อาการปีติ ขนลุก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณบพิธ, 20 พฤษภาคม 2012.

  1. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ถามท่านๆ นักปฏิบัติด้วยกัน
    อาการปีติ ขนลุกทั้งตัว เกิดกรณีใดได้บ้างครับ???
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    คุณหม้อฯ เขาเอาข้อมูลจากอรรถกถามาขึ้นไม่นานมานี่นะครับ.....คงต้องรอให้เขามาตอบนะเห็นว่าละเอียดดี......

    ส่วนตัวผมแน่นอนว่าหลักสำคัญคือ อุปจารสมาธิ ครับ...
     
  3. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    เสริมท่านข้างบนเล็กน้อย จากที่พบมักจะเป็นอาการเริ่มแรกของอุปจารสมาธิที่ท่านว่า แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ บางท่านก็ผ่านปิติครบทุกอย่าง บางท่านก็ผ่านแค่บางอย่าง

    แต่ถ้าท่านที่คล่องแล้ว ผ่านอุปจารสมาธิไปเป็นร้อย เป็นพันครั้งแล้ว มักจะไม่มีอาการของปิติให้ได้พบอีกแล้ว เพราะจิตจะผ่านขึ้นไปในระดับที่สูงกว่าเลย

    ยกตัวอย่าง ถ้าใช้การจำอารมณ์ที่คุ้นเคย แล้วก็ไปเลย เช่นปรารถนาถึงอุเบกขาและเอกัคคตารมณ์ จิตก็ไปตามวิถี เข้าสู่อารมณ์ที่ต้องการทันที การทำอย่างนี้ ทำกันไม่ใช่หลักร้อย หลักพันครั้ง แต่ทำกันนับหมื่น นับแสน อาจหลายแสนครั้ง ตลอดการฝึกที่ผ่านมา อย่างนี้จะพบว่าไม่ผ่านอาการของปิติเลยสักครั้งเดียว

    แต่หากประสงค์จะทบทวนอาการของปิติ ก็ยังทำได้อยู่ โดยการหัดหน่วงฌาน แช่อยู่ในอุปจารสมาธินานๆ แล้วค่อยๆ ทบทวนอาการของปิติแต่ละประเภทไป อย่างนี้ก็ได้

    สรุปว่าอาการของปิติ ที่พบมา สามารถสั่งได้ หากไม่อยากเจอ ก็ผ่านไป หากอยากพบ ก็ไปหา ไปพบ ไปเจอกัน

    ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆ เป็นอย่างไร?

    ร่วมเสวนาอย่างผู้ไม่มีความรู้เป็นการคั่นเวลา รอความเห็นต่อไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2012
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    รบกวนขอเป็นผลจากการปฏิบัติครับ อันเรื่องของปีติ ตามอรรถกถา ผมอ่านแล้วครับ

    เท่าที่สังเกต เหมือนจะมีกรณี
    1. ขนลุก จากจิตเป็นสมาธิ อันนี้ผมไม่เคยเจอระหว่างนั่งนะครับ แต่ระหว่างที่ไม่ได้นั่งสมาธิ ถ้าจิตเกิดเป็นสมาธิได้ บางทีก็ขนลุกได้เลยครับ
    2. ระหว่างแผ่เมตตา หลังนั่งสมาธิ หรือ ไปอนุโมทนาบุญ ขอส่วนบุญคนอื่น อันนี้หลายๆ ครั้งก็ขึ้นครับ
    3. ไปบางที่ ก็มีรู้สึกเย็นๆ วาบๆ ได้เหมือนกัน
     
  5. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ลองให้คุณ Phanudet ตอบดูครับ

    ว่าปีติในองค์ฌาน มีลักษณะอาการอย่างไร
     
  6. จีโอ14

    จีโอ14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +262
    งั้ย...โยนกันไป..โยนกันมา...

    (deejai)
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ปิติขนลุกผมไม่เคยเกิดในตอนที่ปฏิบัติกรรมฐานเหมือนกันครับ....ผมจะเกิดตัวอื่น......

    ปิติขนลุกผมก็เกิดได้ตาม ๒ อย่างหลังแบบคุณนั่นหละครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2012
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ทำไมสนใจมากกับปิติตัวต้นนี้จังหละครับ....ผมว่าสนใจอารมณ์จบของรูปฌาน ๔ ไปเลยจะดีกว่านะ.....
     
