ดีเข้าหาเจ้าของ ช่วยบันดาลให้เป็นไปอย่างแน่นอน…!

    ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ท่านใดว่างเว้นจากภารกิจ สามารถเข้าไปกราบพระอาจารย์ได้นะคะ

    .jpg
    .jpg
    .jpg
    ขอเชิญรับฟังการถ่ายทอดสดเสียงกรรมฐานตอนเย็นจากบ้านเติมบุญ

    เนื่องด้วยคณะผู้ดูแลกระดานสนทนาวัดท่าขนุน ได้กราบเรียนขออนุญาตจากพระอาจารย์ (พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.) ในการดำเนินการจัดตั้งระบบการถ่ายทอดสดเสียงการสอนกรรมฐานตอนเย็นจากบ้านเติมบุญ ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ในวันและเวลาดังต่อไปนี้

    วันศุกร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
    (ถ่ายทอดเสียงการสอนกรรมฐานตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป จนกระทั่งจบกรรมฐานและการอุทิศส่วนกุศล)

    วันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
    (ถ่ายทอดเสียงการสอนกรรมฐานตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป จนกระทั่งจบกรรมฐานและการอุทิศส่วนกุศล)

    วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
    (ถ่ายทอดเสียงการสอนกรรมฐานตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป จนกระทั่งจบกรรมฐานและการอุทิศส่วนกุศล)

    เพื่อให้ผู้ที่อยู่ทางไกล ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมทำกรรมฐานที่บ้านเติมบุญ ด้วยตนเอง มีโอกาสได้รับฟังเสียงสดจากพระอาจารย์ในการสอนกรรมฐาน จะได้ร่วมกันกำหนดจิตน้อมใจฟังธรรมไปพร้อม ๆ กัน

    จึงขอเชิญสาธุชนทั้งหลายที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมทำกรรมฐาน รับฟังการถ่ายทอดเสียงสดจากบ้านเติมบุญ ในช่องทางที่จะได้ประกาศต่อไปนี้ร่วมกัน

    ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ มา ณ ที่นี้

    การรับชม-รับฟังการถ่ายทอดสด

    ท่านสามารถรับชม-รับฟังการถ่ายทอดสด ตามวันและเวลาที่กำหนดผ่านช่องทางต่อไปนี้

    รับชมทาง Facebook เพจ watthakhanun: www.facebook.com/watthakhanun

    รับชมทาง YouTube ช่อง Sapanboon: www.youtube.com/channel/UCgkHL4DqAHM4mSyTGesp5OA

    รับฟังทางวิทยุออนไลน์: www.watthakhanun.com/radio

    หมายเหตุ: การรับฟังวิทยุออนไลน์ทางโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีรายละเอียดดังนี้

    ๑. ระบบปฏิบัติการ Android: แอปพลิเคชัน VLC for Android
    ๒. ระบบปฏิบัติการ iOS: แอปพลิเคชัน VLC for Mobile

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6318

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    คำว่างานสำคัญกว่าชีวิต

    ถาม :
    ช่วงหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ พระอาจารย์ได้อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงไหมครับ ?
    ตอบ : ก็ยังอยู่..จัดงานครบ ๑๐๐ วันเสร็จถึงออกมา

    วันสุดท้ายก่อนท่านมรณภาพก็ไปกราบท่าน ท่านเห็นพระเยอะท่านเลยถามว่า “มาทำไม ?” กราบเรียนท่านว่า “มากราบหลวงพ่อครับ” ท่านว่า “เออ… ขอบใจนะ มีงานอะไรก็ไปทำกัน” พวกอาตมาเองทั้ง ๆ ที่เห็นว่าท่านจะไปแหล่มิไปแหล่แล้ว ก็ต้องถอยออกมา เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเห็น “คำว่างานสำคัญกว่าชีวิต” จำไว้ให้แม่น ๆ อย่างไร ๆ ก็ตาย ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

    เคยบอกกับพระท่านว่า “ผมเองเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ ก็ยังสวดมนต์บิณฑบาต เจริญกรรมฐานอยู่เป็นปกติ ไม่ได้ทำเพื่อจะอวดใคร ไม่ได้ทำเพราะอยากได้รับคำชมจากใคร แต่ที่ผมมาทำเพราะรู้ว่าความดียังไม่พอที่จะหนีนรก ผมบวชมาจนป่านนี้ ผมขาดสวดมนต์ทำวัตรแค่ ๔ ครั้ง เพราะว่าป่วยจนลุกไม่ไหวจริง ๆ แต่เวลาพวกคุณสวดมนต์ทำวัตรอยู่ ผมก็พนมมือนึกว่าตามไปด้วย เพราะไปนั่งร่วมกับพวกคุณไม่ไหว แล้วคุณคิดดู..ผมทำขนาดนี้ ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะพ้นนรกได้ แล้วคุณคิดหรือว่าคุณจะพ้น ?”

    ส่วนใหญ่ของเขา พอเหนื่อยหน่อย ง่วงหน่อยเขาก็ไม่เอาแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ก็บอกกับเขาไปอย่างนั้นว่า ขนาดทำมาอย่างนี้แล้ว เราเองยังไม่มั่นใจว่าจะพ้นนรกได้ แล้วของพวกคุณล่ะ เจ็บนิด ป่วยหน่อย ง่วงหน่อย แล้วจะรอดได้อย่างไร บอกท่านว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาอวดว่าเราทำความดีมากกว่า มีวัตรปฏิบัติที่เข้มข้นกว่า ไม่ได้จะมาเกทับกันว่าอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ที่ดีกว่า สำคัญอยู่ตรงจุดที่ว่า ผมสงสารคุณว่าจะไม่รอดนรกมากกว่า..!

    บางครั้งก็ต้องว่าเขาหนัก ๆ เขาจะได้สติรู้ตัวบ้าง ที่จริงก็ไม่อยากจะยุ่งกับใคร ปล่อยเขาไป..ประเภทที่เรียกว่าสวรรค์มีทาง เจ้าไม่ไป นรกไร้ประตู ดันตะกายมา ก็ปล่อยเสียให้เข็ด..!

