อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๘-มีนาคม.jpg
    -๒๘-มีนาคม.jpg
    -๒๘-มีนาคม.jpg
    -๒๘-มีนาคม.jpg

    วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าคณะตำบลท่าขนุนเ ขต ๒ เข้าประชุมพระสังฆาธิการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ ณ วัดธารน้ำร้อน ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ได้ถวายปัจจัยสนับสนุนวัดที่จัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ทั้ง ๑๐ ตำบล วัดละ ๓,๐๐๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๓๐,๐๐๐ บาทถ้วน

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๘.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๘ : แก้วมณีรัตนะ

    ในจักกวัตติสูตร อังคุตตรนิกาย สุตตันตปิฎก กล่าวถึงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิว่า ประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ

    ๑. จักกรัตนะ (จักรแก้ว) ๒. อิตถิรัตนะ (นางแก้ว) ๓. มณีรัตนะ (ดวงแก้ว) ๔. ปรินายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว) ๕. คหปติรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ๖. หัตถิรัตนะ (ช้างแก้ว) ๗. อัสสรัตนะ (ม้าแก้ว)

    จักรแก้ว เป็นเครื่องหมายประกาศความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อานุภาพแห่งจักรแก้วนั้น ยามปรากฏขึ้น จะดึงดูดเอามหาสมบัติทั้งหมดในสะดือทะเล (อยู่แถว ๆ ท้องทะเล แฮ่…) มาไว้ในท้องพระคลังหลวง และเป็นพาหนะให้ขุนพลแก้ว พาทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพ เหาะไปปราบปรามในทวีปทั้งสี่ (เหมือนยานขนส่งอวกาศเลย…)

    นางแก้ว เป็นอัครมเหสีคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ กลิ่นกายหอมเหมือนดอกอุบล หน้าหนาวเนื้อจะอุ่น หน้าร้อนเนื้อจะเย็น งามพร้อมด้วยเบญจกัลยาณีอิตถีลักษณ์ทุกประการ จะมีเทวดานำจากอุตรกุรุทวีปมาถวาย (ขอข้อยจั๊กคนแหน่…!)

    ดวงแก้วมณีโชติ จะปรากฏผุดขึ้นใจกลางมหานคร แล้วเคลื่อนไปอยู่ในท้องพระคลัง ทำหน้าที่รักษาสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้มีเพียงพอเลี้ยงดูประชากรทั้งโลก ส่องสว่างอยู่ชั่วกาลนาน (เป็นทั้งยามทั้งนายบัญชีเลยนิ…)

    ขุนพลแก้ว ผู้ประกาศบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้ปรากฏไปตลอดทวีปทั้ง ๔ ใครไม่ยอมสวามิภักดิ์ ก็เป็นหน้าที่ของขุนพลแก้วที่จะปราบปรามให้ราบคาบ รบกับใครไม่มีคำว่าแพ้ ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิสละราชสมบัติ ขุนพลแก้วก็จะขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแทน…

    ขุนคลังแก้ว เป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ หากยามใดที่ทรัพย์สมบัติมีทีท่าว่าจะไม่พอเพียง ขุนคลังแก้วก็จะใช้ทิพจักขุญาณ มองหาขุมทรัพย์ใต้ดิน แล้วขุดขึ้นมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง บ้านเมืองใดขัดสน ก็ขุดขึ้นมาให้เขาใช้จ่าย (ขอมั่งฮี่…)

    ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกตัวประเสริฐ สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยคชลักษณ์อันอุดมมงคล จะมาสู่โรงช้างต้นด้วยตนเอง ยามออกรบแค่ช้างศึกฝ่ายตรงข้ามได้กลิ่น ก็แตกพ่ายไปเอง (แบบว่าเก่งมาตั้งแต่เกิดน่ะ…ฮิ…ฮิ…)

    ม้าแก้ว เป็นม้าอาชาไนยแห่งลุ่มน้ำสินธุ เกิดมาผ่าเหล่าผ่ากอ (เอ๊ะ..ชมหรือด่ากันแน่หว่า…?) ปรากฏเป็นลักษณะอันประเสริฐ มีฝีเท้าจัด ยามวิ่งเหมือนเดินบนที่ราบ (นี่มันอัสดรพันลี้ในกำลังภายในละมั้ง…?) จะเดินมาเข้ากรง เอ๊ย…โรงม้าด้วยตนเองเช่นกัน…

    ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะมณีรัตนะเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก แห่ง วัดไชยมงคล (วัดวังมุย) จังหวัดลำพูน ท่านเป็นหนึ่งในพระสุปฏิปันโน ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำให้ลูก ๆ ไปทำบุญด้วย ท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ… คือท่านสามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตะกรุดปรอทได้ อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า…

    หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย…

    แต่ความสามารถระดับนี้ของหลวงปู่ชุ่ม ท่านทำได้แค่เสกปรอทเป็นตัวเท่านั้น หลวงปู่บอกว่า ครูบาอาจารย์ของท่านสามารถเสกปรอทเป็นแก้วได้ ปรอทนั้นมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย ถ้าเสกปรอทตัวเมียจะเป็นแก้วราหู ถ้าเสกปรอทตัวผู้จะเป็นแก้วจักรพรรดิ…!

    หลวงปู่ท่านไม่ใช่มีแต่ราคาคุยเท่านั้น ลูกศิษย์ใกล้ชิดบางท่านที่โชคดี ก็ได้รับแก้วราหูจากมือหลวงปู่ไปบูชา ส่วนแก้วจักรพรรดินั้นหลวงปู่ได้รับมาแค่องค์เดียว วันหนึ่งหลวงปู่ซึ่งทราบวาระของท่านเอง ก็ไปหาหลวงพ่อถึงวัดท่าซุง…

    หลวงปู่ชุ่มได้มอบลูกแก้วจักรพรรดิแก่หลวงพ่อ พลางบอกว่า “หลวงพี่แก่แล้ว งานที่จะต้องทำไม่มีอีกแล้ว หลวงพี่ขอมอบแก้วจักรพรรดินี้ให้แก่หลวงน้องไว้ ต่อไปหลวงน้องต้องปกครองบริวารเป็นจำนวนมาก ลูกแก้วจักรพรรดินี้จะช่วยหลวงน้องได้มาก…”