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    เรื่อง สมถะกรรมฐาน ผมกำลัง งงๆ ตัวเองอยู่ครับ
    คือ ถ้านั่งสมาธิตามดูลมหายใจ กำลังสมถะผมไม่ถึงฌาน 4 (ถึงจุดที่รู้สึกว่าลมหายใจ หายไป จับที่จมูกไม่ได้แล้ว แต่ยังจับที่ท้องได้ หูยังได้ยินเสียง)

    แต่ผมกลับเข้าสมาธิอีกวิธีนึงได้เร็วกว่า คือ พิจารณาวิปัสสนา เห็นดับๆๆ ทีละตัว จนจิตเกิดความว่าง แล้วก็จิตก็เพ่งความว่างนั้น แทนคำบริกรรม เข้าสมาธิไปเลย... (ได้ไปจนถึงจุดที่ลมหายใจจับที่จมูกไม่ได้แล้ว แต่ที่ท้อง ถ้าจะตามจับก็ยังเห็นได้อยู่)

    ตอนนี้ เลย ยังงงๆ ตัวเองครับ ว่ายังไงต่อดี
    ที่สนใจเรื่องขนลุก ตัวนี้ เพราะอยากรู้เฉพาะ เจาะจง เกี่ยวกับกรณี 2 อย่างหลัง มากกว่าครับ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ทำได้ ถูกแล้ว แต่มันไม่มีกำลัง เวลาทำอะไรมันจะไม่มีกำลังต่อเนื่องยาวนาน
    ปัญญา คม แต่ไม่มีแรง ให้ไปฝึกสมถะเพิ่ม จะได้เป็นคนมีเรี่ยวมีแรง
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ละเอียดขนาดนั้นต้องถามหลวงพี่เล็กแล้วหละครับ....จริงๆผมเห็นคนหนึ่งที่จะตอบคุณได้คือ น้องชัช ตอนนี้น้องเขาเลิกตอบบอร์ดไปนานแล้ว..กระทู้เคยปักหมุดอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนี้หายทั้งกระทู้หายทั้งน้องเขา..น่าเสียดายนะครับ....

    แต่ในเรื่องของเดินต่อฌาน ๔ นี่ผมตอบคุณได้.....ทีนี้นะครับพอคุณจบสู่ความว่างแล้วให้ทรงอยู่ในความว่างนั้นต่อไปเลย ไม่ความจำเป็นต้องถอนมารู้ลม ไม่ว่าท้องหรือจมูกนะครับ...ถ้าอย่างนั้นสมาธิจะคลายลงมาทันที....ใหม่ๆลองขยับดูก่อนครับ....จะทรงอยู่ในฌานขั้นนี้ก่อนก็ได้ครับ...รอมันชินอีกหน่อยก็จะต่อไปเองอัตโนมัติ....สำคัญที่ว่าอย่าถอยมาสนใจลม ให้ทรงต่อในความสงบนั้นต่อไปเลยครับ.....อย่างนี้หละ.....คือเข้าใจบางครั้งใหม่ๆไปถึงตรงนั้นแล้วมันเริ่มไม่มีอะไรให้จับ...จิตเลยหาที่จับเลยมารู้ลม....ไม่จำเป็นครับ....จับความสงบต่อไปเลย.....
     
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    เรื่องปีติ นี่ ทำไมไม่ค่อยเกิดกันเนาะ ผมว่ามันของกล้วยๆเลยนะ

    นั่งเท้าค้างอยู่หน้าจอ ยังกำหนดให้เกิดขึ้นได้เลยครับ เช่นขณะนี้
    แต่ตรงนี้ต้องฝึกสมาธิทุกวันให้เป็นกิจวัตร ให้ชำนาญ
    แล้วเพ่งให้เกิดขึ้น จะเมื่อใดเวลาใดก็ได้ แต่มันมีจังหวะของมันอยู่ ตามอารมณ์ ให้รมณ์มันจอย

    ส่วนปีติ อีกแบบหนึ่ง ในอากัปกิริยา อิริยาบถต่างๆ โดยอาศัยการกระทบกับ ตา หู มีใจเป็นผู้รับรู้
    ขณะที่กำลังเดิน ดื่ม กิน หรือ ขับถ่าย(ยืนฉี่) ในขณะนั้นเกิดสติ ภาษาบ้านๆ มีธรรมมาสะกิดใจ
    มันแว๊บเข้ามาชั่วขณะ แล้วเกิดความรู้อุทานในใจขึ้นมา มันเป็นอย่างนี้หนอๆ
    คือมันรู้ๆอยู่ ตรงนี้ก็เกิดปิติได้เช่นกัน

