อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๔-เมษายน.jpg
    -๑๔-เมษายน.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๔.๔๕ น. ท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และท่านอาจารย์ประทีป ขจัดพาล สองศิลปินเพลงขลุ่ย มากราบลาพระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ณ ศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อลาไปร่วมงานที่ประเทศเกาหลีใต้

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๐๘.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี แห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) ทำพิธีปิดการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๓/๒๕๖๒ และมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ปฏิบัติธรรม ณ ศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๐๘.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ได้จัดให้มีการทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา และเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในวันสงกรานต์ ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg
    -๑๕-เมษายน-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๐.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ร่วมกับนายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ นายจำรัส คมขํา ประธานชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ นางพนอ จันทจิตร ประธานชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย นางสาวบุญสนอง บุญยงค์ ประธานชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน นายอำนาจ คำสาร ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษานอกโรงเรียนอำเภอทองผาภูมิ และชุมชนคุณธรรมจากสภาวัฒนธรรมตำบลห้วยเขย่ง ตำบลชะแล ตำบลลิ่นถิ่น ฯลฯ จัดขบวนแห่เพื่อสรงน้ำหลวงพ่อทองคำ จากสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ไปยังลานธรรมหน้า สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีคณะของนางจริญญา จักรกาย วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นแขกรับเชิญสำคัญมาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒.jpg

    ภาพวันสงกรานต์ประจำปี ๒๕๖๒
    วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุน

    ที่มา http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6569

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๔๖.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๖ : หลวงปู่ขนมจีน

    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี ด้วยสร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสามพระยา เจ้าอาวาสองค์แรกคือหลวงปู่ปาน (ซึ่งชื่อไปซ้ำกับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค) และมีความรุ่งเรืองเสื่อมโทรมสลับกันไปหลายวาระด้วยกัน…

    ขณะที่ “หลวงพ่อ” ยังจำพรรษาอยู่ที่วัดสะพาน จังหวัดชัยนาท คืนหนึ่งหลวงปู่ปาน วัดท่าซุง ไปปรากฏองค์และบอกว่า วัดท่าซุงนี้เป็นวัดที่ "หลวงพ่อ" เคยบูรณะมาสองครั้งแล้ว ขอให้ "หลวงพ่อ" ช่วยบูรณะขึ้นมาอีกสักครั้งเถิด…

    หลังจากนั้นไม่นาน พระครูสังฆรักษ์อรุณ อรุโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงในขณะนั้น ก็พาญาติโยมหลายคันรถไปรับ "หลวงพ่อ" แห่แหนมายังวัดท่าซุง "หลวงพ่อ" ท่านก็ทำพิธีบวงสรวงบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง และเจ้าอาวาสเก่าทุกองค์ที่มรณภาพไปแล้ว ขอความอนุเคราะห์ให้การบูรณะวัดมีแต่ความสะดวกด้วย….

    "หลวงพ่อ" เมตตาเล่าว่า บรรดาเจ้าอาวาสเก่าทั้งหลายมากันหมด ยกเว้นองค์หนึ่งทำลับ ๆ ล่อ ๆ จนต้องเชิญซ้ำจึงยอมเข้ามา องค์นี้ท่านบอกว่าท่านชื่อเส็ง เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สองถัดจากหลวงปู่ปานลงมา…

    ท่านบอกว่าท่านชอบขนมจีนทุกประเภท ถ้า "หลวงพ่อ" จะทำอะไร ให้จัดขนมจีนบูชาท่าน ๑ ที่ ท่านจะสงเคราะห์ให้ และบอกว่า "หลวงพ่อ" จะสร้างโบสถ์เสร็จภายในสามปี ซึ่งก็เป็นดังนั้นจริง ๆ ต่อมาไม่ว่าใครเดือดร้อนอะไร ก็ไปบอกกล่าวให้ท่านสงเคราะห์ พอสำเร็จก็แก้บนด้วยขนมจีนกันทุกบ่อย ไป ๆ มา ๆ พวกเราเลยเรียกท่านตามความสะดวกลิ้นว่าหลวงปู่ขนมจีน ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…

    หลวงปู่ขนมจีนท่านรับผิดชอบด้านความประพฤติ และความเป็นอยู่ของพระและฆราวาสในวัด คอยให้การสงเคราะห์เรื่อยมา จน "หลวงพ่อ" ดำริจะสร้างมณฑปถวายท่าน จึงมีบัญชาให้จัดที่บูชาขึ้นมา ๑ ที่ ด้านมุมตะวันตกเฉียงใต้ของโบสถ์...

    อาตมาช่วยหลวงตาวัชรชัย (พระวัชรชัย อินฺทวํโส) ขัดกระถางธูปเพื่อตั้งไว้บนที่บูชา ขณะขัดไปก็ปากหมาขาดการสำรวม พูดล้อเล่นว่า “นี่ถ้าขึ้นครบเจ็ดตัวจะทำไงดีล่ะ…?” หลวงตาท่านปรามว่า “ไอ้นี่…ทะลึ่งล่ะ…”...

    ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่งก็ก่อหวอดขึ้นภายในอก และค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเป็นลำดับ คือรู้สึกว่าอยากไปจากวัด… จะไปไหนก็ได้ ขอให้ไปให้ไกล ๆ ไม่กลับมาเลยยิ่งดี สึกหาลาเพศออกไปก็ได้…

    ยิ่งนานความรู้สึกยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ แม้ว่าจะมืดค่ำแล้วก็ตาม มันกระวนกระวายเหมือนอกจะระเบิด คล้าย ๆ กับเขื่อนที่ทานแรงน้ำจำนวนมหาศาลไม่ไหว จะพังถล่มทลายลงไปไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง…..

    เดินจงกรมจนสี่ทุ่มก็ไม่หาย อกจะแตกตายให้ได้ ไม่อยากอยู่วัดนี้แล้ว….! จนหมดหนทางจริง ๆ อาตมาก็เข้ากุฏิ ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด แล้วก็วิ่ง..วิ่ง .. วิ่ง..วนเวียนอยุ่ในกุฏิแคบ ๆ ขนาด ๖ x ๙ ฟุต วิ่งให้มันหายบ้าให้ได้….!

    หมดแรงพับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมา โอ้โฮ้….ฤทธิ์บ้าของเราหรือนี่…? ข้าวของกระจุยกระจายอย่างกับโดนพายุสลาตัน สรงน้ำแล้วไปทำวัตรเช้า ความรู้สึกคุกรุ่นเหมือนภูเขาไฟจะระเบิด ทำวัตรก็คิดไป เดี๋ยวจะไปอาละวาดที่ไหนดี…?

