อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๒.๐๐ น. นายสมภพ ธีระสานต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ประธานจัดงานอนุรักษ์ของดีบ้านฉันกาญจนบุรี ถวายการต้อนรับพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ที่เดินทางมาให้กำลังใจกับทีมงาน และมอบรางวัลให้กับนักแสดงในงาน ณ TMK Supermall ถนนแสงชูโต ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ทางสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ได้ส่งชุดการแสดง “ตรีลีลาอารยชน” เข้าร่วมแสดงในงาน สร้างความคึกคักให้กับงานเป็นอย่างมาก และได้ตรวจเยี่ยมการออกร้านของพระครูวินัยธร ยุคลธรณ์ ธมฺมปุตฺโต เจ้าสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ ที่นำสมุนไพรแปรรูปมาจำหน่ายในงานด้วย

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพพิธีเททองหล่อหลวงพ่อทองคำ (สมเด็จองค์ปฐมทองคำ) หน้าตัก ๑๙ นิ้ว ทรงเครื่อง ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุน

    สรุปงานหล่อหลวงพ่อทองคำ วัดท่าขนุน

    ทองคำเหลือจากการหล่อพระ ๒๔.๐๕๘ กิโลกรัม
    เศษทองและกรอบพระ ๐.๕๒๕ กิโลกรัม
    ทองคำแท่ง – ทองคำแผ่น ๖.๒๗๕ กิโลกรัม
    ทองรูปพรรณ ๒.๔๑๙ กิโลกรัม
    และสัพเพเหระที่แทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นอะไร มีทั้งทองเคทองชุบ เงินชุบทอง เงิน สแตนเลส พระเลี่ยมทอง แหวนหัวพลอย ฯลฯ อีกส่วนหนึ่ง
    รวมแล้วเฉพาะทองคำที่ถวายช่วงเช้าก่อนหล่อพระ เกือบ ๑๐ กิโลกรัม
    เงินโอนเข้าบัญชีวันที่ ๕ – ๙ มีนาคม ๒๕๖๒ รวมทั้งสิ้น ๒๖๘,๑๐๑.๖๒ บาท

    ขอกราบอนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post232652">#post232652” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=232652 #post232652

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg
    -๑๐-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๘.๑๙ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระมหาอุดร สุทฺธิญาโณ ป.ธ.๙, ดร. เจ้าอาวาสวัดภาณุรังษี มาร่วมงานหล่อหลวงพ่อแต้ม (พระประธานวัดภาณุรังษี) และพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ร่วมกับพระครูวิมุตติธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อสำรอง กวิวํโส) วัดวิมุตยาราม และพระครูปฐมวราจารย์ (หลวงพ่ออวยพร ฐิติญาโณ) วัดดอนยายหอม ณ มณฑลพิธีวัดภาณุรังษี ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย ๗๕ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๐.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๐ : ยาอมแก้ปากไว

    ในศีล ๕ อันประกอบด้วย ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามพูดปดมดเท็จ และห้ามดื่มสุราเมรัยนั้น หากไปถามบุคคลทั่วไปว่า ศีลข้อไหนที่รักษายากที่สุด ร้อยละเก้าสิบต้องตอบว่า ข้อสี่..ห้ามพูดปด..รักษายากที่สุด…!

    แล้วถ้ากล่าวถึงกรรมบถ ๑๐ ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เพราะประกอบด้วยข้อห้ามทางกาย ๓ ข้อ คือ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามประพฤติผิดในกาม เช่นเดียวกับศีล ๕ แต่มีข้อห้ามทางวาจาเพิ่มเป็น ๔ ข้อ คือ

    ๑. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดปดมดเท็จ
    ๒. ผรุสวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดคำหยาบคาย
    ๓. ปิสุณาวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดส่อเสียด
    ๔. สัมผัปปลาปวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

    และข้อห้ามทางใจอีก ๓ ข้อ คือ ไม่โลภอยากได้จนเกินพอดี ไม่โกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทใคร และเชื่อตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ออกนอกลู่นอกทาง…

    ทุกคนจะไปร้องอู้เอาตรงวจีกรรมทั้ง ๔ ข้อนั่นแหละ เพราะคนเรามักปากไว พูดไปแล้วจึงคิดได้ว่าผิดศีลเสียแล้ว (แสดงว่าโกหกจนชำนาญ) บางทีด่าไปแล้วสามวัน จึงนึกได้ว่านี่เราด่าเขาไปแล้วนี่หว่า…… (เจริญเนอะ….ยังดีที่นึกได้…!)

    แล้วไอ้การพูดส่อเสียดนั่นน่ะ…บางคนถือเป็นของว่างหลังอาหารเลยเชียว ถ้าไม่ได้พูดจายุแหย่ชาวบ้านเขาวันใด รู้สึกว่าจะท้องขึ้นท้องเฟ้อ กินไม่ได้ถ่ายไม่ออก คงเป็นปลาหมอตายเพราะปาก แบบนางปิสุณาวาทีเข้าซักวัน…!

    อันว่านางปิสุณาวาทีนั้น ในชาดกกล่าวไว้ว่า เธอมีพี่น้อง ๔ คน แต่ละคนมีคุณสมบัติแสบไส้ไปคนละอย่าง เช่น ด่าไฟแล่บสามวันไม่ซ้ำคำ ท้องยุ้งพุงกระสอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า บ้างก็คว้าผู้ชายทุกคนที่ผ่านมาเป็นสามี แต่ว่าที่แสบแบบไม่ต้องกินพริกเข้าไปช่วย คือนางปิสุณาวาทีนั่นแหละ…

    นางคนนี้มักนำเรื่องของชาวบ้านไปนินทาเป็นอาหารปาก แล้วชักมันมากเกินไป จึงมีการต่อเติมเสริมแต่ง แถมยุแยงตะแคงรั่ว จนชาวบ้านที่ไม่รู้ตัวตกเป็นเหยื่อของนางปากชั่ว ถึงกับตีด่าทะเลาะกันมั่วไปทั้งเมือง เป็นที่สุขใจของนางยิ่งนัก…

    ต่อมาชาวบ้านทบทวนถึงสาเหตุ ทราบว่าเกิดอาเพศเพราะนางปากไม่ดี จึงช่วยกันจับนางทรลักษณ์ปากอัปรีย์ ลอยแพไปตามยถากรรม แต่ดวงคนยังไม่ถึงที่ จำเพาะไปเจอกับเรือโจรสลัด หัวหน้าโจรเห็นปั๊บก็ปิ๊ง จึงรับนางขึ้นเรือมา แต่งตั้งเป็นศรีภรรยาทันที…

    พอได้อยู่สบายลายก็เริ่มออก นางนอกคอกก็เริ่มซ้อมฝีปากยุแหย่หัวหน้าโจรกับลูกน้อง ให้แตกแยกกันตามระเบียบ ทะเลาะกันจนแทบล้มประดาตาย จึงนึกขึ้นมาได้ว่าไม่เคยเป็นแบบนี้ สอบถามสาเหตุก็มาลงที่นางปิสุณาวาที (อีกแล้ว….!)

