อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ที่หลวงพ่อเคยพูดว่.jpg

    ถาม : ที่หลวงพ่อเคยพูดว่า ไม่ติดทั้งดีและชั่ว ?
    ตอบ : คุณเคยรู้สึกไหมว่าตัวเราดีแล้ว ? รู้สึกไหมว่าเราดีกว่าคนอื่น ? นั่นแหละ…ติดดีตรงนั้นแหละ ดีกับชั่วเหมือนกับระเบียง ๒ ฝั่ง เรายึดเกาะด้านไหนก็เดินต่อไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

    ถาม : ถ้าเราทำความดีแล้วก็… ?
    ตอบ : ทำความดีสักแต่ว่าทำ ทำแล้วก็แล้วกัน ส่วนจะได้ดีหรือไม่ได้ดี ดีจะตอบแทนหรือไม่ตอบแทน ไม่ต้องไปใส่ใจ เรามีหน้าที่ทำเท่านั้น
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -มารจะช.jpg

    อยู่ในกรอบของศีล มารจะชักจูงได้ยาก

    ถาม :
    อยากถามว่า มารอยู่ภพภูมิไหน ?
    ตอบ : มารอยู่ภพภูมิที่สูงกว่าเทวดาอีก พระพุทธเจ้าท่านจะจัดเอาไว้ว่า เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมมุนา วา เทวดาก็ดี มารก็ดี พรหมก็ดี ท่านจะเอ่ยชื่อมารในลักษณะสูงกว่าเทวดาอยู่ตลอด เพราะว่ามารจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๖ เรียกว่า ปรนิมมิตวสวัสตี ซึ่งจะแบ่งเป็นสองเขต เขตหนึ่งเป็นเขตของเทวดา อีกเขตหนึ่งเป็นเขตของมารเขา

    ถาม : เขามีหน้าที่คอยขวาง ?
    ตอบ : นั่นเป็นงานเขา เหมือนกับงานของนักการเมือง แต่ไม่ใช่งานที่สร้างความเจริญ เป็นงานที่สร้างความล่มจม

    ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างว่า อันไหนคือมาร ?
    ตอบ : สร้างสติ สมาธิ ให้มาก ๆ ถ้าสติ สมาธิ ทรงตัว ปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีล ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากกรอบของศีล ตราบนั้นเขาจะชักจูงเราได้ยาก แค่มีศีล ๕ ที่มั่นคงก็พอแล้ว

    ถ้าหากว่าเรามีศีล ๕ อยู่ ถึงเวลาเขาทำให้เราบันดาลโทสะ เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีล เราก็ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฆ่าใคร ถ้าหากว่าเขาทำให้เราเกิดความโลภ เราอยากได้ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็หามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมโดยไม่ผิดศีล ถึงเวลาเขาตั้งใจให้เราไปแย่งคนรักคนอื่นเขา เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นผิด ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่ทำ

    ถ้าเรามีศีลเป็นเกราะ มารจะชักนำเราได้น้อยมาก อย่างดีเขาก็แค่ทำให้เราคิดได้ บังคับให้เราพูดได้ แต่บังคับให้เราทำไม่ได้ แล้วถ้าหากว่าคำพูดที่เป็นตัวมุสาวาท คือ โกหก เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีลอยู่ เราจะไม่พูดโกหก เขาก็จะบังคับเราไม่ได้ด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง

    พอไปถึงจุดหนึ่ง เราจะเห็นคุณค่าของเขาเองว่า เขามีคุณูปการอย่างมหาศาล คุณูปการนั้นคือ ถ้าไม่มีการทดสอบจากเขา กำลังใจของเราก็จะไม่มั่นคงเร็ว จะไม่แข็งแกร่งเร็ว ดังนั้น ถึงได้บอกว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่เขาเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา

    เพียงแต่ว่าเราจะสามารถทำข้อสอบของครูท่านนี้ไหวไหม ? พอก้าวข้ามตรงจุดนี้ไป ก็เหมือนกับว่าโลกตีลังกากลับ คือสิ่งที่เราไม่เคยเห็นความดี ก็จะเห็นความดีของเขา ทุกอย่างรอบข้างเป็นครูเราหมด คนทำให้เราโกรธก็เป็นครูที่ดีของเรา เพราะทำให้เรารู้ว่า จริง ๆ แล้วอารมณ์ใจของเรายังห่วยแตก ยังใช้ไม่ได้ คนที่ทำให้เราเกิดโลภ ก็ทำให้เรารู้ว่าเรายังใช้ไม่ได้ ยังต้องระมัดระวังมากกว่านี้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อยากดีเกินไปก็ฟุ้งซ่านได้ง่าย แล้วพาให้หลงทางได้ง่ายด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว พวกเราชอบทางลัด ขาดความอดทน ขาดความพากเพียร ถ้ามีข่าวว่าที่ไหนทำให้เราบรรลุได้ง่าย แหม…ตะเกียกตะกายไปทันที ในเมื่อเราขาดความอดทน ขาดความพากเพียร ชอบทางลัด ชอบในสิ่งที่ง่าย ก็โดนหลอกได้ง่ายด้วย เขารู้จุดอ่อน เขาจะใช้ตรงนี้มาหลอกเรา

    มีโยมบางคน ไปบางสำนักที่เขารู้ ๆ อยู่ว่า การปฏิบัติไม่ถูกต้องตามแนวทาง แต่ว่าอาจจะเป็นวาระกรรมของเขาด้วย แล้วไปหลงหัวปักหัวปำอยู่ตรงนั้น เขาให้คำชมเชย ให้คำเยินยอหน่อย ก็ไปหลงยึดติดอยู่ตรงนั้น ทำให้เกิดโทษใหญ่ก็คือ เหมือนกับไปเป็นมือเป็นเท้า ช่วยให้เขาเผยแผ่ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    ปัจจุบันนักปฏิบัติที่มาสายพระโพธิสัตว์ มีมากต่อมากด้วยกัน อย่างพระที่นิมนต์มางานวันแม่ นั่นก็พระโพธิสัตว์เกินครึ่ง เราจะเห็นว่าบางท่านเนี้ยบเลย แต่จริง ๆ แล้วมาสายพระโพธิสัตว์ ต้องการจะเกิดเป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้าอีกไกล ในเมื่อเป็นดังนั้น..โอกาสที่ท่านจะสอนเพื่อมรรคเพื่อผลก็ไม่มี แล้วท่านก็อาจจะพาเราไปทำงาน ในลักษณะที่สร้างบารมีของท่าน กลายเป็นเราเสียเวลาล่าช้าไปอีก

    ฉะนั้น..พิจารณาให้ดี ๆ ไม่ว่าครูบาอาจารย์ที่ไหนก็ตาม ท่านก็เป็นได้แต่เพียงผู้บอก จะได้ดีหรือไม่ได้ดีอยู่ที่เราทำกันเอง การทำด้วยตัวเองก็ต้องมีความพากเพียร ความอดทน ค่อย ๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย ผิดพลาดไม่ต้องไปเสียใจ ไม่ต้องไปเสียดาย ให้เริ่มต้นทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียใหม่ในทันที พอทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วจะมีความคล่องตัว รู้เท่าทันกิเลสได้มากขึ้น เอาชนะเขาได้บ่อยครั้งขึ้น ก็จะสั่งสมให้เกิดความมั่นใจขึ้นมา

    แต่ว่าบางทีก็มั่นใจจนเกินเหตุ จึงโดนเขาหลอกจนหลงทาง การปฏิบัติทุกระดับชั้น ต้องมีการประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลา ที่พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่า วิมังสา ไตร่ตรองทบทวนด้วยตนเอง อย่างเมื่อคืนให้ประเมินผลงานในรอบ ๑ ปี (ช่วงทำกรรมฐาน) ให้ตรวจตัวเองแบบยุติธรรม ไม่ใช่ตรวจการบ้านเองโดยให้คะแนนเยอะ ๆ เกรดเอยังไม่พอ…ให้เอบวกไปเลย เกรดเอบวกนี่ไม่รู้จะให้ที่ไหน เพราะเกินตำรา..