    ทำวัตรเสร็จก็เล่าอาการให้หลวงตาวัชรชัยฟัง ท่านถามว่า “คิดดูซิ…เป็นตั้งแต่ตอนขัดกระถางธูปใช่มั้ย…?” ตอบท่านว่าใช่ ท่านบอกว่า “ถูกหลวงปู่เล่นงานเข้าแล้ว รีบเอาดอกไม้ ธูป เทียนแพ ไปกราบขอขมาท่านโดยเร็ว…”

    อาตมาขอให้โยมศุ (คุณศุภาพร ปุษยนาวิน) จัดทำพานดอกไม้ ธูป เทียนแพให้ ทันทีที่กราบขอขมาเสร็จ ความรู้สึกประหลาดนั่นก็หายไปเฉย ๆ หายไปทันทีเหมือนโยนของหนัก ๆ ทิ้งก็ไม่ปาน อะไรจะขนาดนั้น…?

    เมื่อเจอเจ๋ง ๆ เข้าแบบนี้ อาตมาก็หน้าด้านพอ กราบอธิษฐานกับหลวงปู่ว่า “หลวงปู่เล่นงานผมคนแรก ผมถือว่าผมเป็นลูกคนโต หลวงปู่ครับ…ลูกกราบอาราธนาหลวงปู่ โปรดเมตตาควบคุมความประพฤติของลูกด้วย สิ่งใดที่ถูกต้องตรงตามพระวินัย ขอหลวงปู่ดลใจให้ทำสิ่งนั้น สิ่งใดไม่ถูกไม่ต้องแล้วไซร้ หลวงปู่โปรดเมตตาดลจิตดลใจ อย่าให้ลูกทำความผิดนั้น ๆ เลยครับ ลูกกราบขอความเมตตา…”

    สบายเลยคราวนี้ มีอะไรบอกหลวงปู่ลูกเดียว ไปกรุงเทพฯ ไม่ทันก็บอกหลวงปู่ อาหารไม่พอฉันก็บอกหลวงปู่ อยากได้เงินใช้ก็บอกหลวงปู่ อยากทราบว่าอารมณ์เข้าถึงธรรมเป็นอย่างไร ก็บอกหลวงปู่ ท่านช่วยได้ไปซะทุกเรื่องเลย…

    ไปฉันเพลบ้านคุณวิไลวรรณ ภูมิธเนศ เห็นมีขนมจีนก็นึกถึงหลวงปู่ คุณอารี จงพิสุทธิโศภณ บอกว่า “เห็นหลวงปู่ขนมจีนมาแน่ะ…” ตาดีเสียด้วย อาตมาไม่ได้บอกเขาซะหน่อย ว่าเวลาไปไหนขอท่านตามไปคุมประพฤติด้วย…

    ทุกวันอาตมาต้องไปกราบท่านที่มณฑปเสมอ จะไปไหนก็กราบลา กลับมาก็ไหว้ เรื่องไม่ดีหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น อาตมาแคล้วคลาดไปทุกที ล่าสุดมีการจับสลากตั้งพระครูฐานานุกรมของ “หลวงพ่อ” ๔ รูป หลวงปู่ท่านเป็นผู้จับมือพระหยิบสลากขึ้นมา ตำแหน่งเหมาะสมกับหน้าที่ทั้ง ๔ รูปเลย..!

    “อย่าอวดดีกับผี อย่าลองดีกับพระ” เพราะของจริงเขามีอยู่ “หลวงพ่อ” ท่านพร่ำสอนมาอย่างนี้ แต่อาตมาไปนอกครูเอง โดนอัดพอท้วม ๆ นับว่าท่านยังปรานี แต่นิสัยเสียเฉพาะตัวก็ดันเป็นซะแบบนี้ คือ ถ้าไม่แน่จริงก็ไม่เชื่อซะด้วยซิ..!

    ๕ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -u.jpg

    “อุ้มพระสรงน้ำ” จ.กาญจนบุรี
    ประเพณีสงกรานต์อุ้มพระ(พระสงฆ์) สรงน้ำ ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ โดยชาวบ้านจะร่วมกันอุ้มพระสงฆ์ไปสู่บริเวณที่สรงน้ำ ระหว่างทางจะมีชาวบ้านดักรอสรงน้ำด้วยน้ำอบผสมดอกมะลิตลอดทาง
    www.unseentourthailand.com

    ขอบพระคุณเนื้อหาจากเพจ Unseen Tour Thailand ครับ ในวันที่ ๑๕ เมษายนของทุกปี ขอเชิญร่วมพิธีอุ้มพระสรงน้ำ รวมถึงงานแห่หลวงพ่อทองคำ และสรงน้ำหลวงพ่อทองคำด้วยครับ แล้วพบกันใหม่ปีหน้าครับ

    ภาพจากแฟนเพจ: ‎ชายไทย ใจ พุทธ‎
    https://web.facebook.com/NasareetTiAukkeekongkanungLaNgubDubHaySavaHa

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg

    วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๐๘.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) ได้เข้าร่วมโครงการสัมมนาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ ณ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg
    -๑๘-เมษายน.jpg

    วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๒๐.๐๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) รับฎีกานิมนต์จากพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองบาลีสนามหลวง เจ้าคณะภาค ๕ ไปนั่งปรกอธิษฐานจิตในงานหล่อพระประธานประจำอุโบสถวัดอรุณธนมงคล เมืองโยโฮบารู ประเทศมาเลเซีย ณ ลานพระปรางค์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร โดยมีหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธานในพิธี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    การจะใช้คาถาทุกอย่างให้ได้ผล จำเป็นต้องทำสมาธิให้ทรงตัว สมาธิทรงตัวตั้งแต่อุปจารสมาธิขึ้นไป คาถาก็เริ่มได้ผลแล้ว ยิ่งสมาธิสูงเท่าไรผลของคาถาจะมีมากเท่านั้น
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com


    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๔๗.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๗ : แม่คนที่สอง


    “แม่” คำเดียวสั้น ๆ ที่บุพการีทุกคน ต้องใช้เลือดเนื้อและชีวิตเข้าแลกจึงจะได้มา แม่ต้องทุกข์ยากลำบากเพียงไหน กว่าจะครบเก้าเดือนที่อุ้มท้องมา ต้องอดอยากปากแห้ง กินอะไรตามใจก็ไม่ได้ เพราะห่วงใยว่าจะกระทบกระเทือนกับลูกในท้อง…