    หลวงพ่อสนองความเมตตาของหลวงพี่ (อดีตชาติท่านเป็นพี่จริง ๆ) รับเอาลูกแก้วจักรพรรดิไว้ หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่ชุ่มก็มรณภาพ (เฮ้อ…ไม่น่ารับเล้ย รับแล้วหนีเลย) ส่วนหลวงพ่อก็พกแก้วจักรพรรดิติดองค์เรื่อยมา…

    ต่อมา… “พระ” ท่านเสด็จมาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อจะต้องทำงานใหญ่ในกาลข้างหน้า ถ้าลูก ๆ ไม่มีความคล่องตัวในการเป็นอยู่ จะสนับสนุนหลวงพ่อได้ไม่เต็มที่ ขอให้ไปหาลูกแก้วมา ท่านจะช่วยเสกให้ ผู้ที่ได้ไปจะเหมือนกับมีแก้วสารพัดนึกไว้ทีเดียว…

    หลวงพ่อท่านขึ้นไปที่ดาวดึงส์ ขอดูลูกแก้วจักรพรรดิของท่านปู่พระอินทร์ ปรากฏว่ามีลักษณะเหมือนของหลวงปู่ชุ่มเปี๊ยบเลย กระทั่งสีสันก็แทบจะไม่แตกต่างกัน ท่านปู่บอกด้วยว่า ขอให้หลวงพ่อทำตามที่พระท่านบอก ท่านปู่จะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง…

    หลวงพ่อให้ลูกศิษย์ไปหาลูกแก้วมา ลูกศิษย์ตัวดีก็เหลือเกิน ไปเหมาลูกแก้วเด็กเล่นที่บางลำพูมาทั้งกระจาด (จะให้ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้) หลวงพ่อก็เมตตาทำพิธีให้ โดยมีแก้วจักรพรรดิเป็นองค์ประธาน แล้วแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์เป็นการภายใน ๒ วาระ ปรากฏว่าผู้ที่รับไปต่างก็มีผลทางด้านลาภเป็นที่น่าอัศจรรย์…

    ต่อมาจึงทำแจกเป็นการสาธารณะ โดยใช้แก้วคริสตัลของออสเตรียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ที่ได้ไปก็ประสพผลในด้านต่าง ๆ ทั้งลาภผล แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นสารพัดนึกจริง ๆ หลวงพ่อจึงเรียกว่า “แก้วมณีรัตนะ” คือ เหมือนกับมีแก้วจักรพรรดิไว้ในครอบครองนั่นเอง…

    หลวงพ่อเองท่านก็ออกปากว่า ตั้งแต่ได้แก้วจักรพรรดิมา การงานการเงินมีความคล่องตัวมาก ในองค์หลวงพ่อพกของมงคลอยู่เพียง ๒ อย่าง คือพระบรมสารีริกธาตุ และลูกแก้วจักรพรรดินี้เอง การพุทธาภิเษกทุกครั้ง หลวงพ่อต้องนำแก้วจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน

    ลูกแก้วจักรพรรดิที่หลวงปู่ชุ่มมอบให้ เป็นลูกแก้วขนาดเขื่องกว่าลูกปิงปองเล็กน้อย มีลวดลายคล้ายสีทองในเนื้อแก้ว เปล่งแสงสีม่วงอ่อน เหลือบรุ้งสวยงามยิ่งนัก ต่อมางานของหลวงพ่อมากขึ้นทุกที “ท่านย่า” จึงมอบแก้วให้อีก ๑ องค์ บอกว่าเป็นองค์น้อง มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย หลวงพ่อก็ใช้ควบคู่กันเรื่อยมา…

    อาตมาพบปาฏิหาริย์ของแก้วมณีรัตนะ อย่างชัดเจนที่สุดวาระหนึ่ง คืออาตมาตีเช็คล่วงหน้าไป ถึงเวลาหาเงินเข้าบัญชีไม่ทัน ถ้าหาเงินสองแสนบาทไม่ได้ภายในสองวัน ก็คงติดคุกหัวโตกันบ้าง หันหน้าไปพึ่งใครเข้าก็เบือนเป็นแถว (อีตอนพึ่งเราละวิ่งเข้าใส่…)

    หมดท่าเข้าจริง ๆ อาตมาก็พึ่งลูกแก้วของหลวงพ่อ นำลูกแก้วมาตั้งเฉพาะหน้า แล้วอธิษฐานขอเอาดื้อ ๆ จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจภาวนา ผลที่ออกมาเหลือเชื่อ คือมีผู้ให้ยืมเงินจำนวนสองแสนบาท โดยที่คนให้ยืมนั้น เคยเห็นหน้าอาตมาครั้งเดียวเท่านั้นเอง…!

    ผู้ที่ได้แก้วมณีรัตนะรุ่นแรก (แก้วเด็กเล่น) ไป ถึงได้หวงกันเป็นนักหนา ถึงลักษณะเป็นลูกแก้วเด็กเล่น แต่อานุภาพไม่ได้ล้อเล่นด้วย ท่านปู่พระอินทร์บอกว่าอานุภาพเกือบเท่าของจริงเลยทีเดียว (มิน่าล่ะ…ขออะไรได้อย่างนั้นเลย…)

    แก้วมณีรัตนะรุ่นแรกนั้น อาตมาได้รับจากหลวงปู่มหาอำพัน โดยที่ผู้ได้รับพร้อมกันมี พี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) เกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ต่างคนต่างรักษายิ่งกว่าชีวิต เพราะของดีของมงคลที่รับจากมือครูบาอาจารย์แบบนี้ ใช่ว่ามีกันบ่อยเสียเมื่อไร รับจากคนอื่นอาจเป็นของปลอมก็ได้ใครจะรู้…!

    ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg

    วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๗.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระครูปฐมสาธุวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร ทำการปลุกเสกพญาเต่ามังกรหยก ณ วัดสี่แยกเจริญพร ถนนพนมทวน – กำแพงแสน ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๒๙-มีนาคม-๒๕.jpg

    วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เข้าร่วมสัมมนากับเจ้าหน้าที่ของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในโครงการศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญางานหัตถกรรม ประจำปี ๒๕๖๒ ณ บ้านเลขที่ ๒๑ หมู่ที่ ๖ ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายสมบุญ – นางลอน พวงสุวรรณ เจ้าของรางวัลครูศิลป์ของแผ่นดินประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาและประชาสัมพันธ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนทางหัตถกรรมต่อไป

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ผลบุญใดก็ตามที่เป็นของพระอรหันต์ท่าน โดยเฉพาะพระอรหันต์ที่เป็นเอตทัคคะ คือมีความเป็นเลิศพิเศษในทางใดทางหนึ่ง ถ้าเราบูชาท่าน ผลบุญที่ท่านไม่ต้องใช้แล้วเพราะท่านเข้านิพพานแล้ว ผลบุญนั้นจะสำเร็จแก่เราด้วย

    ดังนั้นเขาถึงบอกว่า ผู้ที่บูชาพระสีวลีส่วนใหญ่จะมีลาภมาก คือท่านไม่จำเป็นต้องใช้ลาภนั้นเพราะเข้านิพพานไปแล้ว กุศลที่ท่านทำจึงตกถึงผู้ที่บูชาท่านด้วย
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ๆ-นี่ได้เปร.jpg

    การทำบุญบ่อย ๆ นี่ได้เปรียบนะ ใจได้สละออกไปเรื่อย ๆ ความเคยชินทำให้ต่อไปก็จะสละได้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้น ตัวเราเองกว่าจะหาทรัพย์สินเงินทองมาได้ก็ด้วยความเหนื่อยยาก การที่จะสละออกไปทำบุญนั้นต้องอาศัยกำลังใจสูงมาก

    กำลังใจอย่างเดียวก็ไม่พอ ต้องมีปัญญารู้อีกด้วยว่าบุญนั้นเป็นสิ่งดี ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปทำ คนเราถ้าก้าวมาถึงในระดับที่รู้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดควร แล้วก็เลือกทำได้นั้น จริง ๆ แล้วมีโอกาสที่จะพ้นกระแสได้ทุกคน

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๓๐-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๓๐-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๓๐-มีนาคม-๒๕.jpg
    -๓๐-มีนาคม-๒๕.jpg

    วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๕.๐๙ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระครูสุวรรณปุญญรักษ์ เจ้าอาวาสวัดเดิมบาง เจ้าคณะตำบลเดิมบาง เข้าปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อกวย รุ่นกตัญญู ณ อุโบสถวัดเดิมบาง (คงคาราม) เลขที่ ๒๓๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ก่อนและหลังพุทธาภิเษก พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ได้สนทนาขอความรู้จากท่านอาจารย์เฒ่าสุพรรณ (นายสมจิตร เทียมจันทร์) ศิษย์ฆราวาสอาวุโสใกล้ชิดของหลวงพ่อกวยหลายอย่างด้วยกัน

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    คลิปบรรยากาศงานหล่อหลวงพ่อทองคำ วัดท่าขนุน
    หล่อเมื่อ วันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
    ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    ขอบพระคุณคลิปจากชมรมโมทนาบุญพลังจิตค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๓๑-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานการสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เดินทางไปเยี่ยมพระครูโกศลกาญจนวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดเชิงเขา ที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ได้มอบปัจจัยช่วยค่ารักษาเป็นจำนวนเงิน ๕,๐๐๐ บาทถ้วน

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg
    -๓๑-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๒.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เป็นพระอุปัชฌาย์ทำการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนจำนวน ๘๔ รูป ณ ศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพงานปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อกวย รุ่นกตัญญู
    ณ อุโบสถวัดเดิมบาง (คงคาราม) จ.สุพรรณบุรี
    วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วิธีที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญถาวรครบถ้วนห้าพันปีนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ พุทธบริษัททั้งหมดจะต้องยึดถือตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและทำให้ได้ผล ทำให้เกิดผล เมื่อตัวเราทำได้เกิดผลแล้วจะสร้างศรัทธาขึ้นในหมู่ของผู้คนที่อยู่รอบข้าง เมื่อถึงเวลาเราจะพูดจะทำอะไรก็ตาม ก็จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์น่าเชื่อถือ เพราะว่าทำได้เองแล้ว
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๙.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๙ : พบพระองค์ที่ ๑๑

    หลังจากที่ “พระองค์ที่ ๑๐” เสด็จมาโปรดลูก ๆ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง จนเกิดเรื่องราวกันวุ่นวายใหญ่โต หลวงพ่อท่านก็สร้างศาลาที่โคนโพธิ์ริมน้ำ ประดิษฐานรูปหล่อของพระองค์ที่ ๑๐ และยังให้ช่างปั้นรูปหล่อของ “พระองค์ที่ ๑๑” ไว้บูชาคู่กันด้วย…

    หลวงพ่อท่านเล่าว่า พระองค์ที่ ๑๑ นั้น ประกอบด้วยบุญญาบารมียิ่งกว่าพระองค์ที่ ๑๐ เสียอีก และในงานเป่ายันต์เกราะเพชรปลายปีนี้ พระองค์ที่ ๑๑ รับปากว่าจะเสด็จมาโปรดลูก ๆ ของหลวงพ่อ เช่นเดียวกับพระองค์ที่ ๑๐ บ้าง…

    พอศาลาและรูปปั้นของท่านสร้างเสร็จ อาตมาก็บอกบุญพวกพ้องทั้งหมด ให้ร่วมกันซื้อเก้าอี้นวมถวายท่าน ได้นัน (นันฑิญา เหลืองถาวรกุล) เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ขายให้ในราคาถูกเป็นพิเศษ แถมขนมาส่งให้จนถึงที่อีกด้วย…

    โส่ย (จันทกานต์ ตรีอุดมสิน) ถักหมอนอิงใบโตให้ พวกเรานำทั้งเก้าอี้และหมอนอิงสีขาวเข้ากันทั้งชุด ไปตั้งถวายเป็นพุทธบูชา ที่เบื้องหน้ารูปปั้นของท่าน อธิษฐานด้วยความปลื้มใจว่า “เมื่อท่านเสด็จมาโปรด ขอโอกาสให้ลูกได้พบด้วยเถิด…”

