อาการคุมความรู้ไม่อยู่เป็นอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แค่พลัง, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    นั่นแหละครับ สมังคีตามเหตุปัจจัย หมดเหตุปัจจัยก็ดับ เน้นๆเลยครับ ไม่มีคำว่าค้างเติ่ง ถ้ารู้สึกว่าค้างเติ่งเมื่อไหร่ก็แสดงว่าเห็นผิดกำลังมาเยือนเข้าแล้ว ส่วนที่นอกเหตุเหนือผลก็มันคนละส่วนไปแล้ว อย่างที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ อายตนะนั้นมีอยู่..ฯ คือไม่ปฏิเสธว่ามี แต่พูดเมื่อไหร่มันก็ตัวใครตัวมันครับ คือเราพูดเองคิดเองทั้งนั้น เข้าใจตรงกันเนาะ
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เอาเป็นว่า ผมชี้ตรง "ตั้งสติมั่น รู้ ธรรมเฉพาะหน้า" ตรงนี้จะ ไม่ประกอบ "สัญญา+สังขาร" นะครับ :)
     
  3. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ครับ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องว่า ไม่ใช่พิจารณา ถูกไหมครับ รู้ธรรมเฉพาะหน้านี่มันรู้ซื่อๆก็ได้ รู้ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้พิจารณาอะไร แต่รู้
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966

    +++ กระบวนการ "พิจารณา (ทางโลก)" มักจะประกอบไปด้วย
    1. อ่าน
    2. นึกตามที่ อ่าน/จำ
    3. ปรุงตามที่ อ่าน/จำ
    4. เมื่อ "พอใจ" จึงเกิดการ "ยอมรับ"
    5. จากนั้นจึง save file เรียกว่า "เข้าใจ"

    +++ กระบวนการ "พิจารณา" ตามนัยยะของ "อุเทสวิภังค์" นี้ มีเพียงแค่
    1. สภาวะรู้
    2. ปรากฏการณ์ที่ "ถูกรู้" ณ ปัจจุบันขณะ ที่มันยัง "ตั้งอยู่/แปรปรวนอยู่"
    3. save file เรียกว่า "เข้าใจ"

    +++ กระบวนการ "พิจารณา (ทางโลก)" จาก 1-4 ไม่สามารถปรากฏได้

    +++ กระบวนการ "พิจารณา" ตามนัยยะของ "อุเทสวิภังค์" นี้ ไม่ใช่การ "พิจารณา (แบบทางโลก)" ใช่แล้วครับ
     
  5. ศิษย์โง่ V2

    ศิษย์โง่ V2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2017
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +243
    ขอบคุณเช่นกันครับ ที่นำพระสูตรมาสรุป ย่อ ขยาย
    ให้คนฟังที่ได้อ่าน-ได้ฟังทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
     
  6. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ขออภัยด้วยครับ คือรู้สึกผิดเหมือนกัน แล้วถ้าสังเกตจะเห็นว่าได้ลบความเห็นไปก่อนหน้าแล้วครับ แต่เรื่องเห็นธรรมชาติแห่งทุกข์ตามความเป็นจริงเดี๋ยวค่อยมาเคลียร์กันครับ
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ลบออกเหมือนกัน ครับ คราวหน้า "ให้อยู่กับ ความเป็นจริง" แล้วค่อยโพสท์ นะครับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "พระพุทธเจ้า" ตรัสว่า "ย่อมไม่มีความเกิดแห่งชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ และสมุทัยต่อไป"

    +++ ถ้าคุณ "กลัวว่าจะต้องตายใน 7 วัน" ก็ให้ปิด "มรรค ผล นิพพาน" ตรงนี้เสีย ให้เรียบร้อยก่อน ให้ระวังเรื่อง "7 วัน" เอาไว้ด้วย
    +++ ส่วน "เรื่องเห็นธรรมชาติแห่งทุกข์ตามความเป็นจริง" นั้น ให้พูดเฉพาะในหลัก "ปฏิบัติ" ที่คุณ "ทำ" มาด้วยตนเองเท่านั้น

    +++ อย่าเอา "ทฤษฏี" ใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ขอให้จำกัดกันในบริเวณที่ "อุเทสวิภังค์" สูตรกล่าวไว้เท่านั้น