    ขืนให้อยู่ด้วยคงได้ฆ่ากันตายหมดแน่ ๆ นายโจรจึงตัดใจ จับนางปากมหาภัยลอยน้ำไปอีก แต่ชะตาชีวิตก็ชอบกล บันดาลให้มีนกอินทรีใหญ่สองตัวผัวเมียมาพบนางเข้า พญานกสงสารจึงหาไม้มาหนึ่งท่อนให้นางจับตรงกลาง พาบินไปส่งที่ฝั่ง…

    ขนาดห้อยโตงเตงอยู่บนอากาศ ก็ยังอดปากหมาไม่ได้ (หมาไม่เกี่ยวนะครับ โฮ่ง..) นางขยับไปทางนกผู้เป็นผัว ทำกระซิบกระซาบอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ปีนมาทางนางนก บอกว่าผัวนางไว้ใจไม่ได้ “อาไร้… เป็นนกไม่อยู่ส่วนนก ต่อหน้าเมียแท้ ๆ ยังมาเกี้ยวพานาง…!”

    ลมเพชรหึงไม่ขึ้นหน้าก็ไม่ใช่วิสัยหญิง นางนกโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ ตรงเข้าจิกตีผัวอุตลุด สมใจนึกของนางปิสุณาวาทีเขาล่ะ… แต่ว่าถึงคราวกรรมจะสนอง พอตีกันไม้ที่นางปากระยำอาศัยเกาะ ก็หล่นตูมลงทะเล คราวนี้จบเห่จมน้ำตายห่…สมใจนึกไปเลย…!

    ยัง…..ยังไม่หมดฤทธิ์ เป็นผียังอาละวาดได้ พอศพลอยไปติดฝั่ง พระพบเข้าก็สงสาร (ยายนี่ทำบุญอะไรมาหนอ…? ใครเจอเป็นต้องสงสาร) จึงจัดการเผาศพให้ แล้วเก็บเอากะโหลกไปปลงอสุภกรรมฐาน พอกะโหลกเข้าวัดก็เกิดเรื่อง…

    ธรรมดาพระท่านอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ก็ต้องมาทะเลาะกันอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวนำกะโหลกไปทิ้งป่าช้า ก็วางมวยเป็นพระวัดเส้าหลินไปหลายยก เดี๋ยว…ยังมีต่อ พวกคอเหล้าเข้าไปต้มเหล้ากันในป่าช้า เจอทีเด็ดยายฝีปากม้าเข้าอีก…!

    หาหินมาทำก้อนเส้าเพื่อจะวางหม้อต้มเหล้า ดันไปเก็บเอาหัวกะโหลกมาแทน ทุกวันกินเหล้าไม่มีเรื่อง วันนั้นตีกันหัวร้างคางแตก ปากคอเริ่ดไปตาม ๆ กัน แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ใครกินเหล้าเป็นต้องชอบหาเรื่อง ฝีมือนางปิสุณาวาทีเขาละ ตามมาอาละวาดจนถึงสมัยนี้…!

    เรื่องของปากมันแก้ยากอย่างนี้นี่เอง พออาตมาเริ่มรักษาศีล ด้วยความเคยชินก็มักจะเผลอโกหก แก้อย่างไรก็ไม่หาย เพราะสติยังตามปากไม่ทัน ต้องหาทางจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่มีอะไรดีกว่ายึดหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นที่พึ่ง…

    เอาเหรียญยันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อ มาอมแทนยาอมเลย ทีนี้ใครจะมาพูดด้วย เหรียญที่คาปากอยู่ทำให้เกิดความยั้งคิด ก่อนจะพูดก็มีสติตรองดูก่อนว่า พูดไปแล้วผิดศีลมั้ย..? พยายามแทบตายกว่าจะเลิกโกหกได้เด็ดขาด เฮ้อ…ขอบคุณยาอมวิเศษ…

    ๓ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ฉบับ.jpg

    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๘๑
    เดือนมีนาคม ๒๕๖๒

    โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อย่าเพลินอยู่แค่ทาน


    “ญาติโยมทั้งหลายทำบุญกันมากทั้งในส่วนของสังฆทาน ทั้งการสร้างพระพุทธรูปทองคำ ส่วนหนึ่งที่อยากจะเตือนก็คือ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้แม้จะมีอานิสงส์มากเพียงใดก็ตาม ก็ยังเป็นบุญในระดับของทานเท่านั้น กุศลผลบุญที่สูงกว่าทาน ยังมีศีล ยังมีการภาวนา

    การที่เราทำทานเป็นปกติ แสดงให้เห็นชัดว่าสภาพจิตของเรามีความโลภน้อยมาก สามารถสละออกได้ทุกเวลาที่ต้องการ คราวนี้เราก็ต้องมาทบทวนศีลของเรา เพราะว่าศีลส่วนใหญ่แล้วเป็นการตัดราคะ โลภะและโทสะ ซึ่งจะเป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น จึงต้องควบคุมทั้งกาย ทั้งวาจาของตนให้อยู่ในกรอบ

    แล้วก็ยังมีในส่วนของปัญญาคือการภาวนา ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการตัดโมหะคือความหลง ที่ทำให้ยึดถือว่าร่างกายนี้ก็ดี โลกนี้ก็ดี ตลอดจนคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของ เป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งการที่เราตั้งใจปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา เป้าหมายใหญ่ก็อย่าให้ลืมว่า เราตั้งใจจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

    ในส่วนนี้พวกเราเมื่อให้ทานแล้ว ก็ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้อย่างน้อย ๆ ทรงฌานระดับปฐมฌานได้ ท้ายที่สุดก็คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ไม่สามารถที่จะยึดถือมั่นหมายได้ เพราะสักแต่ว่าเป็นธาตุที่คุมกันมาให้เราอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป

    ถ้าสภาพจิตของเราไม่ยึดเกาะในร่างกายตนเอง ก็ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ไม่ยึดเกาะร่างกายตนเอง ไม่ยึดเกาะร่างกายคนอื่น ก็ไม่ยึดเกาะในโลกนี้ด้วย โอกาสที่เราจะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานก็จะมีขึ้น เกิดขึ้นได้

    ฉะนั้น…อย่าเพลินอยู่แค่ทาน ยังมีศีลและภาวนาสูงกว่านั้น และโดยเฉพาะว่าในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา นั้น เป็นสิ่งที่เราทำแล้วไม่เสียเงินไม่เสียของ เรื่องของการทำทานแม้อยู่ในระดับต่ำกว่า ทำง่ายกว่า แต่ต้องสละสิ่งของออกไป ในส่วนที่เราทำโดยลงทุนน้อยแต่ผลานิสงส์มากกว่ายังมีอยู่ ต้องพยายามทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้า ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราครบถ้วนสมบูรณ์ บุคคลนั้นก็ย่อมสามารถก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ดังปรารถนา”