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาธรรม เวลา ๑๘.๐๐ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาธรรม เวลา ๑๘.๐๐ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๖๐-ปี-พระคร.jpg
    -๖๐-ปี-พระคร.jpg
    -๖๐-ปี-พระคร.jpg
    -๖๐-ปี-พระคร.jpg
    -๖๐-ปี-พระคร.jpg

    ตราสัญลักษณ์ ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ขนาดต่าง ๆ สำหรับโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต และคอมพิวเตอร์ ทุกท่านสามารถบันทึกเป็นภาพพักหน้าจอได้ตามอัธยาศัยครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 กุมภาพันธ์ 2019
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -หนูใจร้อน-ทำอย่างไร.jpg

    ถาม : หนูใจร้อน ทำอย่างไรใจเราถึงจะเย็น ?
    ตอบ : รู้ตัวว่าใจร้อนต้องสร้างสติให้สมบูรณ์ เมื่อสติสมบูรณ์จะรู้จักระมัดระวัง ก็จะร้อนอยู่แค่ข้างใน กาย วาจาไม่ได้ร้อนไปด้วย เพราะว่าเก็บอาการอยู่ พอเราเก็บอยู่ นานไปก็เหมือนกับเอาหินทับหญ้า พอหญ้าตายไป ใจก็เย็นลงเอง

    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดจากบ้านเติมบุญ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    พระอาจารย์รับสังฆทานและตอบปัญหาจากเว็บวัดท่าขนุน เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น.
    เริ่มเจริญกรรมฐาน เวลา ๑๘.๓๐ น.
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น บรรดาญาติพี่น้องชาวจีนต่างพากันสร้างความดี อย่างเมื่อวานนี้อาตมาไปกราบพระแก้วมรกต นอกจากชาวต่างชาติแล้ว คนที่ไปกราบพระแก้วมรกตมากที่สุด ก็คือ พี่น้องชาวจีน เพราะถือเป็น ๑ ใน ๙ สถานที่สำคัญที่ต้องไปกราบไหว้ให้ได้

    แต่เท่าที่สังเกตก็คือว่า คนที่ไปส่วนใหญ่ ไปกราบไหว้ในลักษณะอามิสบูชา ก็คือใช้ดอกไม้ธูปเทียน แล้วอธิษฐานขอในสิ่งที่ตนปรารถนา ถ้าถามว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ ? ก็ถูกต้องอยู่

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสรรเสริญอามิสบูชา เพราะการบูชาด้วยวัตถุสิ่งของนั้น จะเป็นปัจจัยให้เกิดความร่ำรวยในภายภาคหน้า แต่พระองค์สรรเสริญการปฏิบัติบูชามากกว่า เพราะว่าการปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา หรือว่า ศีล สมาธิ ปัญญานั้น เป็นหนทางในการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

    ดังนั้น..ในเทศกาลตรุษจีนอย่างนี้ แม้ว่าเราจะปฏิบัติบูชา แต่ก็อย่าฝืนโลกเสียทีเดียว การที่เราอยู่ในโลก เราต้องเคารพสมมติของทางโลก ถ้าหากว่าทางบ้านไหว้เจ้า เราก็ควรจะไหว้ด้วย แต่ว่าขณะเดียวกัน เมื่อมีโอกาสเราก็มาถวายสังฆทานด้วย

    อย่าไปปฏิเสธในสิ่งที่พ่อแม่ หรือบรรพบุรุษทำสืบเนื่องกันมา เพราะว่าอาจจะสร้างโทษให้แก่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นมากอย่างที่คิดไม่ถึง เพราะถ้าเราปฏิเสธไม่ไหว้เจ้าตามท่าน ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ท่านคิดว่าดี แล้วเราบอกว่าเราจะไปวัดแทน เกิดพ่อแม่หรือบรรพบุรุษของเรา กล่าวปรามาสพระรัตนตรัยขึ้นมา ก็จะเกิดโทษอย่างแรงสำหรับท่านทั้งหลายเหล่านั้น กลายเป็นว่าเราสร้างทุกข์สร้างโทษให้แก่ผู้อื่นโดยที่ไม่ได้เจตนา
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๕.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๕ : บนหลุมฝังศพ

    อาตมาชื่นชมกับพระนิพนธ์ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ขยายความบทเพลง “ความฝันอันสูงสุด” ได้ลึกซึ้งกินใจเป็นที่สุด ซึ่งอาตมาขออัญเชิญมาเพื่อท่านผู้อ่าน ได้ร่วมกันชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ณ โอกาสนี้…

    ฝันจะทำความดีนี้แสนยาก
    ต้องลำบากกว่าจะรุดถึงจุดหมาย
    ย่อมน่าขำสำหรับผู้อยู่สบาย
    ไม่เคยกรายใกล้ระกำน้ำตากระเด็น

    พบศึกหนักสักเท่าใดไม่หวาดหวั่น
    แต่สู้ใจตนนั้นแสนยากเข็ญ
    ถึงหนักหน่วงสู้แน่แม้ยากเย็น
    เลือดกระเซ็นก็เพราะห่วงหวงแผ่นดิน

    ยามมีทุกข์มาผจญจะทนสู้
    ถึงมีผู้กล่าวหยามประณามสิ้น
    ถูกทอดทิ้งเดียวดายหมายชีวิน
    เจียนพังภินท์ยังสู้ผู้รุกราน

    แม้จะมีภยันตรายมากรายกล้ำ
    ศัตรูล้ำโหมหนักเข้าหักหาญ
    จะฝ่าฟันเสี่ยงชีวิตพิชิตพาล
    ให้ชาติผ่านผองทุกข์ยุคเข็ญคลาย

    เราเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา
    ใช่เทวาเพราะร่างยังเสื่อมสลาย
    มีอารมณ์เปลี่ยนไปไม่เว้นวาย
    จะแน่วแน่แก้ให้หายไม่ช้าพลัน

    แม้ชีวิตเป็นสิ่งยิ่งแหนหวง
    แต่ความรักใหญ่หลวงใช่ความฝัน
    รักผืนแผ่นดินแม่แน่นอนครัน
    ยอมสละแม้ชีวันไม่หวั่นภัย

    ยอมสูญเสียชีวารักษาสัตย์
    รักษารัฐสีมาที่อาศัย
    ดีกว่าสูญธรณินทร์สิ้นชาติไทย
    สิ้นธงชัยจะชักสู่ฑิฆัมพร

    แสนเห็นใจเพื่อนไทยที่หวาดหวั่น
    อาสาพลันทอดชีพสู่สมร
    บุกระเบิดฝ่ากระสุนในดงดอน
    เพื่อนิกรผาสุขทุกนาที

    ตั้งจิตมั่นในพระธรรมอันล้ำเลิศ
    ทำแต่สิ่งประเสริฐไม่หน่ายหนี
    ไม่ท้อถอยมุ่งทำล้วนความดี
    ถ้าถึงที่ยอมสละละลมปราณ

    เราก็มีเลือดเนื้อที่ปวดเจ็บ
    แต่ต้องเก็บความรู้สึกอย่างอาจหาญ
    จะมุ่งมั่นฝ่าฟันทุกวันวาร
    เพราะยึดในอุดมการณ์ต้องอดทน

    นึกว่าได้เกิดมาทำหน้าที่
    เพื่อศักดิ์ศรีเลือดไทยไม่หมองหม่น
    ไม่น้อยใจโชคชะตากล้าผจญ
    แม้บางคนไม่เคยทุกข์ทุกยุคกาล

    มอบเลือดเนื้อกายใจพลีให้ชาติ
    อย่างแกล้วกล้าสามารถองอาจหาญ
    ถึงสิ้นชีพไว้ลายว่าชายชาญ
    มอบวิญญาณเลือดเนื้อเพื่อบ้านเมือง

    ปณิธานคือชาติศาสน์กษัตริย์
    ร่วมขจัดเสี้ยนหนามเมื่อยามเฟื่อง
    สมานสามัคคีไทยให้รุ่งเรือง
    เกียรติกระเดื่องแดนดินทั่วถิ่นไกล