    +++ และขอพูดตรง ๆ ว่า "อย่าไปเพ่นพ่านที่อื่น" ไม่งั้นมันจะ "มั่ว" ไปหมด

    +++ การพูดทุกชนิด "ควรแฝง วิธีทำ" ส่วนตัวคุณเอง เอาไว้ด้วย "อย่าพูดเลื่อนลอย" ก็แล้วกัน

    +++ คุณแสดง "วิธีทำของคุณ" ได้เมื่อไร ก็ค่อยมาคุยกันอีกที นะครับ
     
  9. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    เรื่องเห็นธรรมชาติแห่งทุกข์ตามความเป็นจริง จริงๆก็คือการเจริญวิปัสสนานี่เองครับ มีสติรู้ตามความเป็นจริง ในขณะของการใช้ชีวิตประจำวันปกติ สติมันมีอยู่กับตัวเรา อะไรมากระทบทั้งภายนอกภายใน สัมผัสได้เรารับรู้แล้ว เราจะหลงหรือไม่หลง จมไปกับมันหรือไม่จม ของพวกนี้ธรรมชาติพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยเสมอน่ะครับ ผมเรียกว่ามันมีเกิดมีดับ เราเห็นตามความเป็นจริงจากชีวิตปกติได้ทันที

    แต่เราก็มีพลาดพลั้งไปหลงยึดถือเอามาเป็นจริงเป็นจังได้เหมือนกัน อันนี้ก็อาศัยสติร่วมกับปัญญาพิจารณาเห็นทุกข์เห็นโทษไปเช่นกัน ปัญญาตรงนี้มันคงต้องเป็นสัมมาทิฏฐิมาก่อนแล้วนะครับ ถึงจะดูออก ถึงจะคอยตักเตือนตัวเองได้ ถ้าไม่ยึดมันก็ไม่มีปัญหา มันก็ไปตามธรรมชาติ ที่ผมเคยโพสต์บอกท่านไปไงครับ (บทสวดอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์) กัมมะปัจจะโย วิปากะปัจจะโย อาหาระปัจจะโย อินทรียะปัจจะโย ฌานะปัจจะโยฯ อาการที่ปรากฏทั้งหลายก็อยู่ในเหล่านี้ทั้งนั้น เราเข้าใจหรือเปล่า ยิ่งกว่านั้นความจริงอันประเสริฐที่จะต้องก้าวข้ามสมมุติ พ้นบัญญัติภาษา เห็นสัจธรรมความจริง ตัวใครตัวมันละคราวนี้ เหมือนภาวนาเพื่อหมดความติดใจในมายาทั้งมวล พอนึกออกไหมครับ ปล่อยวางได้น่ะครับ

    ไปเห็นท่านโพสต์เรื่อง save file แบบอุเทสวิภังค์ ดูมันเจตนามากตั้งใจมาก ก็เลยเข้าใจว่าท่านเคร่งขึงตึงในการเฝ้าสังเกตไม่น้อย ซึ่งท่านก็ว่าเป็นการพิจารณา แปลว่ารู้ด้วยจิตขณะนั้นทันทีนะครับ มันทำได้ทุกครั้งเลยหรือเปล่าครับแบบนั้น ความคาดหมายล่วงหน้า อยากได้อยากมีอยากเป็นมันมีไหมครับ

    ถ้าท่านเห็นได้ ไม่ข้ามจุดนี้ เห็นความอยากที่มีในตนได้มันก็น่าจะโอเคในระดับหนึ่ง จิตเกิดความอยากแล้วรู้ทัน ละได้ด้วยสติด้วยปัญญาได้ ถ้าใจมันนิ่งมาก อะไรกระทบก็ไม่หวั่นไหว แต่เห็น แต่มันไม่หวั่นไหวเลย มันจะไม่ใช่เห็นทื่อๆอย่างที่ผมว่าหรือครับ แล้วพอออกมาแล้วมาพิจารณาแบบไม่อุเทสวิภังค์ต่อไหมครับ ถ้าใช่อันนั้นก็เป็นสัญญาสังขารไหมครับ จะปฏิเสธไหมว่าไม่ได้ใช้ทั้งสองแบบน่ะครับ