    ความเจ็บปวดแทบขาดใจยามคลอดลูกแต่ละคน แม่ก็ต้องทนแทบชีวิตจะดับดิ้น ต้องอดตาหลับขับตานอน เฝ้าถนอมกล่อมเลี้ยงมาจนใหญ่ ยามลูกเจ็บไข้ไม่สบาย ดังแม่จะป่วยไปด้วย ยามลูกมีทุกข์ แม่ยิ่งทุกข์ระทมใจ เอาชีวิตเข้าแลกความสุขเพื่อลูกได้แม่ก็ยินดี…

    แล้วฉะนี้ควรหรือ…? เด็กยุคใหม่ทั้งหลายเอ๋ย…ที่เจ้าเฝ้าแต่หมิ่นแคลนพ่อ – แม่ของตน ถ้าท่านไม่รักเรา มีหรือที่เราจะรอดมาจนเติบใหญ่ มีหน้ามากล่าวหาว่าท่านไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา ตนเป็นเพียงผลพวงแห่งกามารมณ์เท่านั้น นี่นะหรือ…ความคิดของปัญญาชน…!

    พ่อ – แม่เป็นดั่งพระอรหันต์ของลูก มีแต่ความรักความปรารถนาดีต่อลูกอย่างแท้จริง แม้แต่มหาโจร เสือปล้น ฆาตกรโหด ก็ล้วนต้องการให้ลูกเป็นคนดีทั้งสิ้น ปรารถนาจะให้ลูกอยู่ดีมีสุขกันทั้งนั้น แล้วเราเล่า…? ทำอะไรให้พ่อ – แม่ชื่นใจบ้าง…?

    ถ้าเราสามารถระลึกชาติย้อนหลังไปได้ จะพบว่าในชาติที่กุศลกรรมส่งผล บางชาติเราได้พบพระพุทธเจ้า บางชาติเราพบพระปัจเจกพุทธเจ้านับแสนองค์ บางชาติเราพบพระอรหันต์เจ้านับร้อยนับพันองค์ เราพบท่านผู้ทรงความดีสูงสุดมากถึงเพียงนั้น...

    พ่อแม่เป็นแดนเกิด ถ้าไม่มีท่าน มีหรือที่เราจะได้เกิดมา และได้ทำความดีอย่างทุกวันนี้ ชาติที่เราพบพระผู้บริสุทธิ์นับหมื่นนับแสนองค์ เราก็มีพ่อมีแม่อย่างละหนึ่งท่านเท่านั้น ไม่ว่าใครก็มาทดแทนตำแหน่งอันยิ่งใหญ่นี้ในใจของเราไม่ได้เป็นอันขาด…

    พระคุณของพ่อ – แม่ ยากจะเปรียบปานได้ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “บุรุษผู้มีกำลัง นำบิดา-มารดาวางไว้บนบ่าแห่งตน เลี้ยงดูท่านเป็นอย่างดี ให้ท่านกิน ถ่าย นอน อยู่บนนั้น สิ้นเวลาร้อยปี ยังทดแทนไม่ได้แม้แต่คุณค่าคำหนึ่งแห่งน้ำนมที่กลืนกิน”...

    ในโลกนิติคำโคลง เปรียบพระคุณพ่อ – แม่เอาไว้ว่า “คุณแม่หนา หนักเพี้ยงพสุธา คุณบิดรดุจอา กาศกว้าง” นับว่ามากมายจนประเมินค่าไม่ได้ ผู้ฆ่าพระอรหันต์ต้องอนันตริยกรรม ผู้ฆ่าพ่อ – ฆ่าแม่ก็ต้องอนันตริยกรรมเช่นกัน ดังนั้น การเปรียบว่า พ่อ – แม่ คือพระอรหันต์ของลูก จึงไม่นับว่าเกินเลยแม้แต่น้อย…

    เรื่องพระอรหันต์ของลูกนั้น ชาวจีนกล่าวถึงนิทานไว้ว่า ชายหนุ่มผู้ใฝ่รู้ต้องการพบพระอรหันต์ เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ จึงลามารดาคนเดียวของตน เพื่อเดินทางไปแสวงหาครูบาอาจารย์ แม้มารดาจะทัดทานเช่นไรก็ไม่เป็นผล…

    เขาบุกป่าฝ่าดงจนได้พบเซียนผู้วิเศษกลางป่าเขา พอทราบความประสงค์เข้า ท่านผู้วิเศษก็หัวเราะลั่น กล่าวว่า “เจ้าไม่น่าลำบากลำบนมาถึงเพียงนี้เลย ละแวกบ้านของเจ้าก็มีพระอรหันต์ ท่านใส่เสื้อกลับตะเข็บ และใส่รองเท้ากลับข้าง จงสังเกตให้ดี…”

    ชายหนุ่มดีใจนัก รีบเดินทางกลับภูมิลำเนาแห่งตน วันหนึ่งก็ถึงบ้านเกิด เขาจึงกลับบ้านไปหามารดาก่อน ฝ่ายแม่เฒ่าพอได้ยินเสียงลูกก็ผวาออกจากบ้านมาด้วยความดีใจ ชายหนุ่มมองดูมารดาอย่างพินิจพิจารณา แล้วทรุดกราบลงแทบเท้า…

    ที่แท้ดวงใจผู้เป็นแม่นั้น เฝ้าห่วงใยครุ่นคะนึงมิรู้วาย พอแว่วเสียงลูกชายก็ดีใจดังได้แก้ว คว้าเสื้อสวมรองเท้าอย่างรีบร้อน เลยใส่เสื้อกลับตะเข็บ ใส่รองเท้ากลับข้าง ชายหนุ่มจึงทราบทันทีว่า นี่คือพระอรหันต์ที่ท่านผู้วิเศษกล่าวถึง…!