    คงไม่มีแต่เราเพียงเท่านั้น
    ที่ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายได้
    ผู้อื่นอาจปราดเปรื่องเลื่องลือชัย
    หมายผดุงทุกสิ่งไว้ให้ยุติธรรม์

    สักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจว่า
    การมีชาติศาสนาทุกสิ่งสรรพ์
    มีไตรรงค์ธงชัยพร้อมใจกัน
    นั่นคือสิ่งยึดมั่นที่ควรตรอง

    ขอเดชะบารมีที่ปกเกล้า
    บุรพกษัตริย์เจ้าไทยทั้งผอง
    บันดาลดลคนไทยให้ปรองดอง
    ไม่ผยองอิจฉาผลาญรุกรานกัน

    แล้ววันที่ปรารถนาคงมาถึง
    จะตราตรึงความดีที่บากบั่น
    โลกมนุษย์สุดสะอาดปราศทุกข์ทัณฑ์
    เพราะเรานั้นเข้าใจกันได้ดี

    เขาจะรู้ว่าเหตุใดไม่ยอมแพ้
    เพราะถึงแม้ถูกเหยียดถูกเสียดสี
    หาว่าอยากเด่นดังหวังชื่อดี
    อยากครอบครองปฐพีก้องกำจาย

    ไม่เคยคิดหวังเป็นวีรบุรุษ
    แต่ก็สุดจะเห็นชาติพินาศสลาย
    ด้วยเผ่าไทยมอบชีวีพลีใจกาย
    มามากมายเหลือที่จะลืมเลือน

    จะถมร่างกายนี้พลีชีวิต
    เพื่อพิชิตไพรีที่เชือดเฉือน
    เพื่อแผ่นดินของไทยไม่กระเทือน
    เพื่อให้เพื่อนผองไทยปลอดภัยเทอญ.


    ขอน้อมเกล้าถวายความคารวะ ในพระปรีชาสามารถอันยอดยิ่งของพระองค์ ที่ทรงเข้าถึงจิตใจทหารหาญอย่างแท้จริง อาตมายอมรับว่า เมื่ออ่านจบแล้วเกิดอาการ “ซึม” ไปพักใหญ่ อาการแบบนี้อาตมาเคยเป็นมาสองครั้งเท่านั้น…

    ครั้งแรก..ขณะที่กอดปืนยืนเหงา อยู่เวรยามค่ำคืนบนยอดเขาสูง ทั้งหนาวเหน็บทั้งว้าเหว่ สิบตรีสุรสิทธิ์ ด่านบางกูมิ ชี้ให้อาตมาดูตัวเมืองไกลลิบ ๆ สุดสายตา ที่แพรวพราวไปด้วยแสงสียามค่ำคืน พลางกล่าวว่า “พี่ครับ…พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่า ขณะที่พวกเขามีความสุขกันอยู่นั้น พวกเรากำลังลำบากกันขนาดไหน..?” อาตมาได้ยินเข้าถึงกับคอหอยตัน น้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อ ๆ …

    ครั้งที่สองเกิดขึ้นขณะแกะห่อของขวัญที่ได้รับเป็นกำลังใจจากแนวหลัง ในห่อใบน้อยที่มีทอฟฟี่ ๓ เม็ด และบะหมี่แห้งอีก ๑ ซองนั้น มีกระดาษสมุดเขียนด้วยดินสอตัวเท่าหม้อแกง มาจากหนูน้อยแห่งชั้น ป.๓ ร.ร.สมาคมสตรีไทย ชื่อเด็กหญิงวิลาวัณย์ อุดมพงษานนท์ มีข้อความว่า “คุณอาต้องไปยิงกับข้าศึกใช่ไหมคะ..? หนูเป็นห่วงคุณอา..ขอให้คุณอาปลอดภัยนะคะ..!”

    อาตมาถึงกับน้ำตาซึม หนูเอ๋ย…ถ้าทุกคนมีน้ำใจ เห็นความทุกข์ยากลำบากของทหารแนวหน้าเช่นเดียวกับหนูแล้วไซร้ ถึงชีวิตของอาต้องสิ้นไปในการปฏิบัติหน้าที่นี้ อาก็เต็มใจ ด้วยมั่นใจว่า ความดีที่ทำไปไม่สูญเปล่า อย่างน้อยญาติมิตรในแนวหลังก็ยังมองเห็น…!

    การปะทะในแต่ละครั้ง ย่อมมีการสูญเสียเป็นธรรมดา ถ้าเพื่อนเราตาย ทุกคนจะถูกหักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๒ บาทช่วยงานศพของเพื่อน ถ้าฝ่ายตรงข้ามตาย พวกเราก็ช่วยกันขุดหลุมฝังให้ ขอจงอโหสิกรรมด้วยเถิด อย่าได้มีเวรมีกรรมแก่กันเลย… ป่าช้าชั่วคราวที่เราฝังพวกเขานั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นบริเวณที่ปะทะนั่นเอง การฝังก็ไม่ได้ประณีตอะไรนัก บรรดาสัตว์ต่าง ๆ มักมาขุดคุ้ยกินกันอยู่เสมอ ถ้าเป็นที่ทุเรศแก่สายตามากก็ลากพลั่วไปกลบใหม่ซะที พวกสัตว์กินศพเป็นอาหารประท้วงกันให้วุ่น แต่ละตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เหี้ยตัวขนาดจระเข้ อีกาตัวเท่าแม่ไก่ แค่เห็นก็สยองแล้ว…!

    คืนหนึ่ง…ประมาณสองทุ่ม เวรยามจากจุดตรวจบนคันคูยุทธศาสตร์ รายงานถึงความเคลื่อนไหวผิดปกติ มีท่าทีว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าตีคืนนี้ ร้อยเอกวีรพล คุ้มบน ผบ.ร้อย รีบนำกำลังไปเสริมทันที ทิ้งพาหนะไว้ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ ๕๐๐ เมตร แล้วเดินเท้าเข้าไป ทิ้งอาตมาให้เฝ้ารถอยู่คนเดียว…

    พิจารณาฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าขาวโล่งแล้ว รถคันนี้ตกเป็นเป้าเด่นของอาวุธหนักแน่ ๆ อาตมาจึงหลบเข้าไปชายป่า อาศัยต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบัง พอย่างเข้าใต้ต้นไม้นั่นเอง…พายุหมุนลูกเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ลมบ้าหมู” ก็เกิดขึ้น…!

    ลมประหลาดหมุนฮือ ๆ อยู่ไปมา ตั้งหลายนาทีผ่านไปก็ไม่ยอมเคลื่อนไปไหน คงหมุนไปรอบ ๆ ตัวอาตมาอยู่นั่นแหละ จนอาตมาฉุกใจคิดขึ้นมาว่า “เขา” คงจะมาขอส่วนกุศล จึงตั้งใจอุทิศให้ พออุทิศส่วนกุศลจบ พายุก็สลายตัวไปอย่างฉับพลัน…!