    เรียกได้ว่า เป็นปีติไม่ต้องเพ่งกำหนด มีธรรมมาสะกิด ขณะนั้นซาบซ่าน ขนลุกขนพองได้เช่นกัน
    เช่นระหว่างนั่งกินข้าวอยู่ อ้าปากค้าง หยุดเคี้ยวไปเลย และมีปีติและความสงบเกิดขึ้น นี่แหละปีติมันมาเยือนเอง
    หรือหากนั่งสมาธิฟังธรรมไปด้วย พอได้ยินเพียงคำๆหนึ่งที่พระเทศน์
    โดยที่ไม่ได้ตั้งใจสนใจหรือจดจ่อ เพียงคำๆเดียว ก็สะกิดใจให้เกิดความรู้ได้เช่นกัน
     
  13. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    โดนเจ้าของกระทู้ติงมาเลย ว่าขอผลจากการปฏิบัติ ขอประทานโทษคร้าบ งั้นเลยต้องมาเสวนาต่อ ถ้าพูดถึงอาการล่ะก็ บอกตรงๆว่าจำไม่ได้แล้ว มันผ่านมานานแล้ว อีกอย่างไม่ค่อยได้สนใจ ไม่ได้อยากจะพบ ไม่ได้อยากจะเจอ ก็เลยเลือนๆไป

    ถามถึงอาการขนลุก ขนชัน อาจจะเป็นอย่างที่เข้าใจ ว่าบางขณะที่จิตตกในอุปจารสมาธิ ก็จะเกิดเป็นครั้งคราว หากเป็นจังหวะพอเหมาะ พอเจาะ

    อีกอย่างหนึ่ง อาการน้ำหู น้ำตาไหล ก็อาจมีได้ หากพบเหตุที่ชวนให้เกิดผลทำนองนี้

    อาการอย่างอื่นๆ คงต้องขอให้ท่านสมาชิกท่านอื่นช่วยให้ความเห็นดู เพราะอย่างว่า ผมลืมไปแล้ว หากจะแจกแจงโดยละเอียดอาจจะไม่ครอบคลุม

    มีข้อสังเกตอีกเล็กน้อย การฝึกสายอภิญญาที่เคยฝึกอยู่ เขามีคำภาวนาหลายๆ อย่าง คำภาวนาหลายๆ อย่าง จะใช้ในวัตถุประสงค์ต่างๆกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คำภาวนาแต่ละอย่าง เวลาผ่านอุปจารสมาธิ อาการของปิติที่เด่นชัดจะแตกต่างกัน

    อันนี้ผมก็ไม่ทราาบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเหตุเนื่องมาจากคำภาวนาก็ได้
    ยกตัวอย่างเช่น (ผู้ฝึกสายอภิญญาคงจะพอคุ้นเคยกันมาบ้าง)

    1.ภาวนา "สัมปจิตฉามิ" อันนี้ ปิติจะแรงเป็นพิเศษ ตัวโยกคลอน ขนลุกซู่ซ่า อันนี้มี แต่เรื่องของอุเพงคาปิติ ผมนี่อยากเจอมาก แต่ก็ไม่เคยผ่านสักที ภาวนาจนเลยไปฌานแล้วก็ไม่เคยเจอ

    2.ภาวนา "นะมะพะธะ" อันนี้เรื่อยๆ มาเรียงๆ ปิติแต่ละอย่าง นุ่มนวล ไม่หวือหวา ซาบซ่า แต่ผมก็ไม่ค่่อยจะจำได้หรอก เพราะภาวนาจนเลยอุปจารสมาธิไปแล้ว เลยไม่มีอะไรน่าจดจำ

    3.หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านเคยให้คาถาทิพยจักขุญาณ กับคณะศิษย์ไว้ ผมก็รับมาภาวนาเหมือนกัน (เป็นคำภาวนาที่ยาวมาก เพราะเป็นคาถา แต่ผมก็ภาวนาไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ) ดังนี้

    พุทธัง เมฆนิมิต จิตตัง มะอะอุ
    ธรรมมัง เมฆนิมิต จิตตัง อุอะมะ
    สังฆัง เมฆะนิมิต จิตตัง อะมะอุ