    จริง ๆ แล้วไม่มีหน้าที่อะไรสำคัญกว่าการดูใจตัวเอง แก้ที่ใจตัวเอง ถ้าเราดูกำลังใจตัวเอง เห็นมีสิ่งไม่ดีอยู่ก็ขับไล่ออกไป แล้วก็คอยระมัดระวัง อย่าให้กลับเข้ามาใหม่ ถ้าไม่มีความดี ก็สร้างความดีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าทำแค่นี้งานจะเหลือน้อย ไม่เหนื่อยมากด้วย แต่ว่าถ้าเผลอเมื่อไรก็โดนหลอกให้ไปไกลอยู่เรื่อย

    ถาม : เป็นเพราะประมาท ?
    ตอบ : เราไม่ได้ประมาทอย่างเดียว เราขาดปัญญาด้วย คนประมาทบางทียังรู้ทัน แต่นี่ถูกพาไปไกลลิบโลกเลยยังไม่รู้ตัว เคยมีภาษิตจีนเขาบอกว่า โดนเขาขายแล้วยังไม่รู้ตัว ยังไปช่วยเขานับเงินอีก เวลามารเขาหลอก…เขาไม่ปรานีเราหรอก
    ………………………………
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๒๑.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๒๑ : ปัตตานุโมทนามัย

    ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือหนทางแห่งการทำบุญ ๑๐ ประการ ได้บอกวิธีทำบุญทั้งสิบอย่างไว้ดังนี้…

    ๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน
    ๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
    ๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการภาวนา
    ๔. อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน
    ๕. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยเหลืองานบุญผู้อื่น
    ๖. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้อื่น
    ๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการยินดีในผลบุญของผู้อื่น
    ๘. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
    ๙. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการสอนธรรม
    ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ บุญสำเร็จด้วยการมีความเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

    โอ๊ย…! เวียนหัว…มีใครจำได้หมดไหมนี่..? ถ้าไม่ชอบของยากจะอ่านข้าม ๆ ไปก็ได้ ในบุญทั้ง ๑๐ อย่างที่ว่ามา การโมทนาบุญคนอื่นน่าจะทำได้ง่ายที่สุด แต่ถ้าลองทำดูแล้วจะทราบว่า มันยากเย็นเข็ญใจเหลือกำลัง เพราะลึก ๆ ในใจแล้ว เรามักมีความอิจฉาริษยาซ่อนอยู่ เหมือนที่หลวงวิจิตรวาทการท่านกล่าวไว้ว่า… “อันที่จริงคนเขาอยากเห็นเราดี แต่เราเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้”

    การโมทนาบุญคนอื่นนั้น เจ้าของบุญเขาได้ดีเพียงไร ผู้โมทนาก็จะได้อย่างนั้นด้วย ตัวอย่างคือพระนางพิมพาราชเทวี ตามโมทนาผลบุญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาทุกชาติ ชาติสุดท้ายพระพุทธเจ้าบรรลุมรรคผล พระนางก็บรรลุไปด้วย…

    ผลบุญชนิดเดียวที่ผู้รับไม่ต้องโมทนาก็ได้รับ จัดเป็นผลบุญที่พิเศษจริง ๆ คือบุญจากการบรรพชาอุปสมบท กล่าวกันว่า แม้ลูกเกิดมาในวันนั้น พ่อแม่ก็แยกทางไป ผู้อื่นเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ถ้าลูกบวชเมื่อไหร่ พ่อแม่จะได้รับส่วนบุญทันที (ง่ายดีจัง…) ส่วนบุญอื่นต้องโมทนาทั้งสิ้น (ถ้าแค่โมทนายังขี้เกียจ ก็อย่าเอามันเลย…!)

    หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยอุทิศส่วนกุศล ให้แก่ผีที่นายนิรยบาลคุมมา พอโมทนาก็พ้นจากการทรมานทุกอย่าง กลายเป็นเทวดาสบายไป นายนิรยบาลเห็นอย่างนั้นก็ขอบ้าง หนีไปเป็นเทวดา ไม่ต้องมาเหนื่อยยากกับการทรมานสัตว์นรกอีก… (เอาเปรียบกันนี่หว่า…!)

    ผู้ที่มีสิทธิ์โมทนาบุญ (ไม่มีชื่อ ไม่มีบัตร ไม่มีสิทธิ์ นะจ๊ะ) นั้นประกอบด้วย เปรต ๑๒ จำพวกที่กรรมเบาบางแล้ว เรียกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต อสุรกายประเภทเทวอสุรา และ เปตติอสุรา สัมภเวสี เทวดาทุกชั้น พรหมทุกชั้น (เว้นอสัญญีสัตตาพรหม และอรูปพรหม ๔ ชั้น) และพระบนนิพพาน (พระบนพระนิพพานถึงโมทนาบุญไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะว่าอยู่เหนือบุญเหนือบาปไปแล้ว) นอกเหนือจากนี้ไม่มีสิทธิ์จ้ะ ต้องรอแก้รัฐธรรมนูญเอ๊ย..ไม่ใช่…รอจนกว่าจะมีสิทธิ์…ฮิ…ฮิ…!

    ผู้ที่โมทนาบุญเขารู้จักเลือก ต้องเป็นการทำบุญที่เป็นบุญจริง ๆ เขาจึงจะโมทนา ถ้าเป็นบุญผสมบาป เขาไม่โมทนาให้โง่หรอก เพราะผลบาปมันจะพาเขาไปทุกข์หนักขึ้น อาตมาเจอมากับตัวเองเลย ตอนนั้นไปงานทำบุญ ๗ วันของแม่ยายแจ๋ว (เด็กที่ร้านค้าในวัด) กำลังสวดมนต์อยู่ดี ๆ แม่ยายแจ๋วก็เดินเข้ามาหา (อย่าลืมว่าแกตายแล้วนะ…แฮ่…) มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ขอส่วนกุศลเลย อาตมาบอกว่า เขากำลังทำบุญให้ เดี๋ยวโมทนากับลูกหลานก็แล้วกัน ยายผีทีเด็ดตอบว่า “ไก่ที่ท่านจะฉัน มันไม่ได้ตายเองเจ้าค่ะ…!”