    เมื่ออากาศนิ่ง คราวนี้กองทัพยุงก็บุกแหลก รู้อย่างนี้ให้พายุหมุนอย่างเดิมก็ดีแล้ว จะได้ช่วยไล่ยุงให้…ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผบ.ร้อย นำกำลังกลับมา ตอบรหัสบอกฝ่ายได้ถูกต้อง อาตมาจึงออกจากที่ซ่อน พลทหารพายัพ สุขหอม เห็นทิศที่ออกมา ก็ถามขึ้นว่า…

    “เมื่อกี้หมู่แอบอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเหรอ…?” “เออ” “วันก่อนผมเพิ่งฝังไว้ ๓ ศพ…!” เจริญมั้ยล่ะลูกน้องฉัน… ไม่บอกซะยังดีกว่า คิดแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย กลางค่ำกลางคืนดึกดื่นแท้ ๆ ไปยืนกินลมเอ้อระเหยเล่นอยู่บนหลุมศพ ช่างกล้าหาญชาญชัยอะไรเช่นนั้น…!

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ในแต่ละวันพวกเราใช้กำลังไปในกิจวัตรประจำวันของเรา จนกระทั่งถึงเวลา กำลังที่จะเหลือไว้สู้กิเลสก็ไม่มี ดังนั้น..ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเรามาฟื้นกำลังของเราใหม่ แต่ว่าให้ทุกคนเข้าใจว่า สภาพของเรายังอยู่ในลักษณะของการหาเช้ากินค่ำ หรือที่โบราณเรียกว่า ตำข้าวสารกรอกหม้อ เพราะว่าเรายังไม่สามารถที่จะรักษากำลังใจให้ทรงตัวอย่างแท้จริงได้

    ดังนั้น..โอกาสที่จะพลาด สมาธิตก จิตตก กรรมฐานตก จะมีมาก ขอให้ลืมความผิดพลาดนั้นเสีย แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติใหม่ ต้องเอาอย่างที่นักปราชญ์ท่านว่า บุคคลที่ไม่เคยทำผิดเลยนั้นไม่มี แต่สำคัญที่ว่าเมื่อตัวรู้แล้วให้รู้จักทำถูก เพื่อเป็นการแก้ไขตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะมีความผิดอยู่ส่วนเดียว

    ในการที่เรามาปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมาของเรา และเป็นการฟื้นฟูกำลังใจในการที่จะต่อสู้กับรัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อเราประกาศตัวเป็นผู้ปรารถนาพระนิพพาน ก็อย่าทำตัวเป็นคนอ่อนแอแพ้พ่ายกิเลส มีแต่ต้องทุ่มเท ทำอย่างจริงจัง ทำแบบเอาชีวิตเข้าแลก เหมือนกับที่ครูบาอาจารย์สายอีสานท่านบอกว่า “ความดีอยู่ฟากตาย” ก็คือต้องเอาชีวิตเข้าไปแลก ถึงจะได้ความดีนั้นมา หรือว่าต้องก้าวผ่านความเป็นความตายไปได้ ถึงจะเข้าถึงความดีนั้น ๆ ความดีนั้นโดยหลัก ๆ แล้ว องค์พระประทีปแก้วแนะนำเราเอาไว้ ก็คือในเรื่องของศีล สมาธิ และปัญญา

    ดังนั้น..ให้ทุกท่านตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์โดยสิ้นเชิง เราจะตั้งหน้าตั้งตาประคับประคองรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง จะไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล จะไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

    ในส่วนของสมาธิ ให้พยายามเอาสติสัมปชัญญะ คือความรู้ตัวทั่วพร้อมของเรา อยู่กับลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ถ้ารู้ตัวว่าเราเผลอสติคิดถึงเรื่องอื่น ให้รีบดึงเข้ามาหาลมหายใจเข้าออกทันที แรก ๆ ก็จะเหน็ดเหนื่อย เพราะว่าสภาพจิตเคยเป็นอิสระ นึกจะไปแสวงหา รัก โลภ โกรธ หลง อย่างไรก็ได้ตามใจชอบ แล้วโดนมาตีกรอบด้วยศีล ด้วยสมาธิ ก็จะดิ้นรนมาก เราก็ต้องเหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้มาก

    ยิ่งใครเคยทำสมาธิได้แล้วทิ้งไป กลับมาทำใหม่จะยากเป็นพิเศษ เพราะว่าสภาพจิตที่โดนกดอยู่ด้วยอำนาจสมาธินั้น กิเลสไม่ยินดี ไม่ชอบใจ เพราะกำเริบไม่ได้ ก็จะดิ้นรนไม่ยอมให้อำนาจของสมาธิมีกำลังครอบงำได้ ผู้ที่ทำสมาธิได้แล้ว มีอารมณ์ทรงตัวแล้ว ทอดทิ้งไปให้กิเลสท่วมทับ จนกระทั่งกำลังสมาธิสูญสลายไปหมด ต้องมาเริ่มต้นใหม่ จะลำบากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องต่อสู้ ของที่เคยทำมาได้แล้ว เราทำได้อีกอย่างแน่นอน แม้ว่าจะลำบากเพียงไรก็ต้องทำได้

    ถ้าสมาธิทรงตัว กิเลสคือ รัก โลภ โกรธ หลง จะโดนอำนาจสมาธิกดดับลงชั่วคราว ความสุขเย็นกาย เย็นใจอย่างบอกไม่ถูกจะปรากฏขึ้น เพราะว่ารัก โลภ โกรธ หลง ก็คือไฟ บาลีกล่าวว่า ราคัคคิ ไฟคือราคะ โทสัคคิ ไฟคือโทสะ โมหัคคิ ไฟคือโมหะ ไฟทั้งหลายเหล่านี้ เผาผลาญเราอยู่ตลอดเวลา

    เมื่ออำนาจสมาธิมีกำลังสูงกว่า กดไฟกิเลสให้ดับลงได้ คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา เมื่อไฟดับลง มีความสุขสบายอย่างไร เราไม่สามารถที่จะอธิบายเป็นภาษามนุษย์ได้ เราก็จะเห็นว่าแค่กำลังสมาธิเบื้องต้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรายังเข้าถึงความสุขขนาดนี้ บุคคลที่ทรงสมาธิเบื้องสูงขึ้นไปก็ดี ผู้ที่ก้าวเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่โสดาบัน สกทาคามี อนาคามีก็ดี ตลอดจนกระทั่งผู้ที่หมดกิเลสโดยสิ้นเชิง คือพระอรหันต์นั้น ท่านจะมีความสุขยิ่งกว่านี้กี่ร้อยกี่พันเท่า ?