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ณ บ้านเติมบุญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การเป็นครูบาอาจารย์นั้นลำบาก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนว่า ใครก็ตามที่อยู่ภายใต้การดูแลของเรา ไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ต้องดูแลเขาให้มีความสุขอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น..อะไรเกิดขึ้นมา ถ้าเรากินเองใช้เอง มีความสุขอยู่คนเดียว นั่นผิดคำสอนแน่ ๆ ก็เลยต้องเหลือเผื่อเขาอยู่ตลอด ลักษณะเป็น “ครูบาอาจารย์” เขาเรียกว่า “พ่อแม่คนที่สอง” ก็เหมือนกับพ่อแม่นั่นแหละ ต้องคอยตามจี้ตามเช็ดตามล้างตามถูกันอยู่ตลอดเวลา

    อาตมาประทับใจพุทธพจน์ประโยคหนึ่งที่ท่านกล่าวว่า “อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เราจักไม่ปฏิบัติต่อพวกเธอเหมือนช่างหม้อที่ปฏิบัติต่อหม้อดินที่ยังเปียกยังดิบอยู่ด้วยความทะนุถนอม แต่ว่าเราจะกระหนาบแล้วกระหนาบอีก ชี้โทษแล้วชี้โทษอีก บุคคลที่มีมรรคผลเป็นแก่นสารเท่านั้นที่จะทนอยู่ได้”
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -จากทองผาภูม.jpg

    อรุณสวัสดิ์จากทองผาภูมิเช้านี้ค่ะ

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๒-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๒-มีนาคม-พ.jpg

    วันอังคารที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ นายพิมล สุจริตธรรม นักพัฒนาชุมชน กองส่งเสริมคุณภาพชีวิต องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี กราบเรียนปรึกษาพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เกี่ยวกับแนวคิดของนายสมภพ ธีระสานต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ที่จะนำสินค้าชุมชนขึ้นสู่ห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๓-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๑๓-มีนาคม-พุทธ.jpg

    วันพุธที่ ๑๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ อากาศที่ทองผาภูมิค่อนข้างเย็น มีหมอกบาง อุณหภูมิอยู่ที่ ๑๗.๘ องศาเซลเซียส

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๑.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๑ : อานุภาพศีล ๘

    มีฤๅษีหมู่หนึ่งเดินทางมาจากป่าหิมพานต์ (แฮ่…อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้…!) เพื่อมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดอาการเหนื่อยล้าเต็มที เมื่อถึงทางแยกเมืองสาวัตถี จึงพากันหยุดพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ตรงทางแยกนั่นเอง…

    เห็นต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มเป็นที่เย็นสบาย หัวหน้าฤๅษีก็คิดว่า ต้นไม้ใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีรุกขเทวดาอาศัยอยู่ เรามาเหนื่อยแทบตาย ซ้ำกระหายน้ำอีกต่างหาก ถ้าเทวดาจะเมตตาบันดาลน้ำมาให้ดื่มกันสักหน่อยคงจะดี… (เล่นง่ายดีเนอะ…)

    คิดเพียงเท่านั้น พลันก็ปรากฏภาชนะบรรจุน้ำใสสะอาดเต็มเปี่ยม ขึ้นที่เบื้องหน้าฤๅษีทั้งหลายเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เกิดจากอานุภาพรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่นั้น พอทราบความคิดของหัวหน้าฤๅษี ก็บันดาลให้มีขึ้นทันใด

    ฟาดกันไม่ต้องฟังเสียงล่ะ พอสิ้นความกระหายก็คิดต่อไปว่า พวกเราเดินทางมาไกล ร่างกายสกปรกมอมแมม เมื่อรุกขเทวดาบันดาลน้ำให้ดื่มได้ ก็น่าจะบันดาลน้ำสำหรับอาบให้แก่พวกเราได้เช่นกัน (น่าน…เอาซะให้คุ้ม)

    ทันใดนั้นก็ปรากฏสระโบกขรณีขึ้น ให้เหล่าฤๅษีได้อาบอย่างสำราญใจ (น่าจะมีนวดแถมซะให้เข็ด…!) พอร่างกายสบาย ใจก็อยากต่อไม่สิ้นสุด เลยคิดต่อไปว่า น้ำดื่มน้ำอาบก็มีแล้ว อีนี่ฉานหิวนะนาย…มีอะไรให้ฤๅษีกินบ้างละนายจ๋า…!

    รุกขเทวดาก็พี่มีแต่ให้จริง ๆ ..บันดาลให้ต้นไม้เกิดผลสะพรั่งไปทั้งต้น (ไม่ยักเป็นโต๊ะจีนแฮะ…) เหล่าพวกฤๅษีกินอิ่มแล้วเกิดอยากเห็นเทวดา จึงตั้งความปรารถนาขอพบซักหน่อย รุกขเทวดาก็สุดเขินจึงบันดาลให้ปรากฏเฉพาะเสียงว่า…

    “ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการน้อยนิด มีความละอายเป็นที่ยิ่ง ไม่กล้าปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านทั้งหลาย” แม้ว่าผู้น้อยมิบังอาจ เหล่าฤๅษีก็อ้อนวอนจนใจอ่อน แสดงกายทิพย์ขึ้นเฉพาะหน้า ประกอบด้วยรัศมีกายเป็นที่สว่างรุ่งเรืองยิ่งนัก… (แอ่น…แอ๊น….!)

    หัวหน้าฤๅษีจึงถามว่า “เทวะ…ดูก่อน เทวดา ท่านมีฤทธานุภาพเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งสว่างรุ่งเรืองไปด้วยรัศมี ขอถามว่าท่านนี้ทำบุญมาด้วยสิ่งใด จึงมีศักดานุภาพใหญ่เห็นปานนี้” รุกขเทวดาประคองอัญชลีตอบต่อฤๅษีทั้งหลายว่า…

    “ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล กล่าวไปแล้วเป็นที่ละอายยิ่ง บุญญานุภาพของข้าพเจ้านี้ เกิดด้วยผลการรักษาศีล ๘ เพียงครึ่งวัน…” แล้วรุกขเทวดาจึงเล่าบุรพกรรมให้ฤๅษีได้ทราบดังนี้

    ชาติก่อนข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ไปขอทำงานกับท่านสุทัตตเศรษฐี ผู้มีอีกนามหนึ่งว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี ขอเพียงมีอาหารวันละ ๒ มื้อ แลกกับแรงงานก็เป็นที่พอใจ ท่านเศรษฐีผู้มีใจกรุณา รับข้าพเจ้าไว้เป็นคนรับใช้ทั่วไป…

    วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ข้าพเจ้าไปตัดฟืนในป่าตั้งแต่เช้า กลับมาก็เลยเที่ยงไปแล้ว จึงตรงไปขออาหารที่โรงครัว เห็นภายในโรงครัวเงียบสนิท ปราศจากคนพลุกพล่านเช่นวันก่อน จึงถามแม่ครัวว่า “นี่แน่ะแม่…วันนี้ไฉนจึงเงียบนัก อาหารส่วนของข้าพเจ้าอยู่ไหนเล่า…?”

