อาตมาจะผิดสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ 1ไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย fantastic9, 30 มีนาคม 2013.

  1. fantastic9

    fantastic9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    เหตุการณ์มี 2เหตุการณ์ครับ
    เหตุการณ์แรก อาตมาตื่นขึ้นมาและเผลอขยับตัว1ครั้งแล้ว
    อวัยวะเพศสีกับทีี่นอน แต่อาตมาไม่มีเจตนาจะให้อสุจิเคลื่อน
    อาตมาเข้าใจว่าไม่น่าจะอาบัติสังฆาสิเสสใช่ไหมครับ
    เหตุการณ์ที่ 2 อาตมาปัสสาวะเสร็จแล้วกลับมานอนที่เตียง
    มันเหมือนมีอะไรค้างในลำกล้องของอวัยวะเพศ นอนไม่หลับ
    อาตมาคิดว่ามันอาจจะเป็นอสุจิ ไม่รู้จะทำเช่นไรให้มันโล่งเหมือนไม่มีอะไรค้างอยู่
    ชั่วขณะจิตหนึ่งอาตมาคิดว่าถ้าเป็นอสุจิจริงก็ออกๆมาเถอะ
    เพราะจะได้ไม่มีอะไรค้างในลำกล้องอวัยวะเพศแล้วสามารถหลับได้
    อาตมาเลยแอ่นกายไปข้างหน้า 1ที และขมิบก้นด้วย แค่ครั้งเดียวอ่ะครับ
    จากนั้นอาตมากลัวว่าจะเป็นอสุจิจริงจึงรีบเข้าห้องน้ำมาดู ปรากฎว่าต้องรีดออกมาจึงเห็นน้ำใสๆ แลลวองจับน้ำนั้นดูซึ่งไม่ใช่น้ำหล่อลื่น
    เพราะมันไม่สามารถยืดได้ คิดว่าน่าจะเป็นน้ำปัสสาวะที่มันไม่สุด
    แต่ถ้าเกิดมันเป็นน้ำหล่อลื่นจิงอาตมาจะอาบัติไหมครับ
    เพราะว่าอาตมาเข้าใจว่าอาตมามีเจตนาเพื่อรักษาโรคและมีการพยายาม
    อาตมาศึกษาพระวินัยมาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่กล้าตัดสินใจ
    อาตมาอยากลาสิกขาไปแบบบริสุทธิ์ครับ มันทุกข์ใจมากครับ
    ผู้รู้ช่วยเมตตาอาตมาด้วยนะครับ
     
  2. ?????

    ????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +239
    เพื่อความสบายใจและมั่นใจ ท่านหลวงพี่ก็แสดงอาบัติต่อพระที่มีศีลบริสุทธิ์รูปอื่นครับ แล้วก็ปลงอาบัติตามพระวินัยว่าเข้าข่ายไหน ปลงอย่างไร เพราะผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ครับ
    แต่สำหรับผมพระวินัยนั้นคือใจที่อยู่ในกรอบ อยู่ที่เจตนาครับ แต่ต้องระวังช่วงขณะจิตที่เกิดอกุศลแม้จะเกิดสั้นมากๆและเผลอทำลงไปก็ถือว่าผิดพระวินัยครับ
    ผมว่าปลงอาบัติตามพระวินัยดีกว่าครับ(อาจจะอยู่ปริวาสกรรม) เพื่อที่จะได้สบายใจและอบรมตนเองที่เผลอสติไปครับผม

    สาธุๆๆ ที่ท่านหลวงพี่เคารพพระธรรมวินัย
     
  3. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ส่วนใหญ่ถ้าบวชนาน มักจะอยู่ปริวาสกรรมก่อนลาสิกขาครับ
    ถ้าหากตัดสินใจเข้าอยู่ปริวาสกรรมแล้ว ก็ตัดความสงสัยทิ้งให้หมดแล้วตั้งใจประพฤติวัตรปริวาสและปฏิบัติธรรมเพื่อชำระใจครับ สาธุ _/\_
     
  4. LovePig

    LovePig เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +283
    อินเตอร์เน็ตนี้ เป็นสื่อกลาง ในเรื่องความรู้ได้มากเลยครับ
    เดี๋ยวคงมีพี่ๆ ที่ศึกษา พระธรรมวินัย กฏของสงฆ์ อย่างเข้าใจ มาตอบข้อสงสัยหลวงพี่นะครับ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    1.จงใจ
    2. สุกกะ เคลื่อน