    ยังจำได้อยู่ เพราะภาวนาประจำ การภาวนาด้วยคาถานี้ อาการปิติมีปานกลาง ไม่ซู่ซ่า เหมือนคำภาวนา ตามข้อ 1 อาการทั้งหลายก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรให้จดจำ เพราะภาวนาให้เป็นฌานเลย สบายกว่า

    สรปว่าอาการของปิติ หากให้แจกแจงอย่างละเอียด คงจะต้องบอกว่าจำไม่ได้ครับ เพราะไม่ได้สนใจ สิ่งที่ผมสนใจจริงๆ คือของที่จะมีมาต่อจากอุปจารสมาธิมากกว่า

    เข้ามาเสวนาอย่างผู้ไม่มีความรู้เป็นการคั่นเวลาก่อน รอความเห็นต่อไปครับ
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สำหรับผู้ชายไอ่ที่ยืนฉี่ แล้วฉี่สุดร่างกายมันสั่นนั้นไม่ใช่ปิตินะ.....เป็นอาการทางกาย....
     
  15. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    และยังมีปีติ อีกชนิดหนึ่ง หากเทียบแล้วก็ขั้นอุปจาระ

    ที่ว่าเกิดแบบสายฟ้าแล็บน่ะ ไม่รู้เคยมีใครเกิดขึ้นบ้างหรือป่าว

    คือระหว่างนั่งสมาธิ จะเหมือนกับมีใครมาแสงอาร์คแล็บ แป๊บ แป๊บ จากนั้นมันจะไล่ไปหมดเลยอาการปิติต่างๆ ขนลุกขนพองทั้งตัว จะกำหนดเล่นให้มันเกิดไปซ้าย ขวา หน้า หลัง ก็ได้ คือให้เกิดสลับกันไป ซาบซ่านทั่วสรรพภางค์กาย

    จากนั้นก็เหาะ (ตรงนี้พูดเล่น)
     
  16. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ผู้ชายแบบ คุณภานุเดช อาจจะไม่เหมือนผู้ชายแบบ จขกท. ก็ได้
     
  17. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    อยากได้ปิติก็ไม่ต้องพิจรณาอะไรนะ ตามลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว

    เเต่ต้องกำหนดจ้องปิติ พยายามทรงปิติไว้นานๆ พอมันหายก็พยายามดึงมันมา พอมันจะหายก็ใช้ปัญญาพิจรณาถึงสิ่งที่เคยทำให้ปิติ มันก็จะดึงกลับ มาทำเเบบนี้บ่อยๆเเล้วจะชินเอง
     
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นี่คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปุณบพิธ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6160573", true); </SCRIPT> บอกอย่างหนึ่งนะครับ ในตอนที่คุณปฏิบัตินั้น ให้คุณโยนคำสองคำนี้ทิ้งไปเลย คือ สมถะ กับ วิปัสสนา โยนทิ้งไปเลย....ไม่ต้องไปสนใจ....

    เมื่อคุณทำถึง ถูกจุดแล้ว คุณจะเข้าใจ ต้องใช้คำว่า เข้าใจ ไม่ใช่คำว่า จำได้หมายรู้ มันคนละอย่างกันนะ.....ถ้าคุณมัวปักใจสนใจในคำสองคำนี้จะเนิ่นช้า......ไปลองปฏิบัติดูนะครับ....

    เดี๋ยวผมออกก่อนหละ....
     
  19. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    ภิกษุทั้งหลาย ! สมัยใด ภิกษุ
    ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า ย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า ““เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะ
    ซึ่งปีติ หายใจเข้า”, ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ
    หายใจออก”;

    พอรู้ชัดเเล้วก็ต้องพยายามคุมมันไว้นะ

    ที่จริงเค้าเรียกว่าเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน สร้างปิติด้วยตัวเอง จนสามารถอาบปิติได้ทั่งวันนะ - -* ฝึกเเบบที่บอกละกัน
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ยังไม่รู้จัก โทษของปีติ กันซะแล้ว

    ปีตินี้ คือ กำลังของจิต เกี่ยวเนื่องกับ ธาตุ ให้ดูว่า น้ำตาไหล กายสะเทือน นั่นแหละแสดงว่า มันไปยุ่งกับธาตุ

    ทีนี้ ผลของมัน ถ้าดับมันไม่ลง วางไม่เป็น มันจะทำให้ เกิดสงสัย เกิดเจ็บปวดทางกาย ตรงนั้นตรงนี้

    เกิด ปีติกวน ใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...