    แม่ครัวตอบว่า “นี่แน่ะท่านผู้เจริญ…. วันนี้เป็นวันอุโบสถ ทุกคนในบ้านนี้แม้แต่ทารกเพิ่งอดนม จะบ้วนชำระปากให้สะอาด ตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เว้นอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงไปแล้ว ท่านเป็นผู้มาใหม่ยังไม่ทราบระเบียบข้อนี้ ข้าพเจ้าจักรีบประกอบอาหารเพื่อท่าน…”

    ข้าพเจ้ารับฟังเป็นที่อัศจรรย์ใจ คิดว่าอุโบสถศีลนี้เป็นไฉนหนอ…? บุคคลในบ้านท่านเศรษฐีจึงพร้อมใจกันสมาทานรักษา แม้แต่ทารกเพิ่งอดนมยังประกอบด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ จึงยับยั้งแก่แม่ครัวว่า

    “นี่แน่ะแม่…จงงดการประกอบอาหารไว้ก่อน ข้าพเจ้าจักรักษาศีลเช่นเดียวกับพวกท่านบ้าง…” ว่าดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงไปหาท่านเศรษฐี ศึกษาในอุโบสถศีลแล้ว มีใจอันผ่องแผ้ว ตั้งใจสมาทานรักษา…

    ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำงานหนัก ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาทั้งวัน ตกดึกลมกำเริบขึ้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว ได้ทำกาละคือตายไป มาเกิดเป็นรุกขเทวดา สิงสถิตย์ที่ต้นไม้ใหญ่นี้ อานุภาพทั้งหมดที่ท่านเห็น เป็นอานิสงส์ของอุโบสถศีลครึ่งวันดังกล่าวมาแล้ว…”

    นั่นเป็นเรื่องที่มีมาในพระไตรปิฏก อ่านแล้วแปลไทยเป็นไทยเอาเองก็แล้วกัน เขียนแบบธรรมดาเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่เก่ง เล่นสำนวนให้เวียนหัวซะอย่างนั้นแหละ ทีนี้จะกล่าวถึงอานุภาพศีล ๘ ที่อาตมาพบมาเองบ้าง (เข้าเรื่องซะที อู้มานานแล้ว….!)

    คืนหนึ่งที่บ้านสายลม หลังกรรมฐานแล้ว หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า “พระท่านมาบอกว่า คนที่มาเจริญกรรมฐานในคืนนี้ทั้งหมด มีอยู่ ๗๐ คนที่รักษาศีล ๘ ได้…” เรื่องแบบนี้อาตมาไม่เคยล้าหลังใครอยู่แล้ว จึงทึกทักว่า “ข้าคือหนึ่งในจำนวนนั้น…!”

    เมื่อมั่นใจก็เอาเลย ตั้งใจรักษาศีล ๘ ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป ขากลับบ้านอาศัยรถของน้าโชค (คุณประสพโชค ปัจฉิมางกูร) เพราะไปทางเดียวกัน น้าโชคชวนกินข้าวก่อน อาตมายอมเสียมารยาทปฏิเสธการเลี้ยง แล้วเดินกลับบ้านเอง (กลัวเสียไม่ได้นะซี้…!)

    กราบขอบารมีพระ… “ด้วยอานุภาพศีล ๘ ที่ลูกตั้งใจรักษา ขออย่าให้ร่างกายมีความกระวนกระวายใด ๆ เลย…สาธุ” พอหลังเที่ยงวันรุ่งขึ้นก็เหมือนกับคอหอยตัน กินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำ ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแบบนี้ทุกวัน จึงรักษาศีล ๘ ได้อย่างสบาย ๆ …

    ๔ มีนาคม ๒๕๓๒
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ในเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น เป็นสิ่งที่มีแก่เราเป็นปกติ สภาพร่างกายของเรานี้เหมือนกับเสือร้าย เราเลี้ยงเสือเอาไว้ เผลอเมื่อไรเสือก็กัดเรา ทำร้ายเรา อย่างน้อย ๆ ร่างกายนี้ก็เรียกร้องอาหารวันละ ๓ มื้อบ้าง ๒ มื้อบ้าง หิวต้องหาให้เขากิน กระหายต้องหาให้เขาดื่ม ปวดอุจจาระ ปัสสาวะต้องพาไปเข้าห้องน้ำห้องส้วม ร้อนต้องหาเครื่องมือมาบรรเทาให้ เย็นเกินไปก็ต้องหาเครื่องมือช่วยให้อบอุ่น เจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องรักษาพยาบาล

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความทุกข์ทั้งสิ้น ไม่มีใครหลีกเลี่ยงพ้น จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในยุคสมัยนี้ที่การแพทย์เจริญก้าวหน้ามาก ๆ แล้วก็ตาม เด็ก ๆ พอเกิดขึ้นมา แพทย์ก็จะกำหนดไว้แล้วว่าวันใด เดือนใด ปีใด จะต้องไปหยอดวัคซีน ไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ เป็นต้น ซึ่งเด็กตัวเล็ก ๆ ยังไม่ทันจะรู้ภาษา ก็ต้องไปเจ็บตัวให้หมอฉีดยาเสียแล้ว

    บางท่านถึงขนาดพาลูกไปตัดต่อมทอนซิลออกตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นไข้ ซึ่งนั่นเป็นความเข้าใจผิด ต่อมทอนซิลเหมือนกับทหารยาม เมื่อมีศัตรูบุกรุกก็ต่อต้านไว้ เมื่อต่อต้านไม่ไหวก็แสดงออกด้วยอาการเป็นไข้ เราไปเอาทหารยามออก ถ้าข้าศึกบุกเข้ามามาก ๆ อาการก็จะหนักไปเลยทีเดียว ซึ่งเรียกว่ารู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว อาจจะรักษาไม่ทันก็ได้ ดังนั้น..ถ้าหากเป็นรุ่นอาตมา โตขึ้นมาเล็กน้อย ก็ต้องมีการฉีดวัคซีนกันวัณโรค มีการปลูกฝีกันฝีดาษ

    เราจะได้เห็นว่า แม้การแพทย์ของเราจะรู้เท่าทันโรคภัยไข้เจ็บ สามารถหาวัคซีน หายามาป้องกันเอาไว้ก็ตาม เชื้อโรคก็ยังพัฒนาไปอยู่เสมอ ดังนั้นในปัจจุบันของเราก็จะมีไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู ไข้หวัดมรณะ โรคซาร์ ไวรัสอีโบล่า ไวรัสเมอร์ส เป็นต้น ซึ่งทำลายชีวิตผู้คนไปครั้งละมาก ๆ

    เมื่อทุกคนเห็นดังนี้ ก็จะรู้ได้ว่าการดำรงชีวิตของเรานั้น อยู่ท่ามกลางอันตรายอยู่ตลอดเวลา อาจจะถึงแก่ชีวิตลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้ เพราะเราเกิดมาเมื่อใด ก็จะพบแต่อาการโรคภัยไข้เจ็บที่น่ากลัว น่ารังเกียจเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ซึ่งก็ไม่แน่ว่าเราจะเอาตัวรอดไปได้สักกี่ครั้ง ถ้าหากไปเจอโรคภัยไข้เจ็บแบบใหม่ที่เชื้อแรง ก็อาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตสังเวยโรคแบบใหม่นั้นไป