    พรรคพวกพี่น้องตามกันเป็นโขยง เพราะทุกคนเกิดความมั่นใจว่า อาตมาจะต้องเป็นคนพบพระองค์ที่ ๑๑ อย่างแน่นอน ก่อนงานสองวัน อาตมานำพี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) เกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) พร (ชยาพร ลี้ประเสริฐ) ติ๋ว (ร.ท.หญิงสิริพร จอมผา) และลูกสาวคนโตที่เพิ่งหัดหนีเที่ยวของอาตมา คือ ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปวัดด้วยกัน…

    ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ คาราวานรถเทรลเลอร์ บรรทุกพระพุทธรูปหน้าตัก ๒๙ นิ้ว เกือบ ๓๐๐ องค์ มาจากพิจิตร อาตมาและลูก ๆ ทั้งหลายของหลวงพ่อ ช่วยกันขนลงไปไว้ที่ใต้อาคารโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา รอบรรดาโรงเรียนต่าง ๆ มารับแจก…

    เขาใช้เวลาขนขึ้นนานเท่าไรไม่รู้ แต่พวกเราช่วยเฮพักเดียวก็เรียบร้อย ยิ่งองค์หลวงพ่อลงไปบัญชาการเอง พวกเราก็ทำงานกันแบบลืมเหนื่อย ทั้งลูกหญิงลูกชายแข่งกันขนแบบไม่ยอมน้อยหน้ากันเลย (ต่อหน้าพ่อต้องเก่งเอาไว้ก่อน…)

    หลังงานขนพระแล้ว อาตมาก็นำพรรคพวกตะลุยหาพระองค์ที่ ๑๑ รอบวัด จะมืดค่ำขนาดไหนไม่สนใจทั้งนั้น ลุยกันป่าราบเป็นแถบ ๆ งูเงี้ยวเขี้ยวขอเผ่นกันกระเจิง เพราะว่ามีคนยกขบวนแห่ตามมาเป็นสิบ ๆ งานกวนข้าวทิพย์ก็กำลังสนุก ซ้ำยังมีคนมารายงานว่า ได้พบกับหลวงปู่ใหญ่โลกอุดรด้วย พวกเรายิ่งลุยกันชนิดสุดแรงบ้าเลยล่ะ…

    เกือบเที่ยงคืนถึงยอมแพ้ กลับไปนอนหมดแรงที่อาคาร ๑๗ ห้อง เก้าคนนอนหัวชนกันเป็นลูกระนาดเลย ติ๋วซึ่งอุ้มแตงท้องโย้ นอนติดกับอาตมาตรงประตู แถมออกคำสั่งด้วยว่า “ดึก ๆ เขาจะปลุกไปเป็นเพื่อนตอนลุกไปห้องน้ำนะ…” เฮ้อ…ทำไมถึงต้องเป็นเรา…?

    ประมาณตีสาม อาตมาตื่นขึ้นมาตามความเคยชิน ลืมตาขึ้นมาก็งงเป็นไก่ตาแตก เรามานอนอยู่กลางแจ้งตั้งแต่เมื่อไรหว่า…? รอบตัวว่างโล่งไปหมด ทั้งหอพระ ตึกธัมมวิโมกข์ โบสถ์ หอนาฬิกา ศาลานวราชบพิตร ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด…!

    ฝั่งตรงข้ามที่เป็นวัดเก่านั่นเอง เทวดาองค์มหึมายืนตระหง่านค้ำฟ้า กายสีขาวสว่างจ้าอย่างกับเพชร นั่นท่านปู่มหานาคานี่นา ท่านปรากฏกายด้วยเหตุใดกัน…? ความคิดยังไม่ทันสิ้นสุด สิ่งมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา…!

    ประกายสีทองเจิดจ้าแพรวพราว ราวกับจะข่มทุกอย่างให้หมองราศี ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าตะวันออก แล้วเลื่อนลอยเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้า เห็นเป็นพระภิกษุหนุ่ม ผิวพรรณสีทองอร่ามตา ยิ้มแย้มแจ่มใสสวยงามจนบอกไม่ถูก…!

    รูปร่างท่านคล้ายกับหลวงปู่ปานตอนหนุ่ม ๆ ไม่มีผิด ภิกษุผู้ปรากฏกายอย่างพิสดาร กล่าวกับอาตมาว่า “ลูกเอ๋ย…อย่าไปเดินหาพ่อแบบนั้น มันอันตรายนะลูกนะ ถ้าอยากพบพ่อจริง ๆ พรุ่งนี้ให้ไปกราบรูปปั้นของพ่อที่ใต้ต้นโพธิ์ริมน้ำ หรือไปกราบหลวงพ่อของเจ้า พ่อจะอยู่แค่สองที่นี้เท่านั้น อย่าลืมนะลูก…”

    พอจบคำ ท่านก็ลอยหายลับไปทางเดิม ท่านปู่มหานาคาก็หายวับไปกับตา หมู่ตัวอาคารต่าง ๆ ปรากฏพรึ่บขึ้นมาอย่างเดิม กลายเป็นอาตมานั่งอยู่ในห้องพัก รอบข้างเพื่อน ๆ ยังหลับเหมือนสลบไสล ไม่มีใครตื่นขึ้นมาร่วมรับรู้ด้วยซักคนเดียว…

    เช้ามืด…อาตมารีบไปยังใต้ต้นโพธิ์ริมน้ำ โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวใครเลย พอไปเกือบถึงหน้ารูปปั้นของท่าน อาตมาก็เห็นพระภิกษุองค์หนึ่งห่มจีวรสีเหลืองอร่าม นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจ อาตมาโมโหแทบไฟแล่บ “พระที่ไหนนะ..? ช่างไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเลย…!”

    ตรงเข้าไปจะต่อว่า ที่ท่านบังอาจมานั่งบนที่บูชา พอเข้าไปถึงก็ต้องขยี้ตาตัวเอง ไม่เห็นมีใครซักคน แล้วเมื่อกี้ใครกันล่ะ ? เก้าอี้และหมอนอิงต่างก็เป็นสีขาว ไม่มีทางที่จะตาฝาดเห็นเป็นสีเหลืองไปได้ อาตมาขนลุกซู่ไปทั้งตัว รีบกราบลงแทบไม่ทัน…

    ไม่กล้าบอกกล่าวกับใครเลย เพราะว่าเหตุการณ์ทั้งเมื่อคืนและตอนเช้า อาตมาพบเห็นอยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเป็นประจักษ์พยาน จึงไปช่วยงานที่ศาลา ๔ ไร่ ผู้คนแห่กันมาในงานเป่ายันต์ฯ แน่นไปหมด ช่วยจัดระเบียบแถวเข้าถวายสังฆทานเสียแทบแย่…

    การเป่ายันต์ฯ รอบแรกผ่านไป บรรดาผู้ที่ถูกของไสยศาสตร์มา ต่างดิ้นกันแทบศาลาถล่ม พอการเป่ายันต์ฯ รอบสองจบลง กำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ ได้ยินเสียงหลวงพ่อถามว่า “เออ…เมื่อคืนมีใครพบพระองค์ที่ ๑๑ บ้างหว่า…?”

