อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ขอให้พยายามเป็นต้นแบบให้คนอื่น ก็คืออยู่ในศีลกินในธรรมตามแบบของเราไป ใครเขาจะว่าโง่ ใครเขาจะว่าบ้า ก็ช่างมัน อย่างน้อยจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นเขาทำตามได้ โดยเฉพาะอย่าท้อถอย อย่าหมดกำลังใจ ถ้าจะท้อถอยจะหมดกำลังใจ ให้ดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์ ต่อสู้ทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยไม่เห็นแก่สุขภาพของพระองค์ท่านเลย พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เห็นแก่ชีวิต

    หรือไม่ถ้าจะดูไกลกว่านั้นก็ดูพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า ในสังสารวัฏที่ยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ ขึ้นชื่อว่าความท้อแม้แต่น้อยหนึ่งไม่เคยปรากฏในดวงใจของพระองค์ท่านเลย ตั้งหน้าทำไป ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดช่าง ตักน้ำรดหัวตอต่อไปเรื่อย ๆ ถึงไม่งอกให้เปียกก็ยังดี อย่างน้อย ๆ เราก็ได้ทำแล้ว

    อย่าเอาแต่งอมืองอเท้าอยู่อย่างเดียว ถ้าเราไม่กล้าทำ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด สิ่งที่ไม่ดีไม่งามจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสว่า ต้องพยายามสนับสนุนให้คนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง ถ้าหากว่าคนดีมีอำนาจในบ้านในเมือง คนชั่วก็จะแสดงอำนาจไม่ได้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ ณ บ้านเติมบุญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและงานเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า) วัดท่าขนุน วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    ๐๗.๓๐ น. พิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปี การแสดงถวายเป็นพุทธบูชา
    ๑๐.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า)
    ๑๓.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย)

    หมายเหตุ: การเป่ายันต์เกราะเพชรรอบบ่ายจะเริ่มถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา ๑๒.๓๐ น. เป็นต้นไป

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดงานเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย) วัดท่าขนุน วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    ๑๓.๐๐ น. เป่ายันต์เกราะเพชร (รอบบ่าย)

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    พวกเราทุกคนที่เกิดมาเป็นคนแสดงว่าต้นทุนของเราพอแล้ว คืออย่างน้อยต้องเคยมีศีลห้าทรงตัวมาก่อน แล้วผลของศีลห้าจึงส่งให้เราเกิดเป็นคน คราวนี้การเกิดมาชาตินี้เราจะขาดทุนหรือกำไรนั้น อยู่ที่ว่าเราจะรักษาต่อแล้วทำดีได้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปหรือเปล่า ? ถ้าทำได้ก็กำไร ถ้าทำไม่ได้ก็ขาดทุน
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    คลิปวีดีโองานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ บูชาพระคุณครู
    ในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ (เวอร์ชั่นที่ ๑)
    ท่านใดดูไม่ได้ให้ดูที่นี่ครับ
    https://youtu.be/5QB4cue5HL0

    ขอบพระคุณวีดีโอจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    #คลิปงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ บูชาพระคุณครู
    ในวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๒
    #แชร์ได้ตามอัธยาศัยครับ (เวอร์ชันที่ ๑)
    ถ่ายภาพและตัดต่อโดย : Pixel Group
    อำนวยการผลิตโดย : ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ผู้ฆ่า.jpg

    ผู้ขวาง ผู้ฆ่า

    ถาม :
    อยากถามเรื่องเกี่ยวกับมาร มีตัวตนจริง ๆ หรือคะ ?
    ตอบ : มีจริง ๆ เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักเขาไหม ? เราจะเห็นเขาได้ไหม ? คนรอบข้างของเรา เขาสามารถอาศัยเป็นเครื่องมือได้หมด ตอนแรก ๆ อาตมายังเข้าใจว่า มารเป็นกำลังใจที่ไม่ดีของเรา แต่ไม่ใช่ เขามีตัวตนจริง ๆ เขาพยายามจะชักนำให้เราคิดผิด ทำผิด พูดผิด อยู่เสมอ

    ขณะเดียวกัน คนรอบข้างของเรา เขาสามารถที่จะดลใจให้คน ๆ นั้น ไม่ว่าจะคิดจะพูดอะไรก็ตาม กลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิดโทสะ ให้เราเกิดราคะ ให้เราเกิดโลภะอยู่ได้ตลอดเวลา

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็คือ เขาทำหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่หนี เราก็หนีของเราไป เขามีหน้าที่ขวาง เขาก็ขวางของเขาไป ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัว ไม่มีใครเป็นศัตรูของใคร

    ฟังให้ดี ๆ นะ ตรงจุดนี้ เมื่อถึงวาระถึงเวลาโอกาสเปิดให้ เขาขวางเราก็เป็นเรื่องของเขา จริง ๆ แล้วเขาเป็นครูที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าเราสามารถก้าวข้ามที่เขาทดสอบเราได้ ตรงจุดนั้นเราจะไม่แพ้เขาอีก แต่ถ้าหากว่าเราก้าวข้ามไม่ได้ เราก็ไปติดไปสะดุดหรือไปหยุดอยู่ ไม่สามารถเข้าถึงความดีได้ เขาถึงได้เรียกว่ามาร คือผู้ขวาง หรือผู้ฆ่า เพียงแต่ว่าเขาเป็นครูที่ขยันไปหน่อย ข้อสอบมาทุกวินาทีเลย เผลอเมื่อไรเป็นโดน

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร
    วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุนค่ะ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post231516">#post231516” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=231516 #post231516

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๘.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๘ : ปาฏิหาริย์พระปฐมเจดีย์

    “นครปฐมเมืองอุดมสิ่งดีเลิศหล้า เป็นเมืองพัฒนา เหล่าประชาอยู่ร่มเย็น บ้านเมืองเราก็รื่นรมย์สมมีสิ่งที่บูชา อร่ามงามตาสูงส่งเสียดฟ้าเขาเหิน สร้างความเพลิดเพลินหากใครได้มา สักการบูชาพระธาตุนั้นหนาของพุทธองค์…”

    นี่เป็นท่อนแรกของเพลงประจำจังหวัดนครปฐม ดินแดนแห่งส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย ผ้าดำดี และปัจจุบันเพิ่ม โต๊ะจีนดัง ขึ้นมาอีก เป็นจังหวัดแรกของไทยที่มีนิยามคำขวัญประจำจังหวัดก่อนใคร จนทุกวันนี้ทุกจังหวัดต่างก็ตั้งคำขวัญตามกันเป็นแถว ๆ …