    ดังนั้น..การดำรงชีวิตอยู่ของเรา เหมือนกับเดินอยู่บนคมหอกคมดาบ เหมือนกับต่อสู้ฝ่าฟันอยู่ในหมู่ข้าศึกที่รายล้อมอยู่ พลาดเมื่อไร ตายเมื่อนั้น เกิดมากี่ชาติก็เป็นเช่นนี้ ทุกคนควรจะถามว่า ตัวเราเองยังต้องการการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บอย่างนี้อีกหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการเกิด เราควรจะไปที่ใด ? ซึ่งก็มีที่เดียวที่ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง นั่นคือพระนิพพาน

    ถ้าทุกท่านต้องการจะไปพระนิพพาน อันดับแรกต้องมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ถ้าสามารถพัฒนาขึ้นไปเป็นการรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ก็จะยิ่งดี หลังจากนั้นก็ต้องทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง และมีปัญญารู้อยู่เสมอว่า เราต้องตายแน่นอน ความตายจะมาถึงเราเมื่อไรก็ตาม เราพร้อมที่จะไปพระนิพพาน

    การที่พวกเราจะไปพระนิพพาน ก็ต้องยึดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เพราะว่าพระองค์ท่านสถิตอยู่ ณ พระนิพพาน ถ้าอย่างนั้นเราจึงควรนึกถึงรูปพุทธนิมิตองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ ว่านั่นเป็นภาพแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ตั้งใจว่าหากเราสิ้นอายุขัยตายลงไปก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยตายลงไปก็ดี เกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปก็ดี เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

    เมื่อมาถึงตรงจุดนี้แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเองควบไปด้วย ถ้ายังมีลมหายอยู่ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดรู้คำภาวนาไปด้วย ถ้าคำภาวนาขาดหายไป ลมหายใจหมดไป ก็กำหนดรู้อยู่เฉย ๆ ว่าเป็นเช่นนั้น อย่าดิ้นรนให้เป็นอย่างนั้นและอย่าไปหายใจใหม่ ถ้าเราสามารถวางกำลังใจนิ่ง ๆ ตามดูตามรู้อย่างเดียวได้ สภาพจิตก็จะดำเนินไปสู่สมาธิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ssl-certificate-ที่ใช้ในการ.png

    เนื่องจาก SSL Certificate ที่ใช้ในการเข้ารหัส (encryption) การส่งข้อมูลระหว่างผู้ใช้และ web server หมดอายุเมื่อเช้าตรู่วันนี้

    ทีมงานรับทราบปัญหาและกำลังดำเนินการต่ออายุ SSL certificate ใหม่
    คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในคืนนี้ครับ

    SSL certificate ช่วยให้การส่งข้อมูลปลอดภัยขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อเว็บที่ทำการค้าแบบ e-commerce เช่น มีการส่งข้อมูลบัตรเครดิต
    เนื่องจากเว็บวัดท่าขนุน ไม่ได้มีการส่งข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว

    ท่านที่ต้องการเข้าใช้งาน ท่านสามารถกดอนุญาตให้ browser เปิดเว็บวัดท่าขนุนต่อไปได้ และเข้าใช้งานได้ตามปกติครับ

    ทีมงานกราบขออภัยในความไม่สะดวกในการเข้าใช้งานเว็บมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    หลายคนมักจะเป็นบุคคลที่ทำอะไรเชื่องช้ามาก ทำให้ไม่ค่อยจะทันรถไฟขบวนสุดท้าย เป็นการแสดงออกซึ่งบารมีของเราว่ายังห่างไกลมาก ต้องเร่งรัดให้มากกว่านี้

    เหตุที่ต้องเร่งรัดให้มากกว่านี้ก็เพราะว่า บุคคลที่ตั้งใจจะไปพระนิพพานนั้น ทำอะไรทำเร็ว ทำจริง ตรงเวลา ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ท่านทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นบุคคลที่ไม่มีอะไรห่วง ทำอะไรเสร็จเร็วกว่าคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่ามัวแต่รอรถไฟขบวนสุดท้ายอยู่ แปลว่าท่านมีเวลามาก ก็คือยังต้องเกิดอีกนาน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บ่งชัดถึงบารมีของท่านว่ายังอ่อนด้อยอยู่มาก ถ้าไม่รีบเร่งรัดเสียตั้งแต่ชาตินี้ หนทางของท่านในการข้ามวัฏสงสารยังยาวไกลมาก
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    (ข้อความจากพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม)

    กราบเรียนพระอาจารย์ครับ


    ตอนนี้องค์พระกำลังขัดแต่งครับ ผ่านขั้นตอนที่ยากไปแล้ว คือการตัดชนวน เพราะว่าชนวนทองคำตัดแบบทองเหลืองไม่ได้ครับ หลาย ๆ ส่วนต้องใช้ตะไบแทน ทำให้การตัดชนวนค่อนข้างยากครับ ต่อไปคือการแต่งผิวทองให้เนียนและตึง

    การขัดแต่งผิวก็ต้องใช้ตะไบ และลายต้องค่อย ๆ ตอกแต่ง แต่ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่มาก เพราะว่าเนื้อทองคำเต็มทุกที่ ไม่มีส่วนขาดเลย ทางช่างยังไม่กล้ายืนยันวันที่ทำเสร็จครับ ในรูปที่เป็นผิวสีเขียว เป็นเงาสะท้อนผ้าใบที่ใช้คลุมห้อง ไม่ใช่สีผิวโลหะครับ ผมจะคอยรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ ครับ

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboar...J13qxFqShtvTDcW3MgeTcocH5nDwqrsbB-VGF6LgtQn_o

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๔-มีนาคม.jpg
    -๑๔-มีนาคม.jpg

    วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ รับฎีกานิมนต์พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ในงานฌาปนกิจศพนายสนั่น ปรางทอง ณ ฌาปนสถานวัดพุองกะ หมู่ที่ ๔ ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๒.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๒ : สามปีที่รอคอย


    การรอคอยเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายซะเหลือเกิน (แน่นอน…ยกเว้นตอนคอยแฟนนะจ๊ะ) อาตมาเป็นคนใจร้อน ให้คอยใครนาน ๆ ไม่ไหว มีนัดกับใครมักจะไปก่อนเวลานัดเสมอ แต่จะรอแค่ไม่เกิน ๑๕ นาทีเท่านั้น ถ้าเขาไม่มาอาตมาก็ไป เพราะคนผิดนัดไม่ใช่เรา…!

    ในทางทหาร การนัดหมายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะพลาดไม่ได้เลย ยิ่งเป็นการเข้าตีฝ่ายตรงกันข้ามด้วยแล้ว หาก วัน ว. เวลา น. ผิดพลาด ถึงเวลาอาวุธหนักทุกชนิดจะระดมใส่อย่างต่อเนื่อง ถ้าเราไปไม่ถึงที่หมายตามเวลา มีสิทธิ์ตายด้วยอาวุธของฝ่ายเราเอง…!