    ถ้ากำลังปัญญาของเราเห็นเช่นนี้ ก็จะมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นและจริงใจ มีความปรารถนาในพระนิพพานเป็นปกติ เราก็แค่มาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

    เมื่อเราทวนศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ก็จงอย่าลืมว่า เรามีความตายเป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าเกิดมาจะไม่ตายนั้นไม่มี ในเมื่อตายแล้วต้องเกิดใหม่ก็ประสบกับความทุกข์เช่นนี้อีก เราไม่ต้องการ เราขอไปพระนิพพาน ซึ่งเป็นสถานที่พ้นจากความทุกข์แห่งเดียวเท่านั้น

    เมื่อสภาพจิตของเรามีที่ยึดเกาะสุดท้ายคือพระนิพพานแล้ว ก็ให้ทุกท่านดูลมหายใจเป็นหลัก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป คำภาวนาขาดหายไป ให้ทำใจรับรู้ว่าสภาพตอนนี้เป็นเช่นนั้น อย่าไปดิ้นรนอยากหายใจ และอย่าพยายามที่จะไม่หายใจ ทำใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่าง ถ้าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานที่เดียว ให้ทุกคนรักษากำลังใจเอาไว้ดังนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -จะเห็นญาต.jpg

    ในช่วงตรุษจีน จะเห็นญาติโยมโดยเฉพาะพี่น้องชาวจีนมากต่อมากด้วยกันเข้าวัดเข้าวาหรือเข้าศาลเจ้า เพื่อที่จะไปประกอบกรรมความดี

    แต่ว่าส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นความดีในด้านอามิสบูชาดังที่ได้กล่าวมา ส่วนพวกเราทั้งหลายเมื่อรู้ว่า การปฏิบัติบูชานั้นดีอย่างไร เราก็มาปฏิบัติกันตามแบบของเรา เพียงแต่ว่าการปฏิบัตินั้น เราอยู่กับโลกก็ต้องเคารพสมมติของทางโลกด้วย

    ให้อยู่กับโลกในลักษณะของน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัวใบบอน แต่ว่าไม่ได้ติดอยู่กับใบบัวหรือใบบอนนั้น ก็คือเราไปกับโลกได้ แต่เรามีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นเครื่องป้องกัน ไม่ให้เราเผลอไปยึดติดกับโลก ดังนี้เป็นต้น

    ดังนั้น..ในช่วงวาระของตรุษจีนนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายเข้าใจให้ชัดเจนว่า อามิสบูชานั้นเป็นเรื่องดี เพราะว่าเป็นเหตุให้เกิดโภคสมบัติในภายภาคหน้า แต่ขณะเดียวกัน ปฏิบัติบูชานั้น นอกจากนำความสุขในชาตินี้มาให้แก่เรา เพราะเป็นผู้มี กาย วาจา ใจ อันสงบ มีกำลังในการที่จะดับกิเลสได้ชั่วคราวแล้ว ยังสามารถจะนำประโยชน์สุขในเบื้องหน้า คือกำลังใจที่ทรงตัว ทำให้เราไปเกิดในสุคติภพได้

    ตลอดจนนำประโยชน์สุขสูงสุด ก็คือ พาให้เราหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ เราจึงควรที่จะกระทำทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชา โดยที่ไม่คัดค้านอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยหลงเข้าใจผิดว่าสิ่งนี้ดีกว่า เพราะว่ากำลังใจของบุคคลนั้นอยู่ในระดับไหน ก็จะเห็นว่าสิ่งที่ตนปฏิบัตินั้นดีแล้วถูกแล้วทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเป็นการดีของเขา ถูกของเขา หรือว่าดีของพระพุทธเจ้า ถูกของพระพุทธเจ้า เมื่อเรารู้ว่าสิ่งไหนที่เป็นสิ่งดีของพระพุทธเจ้า และถูกของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ให้เรายึดถือและปฏิบัติเพื่อความล่วงพ้นจากความทุกข์ของเรา
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๖.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๖ : เสียงสยองขวัญ


    ขึ้นชื่อว่าเสียงแล้ว ย่อมเป็นที่พอใจ และไม่พอใจของคนเราแตกต่างกันไป เสียงที่คนพอใจเป็นอิฏฐารมณ์นั้น ต้องเป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟัง อย่างเสียงจากเครื่องดนตรี หรือเสียงหวานจากเพศตรงข้ามเป็นต้น เสียงดนตรีนั้นถ้ามีฝีมือจริง ๆ แล้ว จะสามารถแสดงผลได้เป็นที่น่าอัศจรรย์

    ขณะเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง “นางพญาจิ้งจอกขาว” อาตมาเผลอหลับ พอเสียงขลุ่ยเปิดตัวนางเอกดังขึ้น อาตมาถึงกับหูตาสว่างโพลง ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปสิ้น ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะเบิกบานอะไรเช่นนั้น กระตุ้นความรู้สึกให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า นึกถึงสายน้ำรี่ไหล สกุณาระเริงไพร ทุ่งหญ้าแมกไม้เขียวขจี…

    อานุภาพของเสียงดนตรีนั้น “สุนทรภู่” เปรียบไว้ว่า “อันดนตรีมีคุณทุกสิ่งไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์” แต่เสียงดนตรีแม้จะมีพลานุภาพเพียงไหน ยังแพ้เสียงออดอ้อนเว้าวอนของเพศตรงข้าม จิตใจที่แข็งแกร่งดังเหล็กเพชรก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟมานักแล้ว ดังนั้น…ผู้ถือพรหมจรรย์จึงไม่ควรให้เพศตรงข้ามมาเว้าวอนมากนัก ไม่อย่างนั้นมักเสียท่า ถูกสมิงสาวแห่งป่ากิเลสงาบไปรับประทานมาเยอะแล้ว…!

    ส่วนเสียงที่เป็นอนิฏฐารมณ์อันไม่น่าพอใจ ได้แก่เสียงอันเป็นปฏิปักษ์กับอารมณ์ของเราในขณะนั้น ๆ เช่น กำลังฟังเพลงอยู่อย่างสุดมันในอารมณ์ คุณแม่ก็บ่นว่าหนวกหู ฟังอะไรก็ไม่รู้เสียงอย่างกับควายออกลูก…! เช่นนี้เสียงเพลงก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่คุณแม่ และเสียงบ่นของคุณแม่ก็ไม่เป็นที่ชอบใจของคุณลูกเช่นกัน หรือท่านที่ปฏิบัติกรรมฐานย่อมไม่ต้องการเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะเป็นศัตรูกับสมาธิเป็นต้น

    อาตมาชอบป่าเขาลำเนาไพรเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าบรรยากาศในป่าเขาก่อให้เกิดความสงบวิเวกอย่างบอกไม่ถูก เสียงลมพัด เสียงน้ำไหล เสียงกิ่งไม้ใบไม้หล่น เสียงนก เสียงสัตว์ป่าร่ำร้อง เสียงจั๊กจั่นเรไรหรีดหริ่งลองไนกรีดเสียง ชวนให้จิตใจสงบเยือกเย็น คงเป็นเพราะเสียงเหล่านี้เป็นเสียงของธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่ง สภาพจิตอันเป็นธรรมชาติมาแต่เดิมจึงยอมรับได้ง่าย ไม่ดิ้นรนส่งส่ายไปสู่อารมณ์อื่น…

    เสียงธรรมชาติที่เป็นศัตรูของความสงัด ส่วนใหญ่เป็นเสียงคน และต้องเป็นเสียงที่เราฟังเข้าใจด้วย จิตจะนึกคิดปรุงแต่งไปตามคำพูดของเขา เลยวุ่นวายหาความสงบไม่ได้ อาตมาเคยไปอาศัยกับกะเหรี่ยงในป่าเขา ฟังภาษาเขาไม่เข้าใจก็เหมือนกับฟังเสียงนกเสียงกา เขาพูดอะไรมาเราสั่นหัวท่าเดียว จิตใจจึงไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอสาวกะเหรี่ยงมาพูดบ้าง เสียงนกเสียงกาก็ชักจะฟังรู้เรื่อง เสียงเพศตรงข้ามจึงทรงมหิทธานุภาพที่สุด…!