    “ขาดแม่เหมือนแพแตก” นาวาชีวิตคล้ายดังจมหาย ถ้าไร้ซึ่งแม่คอยคัดท้าย “ขาดพ่อมีแม่ ก็เหมือนมีทั้งพ่อและแม่ ขาดแม่มีพ่อก็เหมือนไม่มีอะไรเลย…” ในพระไตรปิฎกก็กล่าวไว้ชัดเจนว่า ผู้ฆ่าแม่ต้องอนันตริยกรรมหนักกว่าฆ่าพ่อ ๑ เท่าตัว…

    ถ้าดูจากความทุกข์ยากแสนสาหัส ยามอุ้มท้องมาก็ดี ยามคลอดก็ดี ทั้งยังต้องกลั่นเลือดในอกของตน ให้ลูกดื่มกินเพื่อยังชีวิตก็ดี เราก็จะเห็นได้ว่า พระคุณของแม่นั้น ดูท่าจะล้ำหน้าพ่อไปแล้วจริง ๆ…

    อาตมามีแม่ที่เป็นยอดวีรสตรีของลูก ๆ ท่านทำงานลำบากตรากตรำราวเครื่องจักรที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หาเลี้ยงลูก ๆ ทั้งสิบสองชีวิต ส่งเสียให้เล่าเรียนทุกคน ทั้งยังต้องเลี้ยงดู – รักษาพยาบาลพ่อที่ป่วยหนักมาเป็นสิบ ๆ ปี…

    ในสามโลกนี้หาใครยิ่งใหญ่กว่าแม่คงจะไม่มี ไม่ว่าจะเจ็บไข้เหนื่อยยากเพียงไหนไม่เคยบ่น ดูจากผลงานยามลูกทุกคนตั้งหลักปักฐานได้แล้ว คงต้องให้แม่คนอื่นซักสิบสองคน จึงจะสามารถสร้างผลงานนี้ขึ้นมาเท่ากับแม่ของอาตมาคนเดียว…

    ยามเป็นฆราวาส อาตมายังพอจะหาเลี้ยง – รักษาพยาบาลยามแม่เจ็บป่วยบ้าง พอบวชเข้ามา ก็ทำได้เพียงแต่ส่งขนมไปให้แม่ทุกเดือน อย่าตำหนิกันเลยนะ… พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ภิกษุเลี้ยงดูบิดา – มารดาได้ โดยไม่ผิดธรรมวินัย…

    อาตมาเป็นคนโชคดี บวชมาถึงจะห่างแม่ไปบ้าง ก็ได้พบกับแม่อีกท่านหนึ่งคือ อาจารย์เบ็ญจา วิบูลย์พันธุ์ พอเห็นหน้าท่าน อาตมาก็เรียกแม่อย่างเต็มปากเต็มคำ…

    ไม่ทราบว่าเป็นวาสนาผูกพันมาแต่ปางไหน พอเห็นก็รักเคารพท่านออกจากใจ และท่านเองก็รับในความเป็นแม่ในทันทีเช่นกัน ต่างคนต่างบอกไม่ถูก คล้ายกับแม่ลูกที่จากกันนานแสนนาน แล้วพลันมาพบหน้ากันฉะนั้น…

    ยามเจ็บไข้ได้ป่วย แม่ก็เฝ้าห่วงใย เหมารถรับไปรักษาพยาบาลจนสุดความสามารถ ฐานะแม่ก็ใช่ว่าจะดีนัก แต่ด้วยความรักความห่วงใน “ลูกพระ” แม่ก็ยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่แม่เองก็ยอบแยบออกปานนั้น…

    ไปเยี่ยมแต่ละครั้งแม่ก็แสนจะยินดี ตื่นเต้นจนแทบทำงานไม่ได้ ขอแว่บกลับมาสงเคราะห์ลูกพระซักนิดก็ยังดี ทั้งอาหารการกิน ที่อยู่ ที่นอน แม้แต่สบงจีวร แม่ก็ซักให้เสร็จสรรพ ถ้าไม่ให้ทำ แม่ก็ห่อเหี่ยวท้อแท้ ลูกพระไม่รักแม่แล้วหรือไร…?

    เมื่อออกธุดงค์ ความจริงอาตมาจะรีบเดินทางไปหาญาติโยมที่กรุงเทพฯ กลับต้องรีบตีรถไปหาแม่ที่อู่ทองอย่างด่วนจี๋ ไปถึงจึงทราบว่าทำไมต้องมานี่ก่อน แม่อดข้าวเย็นรักษาศีลแปด ขอผลบุญคุ้มครองลูกพระให้ปลอดภัย ถ้ายังไม่เห็นลูกพระเพียงใด ก็จะยอมอดทนรักษาศีลแปดเรื่อยไป…โธ่…แม่จ๋า…!

    ออกจากป่ามา แข้งขามีแต่บาดแผลยับเยิน อาตมาคิดว่า ถ้าแม่เห็นเข้าคงแทบช็อคตาย เลยปรากฏมโนภาพขึ้นในใจ ว่าชาติไหน ๆ ก็เป็นอย่างนี้ ยามจากไปแม่ก็แทบขาดใจ กลับมาทีไรเจ็บโทรมกลับมาให้แม่รักษาเหนื่อยยากทุกที…

    ภาพที่น่าขันที่สุดคือ ลูกหมาวัยคะนองไปหยอกแมวเล่น ถูกแมวตบซะร้องเอ๋ง ๆ วิ่งหัวซุกหัวซุนหาที่พึ่ง แม่ไก่ที่คุ้ยเขี่ยหาอาหารเลี้ยงลูกอยู่ไม่ไกล ตรงรี่เข้าช่วยเหลือประจัญบานกับเจ้าแมวจนฝุ่นตลบ…เจ้าแมวโดนโจมตีแบบตั้งตัวไม่ทัน ก็เผ่นแน่บด้วยความตกใจ…

    เออหนอ…ต่างเผ่าต่างพันธุ์กันถึงเพียงนั้น ความเป็นแม่ที่รักลูก คอยปกป้องยามลูกมีภัยก็ไม่ได้น้อยลงเลย ดูเจ้าตัวแสบอีกที…ไม่มีละที่จะเข็ด คอยหาเรื่องให้แม่ตัว แม่ไก่วุ่นวายได้ไม่รู้จักจบจักสิ้นซีน่า…!

    “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลัง เมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอ้ละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปล ไม่ห่างหันเหไปจนไกล…

    แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดจากรักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนากระไร ไม่ใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม…

    ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋า…ลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกประสม กลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน…

    ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น… หยดหนึ่งน้ำนมกิน ทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย…”

    “มยฺหํ มาตาปิตุ ปาเท วนฺทามิ”
    ลูกขอกราบลงแทบเท้าบิดา มารดา ในทุกชาติ ทุกภพ จวบจนชาตินี้ภพนี้ พระคุณความดีที่ให้การสงเคราะห์ อุ้มชูเลี้ยงดูลูกมาในทุกชาติ ลูกขอเทิดไว้เหนือเศียรเกล้าตราบสิ้นกาลนาน…!