    อาตมาเป็นลูกนครปฐมขนานแท้ที่เขาว่า “ใจกว้างดังฐานองค์พระ ปัญญาแหลมดุจยอดเจดีย์” เกิดที่นี่ โตที่นี่ เห็นความเปลี่ยนแปลงของจังหวัดทุกอย่างกับตา เป็นที่น่าเสียดายว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางลบเสียส่วนมาก…

    ส้มโอหวานเป็นส้มโอนครชัยศรี ข้าวสารขาวเป็นข้าวพันธุ์ปิ่นแก้วที่ชนะเลิศที่ ๑ ของโลก ปัจจุบันกลายพันธุ์ไปจนไม่มีใครรู้จักข้าวพันธุ์ปิ่นแก้วกันแล้ว ลูกสาวสวยถูกหนุ่มต่างเมืองขอไปแทบหมดไม่เหลือให้หนุ่มนครปฐมบ้างเลย จนต้องหันหน้าเข้าวัดอยู่นี่…!

    ผ้าดำดีเป็นผ้าย้อมมะเกลือ ถูกวิทยาการสมัยใหม่ตีตกคูไปนานแล้ว ข้าวหลามชั้นดีก็ถูกข้าวหลามหนองมนแย่งตำแหน่งไปซึ่ง ๆ หน้า เหลือแต่องุ่นรสดี กับมะพร้าวน้ำหอม ที่พอจะกู้หน้าของจังหวัดเอาไว้ได้บ้าง…

    สิ่งที่ชาวนครปฐมภาคภูมิใจและเคารพบูชาอย่างสูงสุดคือองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นมหาเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ยอดแหลมเสียดฟ้า บุกระเบื้องโมเสค สีทองอร่ามตระการตา ใครมานครปฐมจะมองเห็นองค์มหาเจดีย์สูงเด่นเป็นสง่าอยู่แต่ไกล…

    ความสูงขององค์มหาเจดีย์นั้น ตำราว่าสูงชั่วนกเขาเหิน คือสูงสุดเพดานบินของนกเขานั่นแหละ จนร่ำลือกันว่าสูงจนไม่มีเงา คือเงาเจดีย์ตกไม่พ้นฐาน ส่วนความกว้างของฐานนั้นเดินกันลิ้นห้อยกว่าจะรอบ เป็นปูชนียสถานที่ใหญ่ที่สุดในโลก…!

    ประวัติการสร้างพระปฐมเจดีย์มี ๒ ตำนาน เรื่องแรกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งชมพูทวีป ได้ส่งพระมหาเถระ ๕ รูป มีพระโสณะและพระอุตตระเป็นประธานอัญเชิญพระไตรปิฎก มาเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ…

    เวลานั้นตรงกับสมัยของพระเจ้าตะวันอธิราชแห่งเมืองทวาราวดี พระมหาเถระทั้ง ๕ มาขึ้นที่เมืองท่าแห่งนี้เป็นแห่งแรกในสุวรรณภูมิ จึงขนานมงคลนามว่า “นครปฐม” และเรียกสืบ ๆ กันมานับแต่บัดนั้น…

    เรื่องที่สองกล่าวถึงพระยากงผู้ครองนครปฐม มีโอรสองค์หนึ่ง โหรทำนายว่าจะฆ่าพ่อ จึงให้เอาไปลอยน้ำทิ้งเสีย ยายหอมเก็บไปเลี้ยงเป็นบุตรให้ชื่อว่าพาน ต่อมาไปศึกษาศิลปวิทยาการที่เมืองราชบุรี เจ้าเมืองราชบุรีต้องชะตาจึงขอไปเป็นพระโอรส…

    ขณะนั้นเมืองราชบุรีกับนครปฐมเป็นศึกกัน พระยาพานโตเป็นหนุ่มจึงยกทัพมาตีนครปฐม พระยากงทำยุทธหัตถีกับลูกชาย ถูกฟันตายคาคอช้าง พระยาพานเข้าเมืองได้สั่งริบของทุกอย่างเป็นราชบาท แม้แต่มเหสีและนางสนมกำนัลทั้งหมด…!

    เทวดา (ยุ่งกับเขาได้ทุกเรื่อง) เห็นว่าพระยาพานทำปิตุฆาตเป็นอนันตริยกรรมแล้ว ยังจะเอาแม่เป็นเมียอีก จึงแปลงร่างเป็นแมวแม่ลูกอ่อนนอนขวางประตู พูดกับลูกถึงเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของพระยาพาน (แมวพูดได้…จะเชื่อดีไหมนี่…?)

    พระยาพานไปเค้นถามจากยายหอม พอทราบความจริงก็โกรธหาว่ายายหอมปิดบังตน จึงฆ่ายายหอมซะอีกคน (เจริญไหมล่ะ…?) ต่อมาสำนึกผิด (สายไปซะแล้ว) จึงสร้างเจดีย์สูงชั่วนกเขาเหิน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อธิษฐานขอไถ่บาป (ไม่สำเร็จหรอกจ้ะ)…

    ตำนานทั้งสองเรื่องตำนานเกินไป เลยแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แม้ว่าต่างก็มีเค้าความจริง แต่องค์มหาเจดีย์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นองค์ใหม่ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงพบขณะที่ยังผนวชอยู่ เมื่อขึ้นครองราชย์จึงทำการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาเป็นรูปทรงในปัจจุบันนี้…

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่องค์มหาเจดีย์ นอกจากพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท มาจากหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทรงให้ช่างหล่อเสริมจนเป็นองค์สมบูรณ์ ประดิษฐานอยู่คู่กับองค์มหาเจดีย์สืบมา ประทานนามให้ว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ มีพระพุทธลักษณะงดงามมาก…

    ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์มหาเจดีย์เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๖ ยังดำรงพระยศสยามมกุฎราชกุมาร แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังสนามจันทร์ ทรงพบพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ พระมหาเจดีย์เปล่งรัศมีสว่างไสวไปทั้งองค์…!

    ทรงมีจดหมายเหตุกราบถวายรายงานต่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง องค์พระปิยมหาราชดำรัสว่า เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้นผ่านไปทางนครปฐม ก็พบปาฏิหาริย์แบบนี้เช่นกัน มีรับสั่งให้มหาดเล็กตรวจค้นหาดูว่า มีผู้ใดแกล้งทำให้เป็นไปแบบนั้นหรือไม่…? ปรากฏว่าไม่มี…!