    เสียงอีกประเภทหนึ่งเป็นเสียงที่เราไม่ทราบที่มา ไม่ทราบว่าต้นเสียงเป็นอะไร ทำให้ขวัญหนีดีฝ่อเอาง่าย ๆ เช่นเวลาอยู่ในป่ามีเสียงคนแก่คุยกัน เสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวน ถ้ามีกันหลายคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเผ่นเข้ากลางวง ถ้าอยู่คนเดียวมีหวังเผ่นป่าราบจับไข้หัวโกร๋น หมดสิทธิ์ใช้หวีไปตลอดชาติ…!

    บางทีอาตมาได้ยินพระนับร้อยนับพันสวดมนต์ดังกระหึ่มน่าเลื่อมใส แต่หาแหล่งที่มาไม่เจอ ขณะรับราชการอยู่ที่กองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายกาญจนบุรี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์) วันดีคืนดีจะมีเสียงโห่ร้องเอาวา เสียงช้างม้าโกญจนาท เสียงขับพลเข้าประจัญบาน เสียงอาวุธปะทะกัน เหมือนกับมีกองทัพโบราณกำลังรบราห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่ใช่ได้ยินกันแค่คนสองคน บางทีทหารทั้งกองพันได้ยินพร้อม ๆ กัน แต่เมื่อตามหาเข้าจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน ?

    หลวงพ่อท่านไปธุดงค์ มีขบวนทิพย์ดุริยางค์ตามขับกล่อมไปตลอดทาง เมื่อเห็นว่าไม่สนใจจริง ๆ พวกเล่นโผล่มาทั้งขบวนเลย ทั้งโห่ทั้งแห่พร้อมสรรพ หรือพระบางท่านกำลังอดอาหาร ได้ยินเสียงขูดมะพร้าว ตำน้ำพริกอยู่ใกล้ ๆ แต่เดินตามไปเถอะ…เหนื่อยแทบขาดใจไม่ถึงซักที ไม่ทราบว่ามาจากฟากฟ้าป่าหิมพานต์ไหน…?

    ชีวิตทหารชายแดนนั้นอยู่ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์อย่างน่าอิจฉา แสงจากปากกระบอกปืนและพลุส่องสว่าง สีเขียวแดงเหลืองของระเบิดควันและกระสุนส่องวิถี เสียงสนั่นลั่นป่าของอาวุธสงครามนานาชนิดไงล่ะพระคุณท่าน…ใครว่าห่างไกลแสงสีอย่าไปเชื่อเชียว…เสียงสยองขวัญสั่นประสาทอาตมาก็เจอมาแล้ว…เรื่องมันเป็นอย่างนี้…

    คืนนั้นอาตมากับสิบตรีมาโนต วานะวงศ์ และ สิบตรีรัว สุดใจ อยู่เวรดึกที่หน้าฐานตามเคย ประมาณตีหนึ่งเศษ ๆ เสียงประหลาดอย่างหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน มันโหยหวนแซ่ส่ำไปหมด เหมือนกับมีกองทัพปิศาจนับหมื่นนับแสนรายล้อมเข้ามารอบด้าน เสียงหมาในหมู่บ้านทัพเซียมที่ห่างไปเล็กน้อย หอนประสานรับกันระงมทั้งหมู่บ้าน…!

    อาตมาคว้าเอ็ม.๑๖ คู่มือ ร้องบอกหมู่มาโนตที่ผวาลุกอย่างขวัญหายว่า “ฉายไฟเร็วข้าจะยิง…!” แสงไฟฉายขนาดห้าท่อนสว่างจ้า นิ้วที่แตะไกปืนของอาตมาชะงักค้าง เสียงไอ้ผีนรกหายวับไปเหมือนกับฟิวส์ขาด… เบื้องหน้ามีแต่ต้นไม้กับทุ่งหญ้า เจ้าของเสียงที่กะว่าบุกเข้ามาห่างไม่ถึงวาไม่รู้ว่าอันตรธานไปไหน…!

    ท่านผู้อ่านช่วยบอกหน่อยได้ไหม…? ว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่…?

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ขอเชิญเที่ยวงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน
    ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    ณ บริเวณวัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    ร่วมกิจกรรม
    + กราบสักการะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา
    + กราบสรีระสังขาร หลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
    + ร่วมบุญตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ๑๐,๐๐๐ ดวง
    + ชม ชิม ช็อป “ของดีบ้านฉัน” บนถนนสายวัฒนธรรม สินค้าทางวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น การแต่งกายของชนเผ่า วิถีชุมชน ฯลฯ

    แล้วพบกันนะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติว่า “เรื่องของภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา วาระนั้นเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะว่ามีพระที่ทรงความดีท่านสละตนเอง เพื่อเปลี่ยนวาระกรรมนั้น พูดง่าย ๆ ว่ายืดเวลาให้เราทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    เพราะฉะนั้น..เราจะไปคิดว่าภัยยังไม่เกิดแล้วไปประมาทเข้า เกิดเมื่อไรเดี๋ยวจะตั้งหลักไม่ทัน ยิ่งปีนี้ (พ.ศ. ๒๕๕๓) พระผู้ใหญ่ขนาดหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ นอนโรงพยาบาลยาวเลย ท่านเป็นโรคใหม่ที่หมอเองก็เกือบจะหมดปัญญา เป็นเชื้อหวัดนี่แหละ แต่ทำลายปอดด้วย กว่าจะรู้ตัวท่านก็หมดสภาพ หมอบอกว่าถ้าไปช้าสักสิบนาทีหรือยี่สิบนาทีก็อาจจะไปเลย ประมาณสองเดือนแล้วท่านเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว หมอบอกว่าถ้าจะเอาให้เหมือนเดิมต้องใช้ระยะเวลาอีกประมาณสี่เดือน

    ฉะนั้น..ในเรื่องวาระกรรมต่าง ๆ พระที่ท่านทรงคุณความดี ท่านสละตัวของท่านเองเพื่อส่วนรวม แต่ถ้าเราไม่คิดจะช่วยท่านทรงความดีไว้เลย ก็จะกลายเป็นภาระของพระท่าน ถ้าท่านแบกไม่ไหวเมื่อไร เราก็รับเละไป

    เพราะฉะนั้น..มีโอกาสให้เร่งทำในเรื่องของศีล สมาธิ และปัญญาให้กำลังใจเราสูงเข้าไว้ ถึงแม้จะช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ให้รักษาตัวเองได้ จะได้ไม่เป็นภาระแก่คนอื่นเขา เตือนได้เท่านี้แหละ บอกได้คำเดียวว่า “มาแน่” จะช้าจะเร็วก็มาแน่”