    แล้วผมยังเห็นว่าท่านมีเหน็บๆเขาเรื่องพิจารณาใช้สัญญาสังขารจริงไหมครับ ท่านกล้าบอกไหมอ่ะครับว่าไม่ได้มีเหน็บแนมใคร ถ้าท่านไม่มีไถยจิตผมกราบขออภัยท่านเลย ผมพลาดเอง ถ้ามีก็อย่างที่ผมยกมาอีก บัวงามๆเกิดจากตรม เราก่อนจะเข้าใจก็มาจากตรงนั้นเหมือนกันจริงไหมครับ ทีนี้ถ้ามันนิ่งมากๆ จะไปเอาอะไรกับมันได้ วิปัสสนาไม่ได้น่ะครับ เลยว่าให้ถอยมาวิปัสสนาข้างนอกบ้างไงครับ ดีไหมครับ นี่แหละเป็นที่มาทั้งหมดครับ
     
  10. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    965
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ตราบใดที่ยังสหรคตด้วยอวิชชา
    ตราบนั้นยังไงก็มีขันธ์เข้ามาร่วมปรุงแต่งอยู่
    เพราะยังไม่ปหานปริญญาโดยสมบูรณ์
    จะยังมีการกำหนดอยู่โดยอาการอัตโนมติว่า
    นี้ทุกหนอ นี้สมุทัยหนอ
    นี้ภายนอกหนอ นี้ภายในหนอ
    นี้หยาบหนอ นี้ละเอียดหนอ นี้สุขุมหนอ นี้ยิ่งหนอ
    จะเรียกว่าเสวยนิโรธสมาบัติโดยสมบูรณ์ไม่ได้เลย
    ดังนั้นจะบอกว่าในขณะจิตเดียวจึงยังไม่ถูกต้อง
    เพราะตัวผู้ปฏิบัตินั้นยังยึดเอาจิตเป็นตน
    จึงยังมีอาการเสวยในสิ่งที่เข้าไปรู้อยู่เป็นบางครั้ง
    แต่ก็จะเสวยเฉพาะในส่วนที่ตนยังไม่พ้นเท่านั้น
    ซึ่งจะลดน้อยลงไปตามลำดับ
    ท้ายที่สุด ผลก็คือ ผู้ไม่ผันแปร ไม่กลับมาอีก รู้แจ้งแทงตลอด เป็นผู้ไปดี
    ผู้รู้จึงยังทุกข์อยู่อย่างนี้
    ยังไม่ใช่อาการผู้เห็นโดยสมบูรณ์
    ขอให้ทุกท่านโชคดี
    อนุโมทนาด้วยเด้อ
    สาธุ
     
  11. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ชอบอ่านและชอบฟังผมทำอย่างที่พี่ๆลุงๆยังไม่ได้หรอก แต่ยอมรับว่าชอบอ่านและฟังมาก
     
  12. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    พระศาสดาตรัสเสมอว่า รูปสัญญากับนามสัญญา ฟังไปฟังมา เหมือนไม่ให้ไปพัวพันสัญญาเมื่อพิจารณาธรรม ผมก็ฟังมาดังนั้น
     
  13. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แต่สัญญาในความหมายจริงๆ ผมก็ยังไม่ทราบได้ เพราะขันธ์สัญญาก็ปรากฏและมีจริง อาจจะมีสัญญาที่มีความหมายมากกว่าจำได้หมายรู้ อันนี้ผมก็ไม่ทราบ พี่ธรรมชาติคงรู้แน่ๆ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมขออภัยที่เคยล่วงเกิน อย่าถือโทษโกรธกันเลยและผมปิดมรรคผลนิพพานจริงๆ ด้วยอะไรเพราะอะไรผมก็ไม่รู้ เพราะผมไม่ได้อยู่เพื่อบรรลุธรรม แต่พี่ธรรมชาติอยู่ในตำแหน่งนั้นเขารู้และทราบดี พิจารณาดีดี อกุศลมูลจิตก็ไม่ได้มีทั้งต่อตนและผู้อื่น เก็บเกี่ยวจากพี่เขาก็น่าจะดี ก่อนที่เขาจะไม่อยู่ให้เก็บเกี่ยว
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ คุณคิดเอาเองว่า "ผมไม่รู้ตรงนี้เหรอ" ผมพูดอยู่เสมอว่า "ใช้ชีวิตตามความเป็นจริง" ตรงนี คุณเคย "อ่านเจอ" หรือเปล่า