    งานนมัสการพระปฐมเจดีย์จะมีขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๑๒ ของทุกปี ประชาชนทุกสารทิศหลั่งไหลมาเที่ยวงาน มีการออกร้านเป็นที่เอิกเกริกรื่นเริง อาตมาเบื่อคนมาก ๆ จึงไม่เคยเยี่ยมกรายไปในงานเลย นอกจากส่งงานฝีมือมาช่วยหาทุนให้โรงเรียนเท่านั้น…

    ก่อนงานประจำปีจะมีการประดับไฟรอบองค์พระ สมัยก่อนเทคโนโลยีเครื่องไม้เครื่องมือไม่ทันสมัย ต้องใช้นักโทษปีนขึ้นไปประดับไฟ ใครพลาดก็ตายไปเลย ถ้ารอดลงมาก็ได้รับอภัยโทษปลดปล่อยให้เป็นอิสระ นับว่าเป็นนโยบายที่ดี…

    อาตมาออกจากราชการทหารจึงไปกราบขอพรที่องค์พระ นับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มานมัสการพระปฐมเจดีย์ (เจริญไหมล่ะโยม…!) เห็นยอดมหาเจดีย์สูงทะยานเยี่ยมเมฆ บวกกับตำนานนักโทษประดับไฟ จึงเกิดความคิดอยากลองดีขึ้นมา…!

    ความคิดอยากพิชิตยอดมหาเจดีย์เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตน โดยไม่คิดว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง พออาตมาปีนขึ้นไปตามท่อเหล็กที่สูงประมาณ ๔ เมตร ขึ้นไปถึงบันไดเล็ก ๆ ก็คิดว่า สบายข้าล่ะ…ง่ายอย่างกับปอกกล้วย…!

    สำรวจร่างกายว่าพร้อมทุกประการ อาตมาก็ไต่ขึ้นไปตามบันไดเหล็กอย่างระมัดระวัง เรื่องหมู ๆ แค่นี้เอง ภูเขากี่ลูกต่อกี่ลูกก็ข้ามมาแล้ว ขึ้นบันไดแบบนี้สบายมาก…มัวแต่คิดฝันเฟื่องเพลิน ขึ้นไปได้นิดเดียว พลัน…ลมแรงประหลาดก็พัดกระโชกลงมา…!

    องค์มหาเจดีย์ขยายใหญ่ขึ้น เต็มไปทั้งแผ่นดินแผ่นฟ้า ตัวของอาตมาดูไปคล้ายตัวไรไต่ภูเขา ลมแรงพัดเฮือก ๆ เหมือนจะกระชากอาตมาปลิวไปให้ได้ พยายามปีนสวนขึ้นไป หนักเหมือนแบกภูเขาไว้ทั้งลูก จนเหงื่อแตกท่วมตัว เรี่ยวแรงหดหายไปทุกที…!

    “โอย…เข็ดแล้ว…ไม่ขอลองดีอีกแล้ว…” คิดเพียงแค่นี้ทุกอย่างก็คืนสภาพเดิม…! อาตมารีบไต่ขึ้นไปจนถึงประตูรูปกลีบบัว มุดเข้าไปหอบเป็นหมาหอบแดด พักจนหายเหนื่อยจึงปีนกลับลงมา ใช้เวลาแค่พักเดียว สะดวกสบายทุกประการ…

    ประจักษ์ตากับความศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ประกอบกับหลวงปู่มหาอำพันสั่งอาตมาให้ไปนมัสการทุกปี ดังนั้น…ออกพรรษาแล้วของทุกปี อาตมามีงานประจำคือต้องเดินทางไปกราบนมัสการพระปฐมเจดีย์ เสมอมามิได้ขาด…

    ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ฉบับ.jpg

    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๘๐ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

    โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -วันคืนล่ว.jpg

    อายุกาลผ่านไป วันคืนล่วงไป ๆ เราทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ ? ครูบาอาจารย์เฒ่าชะแรแก่ชราลงไปทุกวันแล้ว ยังจะรื่นเริงบันเทิงใจเหมือนคนมีเวลามากอีกหรือ ?
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ทางว.jpg

    เมื่อช่วงที่ผ่านมา ทางวัดมีงานไหว้ครู พุทธาภิเษก และเป่ายันต์เกราะเพชร มีบุคคลจำนวนมากที่มีสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นการแทรก การแฝงมา หรือว่าจะโดนคุณไสยต่าง ๆ มาก็ตาม เมื่ออยู่ในที่ซึ่งทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ก็จะมีการดิ้นรน ส่งเสียงร้อง พวกเราจำนวนมากก็เกิดความกลัว

    การที่เกิดความกลัวนั้นมีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ สัญชาตญาณ ถ้าเราไม่ใช่บุคคลที่ปล่อยวางได้จริง ๆ ก็มักจะกลัวอันตรายต่าง ๆ เป็นปกติ ความกลัวอีกประการหนึ่ง เนื่องจากความไม่มั่นคงในใจของตนเอง เรื่องของไสยศาสตร์หรือว่าสิ่งไม่ดีไม่งามต่าง ๆ นั้น ถ้าเราสามารถภาวนาจนกำลังใจทรงตัวได้ระดับหนึ่ง เอาแค่ปฐมฌานก็พอ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะทำอันตรายเราไม่ได้เลย

    เพราะบุคคลผู้ทรงปฐมฌานได้ จะมีกำลังเท่ากับพรหมชั้นที่ ๑ หรือชั้นที่ ๒ หรือชั้นที่ ๓ ตามแต่ความหยาบความละเอียดของสมาธิของตน ในเมื่อกำลังเราสูงขนาดนั้น ถ้าไม่เผลอสติ ปล่อยให้กำลังใจขาดช่วงลง บรรดาไสยศาสตร์ต่าง ๆ จะทำอันตรายไม่ได้ ผีเจ้าต่าง ๆ เข้าสิงไม่ได้ เพราะกำลังของเราเหนือกว่า ยกเว้นท่านที่มีกำลังสูงกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพรหมที่ชั้นสูงขึ้นไป หรือพระอริยเจ้า ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่มีกรรมเนื่องกันมาจริง ๆ ก็จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรา

    ดังนั้น..ในวันนี้ต้องการให้ทุกคนซักซ้อมดูลมหายใจเข้าออกของตนให้เป็นปกติ เพื่อที่จะสร้างเสริมสมาธิของเราให้มั่นคง จะได้เป็นการป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ เหมือนกับบุคคลที่ฝึกซ้อมร่างกายมาคล่องตัวกว่า แข็งแรงกว่า ย่อมไม่ต้องหวาดกลัวคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า เป็นต้น

    ถ้าเราสามารถรักษากำลังใจของเราให้ทรงตัวได้ นอกจากอันตรายต่าง ๆ เหล่านี้จะทำอันตรายเราไม่ได้แล้ว กำลังสมาธิยังเป็นเครื่องช่วยเสริมปัญญาให้เกิดขึ้น ทำให้เราเห็นทุกข์เห็นโทษว่า การเกิดมาในโลกนี้ มีอันตรายต่าง ๆ มาเบียดเบียนรอบข้าง ไม่ว่าจะความหิว ความกระหาย ความร้อน ความหนาว ความเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วก็ยังมีคน มีสัตว์ มีผีเจ้าเข้าสิงต่าง ๆ มาคอยเบียดเบียนอยู่ มีอันตรายจากไสยศาสตร์มาคอยเบียดเบียนอยู่ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่มีความทุกข์เช่นนี้ เรายังต้องการอีกหรือไม่ ?