    หลวงพ่อท่านไปเจอเทวดาที่หลังวัดคุยกัน หัวหน้าเทวดาถามบริวารว่า “บ้านโน้นเขากำลังมีงานบุญกัน มีใครไปโมทนาบุญกับเขาบ้าง…?” บรรดาลูกน้องทำหน้าเบ้…รายงานว่า “ไม่ไหวหรอกครับ มันเมากันทั้งงาน แถมล้มหมูล้มวัวกันอีกต่างหาก ไม่รับประทานละครับ” …

    อาตมาไปเข้าใจคำว่า โมทนาบุญ ตอนที่พาโยมแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลราชวิถี ขากลับโหนรถเมล์กลับ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ขึ้นรถที่หน้าห้างโรบินสัน ดูท่าทางเธอแล้วสงสารใจจะขาด ถ้ามีที่นั่งอาตมาคงสละให้เธอทันที… ก็พอดี…มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งสละที่นั่งให้แก่เธอ อาตมารู้สึกเย็นวาบเข้าไปในอก มันสว่างไสวไปทั้งโลก…โอหนอ…ขณะที่เราอยากทำบุญใจจะขาดแต่โอกาสไม่เปิดให้ ก็มีท่านผู้ใจบุญ ได้ทำบุญส่วนนั้นแทนเรา…!

    มันชื่นอกชื่นใจบอกไม่ถูก รู้สึกเป็นมิตรกับคนทั้งหมดในโลก อิ่มอกอิ่มใจไปหลายวัน ที่แท้การโมทนาบุญผู้อื่นเป็นสุขเช่นนี้เอง…!

    ๑ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    บันทึกเพิ่มเติม ห้างโรบินสัน ปัจจุบันนี้คือ ห้างแฟชั่นมอลล์

    ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg
    -๑๗-กุมภาพั.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ร่วมกับนายจิรชัย ถนอมวงษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน นายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ผู้นำชุมชนคุณธรรมทุกแห่งในอำเภอทองผาภูมิ พี่น้องชาวมอญ กะเหรี่ยง ม้ง เย้า และไทยอีสาน นำโดยประธานสภาวัฒนธรรมตำบลทุกแห่งในอำเภอทองผาภูมิ จัดขบวนแห่ในพิธีเปิดงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และงานทำบุญให้อดีตเจ้าเมืองกะเหรี่ยงและเจ้าเมืองมอญ ๗ หัวเมือง ตลอดถึงโครงการงานถนนสายวัฒนธรรม จากสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิไปยังวัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทำพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีนางสาวพรพรรณ กลิ่นเกษร ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ตัวแทนวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน นายสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ นายอำเภอทองผาภูมิ เป็นประธานในพิธีเปิด ในการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีนายสมภพ ธีระสานต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้แทนนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี มาร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดการแสดงพระธรรมเทศนาวันมาฆบูชา วัดท่าขนุน วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
    ๐๙.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนาวันมาฆบูชา ๑ กัณฑ์
    ๐๙.๓๐ น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหารสังฆทาน

    และขอเชิญรับชมถ่ายทอดสดงานเวียนเทียนช่วงค่ำ เวลา ๑๙.๔๕ น.

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    live-บรรยากาศการตามประทีป-๑.jpg

    Live บรรยากาศการตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดงานเวียนเทียนวันมาฆบูชา วัดท่าขนุน วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ภาพบรรยากาศการตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ถวายเป็นพุทธบูชา บริเวณลานธรรม วัดท่าขนุน และงานเวียนเทียนวันมาฆบูชา กราบอนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ

    ขอบพระคุณภาพจากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ฉลาดมาก.jpg

    คนที่เรียนมามาก ฉลาดมาก ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่คนที่รู้ว่าอะไรเหมาะอะไรควร รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เอาตัวรอดได้ในสังคมในโลกกว้าง ถือได้ว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จที่น่าสรรเสริญ
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๒๒.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๒๒ : พระบรมสารีริกธาตุอันตรธาน


    ในอันตรธานปริวรรตแห่งปฐมสมโพธิกถา กล่าวถึงการสิ้นสุดของพระพุทธศาสนาว่า ประกอบด้วยการเสื่อมสูญ ๕ อย่างคือ…

    ๑. ปริยัติอันตรธาน เสื่อมสูญจากการศึกษาธรรม
    ๒. ปฏิบัติอันตรธาน เสื่อมสูญจากการปฏิบัติธรรม
    ๓. ปฏิเวธอันตรธาน เสื่อมสูญจากผลของการศีกษา และปฏิบัติธรรม
    ๔. ลิงคอันตรธาน เสื่อมสูญจากเพศของภิกษุ
    ๕. ธาตุอันตรธาน เสื่อมสูญจากพระบรมสารีริกธาตุ

    การเสื่อมสูญแต่ละอย่างนั้นจะทวีมากขึ้นไปตามลำดับ ในท้ายสุดแห่งพระพุทธศาสนา พระบรมสารีริกธาตุทั้งมวลจะมาประชุมรวมกัน เป็นพระรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงพร้อมด้วยฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ…

    รูปพระพุทธนิมิตทรงเทศนาสั่งสอนสัตว์โลกเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืนแล้วอันตรธานไป ปล่อยให้ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกให้สะอาดหมดจดดังเดิม (ใช้ผงซักฟอกยี่ห้อไหนจ๊ะ…? จะขอมาฟอกลูกศิษย์บางคนสักกำมือ…!)

    นั่นเป็นไปตามตำราเขาว่าไว้ อาตมาก็จำขี้ปากเขามาเล่าต่อ จะเท็จจริงประการใด ขอเชิญบรรดาท่านผู้สงสัย อยู่รอดูจนกว่าจะถึงวันนั้น ถึงเวลาก็จะทราบเอง แค่สองพันกว่าปีเท่านั้น นั่งบ้างนอนบ้าง แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว…ฮิ…ฮิ…!

    หลังจากพระมหากัสสปเถรเจ้า เป็นประธานประชุมเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือ พระบรมสารีริกธาตุน้อยใหญ่จำนวน ๘ ทะนานทอง บรรดากษัตริย์ทั้ง ๗ นครต่างยกทัพมา เพื่อขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปบูชา (ยกทัพมานี่มาขอแน่นะ…!)

    นครกุสินาราถึงจะเป็นเมืองเล็ก แต่ไอ้การทำเป็นนักเลงโต ยกทัพมาเบ่งทำท่าขู่กันแบบนี้ ใหญ่เท่าใหญ่ก็ขอลองสักตั้งเถอะน่า แพ้ชนะค่อยว่ากันทีหลัง… (แหม…ถูกใจ…!) ก็ตั้งป้อมสู้ซิ…แน่จริงเข้ามาเลย…ได้ฟัดกันแหลกราญไปข้าง…!