    +++ เรื่อง เกิด/ดับ เป็นภาษาของพวก "คลอง 10"

    +++ ภาษาของผม "ใช้ครบ ไตรลักษณ์" เกิดขึ้น/ตั้งอยู่/ดับไป ไม่ใช่แค่ "เกิด/ดับ"
    +++ ตรงนี้ "นอกเรื่อง อุเทสวิภังค์" ที่กล่าวไว้ พยายาม "ควบคุม เนื้อเรื่องให้อยู่ในจุด ให้ได้เสียก่อน"

    +++ อุเทสวิภังค์ เป็น "สัมมาทิฐิ" อยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ตัอง "เพ่นพ่าน" ไปที่อื่นจะดีกว่านะ
    +++ เอาเป็นว่า "คุณ ทำได้ หรือเปล่า" เอาตรงนี้ก่อน ถ้าทำได้ "ให้แสดง วิธีทำ ออกมา" อย่าพูดลอย ๆ

    +++ ผมเคย "แสดงวิธีทำตรงนี้จนถึง เหตุปัจจัยโย" ไปเรียบร้อยแล้ว

    +++ ผู้อ่าน "ในกระทู้นี้ ก็เคยเห็น ๆ อยู่" ใน "วิธีการปฏิบัติ มหาปัฏฐานสูตร"
    +++ เจอคำว่า save file แล้วมากล่าวเรื่อง "ต้องก้าวข้ามสมมุติ พ้นบัญญัติภาษา เห็นสัจธรรมความจริง"

    +++ ตรงนี้ "ชัดเจนว่า คุณ ยังไม่ก้าวข้ามสมมติ พ้นบัญญัติภาษา" ตามที่คุณกล่าวมา

    +++ อือ... คุณ "ยังไม่ใช่ นักปฏิบัติ" ยังเป็นแค่ "คิดแยะ" มากกว่า

    +++ ลองแสดง "การปฏิบัติธรรม ของคุณ" ออกมาตรง ๆ บ้างนะ ไม่งั้น "เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์" จริง ๆ
    +++ เห็น "ทื่อ ๆ" ของคุณมันเป็น "ฌานฤษี" อันนั้นของคุณ ไม่ใช่ของผม

    +++ อย่า "มโน" ว่าเป็นของผม ตรงนี้ "คุณ ผิด เช่นเคย"

    +++ ดูระดับการโพสท์ของคุณ ก็รู้ชัดเจนแล้วว่า "คุณ ไม่มีการปฏิบัติอะไรเลย"

    +++ จะให้ผม "จิ้มตรง ๆ ม่ะ" อาการของคุณเป็นพวก "สติ เกิด/ดับ" ใช่ป่าว... หือ...
    +++ ผมพูดถึงกรณี "อุเทสวิภังค์" แต่คุณพยายาม "ลากออกไปนอกเรื่อง" มองจิตตนเองออกหรือเปล่าเนี๊ยะ มัน "ปรุงฟุ้งไปหมดแล้ว"
    +++ เอาง่าย ๆ คุณเห็นว่า "อุเทสวิภังค์" นี้ เหน็บคุณหรือเปล่า เอาตรง ๆ นะ

    +++ เพราะผมกำลังเห็นว่า "คุณกำลัง พูดนอกเรื่อง" ไม่สามารถจำกัดขอบเขตเรื่อง ให้มันเข้าที่ได้เลย
    +++ ไถยจิต (อ่านว่า เถย-ยะ-จิด) แปลว่า จิตคิดจะขโมย

    +++ ก็อย่างที่บอกไว้นั่นแหละ "จิตคุณ เพ่งโทษ" จนติดสันดาน เรียบร้อยแล้ว

    +++ ผมเคยพูดไว้ว่า "ผมโพสท์อย่างที่ผมทำได้ และ ผมทำได้อย่างที่ผมโพสท์"