    ถึงไม่ใช้มือ แล้วคิดว่าไม่อาบัติ ลองอ่าน วินัย ให้ ครบ นะครับ

    แล้วอีกอย่างนะ ตัวอสุจิ นะไม่เกี่ยวครับ

    ไม่งั้นก่อนบวช ไปทำหมันมา แล้วช่วยตัวเองให้ตาย ก็ไม่มี ตัวอสุจิ ออกมาหรอก

    ทำหมันมา ไม่มี น้ำอสุจิ ช่วยตัวเองให้ตาย ก็ ไม่มีน้ำอสุจิ หรือ ตัว อสุจิ ออก แบบนี้ แล้วคิดว่า ไม่ติด สังฆาทิเสส น้ำอสุจิ หรือตัวอสุจิ

    ใน วินัย ไม่ได้ ละบุ นะครับ ว่า ตัวอสุจิ ลองอ่านหลายๆรอบ อ่านดูให้เข้าใจนะครับ น้ำอสุจิ น้ำ อสุจิ น้ำ-อสุจิ ตัวอสุจิ

    ไม่มี วินัยข้อไหน ระบุ ตัวอสุจิ เท่านั้นนะ


    ในวินัย ลองอ่านดูครับ ว่า สุกกะ คืออะไร อะไรเรียกว่า สุกกะ บ้าง จะได้เข้าใจ ครับ


    ใช้คำว่า สุกกะ







    <CENTER>สุทธิกสังฆาทิเสส
    อุบาย ๔ อย่าง
    </CENTER>[๓๐๖] ภิกษุจงใจ พยายาม ในรูปภายใน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส




    สั้นๆ นะครับ จขกท ฝัน อยู่หรือป่าว

    ถ้าฝันอยู่ ยกเว้น ไว้ครับ


    แต่ถ้าไม่ได้ฝัน เรียบร้อย ครับ สังฆาทิเสส


    สิ่งที่ จขกท บอกมานั้น

    อ่าน วินัย แล้ว เปรียบเทียบ ได้เลยครับ

    ข้างล่างนี่ละครับ

    แล้วขอบอก ปลงอาบัติไม่ได้ นะครับ ใครคิดว่า ติด สังฆาทิเสส แล้ว ปลงอาบัติไม่หลุดครับ


    สังฆาทิเสส สุกกะเคลื่อน เว้นไว้แต่ฝัน


    ง่ายๆนะครับ ท่องไว้

    สังฆาทิเสส เว้นไว้แต่ฝัน
    สังฆาทิเสส เว้นไว้แต่ฝัน
    สังฆาทิเสส เว้นไว้แต่ฝัน

    ตอบชัดเจนที่สุด เว้นไว้แต่ฝัน

    ไม่ได้ฝัน สังฆาทิเสส



    บทว่า เป็นไปด้วยความจงใจ ความว่า รู้อยู่ รู้ดีอยู่ จงใจ ตั้งใจละเมิด
    บทว่า สุกกะ อธิบายว่า สุกกะมี ๑๐ อย่าง คือ สุกกะสีเขียว ๑ สุกกะสีเหลือง ๑
    สุกกะสีแดง ๑ สุกกะสีขาว ๑ สุกกะสีเหมือนเปรียง ๑ สุกกะสีเหมือนน้ำท่า ๑ สุกกะสีเหมือน
    น้ำมัน ๑ สุกกะสีเหมือนนมสด ๑ สุกกะสีเหมือนนมส้ม ๑ สุกกะสีเหมือนเนยใส ๑

    การกระทำอสุจิให้เคลื่อนจากฐานตรัสเรียกว่า การปล่อย ชื่อว่าปล่อย
    บทว่า เว้นไว้แต่ฝัน คือ ยกเว้นความฝัน
    บทว่า สังฆาทิเสส ความว่า สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาสเพื่ออาบัตินั้นได้ ชักเข้าหาอาบัติ
    เดิมได้ ให้มานัตได้ เรียกเข้าหมู่ได้ ไม่ใช่คณะมากรูปด้วยกัน ไม่ใช่บุคคลรูปเดียว เพราะฉะนั้น
    จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส คำว่า สังฆาทิเสส เป็นการขนานนาม คือเป็นชื่อของหมวดอาบัติ
    นั้นแล แม้เพราะเหตุนั้น จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เตรสกัณฑ์