    แม้จะเป็นคนตรงต่อเวลาและไม่ยอมรอใคร แต่ในบางเรื่องที่ตั้งใจทำนั้น อาตมาเป็นคนที่ดื้อรั้นถึงที่สุด ถ้าไม่สำเร็จละก็ อาตมาจะทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะสำเร็จดังปรารถนา ถ้าไม่ได้ผลก็สู้ทนทำต่อไป นานเท่าไรก็จะรอ ไม่ได้ไม่เลิกซิน่า…!

    อาตมาปฏิบัติกรรมฐานตามแนวของหลวงพ่อวัดท่าซุง ด้วยความอยากมีฤทธิ์เดชไว้อวดชาวบ้าน ว่าข้าก็หนึ่งในตองอู ใครอย่ามาทาบซะให้ยาก….ความคิดเลว ๆ แบบนี้ฝังหัวมาตลอด เล่นเอาตัณหานำหน้าการปฏิบัติแบบนี้ กว่าจะทำอะไรได้แต่ละที มันจึงลำบากสาหัสดีนัก….!

    หลวงพ่อท่านเขียนถึงปฐมฌาน ในหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐานว่า ถ้าใครทรงไว้ได้ มีสิทธิ์เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑-๒-๓ อย่างสบาย ๆ และถ้าเอากำลังฌานมาตัดกิเลส ก็สามารถทำได้ง่าย อาตมาเลยอยากจะเป็นผู้ทรงฌานขึ้นมาบ้าง (น่าสมเพชมั้ยล่ะ…?)

    เมื่อกิเลสขึ้นหน้าตัณหานำทาง อาตมาก็เร่งภาวนาเพื่อปฐมฌานที่ตนหวัง ตามที่อ่านมาหลวงพ่อเขียนไว้ว่า ปฐมฌานประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
    ๑. วิตก คิดนึกตรองอยู่ว่าเราจะภาวนา
    ๒. วิจารณ์ รู้อยู่ว่ากำลังภาวนาอย่างไร
    ๓. ปีติ มีความอิ่มเอิบใจปรากฏขึ้น
    ๔. สุข รู้สึกสุขสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
    ๕. เอกัคตารมณ์ ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว

    ภาวนาไปก็ตามจับอาการทางร่างกายไป เมื่อไรจะถึงปฐมฌานเสียที นี่วิตก… กำลังนึกว่าหายใจอย่างไร ภาวนาอย่างไร นี่วิจารณ์.. ลมหายใจเข้าออกสั้นหรือยาวเท่าไหร่ หนักเบาอย่างไร คำภาวนาผูกกับลมหายใจเข้าออกอย่างไร…

    นี่ปีติ…เกิดอาการขนลุกซู่ซ่าไปทั้งตัว ใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว… ถึงตรงนี้เป็นจอดไม่ต้องแจวทุกที ด้วยความโง่ไปตามจับแต่อาการทางร่างกาย ใจเลยไม่ตั้งมั่น แล้วฌานที่ไหนมันจะเกิดกับไอ้คนที่ฟุ้งซ่านแบบนั้น….!

    หนึ่งปีก็แล้ว สองปีก็แล้ว คำว่าสุขหน้าตาเป็นอย่างไรไม่เคยรับรู้ ถึงปีที่สามยังย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า วนเป็นงูกินหางอยู่แค่นั้น วิตก วิจารณ์ ปีติ แล้วก็เจ๊ง… จนอาตมาชักท้อใจ อะไรมันจะยากเย็นขนาดนี้ แต่ความรั้นยังคงมีอยู่ จึงซังกะตายภาวนาต่อไป….

    แล้ววันนั้นก็มาถึง อาตมาตั้งใจว่า จะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมัน ได้ไม่ได้ก็ช่าง หน้าที่ของเราคือภาวนา ว่าแล้วก็ภาวนาไปเรื่อย ไม่สนใจอาการทางกายอีก นึกถึงลมหายใจเข้าออกแค่ไม่กี่ครั้ง อารมณ์ตรงจุดพอดี รู้สึกสว่างวาบไปทั้งตัว…!

    จากกรุงเทพ ฯ อาตมากระโดดขึ้น บ.ข.ส. ตรงแน่วไปอุทัยธานี ถึงวัดหลวงพ่อกำลังรับแขกอยู่พอดี อาตมาตรงเข้าไปกราบ แล้วต่อว่าท่านเป็นการใหญ่ ว่าปฐมฌานมันไม่ได้เกิดขึ้นเป็นขั้น ๆ อย่างที่หลวงพ่อเขียนนี่ครับ มันเกิดพร้อมกันเลยต่างหาก…!

    หลวงพ่อหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พลางกล่าวว่า “เดี๋ยว..ไอ้หนู..ใจเย็น ๆ รู้จักคำโบราณที่ว่า "ลัดนิ้วมือเดียว" มั้ยล่ะ..?” ท่านงอนิ้วแล้วดีดให้ดู แล้วอธิบายว่า..“เวลาดีดนิ้ว เราจะเห็นตอนนิ้วมันงอและชี้ตรงเท่านั้น แต่นิ้วมันชี้ตรงขึ้นไปอย่างไร คนที่สังเกตละเอียดจะทราบได้ ปฐมฌานก็เช่นเดียวกัน มันเกิดขึ้นเร็วมาก เราก็คิดว่าเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่คนที่กำลังใจละเอียด เขาจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นทีละขั้น พอเป็นปฐมฌานก็ครบองค์ ๕ พอดี”

    ถ้าเป็นผู้อ่านจะรู้สึกอย่างไร…? อาตมาเองแทบมุดพื้นศาลาหนี ไม่รู้จริงดันไปอวดเก่งไปต่อว่า ยังสงสัยอยู่ครามครันว่า ทำไมหลวงพ่อไม่ล่อกบาลด้วยตะพดซักที….? ตอนหลังคำถามโง่น้อยกว่านี้ตั้งเยอะ ยังโดนซะคลำป้อยไปทุกที…!

    ๕ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ผู้เป็นใ.jpg

    พระกุมารกัสสปะ ผู้เป็นใหญ่ในทางใช้ถ้อยคำอันวิจิตร


    พระอาจารย์กล่าวในเรื่องทิฏฐิให้ฟังว่า “ในเรื่องทิฏฐินั้นก็แบบเดียวกับที่พระเจ้าปายาสิถามคำถามพระกุมารกัสสปะ แล้วพระกุมารกัสสปะท่านเปรียบเทียบให้ฟัง แต่พระเจ้าปายาสิก็ไม่ยอมละทิฏฐิ ท้ายที่สุดท่านก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ ว่า ที่ไม่ยอมละทิฏฐิเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านมีทิฏฐิอย่างนี้ ถ้าไปละคนอื่นเขาก็ว่าเอาสิ..!