    อาตมาได้แต่รับว่า “ผมครับ” อยู่ในใจ เพราะว่าไม่มีใครเป็นพยาน เลยไม่กล้าเสนอหน้า กลัวโดนตะพด เสียงหลวงพ่อกล่าวต่อไปว่า “เมื่อคืนพระองค์ที่ ๑๑ ท่านมาตอนตีสาม ท่านตั้งใจให้เห็นทุกคน ถ้าใครไม่หลับรับรองว่าได้พบท่านแน่..!”

    “ตอนนี้ท่านคุมฉันอยู่ และอยู่ที่โคนโพธิ์ริมน้ำอีกแห่งหนึ่ง ใครรับยันต์ฯ แล้วจะไปกราบท่าน ก็ข้ามไปที่ฝั่งวัดเก่านะ…” อาตมาแทบเขกกบาลตัวเองด้วยความเจ็บใจ พบกับท่านจัง ๆ ถึง ๒ วาระด้วยกัน แต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาเลย…!

    กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ทำไมพระองค์ท่านไม่เสด็จมาแบบพระองค์ที่ ๑๐..? หลวงพ่อตอบว่า “ท่านกลัวพวกแกไม่ยอมปล่อยให้กลับเหมือนพระองค์ที่ ๑๐ เลยต้องมาแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกแกก็สร้างกรรมกับท่านแบบพระองค์ที่ ๑๐ อีก..!”

    มือลูกสิบนิ้ว ยกขึ้นเหนือคิ้ว
    ต่างธูปเทียนทอง
    มุ่นมวยเกศา ต่างมาลากรอง
    ดวงเนตรทั้งสอง ต่างประทีปถวาย
    ผมเผ้าเกล้าเกศ ต่างปทุเมศ
    บัวทองพรรณราย
    วาจาเพราะพร้อง ต่างละอองจันทร์ฉาย
    ขอน้อมถวาย บูชาทรงธรรม์


    ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วิธีฝากบ้านกับเทวดา


    วิธีฝากบ้านกับเทวดา ต้องหาทรายมากระบะหนึ่ง ใส่ถาดก็ได้ ใส่กระบะก็ได้ เสร็จแล้วก็วางไว้หน้าหิ้งพระ ตั้งใจขอบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ทั้งหมด โดยเฉพาะพระภูมิเจ้าที่ ให้ช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านด้วย อย่าให้ข้าวของสูญหาย หรือเสียหายระหว่างที่เราไม่อยู่

    เสร็จแล้วก็ตั้งใจ จุดธูปห้าดอกว่า “นะโมฯ” สามจบ
    ปักธูปดอกที่หนึ่งทางทิศเหนือ ว่าคาถาว่า “เวสสุวัณโณ”
    ดอกที่สองทางทิศใต้ว่า วิรุฬปักษี”
    ดอกที่สามทางทิศตะวันตกว่า “วิรูปักษา”
    ดอกที่สี่ทางทิศตะวันออกว่า “ธตรโฐ”
    ดอกสุดท้ายปักตรงกลางว่า “นะโมพุทธายะ”

    ปักเวียนขวาไป ดอกแรกเอาทางด้านทิศเหนือ แล้วไล่ไปทีละทิศ พอครบแล้ว ดอกสุดท้ายปักตรงกลางว่า “นะโมพุทธายะ” พระพุทธเจ้าห้าองค์ เพียงแต่ว่าต้องขยันทำทุกวัน ไม่เหมือนไม้กันขโมย ที่ตีลงดินแล้วลืมได้เลย อย่าลืมคาถา “เวสสุวัณโณ วิรุฬปักษี วิรูปักษา ธตรโฐ นะโมพุทธายะ”

    ถาม : ถาดทรายนี้ เล็ก ๆ ได้ไหมคะ ?
    ตอบ : เล็ก ๆ ก็ได้ เอาแบบที่เขาใส่ขนมหม้อแกง กำลังดีเลย ไม่ต้องใหญ่ วางไว้หน้าหิ้งพระ

    ถ้าจะฝากกันตรง ๆ ต้องอย่างนี้ ถ้าหากว่าเราไม่มีใครอยู่บ้านก็ใช้วิธีนี้ ท่านอนุญาตให้ ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา มีพระภูมิเจ้าที่เป็นที่สุด ให้ช่วยสงเคราะห์ดูแลทรัพย์สินทั้งหมด อย่าให้สูญหาย อย่าให้เสียหาย เสร็จแล้วก็ตั้งใจ จุดธูปปักไปเลย อย่าลืมนะ..ดอกสุดท้ายต้องปักตรงกลาง

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๓๑-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๙.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ทำการจารเหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลดเนื้อทองคำ ๓ เหรียญ สำหรับเจ้าภาพหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ และเนื้อชนวนหลวงพ่อนาก ๔๕๐ เหรียญ เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกแก่เจ้าภาพกองทุนทำบุญอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. และท่านที่บูชาบาตรน้ำมนต์ ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.และเนื้อพิเศษทดลองพิมพ์ ๒๔ เหรียญ สำหรับท่านที่เป็นเจ้าภาพหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ เจ้าคณะตำบลยายชา เพื่อพิจารณาผ้าไตรบังสุกุล ในงานทำบุญครบรอบปีวันมรณภาพพระพิศาลศึกษากร (สงัด อุคฺคเสโน) ณ ศาลาการเปรียญวัดบางช้างเหนือ เลขที่ ๗๙ หมู่ที่ ๓ ตำบลคลองใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg
    -๑-เมษายน-๒๕.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๑๕.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระราชวิสุทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ในงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๗๒ ปี พระโสภณกาญจนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี ณ ศาลาการเปรียญวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีพระเดชพระคุณพระวิสุทธิวงศาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานในพิธี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    สัจธรรม