    ถ้าเราเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับไต่อยู่ที่ขอบเหว ไม่ทราบว่าจะโดนทำอันตรายด้วยสิ่งต่าง ๆ เมื่อไร ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่อยากได้ ไม่ต้องการในร่างกายนี้ หรือไม่ก็พิจารณาเห็นว่า การเกิดมามีร่างกายที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้ ต้องคอยหวาดกลัวอันตรายต่าง ๆ เช่นนี้ หรือว่าการเกิดมาในโลก เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน สัตว์ทั้งหลายมีการเบียดเบียนกันเป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่เป็นทุกข์เช่นนี้ การเกิดมาในโลกที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน

    เอาใจสุดท้ายของเราเกาะที่พระนิพพาน หรือนึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบมากที่สุด ตั้งใจว่านั่นคือพระพุทธนิมิต แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน เอากำลังใจเกาะเกี่ยวอยู่ที่ภาพพระ แล้วใช้คำภาวนาหรือพิจารณาของเราไปตามอัธยาศัย ตั้งใจว่าวันนี้ถ้าหมดอายุขัย ตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี เรามาขออยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานนี้แห่งเดียวเท่านั้น แล้วตั้งใจกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเราไป จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๑๙.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๙ : ยันต์เกราะเพชร

    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์บูรพาจารย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นต้นตำรับการเป่ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า งานเป่ายันต์ฯ แต่ละครั้ง เรือแพแน่นขนัดไปทั้งแม่น้ำ เดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย ๆ ผู้คนหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน หุงข้าวพร้อมกันทีละแปดกระทะ ตั้งแต่เช้ายันเย็นยังไม่พอเลี้ยงคนเลย…!

    ยันต์เกราะเพชรนี้ หลวงปู่ปานศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็นตัวขอม อ่านตามขวางว่า

    อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
    ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
    คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
    วา โธ โน อะ มะ มะ วา
    อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ


    บางคนเรียกว่าคาถาอิติปิโสแปดทิศ เขียนแล้วชักสูตรจะสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร

    วันเป่ายันต์ฯ นั้น จะเป่าได้เฉพาะวันเสาร์ห้า คือ ต้องตรงกับวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนใดก็ได้ ผู้รับยันต์ต้องมีธูปเทียน ๑ ชุด เป็นเครื่องบูชาพระ ถ้าเป็นหญิงมีครรภ์ ต้องจัดธูปเทียนเผื่อลูกในท้องอีก ๑ ชุด ธูปเทียนนี้ไม่ต้องจุด เมื่อเสร็จพิธีแล้ว นำกลับบ้านได้ ใช้สำหรับไล่ผีชะงัดนัก เอาธูปเทียนจี้เข้า ผีเผ่นกระเจิง…!

    การเป่ายันต์ฯ ไม่ได้เป่าทีละคน หากแต่เป่าทีละเต็มศาลา กี่หมื่นกี่แสนคนก็เป่าพร้อมกันทีเดียว “พระ” ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง…

    หลวงพ่อจะให้ผู้รับยันต์ สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แล้วดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ แล้วหลับตาภาวนาว่า พุทโธ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหลวงพ่อท่านจะบอกว่าเสร็จพิธี…

    ยันต์เกราะเพชรคือพุทธานุภาพ ขณะที่เราหลับตาภาวนา พระพุทธเจ้าจะเปล่งฉัพพรรณรังสีลงมา ครอบคลุมท่านที่ตั้งใจรับยันต์ หลวงพ่อท่านจะคอยดูอยู่ พอพระท่านบอกว่าเต็มแล้ว หลวงพ่อท่านก็จะบอกให้เลิกภาวนา…

    เมื่อยันต์เกราะเพชรเริ่มจับตัว ผู้รับจะมีอาการต่าง ๆ กัน เช่นร้อนหู ร้อนหน้า ขนลุกขนชัน หนักศีรษะ หรือ คันยุบยิบเหมือนมีตัวไรไต่ บางคนจับไข้ไปเลย อาการเหล่านี้จะทรงอยู่ไม่เกิน ๒-๓ วัน พอยันต์เข้าตัวหมดก็จะหายไปเอง…

    ผู้ที่ถูกไสยศาสตร์มา ไม่ว่าจะเป็นคุณผี-คุณคน หรืออะไรก็ตาม เมื่อเริ่มทำการเป่ายันต์ฯ ท้าวจาตุมหาราชและบริวารจะช่วยขับของเหล่านั้นออกให้ คนที่โดนของมาจะทั้งดิ้นทั้งร้อง ต้องปล่อยให้สงบไปเอง เลิกดิ้นเลิกร้องเมื่อไร แปลว่าของอาถรรพ์สลายตัวหมดแล้ว…!

    การเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัวด้วย ใครมีวัตถุมงคลไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด หรือ เครื่องรางใด ๆ ก็ตาม เวลาเข้าพิธีให้วางไว้บนตักตัวเอง เสร็จพิธีเป่ายันต์ฯ ก็นำไปใช้ได้เลย…

    การรักษายันต์เกราะเพชรให้อยู่กับตัว ผู้รับยันต์ไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อย ต้องมีศีล ๒ ข้อ คือห้ามกินเหล้า และห้ามลักขโมย ตอนเช้าต้องสวดมนต์ไว้พระ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของท่าน ลงมาเป็นเกราะเพชรคลุมกายเรา ภาวนา “พุทโธ” ให้ใจสบาย แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชร จะคุ้มครองรักษาให้ท่านมีความปลอดภัยทุกประการ…

    ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะมีอานุภาพดังนี้
    ๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
    ๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
    ๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
    ๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะโดนสะท้อนกลับไปเอง