    ๕ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วันนี้อยากจะกล่าวถึงเรื่องของการปฏิบัติของเราว่า ที่ทำ ๆ กันมานั้น เราควรจะนำไปใช้งานได้ในสถานการณ์จริง ก็แปลว่าถ้า รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นในระหว่างวัน เราต้องสามารถระงับยับยั้งได้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีอำนาจเหนือกว่าเรา เพราะถ้า รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจเหนือกว่าเราเมื่อไร ก็จะมายึด มาแทรก มาสิง ในจิตในใจของเรา ทำให้จิตใจของเราเศร้าหมอง ขุ่นมัว เต็มไปด้วยความเร่าร้อน กระวนกระวาย มีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา

    การที่เราจะสามารถนำเอาหลักการปฏิบัติไปใช้งานจริงได้ ก็ต้องเป็นผู้มีสติ อยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้า การที่จะมีสติอยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้าได้ก็คือ เราต้องอยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา การที่เราจะรักษาลมหายใจเข้าออกของเราเอาไว้ให้ได้ตลอดทั้งวันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทรงอารมณ์ภาวนาให้ได้ อย่างน้อยปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง

    เมื่อเราทรงปฐมฌานละเอียดได้ สภาพร่างกายของเราจะรู้ลมหายใจเองโดยอัตโนมัติ เราแค่เอาสติสัมปชัญญะคอยควบคุมการรู้ลมอัตโนมัติของร่างกายเอาไว้ ก็แปลว่าเราอยู่ในปฐมฌานละเอียดแล้ว การที่เราทรงปฐมฌานละเอียดได้ ตราบใดที่ยังไม่หลุดออกไป ตราบนั้น รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า การที่เราสามารถทรงฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ได้ มารจะมองไม่เห็น

    คำว่า “มารจะมองไม่เห็น” ก็เพราะว่า สภาพจิตของเราผ่องใส จน รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นเสนามารเกาะไม่ติด ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีสาเหตุที่จะชักจูงมารเข้ามาอยู่ในใจของเรา จึงกล่าวได้ว่ามารนั้นมองไม่เห็น

    หลายท่านอาจจะคิดว่า ในเรื่องของการทรงฌานนั้น เป็นการติดในสังโยชน์ของรูปราคะ หรืออรูปราคะ ถ้าไปหวั่นเกรงตรงจุดนั้นอยู่ ก็ไม่ต้องทำความดีอะไรกัน อันดับแรก ต้องทรงฌานให้ได้ก่อน เมื่อทรงฌานได้แล้ว เราก็เอากำลังฌานนั้นเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเกาะพระนิพพานแทน ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่ได้ไปยึดติดเพลิดเพลินอยู่ในความสุขของอารมณ์ในฌานสมาบัตินั้น ถ้าเราตั้งใจไว้ว่าตายเมื่อไรเราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานด้วย ก็ยิ่งเป็นการประกันความเสี่ยงว่า เราไม่ได้ยึดอยู่ในสังโยชน์ใหญ่ทั้ง ๒ ข้อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

    ดังนั้น..ในเรื่องของฌานสมาบัติ จำเป็นที่นักปฏิบัติทุกคนต้องทำให้มี ให้เกิดแก่ตัวให้ได้ อย่างต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานละเอียด เพื่อจะได้มีกำลังตัดกิเลสระดับพระโสดาบันและพระสกทาคามี แต่ถ้าจะตัดกิเลสในระดับพระอนาคามีขึ้นไป ต้องทรงฌาน ๔ ได้คล่องตัว ไม่อย่างนั้นกำลังจะไม่เพียงพอที่จะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้นิ่งสนิทจริง ๆ ได้

    ในเรื่องของการปฏิบัติ ทุกคนจำเป็นจะต้องทนลำบาก ต้องพากเพียร เหนื่อยยากอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งอารมณ์จิตอารมณ์ใจสามารถทรงฌานได้ทุกเวลาตามที่ตนต้องการได้ จึงจะเรียกว่าพอที่จะอาศัยได้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ถ้าเรายังมีความประมาทอยู่เมื่อไร ก็อาจจะเผลอสติ ไปยึดเกาะว่าการทรงฌานได้นั้นเป็นสิ่งที่เลิศแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นการยึดในสังโยชน์ใหญ่ ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้

    หน้าที่ของเราในวันนี้ จึงเป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องเพียรพยายาม ในการทรงฌานระดับใดระดับหนึ่งให้ได้ ต่ำสุดให้เป็นปฐมฌานละเอียด ถ้าจะสูงสุดเป็นฌาน ๔ หรืออรูปฌาน ๔ ได้เลยก็ยิ่งดี แล้วนำเอากำลังของฌานนั้นไปเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเกาะพระนิพพาน ตั้งใจว่าตายเมื่อไรเราขออยู่กับพระองค์ท่านที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น แล้วจะภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรของเราก็ให้เป็นไปตามอัธยาศัย หรือเป็นไปตามกองกรรมฐานที่เรายึดถือมาแต่ดั้งเดิม

    ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg

    วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๑.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ตรวจการวางจำหน่ายสินค้าและการทำงานของชุมชนคุณธรรมวัดพุทธบริษัท ณ วัดพุทธบริษัท หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีพระสมุห์ธนกฤต ขนฺติพโล เจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท ประธานชุมชนคุณธรรมวัดพุทธบริษัท นำชมการวางจำหน่ายสินค้าและถวายของที่ระลึก

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ทำอย่างไรให้มีแรงท.jpg

    ถาม : ทำอย่างไรให้มีแรงทำงานได้นาน ๆ แล้วไม่เหนื่อยคะ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าเราทรงสมาธิได้อยู่การทำงานของเราจะไม่เหนื่อย จะไปได้เรื่อย ๆ เหมือนกัน แต่พอสมาธิคลายตัว บางทีหลวงพ่อท่านแผ่สี่สลึงเลย คือพอรู้ตัวก็หมดเกลี้ยงเลย อย่างอาตมานั่งอยู่ตรงนี้ ๗ โมงเช้าถึง ๓ ทุ่มทุกวัน คนอื่นนั่งไม่ได้หรอก แต่พอหลัง ๓ ทุ่ม โยมอาจจะไม่เคยเห็น หงายลงก็ป๊อกเลย ..(หัวเราะ)..