    ๑. การมีร่างกาย อย่างไรก็ต้องป่วยแน่
    ๒. ถ้าสร้างกรรมเอาไว้ อย่างไรก็ต้องรับ
    ๓. ความตายอยู่แค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๔๐.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๐ : ฝนล้างอาถรรพ์

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นพระผู้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ศาสนา และประชาชน อย่างอเนกอนันต์ ทั้งในทางโลกและในทางธรรม ด้วยเหตุที่ท่านเป็นคนตรง จึงมักพูดหรือเทศน์แบบขวานผ่าซาก ทำให้ชาวบ้านได้รับรู้และเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ขึ้นอีกเป็นอันมาก แต่มันกระทบกระเทือนต่อนักบวชเลว ๆ และฆราวาสผู้กอบโกยโกงกินทั้งหลาย จึงเป็นเหตุให้ท่านมีศัตรูเป็นจำนวนมาก

    ที่สำคัญคือ…มีลัทธิการเมืองลัทธิหนึ่งต้องการครอบครองประเทศไทย ทำการล้มล้างประเทศของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ไม่สำเร็จซักที เขารวบรวมข้อมูลแล้ววิจัยออกมาว่า เหตุที่ทำลายชาติของเราไม่ได้ เพราะเราประกอบด้วยสถาบันหลัก ๓ ประการคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คอยค้ำจุนเอาไว้ ถ้าต้องการล้มล้างชาติไทย ต้องทำลายเสาหลักทั้งสามให้ได้เสียก่อน เมื่อจับจุดได้ดังนี้ เขาก็เริ่มดำเนินการทันที…

    อันดับแรกก็ปลุกปั่นยุยงให้ชนในชาติแตกความสามัคคี โดยยกเหตุข้าราชการเลว ๆ ที่กอบโกยโกงกิน ซ้ำยังข่มเหงรังแกชาวบ้าน หรือช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ที่ต่างกันราวฟ้ากับดินขึ้นมาอ้าง แค่นั้นยังไม่พอ ยังยุยงชนกลุ่มน้อยที่ปรารถนาจะมีประเทศของตน และผู้ที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกัน ให้ลุกฮือขึ้นก่อการกบฎ โดยให้ความหวังว่า ถ้าลัทธิของเขาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทุกคนจะอยู่ดีมีสุขโดยทั่วหน้ากัน…

    น่าเสียดาย…ที่ความพยายามของพวกเขาต้องสูญเปล่า เพราะเรายังมีศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์เป็นที่ยึดมั่น อย่างดีก็รวนเรกันไปพักหนึ่ง พอองค์ในหลวงมีรับสั่งออกมาอย่างไร ชาวบ้านก็พร้อมใจกันปฏิบัติตามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงปล่อยข่าวทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีบางท่านประพฤติตนชนิดเตะลูกเข้าทางตีนของพวกเขาด้วย เลยระส่ำระสายไปพักใหญ่…

    แต่ด้วยบุญญาบารมีของในหลวง ที่ทรงสร้างแต่ความดี เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี โดยมิเห็นแก่ความเหนื่อยยากพระวรกาย ติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานเหลือเกิน ทำให้การทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของเขา ไม่อาจสำเร็จลงได้อย่างใจ มิหนำซ้ำยามชาวบ้านทุกข์ใจ ยังพากันหันหน้าเข้าวัด สงบจิตสงบใจทำบุญสุนทานกัน เป็นเหตุให้มีจุดยึดที่หนักแน่นมั่นคง เจ้าของลัทธิมหาประลัยจึงทุ่มเททั้งกำลังคนกำลังทรัพย์ เพื่อทำการล้มล้างสถาบันศาสนาให้ได้ หมดเท่าไรเท่ากัน…

    เขาทุ่มเทเงินทองซื้อตัวนักบวชเลวเป็นจำนวนมาก ให้ช่วยกันบ่อนทำลายพระศาสนา เขามั่นใจถึงกับกล้ากำหนดว่า เมื่อนั้นเมื่อนี้เป็นเวลากี่ปี เขาจะสามารถตัดภาคอีสานทั้ง ๑๖ จังหวัด (ในขณะนั้น) ไปเป็นของเขา ซ้ำส่งคนของเขาเข้ามาบวช แล้วทำความเลวทุกรูปแบบให้ชาวบ้านเห็น และซื้อตัวนักหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนบางคน ช่วยกระพือข่าวซ้ำเติมให้ลุกลามใหญ่โต เป็นการขยายผลความระยำที่พวกเขาสร้างขึ้น ให้ชาวบ้านหลงเชื่อจะได้เกลียดชังศาสนา ด้วยระอาต่อนักบวชเลวระยำที่เห็นตำตาอยู่ (ที่แท้พวกเขาทั้งนั้น)…

    ความพยายามของเขาน่าจะได้ผล ถ้าพวกเราไม่มีหลวงปู่-หลวงพ่อผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบคอยถ่วงดุลย์เอาไว้ ใครจะทำเลวอย่างไรก็ช่าง พระดี ๆ ยังมีอยู่อีกมากนัก ชาวบ้านเขามีปัญญารู้จักเลือกว่าอะไรดีอะไรเลว เขาก็หันไปยึดเกาะพระที่เขาเคารพบูชาอย่างเหนียวแน่น ยิ่งฝ่ายโน้นทำความเลวให้เห็นมากเท่าไร ก็ยิ่งหนุนเสริมให้ความดีของหลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายโดดเด่นขึ้นมากเท่านั้น (กลับตาลปัตรแบบนี้ก็ปวดกบาลไปซิ…)

    เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นอย่างนี้ พวกเขาก็ลงมติให้จัดการขั้นเด็ดขาด ขึ้นบัญชีดำพระผู้เป็นหลักของพระศาสนาในช่วงนั้นทั้ง ๕๒ องค์ ส่งมือสังหารตามเก็บกันเลย น่าอนาถที่เขากระทำกันถึงเพียงนั้น แต่ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่-หลวงพ่อทั้งหลาย อันตรายต่าง ๆ จึงผ่านพ้นไปแบบน่าใจหายใจคว่ำ ชนิดที่ผู้คิดร้ายต้องแพ้ภัยตัวเองฉะนั้น…