    บังเอิญมีบัณฑิตผู้หนึ่งชื่อว่า “โทณพราหมณ์” เห็นว่าการรบกันนั้น ไม่ใช่วิสัยของพุทธศาสนิกชน จึงเข้ามาไกล่เกลี่ยอาสาเป็นผู้แบ่งปันพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากเสี่ยงต่อการบาดเจ็บล้มตาย เมื่อมีพระเอกมาห้ามทัพแบบนี้ก็ตกลง…

    โทณพราหมณ์เห็นว่า พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเป็นของสำคัญ หากมอบให้ผู้ใดผู้หนึ่งไป ผู้อื่นย่อมไม่พอใจ จึงงุบงิบหยิบซ่อนไว้ในมวยผม แต่ว่า…เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกระดาษยังมีซาลาเปา พระอินทร์เจ้าเก่าเอาพานแก้วมณีมารองรับ เท่ากับโทณพราหมณ์หยิบใส่พานให้ ท่านปู่เลยเอาไปบรรจุไว้ ณ จุฬามณีเจดียสถาน ที่ดาวดึงสเทวโลก…

    ดังนั้น…ในระยะแรก พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายจึงแยกย้ายกันไปใน ๗ พระนคร ต่อมาผู้ที่ทำการสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส พระบรมสารีริกธาตุก็เสด็จไปโปรดท่านผู้นั้น อย่างที่เสด็จมาอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง นับเป็นล้าน ๆ องค์เลยทีเดียว…!

    พระบรมสารีริกธาตุมีรูปพรรณสัณฐานต่าง ๆ กันคือ เหมือนถั่วแตก หรือข้าวสารหัก ยกเว้นพระบรมธาตุสำคัญที่มีรูปร่างเฉพาะ เช่น พระเขี้ยวแก้ว พระอุณหิส พระรากขวัญ เป็นต้น มีสีขาวเหมือนสีสังข์บ้าง ใสเหมือนเพชรบ้าง สีทองแวววาวบ้าง…

    เวลาพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ จะเป็นดวงแสงสีนวลสว่างจ้า เมื่อหลวงปู่ปานพาหลวงพ่อทั้งสามไปธุดงค์ พบพระธาตุเสด็จที่พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และเมื่อไปอยู่ที่วัดประยูรวงศาวาส จังหวัดธนบุรี ก่อนที่สัมพันธมิตรจะมาทิ้งระเบิดที่สะพานพุทธแค่ไม่กี่วัน หลวงพ่อและเพื่อนพระทั้งวัด ตลอดจนชาวบ้านที่ยังไม่ย้ายหนีภัยสงคราม เห็นพระธาตุเสด็จเหนือสะพานพุทธ สว่างจัดมาก ขนาดอยู่ที่วัดประยูรฯ ยังอ่านหนังสือได้เลย…!

    ในงานฉลองวันเกิดหลวงพ่อวัดท่าซุงปี ๒๕๒๖ ท่านเมตตาแจกพระบรมสารีริกธาตุให้ลูก ๆ นำไปบูชา ผู้คนแห่กันไปรับแทบจะเหยียบกันตาย บางคนเพิ่งรับมากับมือแท้ ๆ หายวับไปกับตา อาตมานั่งนวดเท้าให้หลวงปู่มหาอำพันอยู่ เห็นพระธาตุมาตกที่ข้างหน้าหลวงปู่มากมาย เก็บได้เป็นกำ ๆ เลย…!

    คืนหนึ่งอาตมาเห็นพระบรมสารีริกธาตุ สัณฐานเหมือนเม็ดข้าวสารเต็มเม็ดเสด็จมา สว่างไปทั้งท้องฟ้า พุ่งตรงมาที่หิ้งพระในห้องนอน ด้วยความดีใจรีบไปเปิดตลับดู ไม่เห็นมีท่านอยู่ พอไปเปิดตลับของพี่ประสิทธิ์ดู เสด็จมาอยู่ที่นี่เอง…!

    ตอนที่อาตมาปิดฝาตลับนั่นเอง เกิดพลาดทำตลับตกพื้น พระบรมสารีริกธาตุกระจายไปทั้งห้อง และแสดงปาฏิหาริย์หายวับไปซึ่ง ๆ หน้า พื้นเป็นคอนกรีตขัดมันแท้ ๆ จะหาร่องหารูที่ไหนก็ไม่มี แต่ท่านมุดดินหายไปเฉย ๆ…!

    ต่อมาอาตมาได้พระบรมสารีริกธาตุมาอีก ๒-๓ พันองค์ แบ่งถวายหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการามไปจนหมด พอได้มาอีกเมื่อไร ถูกญาติโยมขอหมดทุกที ยังไม่ทันสิ้นศาสนาเลย หายหมดเกลี้ยงซะแล้ว…!

    ๒ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การปฏิบัติธรรมของเราที่ปฏิบัติในแต่ละวัน กำลังที่สะสมอยู่ สังเกตได้ว่าหลังจากการนั่งกรรมฐาน พออาตมาขานชื่อแล้วคนไม่ค่อยอยากรับกัน เพราะกำลังจากการปฏิบัติยังคุมตัวเองอยู่ เหมือนกับคนปากหนัก คิดช้า ไม่อยากพูด ไม่อยากคุยกับใคร นั่นคือกำลังของสมาธิที่ช่วยให้เราต่อต้านรัก โลภ โกรธ หลงได้ แต่เราเอากำลังนั้นไปนั่งเขี่ยจอไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัวก็ครึ่งคืนผ่านไป กำลังที่เราสะสมได้ก็หมด ก็เลยสู้กิเลสไม่ได้สักที กลายเป็นว่าทุกวันเราทำแล้ว เราก็ใช้แบบล้างผลาญไปเรื่อย เหมือนกับตำข้าวสารกรอกหม้อ ถึงเวลาต้องการจะหุงข้าวก็วิ่งไปตำ ได้มาแค่พอกินมื้อนี้ ดีไม่ดีก็ได้ไม่พอด้วย มื้อหน้าก็ต้องวิ่งไปตำใหม่อีก

    แล้วเรื่องที่เราปฏิบัติมา จริง ๆ แล้วเพื่อที่เราจะลด ละ และเลิกกิเลสนั้นได้ แต่เราไม่สามารถจะสู้กระแสกิเลสได้ เพราะเราเอากำลังไปใช้ผิด ๆ เรานั่งเล่นคอมพิวเตอร์หรือนั่งเขี่ยจออยู่ตั้งครึ่งวัน แม้กระทั่งสภาพร่างกายก็ยังทนไม่ไหว แล้วลองคิดดูว่าต้องใช้พลังใจขนาดไหน ที่จะต้องไปฟุ้งซ่านกับเรื่องทั้งหลายเหล่านั้น สิ่งเหล่านี้เป็นจุดรั่ว ที่ทำให้กำลังของเราสั่งสมเท่าไรก็ไม่เพียงพอที่จะสู้กับกิเลส เพราะฉะนั้น..หัดลด เป็นไปได้ก็ละ ถ้าห่างกันนาน ๆ ไม่ได้ก็ลดลงหน่อย ห่างนานได้ก็ละ ถ้าทิ้งได้เลยก็เลิก

    ตกลงว่าอาตมาจะบอกอะไรแก่พวกเรา ? จะบอกว่าทุกวันนี้เราโดนครอบงำด้วยกระแสบริโภคนิยม ไอโฟน ๓ โยนทิ้งไปเลย ไม่ต้องมาคุย ไอโฟน ๔ ตกยุคไปแล้ว ไอโฟน ๕ กำลังจะร่วงไปอีกแล้ว ตอนนี้ซัมซุงกาแลคซี่ออกใหม่อีกแล้ว มีแอพพลิเคชั่นเยอะกว่าเดิม แล้วเงินจะเหลือไหม ? ก็เหมือนกัน เพราะเราเอาเงินไปใช้กับพวกนี้ ขณะเดียวกันเราก็ใช้กำลังสมาธิสมาบัติที่เราบางคนก็ทำได้ดีด้วย ไปใช้กับพวกนี้หมด

    ฉะนั้น..ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าปฏิบัติธรรมเท่าไร ทำไมกิเลสเหมือนเดิม แม้กระทั่งพระของเรา ปฏิบัติไปปฏิบัติธรรมมาก็ “โอ๊ย..! อยากมีเมีย” เพราะกำลังไปสนใจเรื่องอื่นจนหมด แล้วจะเหลือรอดจากกิเลสไปได้อย่างไร ?