    ผู้รับยันต์ไปเป็นผู้ใหญ่ ถ้ารักษาไว้ด้วยดี เมื่อตายแล้วเผาจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูก สำหรับเด็กในท้อง ถ้าเป็นลูกชายคนหัวปี เมื่อคลอดออกมาจะมียันต์ติดอยู่ตามตัว เป็นลวดลายต่าง ๆ กันไป… ลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคน เมื่อตายแล้วเผา มียันต์ติดที่กระดูก บางคนกระดูกกลายเป็นพระธาตุไปเลย เด็กที่เกิดมามียันต์เกราะเพชรติดตัวเป็นจำนวนมาก บางคนลายเป็นแตงไทย บางคนหูดำทั้งสองข้าง บางคนเป็นรูปยันต์เกราะเพชรอย่างชัดเจน…

    รายหนึ่งอยู่ลพบุรี ผู้เป็นแม่รับยันต์ไปแล้ว ตั้งใจรักษาศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ลูกเกิดมามียันต์เป็นสีแดง และปรากฏขึ้นทุกวันพระ อีกรายมียันต์ติดกระหม่อมเป็นรูปกงจักร ซึ่งลวดลายยันต์เหล่านี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าเนื้อไปอยู่ที่กระดูกจนหมด คุณแม่รายหนึ่งเกรงว่าลูกจะเสียโฉม ให้หมอตำแยเอาเหล้าพ่นพรวดเดียว ยันต์หายวับไปเลย…!

    หลวงพ่อเริ่มเป่ายันต์ฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ที่ ศาลาพระพินิจอักษร คนมารับยันต์หลายพันคน ต้องทำพิธีเป่าอยู่หลายรอบ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ที่ ศาลา ๒ ไร่ ผู้คนแห่กันมาหลายหมื่นคน ศาลา ๒ ไร่ ที่ยังไม่เสร็จดี ต้องเปิดรับคนจนล้นหลายรอบเช่นกัน…

    พอเป่ายันต์ฯ ครั้งที่ ๓ วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๗ ศาลาสองไร่พัง…! ผู้คนแทบจะเหยียบกันตาย มากันเป็นแสน ๆ คน ข้าวที่เคยหุงเลี้ยงคนครั้งที่แล้ว ๒๒ กระสอบ ครั้งนี้แค่ช่วงเช้าหมดไปแล้วเกือบ ๓๐ กระสอบ…!

    มาถึงปัจจุบันนี้ หลวงพ่อทำการเป่ายันต์ไปแล้ว ๑๓ ครั้ง แต่ละครั้งผู้คนมากขึ้นทุกที ขนาดใช้ศาลา ๑๒ ไร่ ยังต้องเป่าถึง ๓ รอบ ผู้ที่โดนไสยศาสตร์มาดิ้นกันศาลาแทบพัง คนที่มาเข้าพิธีเห็นเข้าก็ช่วยบอกกันต่อ ๆ ไป คนเลยหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน…!

    อาตมาเข้ารับยันต์เกราะเพชรครั้งแรก เกิดไข้จับไปเกือบสามวัน ครั้งที่สองขนลุกเป็นตุ่มพราวไปทั้งตัว เป็นอยู่หลายชั่วโมงจนรู้สึกเจ็บ ครั้งต่อ ๆ มาคงจะอยู่ตัวแล้วจึงไม่รู้สึกอะไร ช่วยจำหน่ายวัตถุมงคลของหลวงพ่ออย่างสบายอกสบายใจ…

    อานุภาพยันต์เกราะเพชรที่พบมา คือ โยมแม่ของอาตมามารับยันต์ไปแล้ว โดนรถชนจนกระดูกหักไปทั้งแถบ ร่างกายยุบไปซีกหนึ่ง นอนห้องไอซียูอยู่ ๑๘ วัน อาตมาถวายสังฆทานให้ล่วงหน้า เพราะคิดว่าตายแน่ ๆ แม้แต่หมอก็คาดเช่นนั้น…

    แต่หลวงพ่อท่านยืนยันว่า คนรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ไม่ตายโหงอย่างแน่นอน และก็เป็นความจริง หลังจากออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวอยู่กับบ้าน และไปให้หมอตรวจประจำทุกอาทิตย์ สามปีให้หลังโยมแม่ก็หายเป็นปกติ แข็งแรงดีทุกประการ…

    อีกรายคือจารุณี สุขสวัสดิ์ ดารายอดนิยมแห่งยุค รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ไปเรือคว่ำหลังหัก แต่ก็รักษาหายเป็นปกติเช่นกัน แสดงว่าผู้รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ รับรองว่าไม่ตายโหงอย่างแน่นอน…

    ส่วนอาตมาเอง โดนงูพิษกัด เพราะไปจับมันเล่น พิษวิ่งขึ้นมาแค่ข้อศอกแล้วกลับลงไปที่ปากแผล ขึ้นลงอยู่ ๓-๔ วาระก็สูญสลายไปเอง อานุภาพยันต์เกราะเพชรป้องกันพิษสัตว์ได้จริง…!

    ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    คลิปวีดีโองานบวงสรวงไหว้ครู (เสาร์ ๕) และเป่ายันต์เกราะเพชร
    ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    ท่านใดดูไม่ได้ให้ดูที่นี่ครับ
    https://youtu.be/CQvBe_FpWUM

    ขอบพระคุณคลิปจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    พระอาจารย์กล่าวถึงหลวงพ่อคูณว่า “หวยหลวงพ่อคูณออกตรง ๆ ๐๔ น่าจะรวยกันครึ่งประเทศเลย ถ้าหากว่ารัฐบาลบอกว่า GDP ขึ้น ขอให้รู้ว่าเป็นฝีมือของหลวงพ่อคูณ ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาลหรอก เห็นเจ้าของแผงจำหน่ายวัตถุมงคลบอกว่า วันหนึ่งขายเหรียญหลวงพ่อคูณได้เป็นพันเหรียญเลย พันเหรียญนี้รับประกันว่าไม่ใช่เหรียญละ ๑๐๐ บาท

    ถนนทุกสายมุ่งสู่พุทธมณฑลขอนแก่น เราจะเห็นว่าบุคคลที่ตั้งใจสร้างความดีจริง ๆ อย่างหลวงพ่อคูณ สิ่งที่ท่านทำเป็นความจริงแท้ออกจากใจ ตั้งใจสงเคราะห์ผู้อื่น ถึงขนาดบอกว่าจะมาเกิดอีกเพื่อสร้างบารมีต่อ อาตมาเคยเข้าไปในห้องของท่าน…ไม่มีอะไรเลย เตียงยังไม่มีเลย ทำไมนิสัยเหมือนอาตมาก็ไม่รู้ ? มีแต่เสื่อปูกับพื้น หมอนใบหนึ่ง ใช้จีวรเป็นผ้าห่ม