    โดยเฉพาะองค์หลวงพ่อของเรานั้น บรรดาศัตรูทางลัทธิถือเป็นหมายเลขหนึ่งที่ต้องกำจัดให้ได้ แต่ด้วยความสามารถที่นอกเหตุเหนือผลของหลวงพ่อ เหล่ามือสังหารต่างพ่ายต่อบารมี นอกจากเลิกคิดทำอันตรายหลวงพ่อแล้ว ยังเข้าไปกราบสารภาพความผิด ซ้ำเปิดเผยจนหมดสิ้นว่า ใครที่ไหนเป็นผู้ส่งตัวเขามา ซึ่งคำสารภาพเหล่านี้ เป็นประโยชน์ต่อทางราชการเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้รู้ถึงบุคคลที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเลวระยำได้ถึงเพียงนั้น…

    เมื่อเล่นกันซึ่งหน้าไม่สำเร็จ เขาก็หันไปใช้ไสยเวทย์อาคม บรรดาหมอไสยศาสตร์ทั้งหลาย ทั้งในคราบผู้ทรงศีลห่มเหลืองก็ดี ในคราบผู้ทรงศีลห่มขาวก็ดี ซึ่งที่แท้ก็คือสัตว์นรกที่แฝงกายหากินกับศาสนา ถูกจ้างให้ทำลายหลวงปู่-หลวงพ่อเป็นการเฉพาะ จะใช้วิชาทางไสยศาสตร์แบบใดก็ได้ ขอเพียงหลวงปู่-หลวงพ่อทั้งหลายมรณภาพลงได้ เอาไปเลยเงินสดรายละเป็นล้าน ๆ บาท…!

    หลวงปู่-หลวงพ่ออีก ๕๑ องค์ จะโดนกันหนักหนาสาหัสขนาดไหนก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่สำหรับหลวงพ่อของเราแล้ว ทั้งที่อาตมาเห็นด้วยตนเอง และที่ท่านบอกเล่าให้ฟัง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว บอกได้แค่ว่า ถ้าเป็นคนอื่นมีอีกล้านคนก็ตายทั้งล้านคน ไสยศาสตร์นั้นมันน่ากลัวเหลือที่จะกล่าว ความตายลึกลับที่เกิดขึ้นนั้น วิทยาการสมัยใหม่ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ได้แต่ลงมรณบัตรไปอย่างคลุมเครือว่า “หัวใจล้มเหลว” แค่นั้น…!

    บรรดาหมอไสยศาสตร์เริ่มบุกวัดตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ สารพัดอย่างที่พวกเขาจะทำ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยของ ฝังอาถรรพ์ คุณผี คุณคน ฝังรูป ฝังรอย เผาหุ่น เอากันทุกท่า ซึ่งถ้าทำที่อื่นก็คงจะมีผล แต่ที่วัดท่าซุงนั้น เทวดาคือ ท้าวจตุโลกบาลและบริวารทั้งหมด ขีดรัศมีไว้ว่า ระยะ ๔ กิโลเมตรรอบวัด ของไสยศาสตร์ทุกอย่างที่ทำมา พอเข้าเขตจะเสื่อมทันที…

    เวลาวัดมีงานจะเพิ่มเป็นรัศมี ๑๖ กิโลเมตรรอบวัด แบบนี้เขาทำมาเท่าไรก็เสียเวลาเปล่า ซ้ำยังเหนื่อยฟรีอีกด้วย พวกเขาจึงแค้นใจมาก (แปลกดีนะ ทำเขาไม่ได้ยังมีหน้ามาโกรธเขาอีกแน่ะ…) บุกเข้ามาทำกันในวัดเลย ของส่วนใหญ่ทำแล้วไม่ได้ผล ที่พอจะมีผลบ้างก็ถูกอานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับ บาดเจ็บล้มตายไปหลายราย…

    พวกเขาโดนไปขนาดนี้ยังไม่มีเข็ด เนื่องเพราะนอกจากเงินจำนวนมหาศาลซึ่งล่อใจแล้ว คราวนี้ยังต้องแข่งขันกันเองอีกว่าใครจะเป็นผู้ล้มหลวงพ่อลงได้ ถ้าใครทำได้สำเร็จ ทั้งชื่อเสียงเงินทองก็จะไหลมาเทมา (ดูเอาเถอะ…เขาทำกันได้ขนาดนี้ พวกหิ่งห้อยไม่ได้เจียมสังขาร หมายประชันขันแข่งกับดวงอาทิตย์แท้ ๆ เชียว…)

    อาตมาและญาติโยมเป็นพัน ๆ คน เห็นกับตาตัวเองว่า ขณะที่หลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงอยู่ที่ลานโบสถ์ ปรากฏตะปูตอกโลงผีเป็นจำนวนมาก ตกลงมาจากกลางอากาศ หลวงพ่อบอกว่า เป็นของที่เขาทำมาแต่เสื่อมอานุภาพหมดแล้ว ถ้ายังมีอานุภาพอยู่จะมองไม่เห็น นี่เทวดาเขาทำลายแล้ว และปล่อยไว้ให้พวกเราประจักษ์แก่ตาตนเอง…

    ช่วงนั้นประมาณปี ๒๕๒๙ เวลาห้าทุ่มและตีสอง ของทุกวันเสาร์และวันอังคาร ถ้าหมาวัดหอนพร้อมกันเมื่อไรละก็ ไปรอดูฝนตะปูตกแถวโบสถ์ได้เลย มาตรงเวลาทุกครั้ง เก็บได้ครั้งละมาก ๆ จนในที่สุดพวกเขาคงหมดวัตถุดิบ ไม่มีปัญญาหาตะปูตอกโลงผีมาทำอีก ต้องเลิกไปโดยปริยาย (คงรื้อโลงรื้อเมรุกันหมดไปหลายป่าช้าแน่ ๆ…)