    เพราะฉะนั้น..หากต้องการที่จะทำงานไม่รู้จักเหนื่อยก็ต้องทรงสมาธิให้คล่องตัว ไม่ว่าอยู่ในอิริยาบถใดต้องเข้าสมาธิให้ได้ ถ้าอย่างนั้นจะช่วยเราได้มากเลย

    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg
    -๒๐-เมษายน-พุ.jpg

    วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๙.๓๐ น. พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ พร้อมด้วยพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ และพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ได้ติดตามพระราชวิสุทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพ โยมมารดาของพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ณ วัดวังก์วิเวการาม เลขที่ ๘๔ หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองลู อําเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ โดยการนำของพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ได้ร่วมกันบริจาคปัจจัยจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อช่วยงานศพในครั้งนี้

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -อาตม.jpg

    พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาเป็นพระรูปเดียวในวัดท่าซุง ที่หลวงพ่อท่านห้ามไม่ให้บอกว่าคนตายแล้วไปไหน และห้ามบอกหวย เพราะว่าไปแผลงฤทธิ์ไว้เยอะ

    หลวงพ่อท่านบอกว่า การที่ไปบอกว่าคนตายแล้วไปไหนนั้น มีแค่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไร เพราะว่าถ้าบอกเขาว่าทำดีแล้วไปดี เขาก็สบายใจ ว่าอย่างไรทำดีย่อมไปดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาทำดี ก่อนตายจิตเขาเศร้าหมองแล้วไปไม่ดี เราไปบอก ลูกหลานจะไม่มีอารมณ์ทำดีอีกเลย เพราะว่าพ่อแม่ทำดีมาตลอดชีวิตแต่ต้องมาตกนรก

    แล้วหลวงพ่อก็ให้อาตมาไปดูในมหากัมมวิภังคสูตร ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไปชั่วแน่นอน
    บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปชั่ว เพราะว่าความดีในอดีตอาจจะมาส่งผลทัน แบบมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร
    บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี เพราะฉะนั้น..ชาตินี้อาจจะเห็นพ่อแม่ทำดีตลอดชีวิต แต่ทำชั่วในอดีตตามมาทัน แวบเดียวเท่านั้นเอง เรียบร้อยเลย
    บุคคลทำดีในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ถึงจะไปดีแน่นอน

    พอไปอ่านแล้ว ที่แท้อย่างนี้เองหลวงพ่อถึงได้ห้าม ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้อาตมาบอกเขามั่วไปหมด ใครถามบอกทั้งนั้น ส่วนเรื่องหวยก็ไปแสดงวีรกรรมไว้เยอะ แต่วันนี้เวลาไม่พอจะเล่า

    อะไรที่ท่านห้าม ไม่เคยเผลอเลย ไม่ใช่เราไม่เคยเผลอนะ หลวงพ่อท่านไม่เคยเผลอ เราพลาดเมื่อไรท่านก็ฟาดกบาล ตายแล้วตีเจ็บกว่าตอนเป็น ๆ อีก..!

    มีอยู่วันหนึ่งหลวงพี่ประทีปเดินหัวโนมา ถามว่า “โดนอะไรมาละพี่ ?” พี่ทีปบอกว่า “ป๋าฟาดกบาลเอาสิ” ถามว่า “พี่ไปทำอะไรมา ?” พี่ทีปบอกว่า “กูคิดจะสึก..!”

    ก็คือ พอหลวงพ่อตายแล้ว พี่ทีปแกหมดอารมณ์ ภาระก็เยอะ เหนื่อยใจ ท้อ สึกดีกว่า คิดแค่นั้นเอง ท่านมาฟาดเปรี้ยง ไม่พูดไม่จาตีไว้ก่อน

    ครั้งที่อาตมาไปพม่าแล้วหัวโน ครูบาน้อยถามว่าอาจารย์ไปโดนอะไรมา ? ก็บอกท่านไปว่า “อ๋อ..สัปหงกหัวไปโขกโดนรถ” ตอนนั้นอาตมาง่วง คนขับก็ง่วง ท่านจะให้ถ่างตาเป็นเพื่อนคนขับ ดันไปหลับก็โดนนะสิ..!”

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๑-เมษายน.jpg
    -๒๑-เมษายน.jpg
    -๒๑-เมษายน.jpg
    -๒๑-เมษายน.jpg
    -๒๑-เมษายน.jpg
    -๒๑-เมษายน.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. ประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ทำการประชุมคณะพระอุปชารุ่นที่ ๕๑ ณ วัดสระแก้ว ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ในงานนี้พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ (หลวงปู่มหาไพเราะ ฐิตสีโล, ดร.) เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว เจ้าคณะอำเภอป่าโมก ให้น้องอิง (เด็กหญิงวรกาญ นุชกระแส) อายุ ๗ ขวบ มาแหล่ชีวิตเด็กกำพร้าวัดสระแก้วให้ฟัง

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๔๘.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๔๘ : นิมิตมรณะ

    ดังได้กล่าวแล้วว่า นิมิตเป็นภาพที่ปรากฏขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ “หลวงพ่อ” ท่านเมตตาบอกถึงนิมิตที่คนใกล้ตายมักจะเห็น และสามารถบอกที่ไปของคนตายได้ด้วย ดังนี้

    – เห็นเปลวไฟลุกท่วม จะลงนรกโดยตรงเลย
    – เห็นคนสี่คนนุ่งแดงใส่แดงมารับ แบบนี้ต้องผ่านการสอบสวนของพระยายมราชก่อน แล้วไปตามผลดีชั่วของตน
    – เห็นป่า จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    – เห็นก้อนเนื้อ จะไปเกิดเป็นคนอีก
    – เห็นเทวดามายืนแถวหน้า พรหมยืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นเทวดา
    – เห็นพรหมยืนแถวหน้า เทวดายืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นพรหม
    – เห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยเจ้าอยู่ข้างหน้า พรหมอยู่กลาง เทวดาอยู่หลังสุด แบบนี้ไปนิพพาน

    นิมิตที่กล่าวมานี้ เป็นเพียง “แบบ” เท่านั้น อาจจะมีแตกต่างไปบ้าง ก็คงคล้ายคลึงกันอย่าง “ธัมมิกอุบาสก” เห็นเทวดาจากสวรรค์ทั้งหกชั้นนำรถทิพย์มารับ ลูกหลานบอกให้ท่านไปชั้นดุสิต ท่านจึงเอาพวงมาลัยคล้องงอนรถทิพย์ชั้นดุสิต ปรากฏว่าลูกหลานเห็นเพียงพวงมาลัยลอยอยู่ หาได้เห็นรถทิพย์หรือเทวดาดังที่ท่านเห็นไม่…