    ไปถึงตี ๕ กว่า หลวงพ่อออกมาเดินดูรอบวัด สมัยก่อนเวลาอาตมาไปกิจนิมนต์ทางภาคอีสาน ขนเครื่องสังฆทานกลับมาเป็นคันรถ แวะวัดบ้านไร่ถวายหลวงพ่อคูณต่อ ท่านเอาไปทำประโยชน์แน่นอน เขาเปิดตัวเลขการช่วยเหลือของหลวงพ่อคูณ อาตมายอมรับว่าไม่มีทางทาบท่านได้แม้แต่เสี้ยว หลวงพ่อคูณช่วยสถานที่ต่าง ๆ ไปเป็นเงิน ๖,๐๐๐ กว่าล้านบาท

    พระบ้านนอก ท่านบอกท่านพูดไม่เป็น ท่านเทศน์ไม่เป็น ขอให้ทุกคนตั้งใจรักษาศีลก็พอแล้ว ถึงเวลาก็พูดมึงพูดกู แต่นั่นก็คือน้ำใสใจจริงของท่าน โดยเฉพาะท่านั่งเป็นเอกลักษณ์มาก นั่งยอง ๆ อาตมาอยากจะบอกว่าพระพม่านั่งยอง ๆ กันทั้งบ้านทั้งเมือง…ไม่เป็นเอกลักษณ์ บ้านเรามีหลวงพ่อคูณนั่งยอง ๆ ท่านเดียว…นับเป็นเอกลักษณ์

    อาตมาก็สงสัย ไม่ว่าจะพิธีกรรมทางศาสนาอะไรพระพม่านั่งยองหมด เขาบอกว่านี่แหละคือคำว่า นั่งกระโหย่ง ในภาษาบาลี ส่วนนั่งกระโหย่งในภาษาบาลีของเรา เราถือว่านั่งคุกเข่า ก็เลยกลายเป็นความนิยมที่ต่างกัน ถึงเวลาถ้าเห็นพระพม่าไหว้พระสวดมนต์แล้วนั่งยอง ๆ กันทั้งวัดก็ไม่ต้องแปลกใจ นั่นคือการนั่งที่เขาบอกว่าถูกต้อง ส่วนนั่งคุกเข่าแบบพระไทยนี่ยังไม่ถูกตามบาลี เขาว่าอย่างนั้น”

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ ณ บ้านเติมบุญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -รุ่.jpg

    กำหนดการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๒/๒๕๖๒
    วันเสาร์ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ถึง วันอังคาร ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

    วันเสาร์ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (วันหยุดราชการ)

    เวลา ๐๘.๐๐ น. ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครบวชเนกขัมมะ
    เวลา ๐๘.๓๐ น. พิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๒/๒๕๖๒
    เวลา ๐๙.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงเช้า (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ – สามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๕.๐๐ น. พักผ่อน เที่ยวงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน
    เวลา ๑๖.๓๐ น. ร่วมกันทำความสะอาดวัด
    เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (วันหยุดราชการ)
    เวลา ๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญกรรมฐาน
    เวลา ๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้า
    เวลา ๐๖.๐๐ น. พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมไปใส่บาตรในตลาดได้
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงเช้า (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ – สามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๕.๐๐ น. พักผ่อน เที่ยวงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน
    เวลา ๑๖.๓๐ น. ร่วมกันทำความสะอาดวัด
    เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันจันทร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (ต้องลางาน ๑ วัน)
    เวลา ๐๖.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๐๘.๓๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงเช้า (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุสามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย (เดินจงกรม – ภาวนา)
    เวลา ๑๕.๐๐ น. พักผ่อน เที่ยวงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน
    เวลา ๑๖.๓๐ น. ร่วมกันทำความสะอาดวัด
    เวลา ๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง
    เวลา ๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย

    วันอังคารที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (วันมาฆบูชา หยุดราชการ พระภิกษุสามเณรงดบิณฑบาต)
    เวลา ๐๘.๐๐ น. ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครบวชเนกขัมมะ
    เวลา ๐๘.๓๐ น. พิธีลาศีล ๘ รับศีล ๕ และรับวุฒิบัตรผู้ปฏิบัติธรรม
    เวลา ๐๙.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาวันมาฆบูชา ๑ กัณฑ์
    เวลา ๐๙.๓๐ น. เจริญพระพุทธมนต์วันมาฆบูชา
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ – สามเณรทั้งวัด
    เวลา ๑๒.๓๐ น. พิธีอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรมสัปดาห์วันมาฆบูชา
    เวลา ๑๕.๐๐ น. วางผางประทีป
    เวลา ๑๗.๓๐ น. ตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวงเป็นพุทธบูชา
    เวลา ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำ (รอบเดียว)
    เวลา ๒๐.๐๐ น. เวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา
    เวลา ๒๑.๐๐ น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

    ————————-

    ท่านใดไม่สะดวกแจ้งชื่อที่กระทู้นี้ สามารถแจ้งร่วมบวชเนกขัมมะได้ที่อีเมล์ watthakhanun.com@gmail.com ครับ

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6485
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    เรื่องของความรักชายหญิง บาลีเขาว่า

    “ปุพเพสันนิวาเสนะ ปัจจุปปันนะ หิเตนะ วา
    เอวันตัง ชายะเต เปมัง อุปะลัง วะ ยะโถทะเกฯ”


    มีคนเขาผูกเป็นกลอนแปลไว้ว่า

    เพราะได้เกื้อกูลกันในกาลก่อน เพราะอาทรห่วงใยในชาตินี้
    จึ่งศรรักปักใจในทันที ดั่งวารีเคียงคู่กับอุบล


    ปุพเพสันนิวาเสนะ = เพราะได้เกื้อกูลกันในกาลก่อน
    ปัจจุปปันนะ หิเตนะ วา = เพราะอาทรห่วงใยในชาตินี้
    เอวันตัง ชายะเต เปมัง = จึ่งศรรักปักใจในทันที
    อุปะลัง วะ ยะโถทะเก = ดั่งวารีเคียงคู่กับอุบล

    จริง ๆ แล้วแปลว่า เหมือนกับบัวที่ขาดน้ำไม่ได้ ความหมายเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง ไม่อย่างนั้นบทกลอนจะไม่ลงตัว

    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๒๐.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๒๐ : พรท้าวจาตุมหาราช