    พระกุมารกัสสปะจึงบอกว่า “ดูก่อน..มหาบพิตร ชายสองคนไปเจออุจจาระแห้ง คิดว่าเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ก็เลยห่ออุจจาระแห้งกับผ้า แล้วทูนหัวไป พอเดินไปเจอกองปอมัดอยู่ ชายคนหนึ่งทิ้งอุจจาระแห้งแล้วแบกกองปอไป ส่วนชายอีกคนกลับไม่ยอมทิ้งอุจจาระแห้งนั้น

    เดินไปอีกเจอกองป่าน ชายคนนั้นก็ทิ้งปอแล้วเอากองป่านไป ส่วนชายอีกคนก็ยังแบกห่ออุจจาระไว้ พอเดินไปอีกก็เจอป่านที่ทอเป็นผ้าแล้ว ชายอีกคนก็ทิ้งป่านแล้วแบกเอาผ้าไป ส่วนชายอีกคนก็ยังแบกกองอุจจาระไปตลอดทาง จนกระทั่งท้ายสุด เจอเงิน เจอทอง ชายอีกคนก็เอาเงินเอาทองไป

    ส่วนชายที่แบกอุจจาระ พอเดินไปแล้วฝนตก อุจจาระก็ละลาย ทำให้ชายคนนั้นเหม็นไปทั้งตัว แต่ก็ยังไม่ยอมทิ้งอีก”

    พระกุมารกัสสปะเปรียบเทียบว่า เหมือนกับพระเจ้าปายาสิ ที่ไม่ยอมละทิฏฐิ พระเจ้าปายาสิทรงพระสรวล ตรัสว่า “โยมเชื่อแต่แรกแล้ว แต่ที่ว่าดังนั้นเพราะอยากฟังท่านสมมติไปเรื่อย ๆ..” เพราะว่าพระกุมารกัสสปะสามารถที่จะสมมติได้วิจิตรชัดเจนมาก ฟังแล้วเห็นภาพพจน์ เข้าใจได้ทันทีเลย..

    พระเจ้าปายาสิเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาก เช่น ตายไปแล้วมีนรกมีสวรรค์จริงหรือไม่ ลองไปอ่านดูในปายาสิราชัญญสูตร ในพระสุตตตันตปิฎก

    พระเจ้าปายาสิบอกว่าไม่เชื่อว่านรกมีจริง เพราะถ้าคนตายไปแล้วไปนรกจริง ให้กลับมาบอกด้วย รอคนแล้วคนเล่า ก็ไม่เห็นมีใครกลับมาบอกท่าน

    พระกุมารกัสสปะบอกว่า “ดูก่อน..มหาบพิตร ถ้าหากนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ พระองค์ท่านจับได้แล้ว ตัดสินประหารแล้ว ถ้าเขาขออนุญาตกลับไปบอกญาติหรือสานุศิษย์ต่าง ๆ แล้วจะกลับมาให้ประหาร พระองค์ท่านจะยอมปล่อยไปหรือไม่ ?” พระเจ้าปายาสิก็ตรัสว่า “ปล่อยไปไม่ได้หรอก มีแต่จะเร่งประหารเสียก่อน..”

    พระกุมารกัสสปะกล่าวว่า “ลักษณะเดียวกัน ในนรกเขาลงโทษหนักกว่านี้อีก ใครเขาจะปล่อยออกมาให้มาบอกข่าวได้..” แล้วพระเจ้าปายาสิจึงกล่าวถึงพวกที่ไปสวรรค์ ไปสบายแล้ว “เราบอกแล้วว่าใครไปสวรรค์ให้กลับมาบอกข่าว แต่ก็ไม่เห็นมีใครกลับมาบอกเลยสักคน..”

    พระกุมารกัสสปะก็เปรียบเทียบว่า “เหมือนกับบุรุษตกลงไปในหลุมคูถ (หลุมอุจจาระ) พระองค์สั่งให้ราชบุรุษเอาตัวขึ้นมา อาบน้ำให้ตัวสะอาดเอี่ยม เปลี่ยนผ้าใหม่ให้ ประด้วยแป้งหอม น้ำมันหอม เอาพวงมาลัยสวยสดงดงามคล้องคอ แล้วบอกให้กระโดดลงไปในหลุมคูถตามเดิม จะมีใครกระโดดลงไปไหม ? ลักษณะเดียวกัน คนไปสวรรค์แล้ว เขามองเห็นว่าโลกนี้น่ารังเกียจประดุจหลุมอุจจาระ จึงไม่มีใครคิดที่จะย้อนกลับมา”

    ท่านค่อย ๆ เปรียบทีละอย่าง..ทีละอย่าง ลองไปหาอ่านดู สำนวนโวหารท่านสุดยอด ในบาลีว่ากุมาระกัสสโปเถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก แปลว่า พระกุมารกัสสปะ ผู้เป็นใหญ่ในทางใช้ถ้อยคำอันวิจิตร คือ สามารถเปรียบเทียบได้สุดยอดมาก”

    ถาม : มเหสีแปลว่าอะไร ?
    ตอบ : แปลว่า เป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น..ผู้หญิงต้องเป็นใหญ่กว่า โบราณเขารู้ดี..! (หัวเราะ)

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดสร้างเหรียญทำน้ำมนต์หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา นะโมพุทธายะ (ย้อนยุค) ขนาด ๕ ซม. เพื่อร่วมบูรณะปิดทองพระเจดีย์ชัยยะวงศ์ษามหาโพธิสัตว์พญากวางคำ ณ วัดพระธาตุดอยกวางคำ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน

    เจ้าภาพกองบุญละ ๑๐,๐๐๐ บาท จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์เนื้อเงินเป็นที่ระลึก จำนวน ๑ เหรียญ เฉพาะเจ้าภาพกองทุนจัดสร้างเหรียญทำน้ำมนต์เท่านั้น ไม่มีออกให้บูชา

    โดยพระครูสันตจิตตานุกิจ (ครูบาสง่า สนตฺจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกวางคำ ได้รับอนุญาตจากพระอาจารย์ให้นำเข้าพิธี ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ งานสืบชะตาหลวง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ณ วัดท่าขนุน

    ท่านที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามโพสต์ และสามารถร่วมบุญตามศรัทธาได้ที่ บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.ลี้ เลขบัญชี ๓๔๗๒๒๓๐๖๔๕ (3472230645) พระสง่า สนฺตจิตฺโต

    กราบอนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่านครับ
    ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพจัดสร้าง #เหรียญทำน้ำมนต์หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา นะโมพุทธายะ (ย้อนยุค) ขนาด ๕ ซม. เพื่อนำปัจจัยไป #บูรณะปิดทองพระเจดีย์ชัยยะวงศ์ษามหาโพธิสัตว์พญากวางคำ ณ วัดพระธาตุดอยกวางคำ ต.ทุ่งหัวช้าง อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน

    เจ้าภาพกองบุญละ ๑๐,๐๐๐ บาท จะได้รับ #เหรียญทำน้ำมนต์เนื้อเงินเป็นที่ระลึก จำนวน ๑ เหรียญ เฉพาะเจ้าภาพกองทุนจัดสร้างเหรียญทำน้ำมนต์เท่านั้น ไม่มีออกให้บูชา