    อยากจะบอกพวกเราว่า สิ่งที่เราทำ เราทำมาถูกทางแล้ว แต่เราใช้ไปในทางที่ผิด โดยเฉพาะว่าเราไม่ได้รักษาสมาธิที่เราทำได้เอาไว้ ถึงเวลาเราเลิกแล้วก็เลิกเลย ไม่คอยประคับประคองรักษาอารมณ์ใจเอาไว้ กิเลสก็มาตีเรา เหมือนกับเราว่ายทวนน้ำแล้วปล่อยไหลตามน้ำไป ไม่ได้ระยะทางที่ต้องการสักที
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๒๓.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๒๓ : หวยร้อน ๆ จ้ะ

    คนไทยทุกคนมีสายเลือดการพนันอยู่ในตัว ขนาดเด็ก ๆ ยังเล่นยิงลูกหิน ทอยกอง เป่ากบ ใครแพ้จ่ายมาซะดี ๆ… หัดพนันกันตั้งแต่เล็กแต่น้อย พื้นฐานดีแบบนี้นี่เอง การพนันถึงได้ระบาดไปทุกหัวระแหง ขนาดธุดงค์ไปกลางป่ากลางดง พวกกะเหรี่ยงยังตามขอหวย ถามว่าจะไปเล่นกันที่ไหน…? เขาบอกว่าฝากกันไปแทงข้างนอก ยอดจริง ๆ…!

    คนไทยเราพนันทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้แต่หมากัดกันก็เล่นได้เสียกันแล้ว แต่ที่แพร่หลายที่สุดคือหวย เป็นเหตุให้พระเจ้า ผีสาง เทวดา ตลอดถึงต้นไม้ใบหญ้า เดือดร้อนไปตาม ๆ กัน และเป็นเหตุให้เกิดนักคิดคอมพิวเตอร์ เก็งตัวเลขขายแก่บรรดานักเล่น จนร่ำรวยไปตาม ๆ กัน ขณะที่คนเล่นหมดตูดเหมือนเดิม…! (ให้อาจารย์มาเล่นเองก็เจ๊ง…!)

    ทุกเรือนชานบ้านช่องหายใจเข้าออกเป็นแต่หวย ทุกวันหวยออก ระบบต่าง ๆ แทบจะชะงักงันไปทั่วประเทศ เพราะผู้คนมัวแต่ไปเฝ้าอยู่หน้าวิทยุ คอยลุ้นตัวเลขของตนอย่างเคร่งเครียด พอหวยออกก็หงอยเป็นไก่ชนแพ้ แต่ไม่มีเสียล่ะที่ความหวังจะสิ้น งวดหน้าแก้ตัวใหม่ ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง เป็นหนี้เป็นสินอีรุงตุงนัง บ้านแตกสาแหรกขาดมานักต่อนักแล้ว…!

    ที่พึ่งของลูกช้างนักเล่นหวย ได้แก่บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สารพัด ซึ่งบางอย่างไม่รู้ไม่เห็นด้วยซักนิด ก็ถูกตีเป็นหวยไปหมด ของแปลก ๆ พิลึกกึกกือ อย่างแมวออกลูกเป็นช้าง หมามีหน้าเหมือนลิง กระทั่งจอมปลวกก้อนอิฐก้อนหิน ล้วนกลายเป็นที่พึ่งของบรรดาลูกช้างหน้ามืดทั้งหลาย ถูกบ้างผิดบ้างแล้วแต่เวรแต่กรรม…!

    ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือหลวงปู่ หลวงพ่อ ตามวัดต่าง ๆ นั่นแหละ ไม่เป็นอันกินอันนอนกันล่ะ ยิ่งวันหวยออกยิ่งไปเฝ้ากันแน่นขนัด จะอุจจาระ ปัสสาวะ มันตีเป็นหวยหมด ขนาดปัสสาวะแกมผายลม ยังเอาไปตีเป็นสี่แปด ดันถูกซะอีกแน่ะ…! งวดต่อไปเลยต้องอั้นจนหน้าเขียว เดี๋ยวมันออกซ้ำเจ้ามือจะเดือดร้อน หรือไม่ก็ลูกช้างนั่นแหละ ได้มาเท่าไรจะเอาไปคืนเขาหมด…!

    เรื่องของความบ้ามันพูดยาก ขอให้เห็นพระเป็นรี่เข้ามาขอหวย ไม่ให้ก็โกรธด้วยนะ หาว่าให้หวยไม่เป็นแล้วบวชมาทำไม…? วะ…อาตมาบวชมาเพื่อพระนิพพานโว้ย…ก่อนไปพระนิพพาน ขอเตะปากโยมซะก่อนดีมั้ย…? เจอพระวัดเส้าหลินแบบนี้เข้าเลยเปิดแน่บ…!

    หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พระที่ท่านรู้หวยจริง ๆ มีถมไป เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ หลวงพ่อเขียน วัดสำนักขุนเณร เป็นต้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ใช้ทิพจักขุญาณรู้วาระบุญของคน ว่าคนนี้บุญจะให้ผลท่านจึงให้ ไม่ใช่ให้ส่งเดช การให้ก็มีทั้งการให้ตรง ๆ และใบ้เป็นปริศนาให้ไปคิดเอาเอง…

    หลวงพ่อจง และหลวงพ่อเรื่องนั้น ทั้งให้ตรง ๆ และใบ้เป็นปริศนา หลวงพ่อเขียนท่านเขียนให้ตรง ๆ เลย เคยให้หลวงพ่อมา ๒๐ งวดติดกัน ตั้งแต่รางวัลที่ ๑ ถึงเลขท้าย ๒ ตัว ไม่มีพลาดซักตัวเดียว แต่ท่านห้ามเล่น อยากพิสูจน์ดีนักให้เอาไปดูเฉย ๆ ถ้าอยากได้ไปเล่น งวดต่อไปค่อยไปเอา จนป่านนี้หลวงพ่อยังไม่ได้ไปเอาเลย…!