    ในฉกามาพจรแห่งมัชฌิมสงสารนั้น ประกอบด้วยสวรรค์ ๖ ชั้นคือ
    ๑. จาตุมหาราชิกา
    ๒. ดาวดึงส์
    ๓. ยามา
    ๔. ดุสิต
    ๕. นิมมานรดี
    ๖. ปรนิมมิตวสวัตดี

    สวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นนี้ จะมีจอมเทพผู้ทรงศักดานุภาพปกครองในแต่ละชั้นนั้น ๆ ศูนย์กลางการปกครองขึ้นกับชั้นดาวดึงส์ มีท้าวโกสีย์สักกเทวราชคือพระอินทร์ เป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งหมด ในที่นี้จะกล่าวถึงชั้นจาตุมหาราชิกาเท่านั้น…

    สวรรค์ชั้นนี้ตั้งอยู่ที่กึ่งกลางเขาพระสุเมรุ (อย่าไปเปิดหาในแผนที่ซะให้ยากเลย หาเจอคงมหัศจรรย์พิลึก…!) ประกอบด้วยมหานครทั้งสี่ทิศ (ไม่ใช่ตลาดสี่มุมเมืองนะจ๊ะ) ล้วนแล้วไปด้วยกำแพงสุวรรณปราการมหึมา (แคะมาซักก้อนก็รวยอื้อแล้ว…)

    บนพื้นนั้นเป็นทองคำทั้งสิ้น (อะไรจะร่ำรวยปานนั้น) เวลาเดินทองคำจะยุบตัวลงไปเป็นรอยเท้า (ทองคำแท้ ๑๐๐% รับรองว่า ไม่ขี้โกงผสมอย่างเด็ดขาด) เมื่อเดินผ่านไปแล้ว พื้นก็จะเต็มเสมอขึ้นเหมือนเก่า (ไม่เคยไปหรอก… “ฝัน” เอาเองจ้ะ…!)

    ในมหานครแต่ละทิศ ประกอบด้วยเทพยดาแต่ละเหล่า มีจอมเทวราชของตนปกครองดังนี้
    ๑. ทิศตะวันออก ปกครองโดยท้าวธตรฐ หรือบางที่เรียกท้าวทศรถ เทวดาเหล่านี้เรียกว่า คนธรรพ์ เปรียบได้กับทหารอากาศของเรา…
    ๒. ทิศใต้ ปกครองโดยท้าววิรุฬหก เทวดาเหล่านี้เรียกว่า กุมภัณฑ์ เปรียบไปแล้วคงเหมือนกับตำรวจของเรา…
    ๓. ทิศตะวันตก ปกครองโดยท้าววิรูปักข์ เทวดาเหล่านี้เรียกว่า นาคา หรือ นาค เปรียบไปคงได้แก่ทหารเรือของเรา…
    ๔. ทิศเหนือ ปกครองโดยท้าวเวสสุวรรณ หรือบางทีเรียกว่า ท้าวกุเวร ปกครองเทวดาเหล่าที่เรียกว่า ยักษ์ เปรียบได้กับทหารบก เพราะมีบทบาทมากที่สุด การปกครองทั้งสี่ทิศนี้ ขึ้นกับท้าวเวสสุวรรณทั้งหมด…

    ในท้าวมหาราชทั้งสี่จะมีมือรอง (คงคล้ายรองผบ.เหล่าทัพ) ที่เรียกว่า “อินทกะ” ทิศละ ๑,๐๐๐ องค์คอยช่วยเหลืออยู่ หากท้าวมหาราชองค์ใดหมดวาระพ้นจากตำแหน่ง ท่านอินทกะทั้งหนึ่งพันองค์ของทิศนั้น ก็จะคัดเลือกองค์ใดองค์หนึ่งที่เหมาะสม ขึ้นมารับตำแหน่งแทน (รับรองว่า ไม่มีใบปลิว หรือบัตรสนเท่ห์โจมตีกันอย่างเด็ดขาด) ส่วนตำแหน่งที่ว่างลง ก็จะเลือกเทวดาชั้นวชิระขึ้นมาแทน…

    เทวดาชั้นจาตุมหาราชนี้ จัดว่าชอบยุ่งกับมนุษย์มากที่สุด (ไม่ใช่ชอบยุ่งโว้ย…ไอ้น้อง…รู้จักคำว่าหน้าที่มั้ย…? ถ้าไม่ใช่หน้าที่ พี่ก็ไม่ “เสือก” หรอก…!) แฮ่..เย็นไว้น่าท่านพี่ แค่ล้อเล่นนิดหน่อย 'โหสิให้น้องเถอะนะพี่นะ…!

    หน้าที่ของเทวดาเหล่านี้คือ ปกครองดูแลโลกมนุษย์ในทิศทั้งสี่ (ก็ทั่วโลกนั่นแหละ แค่นี้ก็ต้องเล่นสำนวนให้เวียนหัวด้วย…) คอยเก็บบัญชีความดีชั่วของมนุษย์จากพระภูมิเจ้าที่ บัญชีความดีส่งให้ปัญจสิกขเทพบุตร บันทึกไว้รายงานต่อพระอินทร์ ส่วนบัญชีความชั่วนั้น สิริคุตมหาอำมาตย์ นายบัญชีใหญ่แห่งเมืองนรกจะเป็นผู้บันทึก (ความจริงไม่ต้องบันทึกให้เสียเวลา เพราะว่าปรากฏขึ้นเองโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว) และหน้าที่หลักคือ รักษาสถานที่สำคัญต่าง ๆ บนโลกมนุษย์ทั้งหมด…

    ใครอยากเกิดเป็นเทวดาชั้นนี้ ต้องฝึกฌานสมาบัติให้ได้ แล้วเวลาตายให้แกล้ง ๆ ลืมเข้าฌาน ก็จะมาเกิดที่นี่ อยากมีรูปร่างสะโอดสะองก็ไปเป็นคนธรรพ์ (พระเอกลิเก) อยากอ้วนม่อต้อเป็นตุ่มต่อขาก็ไปเป็นกุมภัณฑ์ อยากล่ำบึ้กเป็นแรมโบ้ก็ไปเป็นยักษ์ หากเห็นว่าเดินมันจะเมื่อย ขอเลื้อยเล่นเวลาทำงานก็ไปเป็นนาค ความจริงทุกเหล่าต่างก็มีกายทิพย์สวยงาม แต่เวลาทำงานมันก็ต้องแต่งเครื่องแบบกันหน่อย…

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยสงสัยว่า ท้าวมหาราชทั้งสี่มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร…? เห็นแต่รูป ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่ที่เขาวาดไว้ เวลาบวงสรวงหลวงปู่ปานจึงแนะนำให้ขอเชิญพบ ท่านก็มาตามคำเชิญจริง ๆ ซ้ำยังรายงานตัวว่า เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน และให้การสงเคราะห์หลวงพ่อตลอดมา ขนาดอยากฉันผักบุ้งต้มจิ้มน้ำปลาพริก ท่านก็ช่วยหามาให้ แต่ท่านไปเก็บผักบุ้งมาจากไหนก็ไม่รู้ ปล้องใหญ่ขนาดสอดแขนลงไปได้ ยาวเป็นวาเลย ขดมาในชามดินเผาใบโตเท่ากะละมัง น้ำพริกก็เผ็ดน้ำหูน้ำตาเล็ด…อร่อยจริง ๆ ให้ดิ้นตาย…!