    ถาม : ถ้าปฏิปทาที่เราร่วมแรงร่วมใจกันทำความดี จะมีผล…?
    ตอบ : อย่างนั้นแหละดีแล้ว อย่างน้อย ๆ ได้ร่วมกันสร้างความเย็นให้เกิดขึ้นสักจุดก็ยังดี จะได้แบ่งเบาภาระของพระไปจุดหนึ่ง

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การปฏิบัติของเราทั้งหลายต้องระมัดระวัง กาย วาจา และใจ ของเราอย่างที่สุด อย่าทำอวดคนอื่น อย่าทำหวังคำชมจากคนอื่น แต่ให้มุ่งเพื่อหวังความหลุดพ้นอย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจริง ๆ แล้ว คำถามทั้งหมดแทบจะได้คำตอบในตัวอยู่แล้ว
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ยันต์เกราะเพชรมีไว.jpg

    ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีไว้เพื่ออะไร ?
    ตอบ : ไว้เพื่ออะไร ? ติดตัวไว้ โดยเฉพาะป้องกันไสยศาสตร์ ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้ต่อต้านไสยศาสตร์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ จบทุกวัน นึกถึงบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้ารู้สึกว่าใหญ่เกินไปก็ม้วนเป็นตะกรุดเล็ก ๆ ก็ได้ เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แขวนติดตัวก็ได้ ติดรถก็ได้ ติดบ้านก็ได้ ใช้ยันต์เกราะเพชรห้ามกินเหล้ากับห้ามขโมย ใครกินเหล้าหรือขโมย ยันต์เสื่อม ยันต์ไม่ชอบคนกินเหล้ากับไม่ชอบคนขโมย

    ใครบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นไปได้ให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน ตั้งใจนึกขอบารมีพระท่านคุ้มครองตัวเรา ถ้าหากว่าอยู่ในรถก็คุ้มครองยานพาหนะที่เราโดยสาร ถ้าหากว่าอยู่ในบ้านก็ขอให้คุ้มครองทุกคนที่อยู่ในบ้าน

    วัตถุมงคลทุกอย่างมีพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจเราต้องเปิดรับ หรือว่ามีกุญแจในการเปิด กุญแจในการเปิดก็คือการอาราธนา หรือการสวดมนต์ภาวนาตามแบบที่ท่านกำหนด

    ถึงเวลาแล้วให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ ถ้าจะระลึกถึงตามสายครูบาอาจารย์ ก็นึกถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง สูงขึ้นไปก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถัดไปก็หลวงปู่เนียม วัดน้อย สูงขึ้นไปอีกก็หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ถามว่าเกี่ยวอะไรกับวัดระฆังด้วย ? หลวงพ่อวัดระฆังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไล่กันลงมาตามสายนี้
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๗.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๗ : ลิงลม

    ลิงลมที่กล่าวถึงในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเจ้าตัวน้อยตาโตแสนจะขี้อายนั่นหรอก หากแต่หมายถึงวิชาไสยศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งใช้คาถาหัวใจลิงลมปลุกตัวเองขึ้นมา หรือให้ครูบาอาจารย์ที่ชำนาญในคาถานี้ ทำการสักอักขระหรือรูปลิงลมแล้วปลุกเสกให้…

    วิชาประเภทนี้ต้องหมั่นปลุกตัวเองอยู่เสมอ หาไม่แล้วเวลาฉุกเฉินขึ้นมา มักถูกเขาเหยียบอานเพราะของดันไม่ขึ้น ทีตอนไม่ต้องการให้ขึ้นกลับขึ้นได้ขึ้นดี อาตมาเองอยากรู้อยากเห็นมากว่า เวลาของขึ้นแล้วมันจะแน่จริงซักแค่ไหน…!

    นิสัยเชื่อยากแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก กว่าจะยอมเชื่ออะไรซักทีต้องลองแล้วลองอีก ถ้าไปเจอที่เขาดีจริงก็เสมอตัว ถ้าเจอพวกดีแต่คุยโม้ เราไม่ติดคุกก็ได้ศัตรูเพิ่มขึ้น การทดลองบางทีก็เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง พลาดพลั้งขึ้นมาตายโหงเอาง่าย…!

    เช่นหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ข้าวตอกพระร่วงมีอานุภาพกันงูได้ อาตมาเชื่อน่ะเชื่ออยู่ แต่ก็ขอลองให้หายคันหัวใจหน่อย คว้าคองูเขียวหางไหม้ตัวเบ้อเริ่ม ปรากฏว่ามันไม่กัดจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมางูอะไรเจออาตมาเป็นเผ่นกระเจิง เพราะถูกไล่จับเล่นเป็นของสนุกไปเลย…!

    เมื่อขึ้นเปลี่ยนกำลังพลที่ฐานหน้าตาพระยา ผบ.ร้อยสั่งทหารทุกนายว่า “อย่ารับของกินของใช้ทุกอย่างจากชาวบ้านที่นี่ พวกนี้เลี้ยงผีและเล่นไสยศาสตร์กันทุกบ้าน…!” อาตมารับทราบแต่ไม่รับปฏิบัติ ก็มันไม่เชื่อนี่ครับ…!

    ด้วยบารมีหลวงพ่อคุ้มหัว ทำให้อาตมารอดจากยาพิษ ยาสั่ง และอาถรรพ์มืด ที่หมอผีพวกนี้ตั้งใจจัดการกับอาตมา เหตุเพราะนำกำลังพลไปปิดตลาดมืด ทำให้พวกเขาหมดทางทำกิน จึงมีหนี้แค้นที่ต้องชำระกัน และทหารโดนเวทย์มนต์ลี้ลับเล่นงานปางตายไปหลายคน…

    เมื่อเข้าเวรดึกอาตมาและเพื่อน ๆ ได้ยินเสียงหวืดหวือเหมือนกับมีตัวแมลงขนาดใหญ่ บินฉวัดเฉวียนไปมารอบฐาน พอมองไปยังต้นเสียง ทั้งที่มืดสนิทก็ยังมองเห็นวัวขี้ผึ้งตัวเล็ก ๆ ควบตะบึงอยู่บนอากาศอย่างคึกคะนอง…!

    อาตมาพกธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อ จึงไม่ได้หวั่นเกรงเจ้าวัวอาคมแม้แต่น้อย เพียงแต่บอกเพื่อน ๆ ว่า “อย่าทัก” เจ้าวัวร้ายก็หมดช่องทางทำอันตราย ต้องย้อนกลับไปหาเจ้าของในที่สุด

    อีกคราวหนึ่ง…ทหารยามของร้อย ร.๙๑๐๒ เข้าเวรดึกเช่นกัน… เห็นนกประหลาดตัวมหึมาบินพึ่บพั่บมาจับยอดไม้ข้างฐาน ด้วยความกลัวสุดขีดเลยซัดด้วยปืนกล ๙๓ เป็นชุด เจ้านกยักษ์ตกพลั่กลงมา ผบ.ร้อยและเพื่อนทหารที่ตกใจตื่น แห่กันไปดูแล้วก็พบกับสิ่งสยองขวัญ…!