    ของอาถรรพ์ที่ส่ง นอกจากตะปูตอกโลงผีแล้ว ยังมีเงินปากผี กระดูกผีตายโหง หาอะไรไม่ได้จริง ๆ กระโถนลงยันต์ก็ส่งมา (อาจจะเป็นกระโถนผี ฮิ..ฮิ…) หลวงพ่อบอกว่ายังไม่เก่งจริง สมัยหลวงปู่ปานเขาส่งครกตำข้าวมาทั้งใบ (เสกให้เล็กจนเป็นฝุ่นส่งมาด้วยฤทธิ์นะจ๊ะ ไม่ได้ฝากรถขนมา…) โดนต้นหางนกยูงโค่นไปเลย ถ้าถูกคนก็ตายแน่…

    ใช่แต่ทางอากาศเท่านั้น ทางไปรษณีย์พวกเขาก็ส่งมาเป็นประจำ อาตมาสังหรณ์ใจทีไร เปิดดูเป็นใช่ทุกที นอกจากส่งให้หลวงพ่อแล้ว ยังส่งให้หลวงลูกอีกหลายองค์ อาตมารื้อดูแล้วก็โยนลงถังขยะไป เสียเวลาเสียค่าส่งเปล่า ๆ ไม่เห็นมีผลอะไรเลย “ถ้าจะให้ดีส่งเหล็กเส้นมาซักหลาย ๆ ตันดีกว่า กำลังต้องการใช้ในการก่อสร้างอยู่มาก…” หลวงพ่อท่านว่า...

    ของบางชิ้นทำมาแรงมาก เขาเอามาถวายตอนงานวัด พระอื่นจะรับหลวงพ่อห้ามไว้แล้วรับเอง ท่านบอกว่า “มันปวดจี๊ดขึ้นมาถึงข้อศอกแน่ะ…” แฮ่…ถ้าอาตมารับเองมีหวังชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้นแหละ…พวกใจถึงก็มานั่งล้อมทำหลวงพ่อซึ่ง ๆ หน้าเลย ท่านประกาศออกไมโครโฟนบอกให้รู้กันทั่ว พวกนั้นเลยเผ่นแน่บ ขืนช้าโดนสหบาทารุมกระทืบแน่ ๆ…!

    เมื่อของไสยศาสตร์ทำไม่ได้ผล พวกเขาก็ส่งอสุรกาย สัมภเวสี เกาะติดคนเข้ามาในงาน เมื่อเกาะคนเข้ามาเทวดาเขาก็หมดสิทธิ์ไล่ เมื่อเริ่มพิธีพวกนี้จะดิ้นรนร้องโอดโอยโหยหวน ทำให้คนอื่นตกใจกลัว อาตมาตบคว่ำคามือมาหลายรายแล้ว ถ้าเป็นงานเป่ายันต์เกราะเพชรละสบายมาก พอเริ่มพิธีเจ้าพวกนี้อยู่ไม่ได้ เผ่นกันกระเจิดกระเจิง…!

    หลวงพ่อท่านบอกให้ภาวนาคาถามหาอำนาจเอาไว้ พวกอสุรกายจะทำอันตรายไม่ได้ คาถาว่า “ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ” ถ้าเป็นพวกผีที่ถูกผูกมา ให้ช่วยปล่อยไปเลย โดยใช้คาถา “สัมปฏิจฉามิ” เป่าให้ เครื่องทรมานทั้งหลายจะหลุดหมด เป็นอิสระจากการควบคุมของหมอผี (หลวงพ่อปล่อยไปมากมาย จนหมอผีหมดเนื้อหมดตัวไปตาม ๆ กัน)

    ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ นักบวชมหาภัยรูปหนึ่ง ที่ต้องการล้มล้างหลวงพ่อเพื่อยึดวัดให้ได้ เข้ามานั่งทำของไสยศาสตร์ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรเลย (ไอ้พวกไม่รู้จักตาย…) ตั้งแต่บ่ายโมงครึ่งถึงห้าโมงเย็น เขานั่งเงียบปลุกของอย่างคร่ำเคร่งอยู่คนเดียว ถูกอานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับ ถึงกระอักโลหิตหอบหิ้วกันกลับไป…!

    พอเป่ายันต์ฯ รอบแรกจบลง ทั้งที่แดดเปรี้ยง ๆ ฟ้าใสแจ๋วนั่นแหละ ฝนได้เทครืนลงมาอย่างหนัก พอครบ ๕ นาที ก็ขาดเม็ดเป็นปลิดทิ้ง หลวงพ่อบอกว่าของที่เขาทำเป็นของร้อน พระท่านเมตตาเอาความเย็นมาดับให้ เป็นการล้างอาถรรพ์ไสยศาสตร์ทั้งปวง บรรดาญาติโยมต่างฮือฮากันมาก วัตถุมงคลต่าง ๆ จำหน่ายเป็นเทน้ำเทท่า…

    เมื่อกริ่งบอกเวลาจบการเป่ายันต์ฯ รอบสองดังขึ้น ฝนก็เทตึงลงมาอีกเช่นเดิม ผู้คนนับหมื่นเฮพร้อมกัน ศาลา ๔ ไร่แทบถล่ม ต่างไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี ที่เห็นพุทธานุภาพเป็นที่ประจักษ์แก่ตาตนเอง พี่ก้อง (คุณก้องเกียรติ เพชรชื่นสกุล) มาถึงทีหลังการเป่ายันต์รอบสอง บอกว่าฝนตกแค่รอบบริเวณวัดเท่านั้น ทางมโนรมย์ที่ห่างแค่ ๓ กม. แห้งสนิทเลย จะให้มีฝนอย่างไรเล่าพี่เอ๋ย…ก็หน้าหนาวแดดแจ๋ออกอย่างนี้…!

    ๑ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๓-เมษายน-๒๕๖๒-เ.jpg
    -๓-เมษายน-๒๕๖๒-เ.jpg
    -๓-เมษายน-๒๕๖๒-เ.jpg
    -๓-เมษายน-๒๕๖๒-เ.jpg
    -๓-เมษายน-๒๕๖๒-เ.jpg

    วันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ เวลา ๐๘.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน นำผู้นำชุมชนและประชาชนในชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย และชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ ไปร่วมกิจกรรมข้าราชการและประชาชนจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน (๑ เมษายน) พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีนายสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ นายอำเภอทองผาภูมิเป็นประธาน ทำการปฏิญาณหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร แล้วร่วมกันทำความสะอาดบริเวณถนนเทศบาลตลอดสาย ตั้งแต่หน้าวัดทองผาภูมิไปจนถึงหน้าธนาคารออมสิน

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...