    หลวงพ่อเขียนสอนวิธีให้หวยแก่หลวงพ่อท่านว่า “คุณมีของดีแล้วใช้ไม่เป็น การให้หวยก็ใช้ทิพจักขุญาณนั่นแหละ” เพียงแต่ใช้ในด้านอนาคตังสญาณ ดูอนาคตว่า งวดไหนเลขจะออกอะไร แล้วใช้อตีตังสญาณบวกกับปัจจุปันนังสญาณ ดูวาระบุญของเขา ถ้าบุญเก่าของเขาจะให้ผล ก็รีบให้ไปเลย…

    ส่วนมากถ้าให้หวยแบบนี้ ต้องจำกัดจำนวนการเล่น ไม่อย่างนั้นเจ้ามือเจ๊ง…! พระก็อาจถึงตาย เพราะว่าเจ้ามือตามมายิงกลิ้งคากุฏิ หรืออย่างที่หลวงพ่อให้ไปตรง ๆ ลืมจำกัดการเล่น หลวงปู่ปานเลยฟาดซะหัวปูดเป็นลอนไปหลายวัน ท่านบอกว่า แบบนี้เท่ากับไปปล้นเขาชัด ๆ… เป็นการละเมิดกฎของกรรมด้วย…!

    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ท่านเป็นราชันย์ในการให้หวยจริง ๆ ให้ติดต่อกันมาหลายสิบปี วิธีเล่นหวยของท่าน หลวงพ่อบอกว่าให้ตามไปเรื่อย ๆ งวดแรกเล่น ๑๐ บาท ถ้าไม่ออก งวดสองเล่น ๒๐ บาท งวดสาม ๓๐ บาท เพิ่มไปเรื่อย ๆ ไม่เกิน ๑๒ งวดออกแน่นอน แต่ถ้าต้องการเร็ว ให้ตัดท้ายไปเล่นตัวเดียว ส่วนมากงวดแรกก็มาเลย…!

    พี่ก้องเกียรติพี่ชายของอาตมา ได้หวยจากหลวงพ่อเนื่องมา ตามแค่สามงวดก็ทิ้ง งวดที่สี่ออกเจ๋ง ๆ สามตัวตรง ๆ แทบจะเขกกบาลตัวเอง โดนไปสองงวดก็เข็ด ไม่ไปขออีกเลย และเป็นที่น่าเสียดายอย่างสุดซึ้งก็คือ เมื่อหลวงพ่อเนื่องมรณภาพแล้ว หลวงพ่อจึงเปิดเผยว่า หลวงพ่อเนื่องเป็นพระอรหันต์…! ขอหวยจนพระอรหันต์ไปพระนิพพานทั้งองค์…!

    ปี ๒๕๒๖ น้ำท่วมมาก ที่อาตมาทำงานอยู่ถูกท่วมหมด เลยต้องเป็นพ่อพวงมาลัย ลอยไปวัดบ้าง บ้านสายลมบ้าง เงินทองร่อยหรอไปทุกที วันหนึ่งที่บ้านสายลม ครูฝึกมารายงานผลการฝึกมโนมยิทธิว่า มีผู้ฝึกได้ ๙๘ คน มีผู้ถามว่า “ออกมั้ยครับ…?” เล่นเอาฮาตึง…หลวงพ่อบอกว่า “เอาอย่างนี้ซิ…๙๘ ลบออกจาก ๓๐๐ เหลือเท่าไหร่…?”

    ทุกคนมัวแต่นิ่ง หลวงพ่อเลยตัดบทว่า “ไอ้ขี้หมา…! แค่นี้ก็คิดไม่ทัน…” แล้วท่านก็ชวนคุยเรื่องอื่น…อาตมาไปหาซื้อเลข ๒๐๒ แม่ค้าคงเห็นเป็นหมูมาชนปังตอ เพราะเป็นเลขที่เพิ่งจะออกไปหยก ๆ เลยยัดเยียดมาให้ซะ ๘ คู่ พอดีเลขออกซ้ำ งวดนั้นฟันมา ๘,๐๐๐ บาท แต่ด้วยความโลภมาก งวดถัดไปเลยเอาไปคืนเจ้ามือหวยเถื่อนซะหมด…!

    การเล่นหวยนั้นติดยิ่งกว่าเฮโรอีน อาตมาเห็นมานักต่อนักแล้ว เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว บอกให้เลิกแต่ไม่ยอมเลิก กู้หนี้ยืมสินเขามาเล่นก็เอา ลูกเมียจะลำบากอย่างไร ข้าไม่สน…! ขอให้ได้ลุ้นตัวโก่งวันหวยออกเป็นใช้ได้…

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า หนทางแห่งความฉิบหายคืออบายมุข นั้นประกอบด้วย
    ๑. ดื่มน้ำเมา
    ๒. เที่ยวกลางคืน
    ๓. เที่ยวดูการละเล่น
    ๔. เล่นการพนัน
    ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร
    ๖. เกียจคร้านการทำงาน


    การพนันนั้น อาตมายังไม่เคยเห็นใครรวยเพราะมันซักรายเดียว มันเป็นเงินอาถรรพ์ ได้มาแล้วต้องหมดไปทุกที ไม่เห็นมีใครเก็บไว้ได้เลย ในที่สุดเรือนชานบ้านช่อง ตลอดถึงทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ฉิบหายวายวอดไปกับการพนัน จนกล่าวกันว่า “โจรปล้น ๑๐ ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว แต่ไฟไหม้ ๑๐ ครั้ง ไม่เท่ากับการเล่นการพนัน” มันมีแต่หมดกับหมด…!

    อาตมากราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า “เล่นหวยผิดศีลไหมครับ…?” ท่านเมตตาตอบว่า “ไม่ผิดหรอกลูก แต่…มันร้อน…!” อาตมาได้ฟังถึงกับสะดุ้งเฮือก…ใช่…มันร้อนจริง ๆ ยิ่งวันหวยออกด้วยแล้ว มันร้อนรุ่มกระวนกระวาย อยากจะรู้ผลเร็ว ๆ รอแล้วรออีก เมื่อไรจะประกาศผลซักที คิดฝันไปล่วงหน้าสารพัด ว่าถ้ารวยแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรดี…?

    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อชี้ทางสว่างให้แล้ว ถ้าไม่เดินก็โง่เต็มที อาตมาจึงหย่ากับหวยอย่างเด็ดขาด กองสลากขาดลูกค้าที่ดีไปหนึ่งราย พอ ๆ กับพญามารที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธา “ไม่น่ารู้ตัวเล้ย…กำลังจะดึงมันลงนรกทั้งเป็นอยู่ทีเดียว…!”

    ๒ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๗-ปี-ที่พระอาจารย์ไ.jpg

    กว่า ๗ ปี ที่พระอาจารย์ได้ริเริ่มโครงการสร้างพระพุทธรูปทองคำ
    เพื่อให้พวกเราได้สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่แก่ตนเอง
    บัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำโครงการนี้ให้สำเร็จ
    และเป็นสักขีพยานในการบังเกิดขึ้นของพระพุทธรูปทองคำเพื่อประดิษฐานในพระพุทธศาสนาสืบไป
    ขอเชิญร่วมงานหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ฉลอง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๒๐ น.
    ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    ท่านที่อยู่ไกลหรือไม่สะดวกเดินทาง สามารถรับชมถ่ายทอดสดได้ทาง
    Facebook: watthakhanun (www.facebook.com/watthakhanun) หรือ
    YouTube: Sapanboon (www.youtube.com/channel/UCgkHL4DqAHM4mSyTGesp5OA)

    เริ่มถ่ายทอดสดเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป

    ท่านใดจะร่วมบุญกับทางวัดท่าขนุน ให้โอนปัจจัยเข้าบัญชีข้างล่างนี้นะครับ

    ธนาคารกรุงไทย สาขาทองผาภูมิ
    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ ๗๑๘ – ๐ – ๒๔๔๖๑ – ๙
    ชื่อบัญชี วัดท่าขนุน


    ขอบพระคุณวิดีโอจากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต
    ตัดต่อวิดีโอโดย : Pixel Group บริการถ่ายภาพ

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    กราบขออนุญาตแจ้งข่าวถึงทุกท่านที่สมัครอุปสมบทหมู่ฉลอง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.

    วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ พี่ทิดกวางนัดซ้อมขานนาคที่บ้านเติมบุญ ชั้น ๑ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป (กรุณามาก่อนเวลา)

    มาได้ท้ัง ๑๐๘ ท่านเลยนะครับ ทั้งนี้พี่ทิดกวางจะนำอาหารมาเลี้ยงน้อง ๆ จึงขอทราบจำนวนครับ เบื้องต้น ผมสรุปได้ ๕๒ คนแล้ว หากมีท่านใดตกหล่น กรุณาแจ้งผม “ด่วน” ทางข้อความส่วนตัว (ส่งถึง “ชยาคมน์”) ในเว็บวัดท่าขนุน

    ท่านตรวจสอบรายชื่อได้ที่นี่ครับ https://docs.google.com/spreadsheets…it?usp=sharing ขอบคุณครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -การบรรลุธรรมนี้จะก.jpg

    ถาม : การบรรลุธรรมนี้จะกำหนดได้หรือไม่ว่าจะสำเร็จขั้นไหน ๆ ?
    ตอบ : คงจะยาก ยกเว้นว่าคุณทำอธิษฐานบารมีมา ตัวอธิษฐานบารมีจะทำให้กำลังใจของเราปักมั่นอยู่ในจุดนั้น มีโอกาสเหมือนกัน อย่างเช่นว่า เราตั้งใจจะเป็นแค่พระโสดาบัน ถ้าหากว่าเรามาแค่นั้น ตัวอธิษฐานบารมีหมดลง จะทำให้ความมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้าต่อน้อยลงไป ก็อาจจะได้แค่พระโสดาบัน ส่วนอื่น ๆ เราต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้ากันต่อ

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงแนะนำว่า ตั้งใจให้ถึงยอดสุดไปเลย ตั้งใจเอาพระอรหันต์เข้าพระนิพพานไปเลย เหมือนกับเราปีนต้นไม้ ตั้งใจจะขึ้นถึงยอดก็ต้องตะเกียกตะกายเต็มที่ ต่อให้ไม่ถึงยอดก็ยังได้สูงมากอยู่ แต่ถ้าหากเราตั้งใจจะขึ้นแค่ครึ่งต้น พอตะกายไปหน่อยหมดกำลังใจ ก็จะได้ไม่ถึงครึ่งต้นตามที่ต้องการ
    ………………………………

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๒๔.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๒๔ : อาถรรพ์กว๊านพะเยา

    ดินแดนอาถรรพ์นั้นมีอยู่แทบทุกมุมโลก ในขณะที่วิทยาการของมนุษย์ก้าวหน้าถึงขนาดเดินทางไปดวงจันทร์ ปล่อยยานอวกาศไปสำรวจดวงดาวต่าง ๆ แต่มนุษย์ก็ไม่อาจไขปริศนาดำมืดตามมุมต่าง ๆ ของโลก ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ได้สำเร็จ…

    ป่าดงดิบแห่งลุ่มน้ำอเมซอน ยังคงแฝงเร้นด้วยตำนานลึกลับ ไม่ว่าจะเป็นงูยักษ์มหึมาที่เรียกว่าอะนาคอนดา หรือเมืองแม่หม้าย ที่มีแต่หญิงสาวล้วน ๆ ทำการรบอย่างห้าวหาญไม่แพ้ผู้ชาย เป็นเพียงบันทึกและคำบอกเล่าที่ไร้หลักฐานยืนยัน…

    เทือกเขาหิมาลัยประกอบด้วยยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก สูงสลับซับซ้อน ปกคลุมด้วยหิมะชั่วนาตาปี ซ่อนเร้นเรื่องราวของมนุษย์หิมะ ฤๅษีผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา และภูติเทพ สารพัดตามความเชื่อของชาวพื้นเมือง ก็ยังเป็นดินแดนลึกลับตลอดกาล…

    ป่าดงดิบแห่งดินแดนกาฬทวีป มีเรื่องของมนุษย์ตัวจิ๋วเผ่าปิ๊กมี่ ที่ตัวนิดเดียวแต่ชอบกินช้างเป็นชีวิตจิตใจ สัตว์ป่าจำนวนมหาศาล มนุษย์เผ่าแปลก ๆ สัตว์ป่าพันธุ์ประหลาด ๆ เล่าขานกันต่อ ๆ มา ท้าทายนักพิสูจน์เป็นอย่างยิ่ง…

    ป่าดงดิบเขตแดนไทย-พม่า มีเมืองหลงสำรวจ นักล่าหัวมนุษย์เผ่าละว้า เสือโคร่งดำขนาดมหึมา จระเข้มหายักษ์ที่เรียกว่าตะโขง พระผู้ทรงอภิญญาจำนวนมาก ยังคงพ้นจากสายตาของโลกภายนอกตลอดมา…

    เรื่องราวของเมืองลับแล ดินแดนชาวบังบดผู้เป็นมนุษย์กึ่งเทพ… แก่งหลี่ผี มหาสีทันดร ที่กลืนทุกชีวิตที่ล่วงล้ำเข้าไป… ดงพญาไฟ ป่าดงดิบมหากาฬที่น้อยคนจะรอดมาได้… เมืองพญานาคใต้ลำน้ำโขง… เป็นแค่เรื่องเล่าปากต่อปากสืบ ๆ กันมา…

    มีเรื่องอยู่ ๔ ประการ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า อย่าไปค้นหาสาเหตุเลย จะเสียเวลาทำความดีไปเปล่า ๆ คือ…

    ๑. พุทธวิสัย ความสามารถของพระพุทธเจ้า อย่างน้อย ๔ อสงไขย ๑ แสนมหากัปที่บำเพ็ญบารมีมา สิ่งที่พระองค์ทำได้ย่อมเกินกว่าคนทั่วไปจะคาดคิดถึง…
    ๒. ฌานวิสัย ความสามารถของผู้ทรงอภิญญาสมาบัติ การเหาะเหินเดินอากาศ มุดน้ำ ดำดิน ท่องนรกเที่ยวสวรรค์ ถ้าเราทำไม่ได้ คิดไปก็หัวหงอกเปล่า ๆ …
    ๓. กรรมวิบาก ผลแห่งกรรมที่ตนทำมา นำพาให้ร่ำรวย ยากจน มีอำนาจ ด้อยวาสนา สวยงาม อัปลักษณ์ คิดให้ตายก็คิดไม่ออกว่า เหตุใดกรรมจึงปรุงแต่งได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น…
    ๔. โลกจิณไตย ความพิสดารของสิ่งต่าง ๆ ในโลก ถ้าดั้นด้นไปค้นหาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เกิดใหม่อีกหลายชาติก็ไม่แน่ว่าจะหาพบ…

    หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า สมัยยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ ตอนกลางคืนชอบไปเรือนท่านย่า ฟังท่านเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง วันหนึ่งระหว่างเดินทาง ไปพบหมู่บ้านประหลาดหมู่หนึ่งมาคั่นกลางอยู่ พอเดินไปถึงเรือนท่านย่า จึงถามว่าบ้านใคร…? ท่านย่ายืนยันว่า ไม่มีบ้านใครอยู่ระหว่างทางอย่างเด็ดขาด พอหลวงพ่อเดินทางกลับ ก็ไม่พบหมู่บ้านนั้นเสียแล้ว ไม่ทราบว่าหายไปทางไหน หลวงพ่อบอกว่า คงเป็นเมืองลับแลที่เขาเล่าลือกัน เสียดายว่าตอนนั้นไม่ได้คิดสงสัย ไม่อย่างนั้นจะลองเข้าไปในหมู่บ้านนั้นดู…!

    ลูกศิษย์ของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พบเห็นชาวเมืองลับแลออกมาทำบุญกับหลวงปู่ทุกวันพระใหญ่ มีที่สังเกตคือ พวกเขาจะมีกล้วยน้ำว้ามาทำบุญ กล้วยของเขาทุกเครือจะมีอย่างน้อย ๑๓ หวี ทุกหวีจะมีอย่างน้อย ๑๖ ผล… เคยมีผู้ติดตามไปหลายหน เพื่อจะได้ทราบว่าพวกเขามาจากไหน แต่พอเดินตามไปได้ไม่นาน ชาวลับแลเหล่านั้นก็หายตัวไปเฉย ๆ ไม่ทราบว่าหายไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่จ้องดูอยู่ทุกอิริยาบถ ชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตา แต่ก็คลาดกันไปทุกที…!

    อาตมาไม่เคยพบดินแดนลับแลขนาดนี้หรอก แต่ที่พบมาก็นับว่าประหลาดอย่างยิ่ง ตอนนั้นอาตมาเดินทางไปทอดกฐินที่เชียงใหม่ คณะที่ไปด้วยกันนั้นส่วนใหญ่จะเมากันเละ ทำความอึดอัดใจแก่อาตมาเป็นอย่างยิ่ง…

    นับว่ายังโชคดีที่ได้พบกับคุณกัลยา (วิริยะ) สินวงศ์ ซึ่งมาคนเดียว เป็นพวกขวางโลกพอกันคือ เขาผิดศีลกันเท่าไรเราก็ไม่ยอมผิดไปด้วย เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อไปรถเสียแทบล้มประดาตายที่เวียงป่าเป้า พวกเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ…

    แวะเที่ยวกว๊านพะเยากันก่อน ปล่อยเขาไปเมากันต่อ เราไปเดินหาที่ถ่ายรูปกัน ทั้งที่ริมกว๊านและภายในกว๊าน พอถ่ายจนเป็นที่พอใจก็เดินทางกลับ ถึงกรุงเทพฯ แล้วเอาฟิล์มไปล้าง ภาพที่ออกมาทำเอางงเป็นไก่ตาแตก…!

    ไม่ว่าเป็นภาพการถวายกฐิน งานเลี้ยงขันโตก สถานที่เที่ยวต่าง ๆ ตลอดถึงริมกว๊าน ล้วนแต่ชัดเจนแจ่มใส แต่ทุกภาพที่ถ่ายภายในกว๊าน ขาวโล่งไปเฉย ๆ ชนิดหาสาเหตุไม่ได้ อาตมากับกัลยาได้แต่มองหน้ากัน มันเป็นเพราะอะไรกันแน่…?

    ภายในกว๊านมีอาถรรพ์อะไร…? สิ่งลี้ลับทักทายหรือไฉน..? ใครบอกได้บ้าง…?

    ๒ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


    บันทึกเพิ่มเติม มาภายหลังเมื่อคุ้นเคยกับพวกลับแลแล้ว จึงทราบว่าพวกเขาก็เป็นคนอย่างเรานี่เอง เพียงแต่ทำความดีไว้มากกว่า ความดีนั้นดีเกินกว่าจะมาอยู่ร่วมกับเรา แต่ไม่เพียงพอที่จะไปเป็นเทวดา จึงต้องเกิดเป็นชาวลับแล

    พวกเขาจะมีอยู่ในทุกมุมโลก เป็นเขตเฉพาะต่างหากออกไป ถ้าไม่ใช่พวกของเขา หรือเป็นบุคคลที่เคยมีกรรมร่วมกับพวกเขาแล้ว จะไม่สามารถเข้าไปในเขตของเขาได้ อาตมาเองได้รับนิมนต์จากหัวหน้าชาวลับแล ให้เข้าไปในเขตของเขา แต่ยังไม่รับปาก เพราะเวลาของเขา ๑ วัน เท่ากับ ๑ ปีของเรา…!

    ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    บุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา

    ถาม :
    อยากทราบว่าบุญที่สามารถส่งเสริมให้เราเข้าถึงธรรมได้ง่าย จะต้องทำบุญอย่างไร ?
    ตอบ : ทาน ศีล ภาวนา สามสิ่งนี้เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระศาสนา

    ท่านบอกว่าบุญกริยาวัตถุ คือ การกระทำที่เป็นบุญ มี ๑๐ ประการ
    ทานมัย การให้ทาน
    สีลมัย การรักษาศีล
    ภาวนามัย การปฏิบัติภาวนา สามอย่างนี้ใหญ่ที่สุด

    ถัดจากนั้นก็เป็น อปจายนมัย คือ การนอบน้อมถ่อมตน
    เวยยาวัจมัย คือ การช่วยเหลืองานบุญของคนอื่นให้สำเร็จลง
    ปัตติทานมัย การทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เขา
    ปัตตานุโมทนามัย เห็นเขาทำดีแล้ว โมทนากับเขา
    ธัมมัสสวนมัย ฟังธรรมแล้วนำไปปฏิบัติ
    ธัมมเทสนามัย ปฏิบัติได้แล้วไปสอนคนอื่นต่อ
    แล้วตัวสุดท้าย ทิฏฐุชุกัมม์ มีความเห็นถูกว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมานั้นถูก เราจะปฏิบัติตาม

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ความกลัวตายมีอยู่ทุกรูปทุกนาม เพียงแต่ว่ากลัวอย่างมีสติหรือกลัวอย่างขาดสติ เพราะฉะนั้น..เราต้องสร้างสติของเราให้มั่นคง ที่ท่านสอนให้ภาวนาก็เพื่อจุดนี้ พอสติมั่นคง ความกลัวยังมีอยู่ แต่ว่าพร้อมที่จะตาย ในเมื่อแก้ไขทุกวิถีทางแล้วไม่สามารถที่จะแก้ได้ เราก็รู้ว่าตายแล้วไปดี เพราะสติสมบูรณ์เกาะความดีอยู่นั่นเอง
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...