    เป็นร่างของชายฉกรรจ์ที่มีร่างกายท่อนบนกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ อย่างกับนักมวยปล้ำ ท่อนล่างตั้งแต่หัวเข่าลงไป ถูกมัดติดกันจนเล็กลีบนิดเดียว หน้าตาเหี้ยมแสยะอย่างกับยักษ์มาร แขนสองข้างคล้องกระด้งที่ใช้เป็นปีก… “ผีกระหัง”…!

    แม่นแล้ว…ผีกระหังที่เขาเล่าลือกันนั่นแหละ เห็นแล้วต้องยอมเชื่อว่ามันบินด้วยกระด้งได้จริง ๆ ก็แขนมันแข็งแกร่งออกปานนั้น คว้าคอใครเข้าคงหักทันที ร่างกายมันไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่โดนแรงปะทะของกระสุนปืนกระแทกจนกระดูกป่นไปทั้งตัว…!

    จบภารกิจจากแนวหน้ากลับมาพักผ่อนยังที่ตั้งปกติที่ส่วนหลัง เนื่องจากการรบติดพันทำให้ทหารเกณฑ์ผลัดที่ ๒ ปี ๒๕๒๒ ค้างปลดเป็นเวลาสามเดือน อาตมาที่เข้าเวรอยู่จึงผ่อนผันให้พวกเขาหาความสำราญกันได้ อย่าให้มีเรื่องเดือดร้อนก็แล้วกัน… อาตมานั่งคิดเบี้ยเลี้ยง ขณะที่ทหารตั้งวงชนแก้วกัน กำลังลงบัญชีเพลิน ๆ เสียงตึงตังโครมคราม และเสียงเอะอะโวยวายไม่ได้ศัพท์ อาตมาพรวดเข้าไปจะห้ามทัพเพราะคิดว่ามีการเมาแล้วตีกัน กลับเห็นพวกเขาล้อมวงดูอะไรบางอย่าง…!

    ที่กลางวงนั่นเอง…พลทหารสมศักดิ์ หกคะเมนตีลังกาอย่างคล่องแคล่ว บางทีก็หงายหลังเอาหัวชนส้นเท้า แต่มันกลับเดินได้ ปากก็ร้องว่า “อาจารย์…อย่าทำผม…อย่าทำผม” ถามดูจึงรู้ว่าเขาสักลิงลม และฝืนคำครูกินเหล้าเหลือเดนคนอื่น เลยถูกครูเล่นงาน…!

    วิธีแก้ง่ายมาก แค่ตบบ้องหูผัวะเดียวก็หายแล้ว พรรคพวกมันมัวแต่กลัวกันอยู่ ส่วนอาตมานั้นอยากลองดูกับของอย่างนี้มานานแล้ว เลยโดดเข้าล็อคคอ แบกเจ้าตัวดีลอยขึ้นมาทั้งตัว คิดว่าขาพ้นพื้นจะใช้แรงไม่ได้ มันกลับดิ้นตูมเดียวกระเด็นไปคนละทิศละทาง…! ฮ่า…แบบนี้ก็มันสิขอรับ…!

    ตามปล้ำตามฟัดกันแทบกองร้อยถล่ม พวกทหารเห็นดังนั้นก็เอาด้วย ช่วยกันจับช่วยกันคว้า แต่พ่อเจ้าประคุณเอาแรงบ้ามาจากไหนไม่รู้ เหวี่ยงเอาออกหัวออกก้อยไปตาม ๆ กัน พลทหารถวิลโมโหเข้าเอาน้ำสาดโครม ลิงลมหายจ้อยเลย…!

    รุ่งขึ้น…อาตมาระบมอย่างกับชกมวยไทยมาห้ายก แต่เจ้าตัวแสบไม่เป็นอะไรเลย บอกแค่ว่า “เมื่อคืนผมคงเมามาก หลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวเลย…” เออ…ฝากไว้ก่อนเถอะน่า…ของขึ้นอีกเมื่อไหร่เจอกัน…อูย…ระบมทั้งตัวเลยเรา…!

    เครื่องรางของขลังทุกชนิดเป็นที่พึ่งชั่วคราวเท่านั้น ที่พึ่งแท้จริงของเราคือ ทาน ศีล ภาวนา เร่งใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความทุกข์ ความตั้งอยู่ไม่ได้ของร่างกายนี้ ถอนความพอใจในมันเสีย ตั้งใจไปนิพพานกันดีกว่า…!

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ทุกสิ่งทุกอย่างมีประโยชน์แค่ตอนมีชีวิตอยู่

    ถาม :
    กำลังใจในการสละที่พระอาจารย์บอก หมายถึงอะไร ?
    ตอบ : ต้องดูว่าตอนนั้นเราเหลืออะไร… ถ้าหากเป็นกำลังใจของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านก็สละเลือด เนื้อ ร่างกาย สละชีวิต สละแขนขา สรุปง่าย ๆ ก็คือเมื่อถึงวาระสุดท้ายไม่มีอะไรจะสละแล้ว แม้แต่ชีวิตนี้ก็สละได้ เพราะว่าถึงตายเราก็ไปพระนิพพาน

    ถาม : ถ้าเป็นของใช้ก็ถือว่าใช้ไม่ได้ ?
    ตอบ : จริง ๆ ก็คือ ถ้าเห็นว่าเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยอย่างเดียวนะ เราเองใช้ตอนที่ดำรงชีวิตอยู่ อย่างไร ๆ ก็ต้องพังจากกันไปข้างหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างมีประโยชน์แค่ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่รู้จะไปรักไปหวงทำไม ตอนเราใช้ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าต้องจากกัน ก็ไม่เห็นจะต้องไปห่วงหาอาลัยอะไรมากมาย

    พระพุทธเจ้าทรงใช้คำว่า “เหมือนนกบินจากคอน ไม่มีร่องรอยอะไรให้เหลือไว้” ไปดูกิ่งไหนที่นกเกาะแล้วมีรอยตีนบ้างไหม ? ไม่มีหรอก ยกเว้นตีนสกปรก ไปเหยียบขี้ดินมา บางคนก็แปลกใจว่า ของอะไรดี ๆ ที่อาตมามีอยู่ ก็นำไปถวายพระเถระรูปโน้นรูปนี้บ้าง บางครั้งเขาเสียดายแทน

    อาตมาบอกว่า “คุณไม่ต้องเสียดายหรอก” อันดับแรกถวายพระระดับนั้น ของแค่นี้ยังไม่สมกำลังใจตัวเองเสียด้วยซ้ำไป ส่วนอันดับที่สองทุกสิ่งทุกอย่างมีประโยชน์ตอนที่เรามีชีวิตอยู่เท่านั้น ถ้าคุณไปเผลอยึดเกาะก็เสร็จอีกต่างหาก ถ้ายังตัดใจสละไม่ได้ จาคานุสติก็ยังไม่เต็มหรอก

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...