    โดยพระครูสันตจิตตานุกิจ (ครูบาสง่า สนตฺจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกวางคำ ได้รับอนุญาตให้นำเข้าพิธี ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ #งานสืบชะตาหลวง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ณ วัดท่าขนุน

    สอบถามข้อมูลและจองเหรียญเป็นเจ้าภาพกองบุญได้ทางเพจ (จองได้ทั้งทางคอมเมนท์ด้านล่างและทางข้อความ) หรือที่วัดพระธาตุดอยกวางคำ และสามารถร่วมบุญตามศรัทธาได้ที่ บัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.ลี้ เลขบัญชี 3472230645 พระสง่า สนฺตจิตฺโต

    ** เปิดจองและชำระเงินภายในวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ รับวัตถุมงคลได้หลังงานสืบชะตาหลวง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ วัดท่าขนุน
    *** กรณีไม่สะดวกรับที่งาน สามารถรับได้ทางไปรษณีย์ โดยรบกวนค่าจัดส่ง ๑๐๐ บาท (ไม่เกิน ๓ เหรียญ หากเกินกว่านั้น กรุณาสอบถามทางข้อความ)

    ……………………………………………………….

    เหรียญทำน้ำมนต์ นะโมพุทธายะ (ย้อนยุค) ขนาด ๕ ซม. มีต้นแบบมาจากเหรียญบาตรน้ำมนต์ใหญ่รุ่นแรก หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ ขนาด ๘ ซม.

    หลวงปู่ท่านได้ออกแบบเขียนยันต์ทำน้ำมนต์ด้วยตัวท่านเองเป็นภาษาธรรมเมือง (อักขระตั๋วเมืองล้านนา) ใช้บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เขียนลงในช่องตาราง ล้อมด้วยพระคาถาอิติปิ โสฯ ๘ ทิศ และอีกด้านของเหรียญใช้บทจัยยะสังคหะ เขียนลงอักขระในรูปแบบวนก้นหอย

    หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ใช้แช่ทำน้ำมนต์ ปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันภัยอันตรายได้ทั้งปวง ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า หากไม่มีท่าน ให้นำเหรียญนี้อธิษฐานแช่ทำน้ำมนต์ มีอานุภาพเหมือนหลวงปู่ท่านมีตัวตนเสกน้ำมนต์ให้

    บทในตารางเป็นบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ล้อมด้วยพระคาถาอิติปิ โสฯ ๘ ทิศ (คาถายันต์เกราะเพชร) ดังนี้

    ๑. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา บทนี้ชื่อ กระทู้ ๗ แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก)
    บทที่ ๑ เสกเป่าแก้พิษสัตว์กัดต่อยได้

    ๒. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง บทนี้ชื่อ ฝนแสนห่า ประจำอยู่ทิศอาคเณย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้)
    บทที่ ๒ เสกทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย ผีเจ้าเข้าทรง

    ๓. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท บทนี้ชื่อ นารายณ์เกลื่อนสมุทร ประจำอยู่ทิศทักษิณ (ทิศใต้)
    บทที่ ๓ เสกภาวนากันภูตผีปีศาจ เป่าพิษบาดแผล

    ๔. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ บทนี้ชื่อ นารายณ์ถอดจักร ประจำอยู่ทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้)
    บทที่ ๔ เสกครบ ๑๐๘ จบ ทำน้ำมนต์ ไล่ผี หรือให้คนท้องกิน จะคลอดลูกง่าย

    ๕. ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ บทนี้ชื่อ นารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม (ทิศตะวันตก)
    บทที่ ๕ เสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูตผีปีศาจร้ายดีนัก

    ๖. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ บทนี้ชื่อ นารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ)
    บทที่ ๖ เสกทำน้ำมนต์ ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงัดนัก

    ๗. วา โธ โน อะ มะ มะ วา บทนี้ชื่อ ตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร (ทิศเหนือ)
    บทที่ ๗ เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผีบ้าน ผีป่าเวลาเดินทางดีนัก

    ๘. อะ วิช สุ นุต สา นุ ติ บทนี้ชื่อ นารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ)
    บทที่ ๘ เสกเป่าตัวเอง ป้องกันตัวเองเวลาเดินทางออกจากบ้าน แคล้วคลาดได้

    อีกด้านของเหรียญเป็นบท จัยยะสังคหะไชยะปราบผี คาถาว่าดังนี้
    “โอม ติ๊บป๊ะสะหะ มังสะ ดาบเถี่ยนกว้าวัดวาลุกเป๋นเปลี๋ยวไฟ สะรี๋กัญไจกูเถี่ยนนี้ ผาบเมืองผีมาจุด้าว บ่รู้กี่เจ่นต๊าวผาบกิ๋นมา ร้อยเอ็ดภาษาก็ผาบได้ ไต้ปื้นฟ้าเหนือหน้าแผ่นดิน เก๊าลิ้นกูก็ เป๋นหนามเก๊าก๊างกูก็เป๋นน้ำแม่ใหญ่ ก็จักปัดไป่ออกถ้วมหัวผีต๋าย ป๋ายลิ้นกูก็เป๋นดาบ เถี่ยนกล้า ผาบใต้ฟ้ากูเตี่ยงบ่ลั๋วสัง โอมสะหะ ปัตโต๋ มังสวาหะ โอม เป๊ดจ๊ะลำ แผ่นดินดำไหววะวาด สายต๋าผีขาดกลับหนี ละคนดีตูไว้หนี้ อย่าเอาตวยฝูงหมู่ต่าน ตังผีมารและผีเข็ญ ตังผียักษ์ผีเย็นอย่ามาใกล้ ผีต๋ายยากไร้จุ่งหนีปันตังกุ๋มภัณฑ์ยากไร้ อันเตียวต่องผ้ายหนีไปฯ โอมสะหะ ปัตโต๋ มัง สุวาหายฯ โอม ปัตโต๋ เกตะสะหะ จักกะวะโร พุทธมังคละ สักกัสสามิ ตะสะ เอเก๋ จัมมิสัง ปะวุฑฒิฆัง นะมามิหัง สฺวาหายฯ สิโลมัง สะเหเห ก๋าเว ติสสันโต๋ มัทธิญาโณ ยันโต๋ ตัสสะ ธนะสิทธิ สะวิสสะปะเร เอเต๋นะ สัจจะวัจเจนะ ไจยะโสตถี ภะวันตุ สัพพะตา สฺวาหายฯ โอม นะโม ไจยะสัตตุ สฺวาหะฯ หันต๊ะเร มะกัง ภะคิยัง ยัตวา ปุญจะนุโล เจติยะตา ถะวิสสะติ สฺวาหายฯ”

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg
    -๑๕-มีนาคม-พุ.jpg

    วันศุกร์ที่ ๑๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ รับฎีกานิมนต์จากพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดปรังกาสี ร่วมเปิดงานนมัสการพระเจดีย์องค์ชาย (เจดีย์พ่อ) องค์หญิง (เจดีย์แม่) ณ วัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...