    นิมิตมรณะอีกอย่างที่คนโบราณสอนต่อ ๆ กันมาก็คือ ถ้าเห็นใครไม่มีหัว หรือไม่มีเงาหัว แปลว่าบุคคลนั้นจะตายภายในเจ็ดวัน คนเห็นจงอย่าตกใจ อย่าเอะอะ หากมีผ้าให้เอาผ้าม้วนกลม ๆ ขว้างใส่ พร้อมกับพูดว่า “เอ้า…ข้าต่อหัวให้…” แล้วรีบบอกคนนั้นให้ทราบ ให้เขาปล่อยชีวิตสัตว์ (ต้องเป็นสัตว์ที่จะถูกฆ่า หรือเขาขายให้คนไปฆ่าเท่านั้น) แล้วถวายสังฆทานด้วย จะช่วยต่ออายุให้ยืนยาวไปได้…

    แต่ต้องระวังไว้หน่อยคือ เพื่อนรุ่นพี่ของอาตมาเห็นเพื่อนไม่มีหัว แกก็จะช่วยแต่หาอะไรไม่ได้ บังเอิญหิ้วถังน้ำอยู่ เลยขว้างด้วยถังน้ำ แหม…แม่นเหลือใจ โพละเดียวตะครุบกบเปียกปอนไปทั้งตัว ขนาดบอกให้ทราบ เพื่อนยังโกรธแทบฆ่ากันตาย หาว่าแกแกล้ง เลยไม่ทำบุญอะไรทั้งสิ้น ต่อมาไม่กี่วันโดนรถชนขาหัก นี่ขนาดได้ถังน้ำไปต่อหัวทั้งใบแล้วนะ ถ้าไม่ได้คงถึงตายจริง ๆ…

    ตอนบวชใหม่ ๆ อาตมาพักอยู่ที่ป้อมยามด้านตะวันออก หลังร้านอาหารของวัด ข้างป้อมยามมีต้นพุทราใหญ่ ขึ้นแผ่คลุมด้านตะวันตกของป้อมไปทั้งแถบ ช่วยให้ยามบ่ายไม่ร้อนอบอ้าว (ขณะนี้ถูกโค่นทำเสาเรือนไปแล้ว)… ตอนเที่ยงของวันหนึ่ง อาตมากำลังนอนฟังเสียงตามสายของหลวงพ่อบรรยายธรรมะอยู่นั่นเอง อาตมาก็เห็นภาพที่น่ากลัวเหลือที่จะกล่าว…

    งูจงอางตัวมหึมาเลื้อยมาบนยอดพุทรา น้ำหนักตัวของมันทำให้ต้นพุทราไหวระเนนไปทั้งต้น มัจจุราชไร้เท้าเลื้อยปราด ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วดีดตัวพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ฉกใส่อาตมาที่นอนตะลึงตัวแข็งอยู่ทันที…!

    “หลวงพ่อ” ปรากฏขึ้นทางไหนดูไม่ทัน ท่านตวัดไม้เท้าเขี่ยขึ้นนิดเดียว เจ้าจงอางยักษ์ก็ฉกพลาดเป้า ฝังเขี้ยวลงพื้นกระดานข้างใบหน้าอาตมาโครมเบ้อเริ่ม ลำตัวมหึมาของมันฟาดพลั่กลงบนอก อาตมาถึงกับจุกแอ้ด ๆ ชักตาตั้งไปเลย…!

    เจ้างูร้ายเลื้อยลงบันไดไปยังชั้นล่าง เสียงลำตัวมันลากพื้นดังแสกสากชวนสยองขวัญ อาตมาพอหายจุก ก็เผ่นลุกขึ้นแบบอกสั่นขวัญหาย แล้วทำสิ่งบ้า ๆ แบบขาดสติเพราะตกใจ คือวิ่งลงบันไดไปเพื่อจะหนีงู…!

    พรวดลงมาชั้นล่างเพิ่งนึกได้ “เฮ้ย…ไอ้งูมันเลื้อยลงมานี่หว่า…” ทั้งที่ไม่กลัวงูมาก่อน อาตมาก็ขาแข็งวิ่งไม่ออก ค่อย ๆ มองซ้ายมองขวาเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว โธ่…ก็งูจงอางตัวเท่าต้นกล้วย คนบ้ากว่านี้ก็ยังกลัวเลย…!

    มองหาเท่าไรก็ไม่เจอ ประตูก็ปิดล็อกอย่างดี ดูใต้บันไดก็ไม่มี ย่องไปชะโงกดูในห้องน้ำก็ไม่มี มุมลับตาก็มีแค่สองที่นี้เท่านั้น “บนเพดานล่ะ…?” “ไอ้บ้า…งูบ้านคุณนะซิ…ถึงแขวนอยู่บนเพดานเหมือนจิ้งจกได้…”

    ทะเลาะกับตัวเองพักใหญ่ สติสตังค่อย ๆ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวหน่อย “เฮ้ย… “หลวงพ่อ” ยังอยู่ข้างบน” อาตมาวิ่งขึ้นมาข้างบน มีแต่ห้องโล่ง ๆ “หลวงพ่อ” หายไปไหน…? งงยิ่งกว่าถูกอีซ้ายของเขาทรายอัดปลายกระโดงคางซะอีก…

    “หลวงพ่อ” มาจากไหนแล้วหายไปไหน ไม่น่าประหลาดใจหรอก ยิ่งกว่านี้ท่านก็ทำได้ แต่ไอ้จงอางยักษ์ล่ะ…? ประตูหน้าต่างชั้นล่างปิดดิบดีมันหายไปไหน…แล้วหน้าต่างที่มันพุ่งเข้ามา ทั้งมุ้งลวดทั้งเหล็กดัดมีพร้อม มันเข้ามาได้อย่างไร…?

    งูลมเรอะ…? งูลมคืองูนิมิต แล้วทำไมเวลาตัวมันฟาดลงมาเราจุกแทบตายล่ะ…? งูลมมันต้องไม่มีน้ำหนัก…แล้วมันพุ่งเข้ามาเห็น ๆ เสียงฉกเสียงเลื้อย ยังดังถนัดหู โว้ย…! จะบ้าตาย…! ถ้าเป็นความฝัน “งู” คือ “ผู้หญิง” ถ้าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างแน่ ๆ และงานนี้เราหมดทางสู้อย่างเห็น ๆ ถ้าหลวงพ่อไม่เมตตาช่วย คงม้วยมอดเป็นแน่แท้…

    หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง “เธอ” ผู้ทำให้อาตมา “ฌานค้าง” มาตั้งแต่ก่อนบวช ตามตื๊อถึงวัด มาได้ทุกอาทิตย์ ขนาดปิดกุฏิก็ยังหาผู้ชายมาเป็นเพื่อน เคาะประตูเรียกออกมาจนได้ การโจมตีแบบต่อเนื่องทำเอาอาตมาตั้งตัวไม่ติดเลย…

    ขืนเป็นแบบนี้คงแย่แน่ จะรักษาด้วยการผ่าตัดมันก็ต้องทนเจ็บเอาบ้าง เมื่อ “เธอ” มาขอคำตอบครั้งหลังสุด อาตมาตอบไปว่า “เอาสมบัติทั้งสามโลกมาแลกกับความปรารถนานิพพาน อาตมายังไม่ต้องการ อย่าว่าแต่ผู้หญิงคนเดียว” “เธอ” ร้องไห้โฮวิ่งจากไป ขณะที่คนผ่าตัดก็ใจจะขาดรอน ๆ…!