    ในงานฉลองวันเกิดหลวงพ่อ ปี ๒๕๒๖ ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ให้พรแก่ลูก ๆ หลวงพ่อถึง ๕ ข้อด้วยกัน อาตมาจำข้อสุดท้ายได้ข้อเดียว คือ “ลูกหลวงพ่อทุกคน บาดเจ็บได้หนักที่สุด แค่เย็บไม่เกิน ๕ เข็ม” อาตมามีนิสัยชอบลุยอยู่แล้ว จึงรับพรใส่เกล้าด้วยความยินดี…

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขึ้นรถทีไรมักสั่งว่า “๑๒๐ เป็นอย่างต่ำ เกินเท่าไหร่ไม่ว่ากัน…!” แหม…มันถึงที่หมายทันใจดีเหลือเกิน ยิ่งได้มือซิ่งประจำตัวคือ มงคล จอมผา ไอ้น้องรักมีแต่เกินไม่มีขาด ขนาดโค้งอันตราย เขาให้ไป ๓๐ กม./ชม. นายแดงเขาใจดี แถมให้ฟรีอีก ๑๐๐ กลายเป็น ๑๓๐ ทิ้งโค้งทีหายวับไปเลย…!

    ครั้งหนึ่งอาตมาป่วยเป็นซีสต์ขนาดลูกปิงปองที่หนังตาขวา ไปผ่าตัดก็เย็บแค่ ๕ เข็ม หลวงตาวัชรชัย (พระวัชรชัย อินทวํโส) ไปผ่าตัดไส้เลื่อนก็เย็บ ๕ เข็มเช่นกัน พรของท่านแน่นอนจริง ๆ…!

    ๑ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    บันทึกเพิ่มเติม หลวงตาวัชรชัยปัจจุบันนี้คือ พระครูภาวนาพิลาศ เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) รองเจ้าคณะอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี

    ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -สักแต่.jpg

    สักแต่เป็นรูปนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ

    ถาม :
    หนูเพิ่งเข้าใจที่ท่านบอกในเรื่องของการยอมรับกฎแห่งกรรม คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนอื่นทำ เป็นไปโดยลีลากรรมเท่านั้น พอเห็นอย่างนี้ ก็ไม่เกิดเป็นการเพ่งโทษ หรือไปว่าร้ายตำหนิใคร เพราะไม่มีใครดีหรือไม่ดีอย่างไร พอเห็นตรงนี้แล้วทำให้เรารู้สึกสงบ ลดความวุ่นวาย เห็นความดับของเหตุนั้น อย่างน้อยหนูก็ยังเห็นและยืนยันได้ในส่วนที่ท่านทำมา
    ตอบ : ชื่นใจ..อาตมาพูดปากเปียกปากแฉะมานาน อย่างน้อยก็มีคนเห็นบ้างแล้ว

    พอวาระสุดท้ายก็ไม่มีใครดีใครชั่ว ทุกคนกำลังเป็นไปตามกรรม ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครให้ตำหนิ ในเมื่อไม่มีใครให้ตำหนิ เราก็ไม่ต้องไปสร้างเวรสร้างกรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กับใคร

    ไปนั่งมองต่อ พอนาน ๆ แล้วจะสนุก บางทีก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว คนอื่นเห็นว่าบ้าชัด ๆ เพราะเหมือนกับว่า ในขณะที่เรานั่งอยู่สบาย ๆ แต่คนอื่นกระโดดโลดเต้นของเขาไป กลายเป็นอะไรที่ตลก ๆ ไป

    ถาม : ในขณะที่คนอื่นมองเห็นว่าสิ่งนี้แปลก เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่เรากลับมองว่าธรรมดาที่เป็นอย่างนั้น เหมือนคนหมดความตื่นเต้นไปเลย
    ตอบ : เมื่อวานบอกไปแล้วว่า ที่แปลกเพราะเรายังไม่เคยเจอ เจอแล้วก็เลิกแปลก

    พอนาน ๆ ไป ความเป็นชายเป็นหญิง เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นวัตถุธาตุสิ่งของก็จะไม่มี จะเห็นเหมือนกันหมด คือ สักแต่เป็นรูป เป็นนาม เป็นธาตุที่สมมติขึ้นมา

    ที่มีจิตวิญญาณครองอาศัยก็แสดงอาการต่าง ๆ ออกไปตามแต่จิตวิญญาณที่ประกอบไปด้วยกรรมมาบงการ ที่ไม่มีจิตวิญญาณก็แสดงธรรมชาติของเขาให้เห็นว่า มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด

    พอเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็จะไม่มีผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ทุกอย่างเป็นเหมือนกันหมด คือสักแต่ว่าเป็นรูปเป็นนาม สักแต่ว่าเป็นธาตุ เมื่อเป็นดังนั้น พวกราคะ โทสะ โมหะ ก็เลยเกิดไม่ได้ เพราะการปรุงแต่งไม่มี ทุกสภาพเหมือนกันหมด

    ไปทำต่ออีกหน่อย ทำ ๆ ไป แล้วโลกนี้จะตีลังกากลับ เพราะเห็นอะไรในมุมที่เราไม่เคยเห็นเยอะแยะ ความเป็นธรรมดาในส่วนที่ปัญญาเรายังไม่ถึง เราก็จะมองข้ามไป พอถึงแล้ว มองเห็นแล้ว ทุกอย่างก็จะปรากฏเด่นชัดขึ้น ทีนี้เราก็ก็เลือกเอา อันนี้เพชร อันนี้พลอย อันไหนราคาแพงสุด เราก็คัดเลือกเอา จะได้ไม่ต้องแบกเยอะ

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพพิธีลงเสาเอกมณฑปหลวงปู่เทพโลกอุดร ณ อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จ.สกลนคร
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุน

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post231694">#post231694” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=231694 #post231694

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...