    +++ ดังนั้น ไถยจิต ของคุณ ก็ให้ "คุณเก็บไว้ใช้ เอาเอง" ก็แล้วกัน
    +++ คุณยัง "มองผิด ตลอดเวลา" คุณยัง "ไม่พ้นสภาพของ ฌานฤษี" ดังนั้น ไม่มีวัน "เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด" ได้เลย

    +++ อาการของ "มหาสติ เป็นอาการของ รู้บริสุทธิ" แต่อาการที่คุณพูดมา มันคือ "อวิชชา"

    +++ ดังนั้น อย่าเอา "อวิชชา มามั่วกับ มหาสติ" มันพูดกันคนละเรื่องแล้ว
    +++ วิปัสสนา "ต้อง" อยู่ในมหาสติเท่านั้น นอกมหาสติ เป็น "คิดเอาเอง เออเอาเอง"

    +++ นี่เป็นการสอนให้ "คิดมากแบบ สำนักคลอง 10" วิปัสสนาแบบ คลอง 10 เป็นอย่างที่ "คุณพูดมาทั้งหมด" นั่นแหละ ขั่ยป่ะ

    +++ คุณไปชวน "คนอื่น" คุยดีกว่านะ สำหรับคุณ "ผมขี้เกียจพิมพ์" ซะแล้ว อาการ "พูดไม่รู้เรื่อง" ค่อนข้างแยะ โทษทีนะ
     
  15. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    อ้าว. แล้วผมบอกตอนไหนเรึเปล่าครับ ว่าผมเป็นสายนิโรธสมาบัติ หมายถึงผมรึเปล่าครับท่านผ่าน
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "มีอยู่ ตามความเป็นจริง"
    +++ มีอยู่ เช่นกัน การจะเข้าใจตรงนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

    +++ มันมีอยู่จริง "การปฏิบัติ" ผมใช้ อธิปปะติปัจจัยโย คือการทำ "ปัฏฐาน ในสัญญา" ตรงนี้ ต้องเห็น "ความเป็นขันธ์ ของจิตผุด" ก่อน

    +++ หากไม่เห็นตรงนี้ จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก็ต้อง ปล่อยให้มันผ่านไปเฉย ๆ และ "วางทิ้งไปเท่านั้น"
    +++ ผมไม่ได้ถือโกรธอะไร สิ่งที่ต้องระวังที่สุดคือ "กฏแห่งกรรม" ตรงนี้ มันไม่เคยเข้าใครออกใครเลย ตัวนี้แหละ ที่น่ากลัวที่สุด
    +++ สิ่งใดที่ได้ประโยชน์ก็รับไว้ สิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ก็แค่ ทิ้งไป

    +++ ปราชญ์ย่อมรับแต่สิ่งที่มีคุณ (คำนี้ยืมเขามา) นะครับ
     
  17. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วมันไปเกี่ยวกับนิโรธสมาบัติได้ไงอีกละ เท่าที่รู้นิโรธสมาบัติไม่ใช่ธรรมเพื่อการพิจารณา หรือผมเข้าใจอะไรผิด
     
  18. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เรื่องนั้นเรื่องกรรมผมคงไม่อาจเลี่ยงได้...แต่ไม่ได้สนุกเลยกับความพลั้งพลาด ช่างเถอะ...มันจะดีเพราะรู้เหตุและมูลเหตุของสิ่งเหล่านั้น ต่างก็รู้ดี...จิตนี้จะกำหนด ถ้าเกิดอกุศลจะเป็นอกุศล ด้วยกุศลก็เป็นกุศล คับ
     
  19. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    จากคำตอบแปลว่า ทุกสภาวะก็ดำรงความเป็นขันธ์ จิตแม้จะเป็นเอกเทศกับรูปนามก็ยังคงมีสภาวะความเป็นขันธ์ในตนถ้าพิจารณาดีดีแบบนี้ใช่ไหมคับ
     
  20. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    อุเทสวิภังค์เป็นธรรมเพื่อใช้หรือนำมาสู่การพิจารณาหรือวิปัสสนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...