    ขนาดนี้ก็ยังไม่ใช่… “งูตัวนั้น” มาทีหลัง เป็นโยมที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด เพิ่งเคยมาครั้งแรก พอเห็นต่างคนต่างตะลึง สัญญาเดิมมันจับใจทันที อาตมาเดินหนีทันควัน รู้ดีว่าถ้าเปิดโอกาสให้เธอพูดแม้แต่คำเดียว อาตมาเสร็จแน่…!

    อาตมาเป็นฝ่ายหลบ ขณะที่เธอเป็นฝ่ายตาม แม้จะหลบขนาดไหน เวลาออกบิณฑบาต ทำวัตร กรรมฐาน ก็เจอกันจนได้ ถ้าเวลาเช่นนั้น อาตมาทำอะไรไม่ถูกเลย เป็นฝ่ายแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา…

    จู่ ๆ ก็มีคำสั่ง “หลวงพ่อ” เรียกอาตมาไปเฝ้าหน้าตึกให้ท่าน สถานที่นั้นเป็นเขตหวงห้าม ถ้าไม่มีธุระจริง ๆ ไม่มีทางหาข้ออ้างย่างเหยียบเข้าไปได้เลย งูสาวแสนสวยจึงหมดหนทางตามล่า อาตมาก็ไม่ต้องโผล่มาผจญกับเธอ จนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายหมดความพยายาม ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก นิมิตมหาประลัยช่างน่ากลัวแท้ ๆ ถ้า “หลวงพ่อ” ไม่แผ่เมตตาต่อเงาหัวให้ อาตมาคง “ตาย” ไปนานแล้ว…!

    ความตายอยู่ห่างเราแค่ชั่วลมหายใจเข้า – ออก อาจจะมาถึงตัววินาทีใดก็ได้ ขอท่านทั้งหลายอย่ามัวสนุกเพลิดเพลินอยู่เลย เราเหมือนอยู่บนเรือนที่ไฟกำลังไหม้ จงเร่งหาทางหนีไปให้พ้นภัยกันเถิด…

    ทาน – ศีล – ภาวนา เหมือนพาหนะที่จะนำพาเราให้ข้ามห้วงน้ำใหญ่ คือกิเลส จงเร่งทำให้มีขึ้นโดยไว เพราะมัจจุราชคือความตาย ไม่เคยผ่อนผันแก่มนุษย์หน้าไหนเลย พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางมาสองพันกว่าปีแล้ว จงเร่งเดินทางกันเถิด…!

    ๗ เมษายน ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg
    -๒๒-เมษายน-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม , ดร. อาจารย์พิเศษประจำโครงการขยายห้องเรียนคณะพุทธศาสตร์ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี ประธานกรรมการจัดหาทุนเพื่อสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตามผลการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ณ ห้องประชุมโครงการขยายห้องเรียนคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีพระราชวิสุทธิเมธี ผู้อำนวยการโครงการขยายห้องเรียนฯ เป็นประธาน คณะจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประกอบด้วย รศ.ดร. สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป ผศ.ดร. อิทธิพล แก้วพิลา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิทยาเขต ผศ.ดร. ยุทธนา ปราณีต รก.ผอ. กองกิจการพิเศษ ผศ.ดร. สันติ เมืองแสน กก. ประสานงานประจำโครงการ นายธวัช แย้มปิ้ว รอง ผอ. กองนิติการ และ นายบุญเลิศ วิริยาวุทธ ธนารักษ์ที่กาญจนบุรี นายสมศักดิ์ สะมะโน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี นายธีระเดช จันทรัตน์ หัวหน้าสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยคณาจารย์เจ้าหน้าที่จากโครงการขยายห้องเรียนคณะพุทธศาสตร์ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ร่วมกันพิจารณาและอนุมัติให้สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี บนพื้นที่ของกรมธนารักษ์ บริเวณข้างโรงเรียนวัดห้วยสะพาน อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ที่ประชุมมีมติให้นายบุญเลิศ วิริยาวุทธ ธนารักษ์ที่กาญจนบุรี ไปดำเนินการเรื่องการเช่าพื้นที่ให้เรียบร้อย จะได้ทำการวางศิลาฤกษ์อาคารวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีต่อไป

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ของทุกอย่างมีประโยชน์ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น

    ถาม :
    ผมแค่นึกถึงว่า แค่สละสร้อยทองบนคอยังเสียดายเลย ผมยังนึกเสียดายเลยที่มีคนบอกบุญบูชาพระธาตุแล้วไม่ทำ ผมรู้สึกว่าโอกาสไม่ใช่ว่าจะมีอีกสักกี่ครั้งในชีวิต ทำไมตอนนั้นเราสละไม่ได้ เคยตั้งใจว่าจะทำให้ได้ พอถึงเวลาก็มาติดโน่นติดนี่ ?
    ตอบ : นั่นแหละคือกำลังใจยังไม่เป็นจาคานุสติเต็มที่ ถ้าเต็มที่ถึงเวลาก็พร้อมที่จะสละได้ทุกอย่าง

    อาตมาถึงเวลาไปหาพระผู้ใหญ่ อย่างเช่นไปหาหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ก็จะเอาพระที่อาตมาอุตส่าห์สะสมเอาไว้ แต่ละองค์ล้วนแต่สุดยอดทั้งนั้น ไปถวายท่าน คนอื่นก็น้ำลายหกเรี่ยราดเป็นทางไปเลย แล้วก็มาสงสัยว่าอาตมาตัดใจให้ได้อย่างไร

    อาตมาบอกเขาไปว่า “ของทุกอย่างจะมีประโยชน์แก่คุณก็ตอนคุณยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ถ้าตายแล้วคุณแบกไปได้ไหมเล่า ?” ในเมื่อแบกไปไม่ได้ สิ่งเดียวที่คุณจะเอาไปได้ คือ อริยทรัพย์ที่เป็นบุญเป็นกุศล ถ้าคุณไม่รีบทำเอาไว้ แล้วเมื่อไรจะได้ทำ ?”

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...