    (ว่าด้วยอาบัติสังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท)
    สิกขาบทที่ ๑ <SMALL>
    </SMALL>(ห้ามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน)
    เริ่มเรื่องว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามของนาถปิณฑิกคฤหบดี ใกล้กรุงสาวัตถี ภิกษุเสยยสกะถูกพระอุทายี<SUP>๑</SUP> แนะนำในทางที่ผิด ให้ใช้มือเปลื้องความใคร่ ทำน้ำอสุจิให้เคลื่อน ความทราบถึงพระผุ้มีพระภาค ทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงไต่สวน พระเสยยสกะรับเป็นสัตย์ ทรงติเตียนพระเสยยสกะเป็นอันมาก แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนโดยเจตนา ถ้าล่วงละเมิดต้องอาบัติสังฆาทิเทสส (อาบัติที่ต้องให้สงฆ์เกี่ยวข้องในกรรมเบื้องต้นและกรรมอันเหลือ คือสงฆ์เป็นผู้ปรับโทษให้อยู่กรรม และสงฆ์เองเป็นผู้ระงับอาบัติ).
    อนุบัญญัติ (ข้อบัญญัติเพิ่มเติม)
    สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายนอนหลับ น้ำอสุจิเคลื่อนด้วยความฝัน เกิดความสงสัยว่า จะต้องสังฆาทิเสส จึงกราบทูลถามพระผู้มีพระภาค พระองค์ตรัสว่า เจตนามีอยู่ แต่เป็นอัพโพหาริก (ไม่ควรกล่าวว่า มีเหมือนอย่างเทน้ำหมดแกล้วแล้ว น้ำก็ยังคงมีติดอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ควรกล่าวว่า มี) แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติม เพิ่มข้อยกเว้นสำหรับความฝัน.
    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายตัวสิกขาบทโดยพิสดารแล้ว กล่าวถึงเรื่องอนาบัติ (การไม่ต้องอาบัติ) ๖ ประการ คือ ๑. เพราะฝัน ๒. ภิกษุไม่มีเจตนาจะทำให้เคลื่อน ๓. ภิกษุเป็นบ้า ๔. ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน (เป็นบ้าไปชั่วคราวด้วยเหตุใด ๆ) ๕. ภิกษุมีเวทนากล้า และ ๖. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ.
    วินีตวัตถุ
    (เรื่องที่ทรงวินิจฉัยชี้ขาด)
    ต่อจากนั้น แสดงตัวอย่างต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เกี่ยวด้วยการกระทำของภิกษุที่เนื่องด้วยสิกขาบทนี้ ประมาณ ๗๑ ราย ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงไต่สวนเอง ทรงวินิจฉัยชี้ขาดว่า ต้องอาบัติปาราชิกบ้าง ไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสบ้าง ไม่ต้องบ้าง ตามควรแก่กรณี.
    สิกขาบทที่ ๒<SMALL>
    </SMALL>(ห้ามจับต้องกายหญิง)
    เริ่มเรื่องว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามเช่นเคย แล้วกล่าวถึงวิหาร (ที่อยู่) ของพระอุทายีว่างดงาม มีเตียงตั่งฟูกหมอน น้ำดื่มใช้ตั้งไว้ดี มีบริเวณอันกวาดสะอาด. มนุษย์ทั้งหลายพากันไปชมวิหารมากด้วยกัน. พราหมณ์ผู้หนึ่งพาภริยาไปขอชมวิหาร พระอุทายีก็พาชม ให้พราหมณ์เดินหน้า ภริยาตามหลัง พระอุทายีเดินตามหลังภริยาของพราหมณ์นั้นอีกต่อหนึ่ง เลยถือโอกาสจับต้องอวัยวะน้อยใหญ่ของนาง นางบอกแก่สามี สามีโกรธ ติเตียนเป็นอันมาก ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค ทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ ทรงติเตียนเป็นอันมากแล้ว จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ จับช้องผม หรือลูบคลำอวัยวะใด ๆ ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด.
    ครั้นแล้ว ได้มีคำอธิบายตัวสิกขาบทอย่างละเอียด และมีข้อแสดงลักษณะที่ไม่ต้องอาบัติ คล้ายคลึงกับสิกขาบทที่แล้ว ๆ มา ลงท้ายด้วยแสดงวินีตวัตถุ คือเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งพระศาสดาทรงวินิจฉัย ไต่สวนชี้ขาดด้วยพระองค์เอง อันเกี่ยวกับสิกขาบทนี้ ประมาณ ๒๐ เรื่อง.
    สิกขาบทที่ ๓<SMALL>
    </SMALL>(ห้ามพูดเกี้ยวหญิง)
    เริ่มเรื่องว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามเช่นเคย แล้วเล่าเรื่องสตรีหลายคนพากันไปชมวิหาร (ที่อยู่) ของพระอุทายี ซึ่งเลื่องลือกันว่างดงาม พระอุทายีก็ถือโอกาสนั้นพูดจาพาดพิงถึงทวารหนัก ทวารเบาของหญิงเหล่านั้น. หญิงบางคนที่เป็นคนคะนองไม่มีความอาย ก็ยิ้มแย้ม ซี้ซิก คิกคัก พูดล้อกับพระอุทายี. ส่วนหญิงที่มีความละอาย ก็ว่ากล่าวติเตียน ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ ก็ทรงติเตียน แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุมีจิตกำหนัดพูดเกี้ยวหญิง ด้วยวาจาชั่วหยาบ พาดพิงเมถุน ทำนองชายหนุ่มพูดเกี้ยวหญิงสาว <SUP>๒</SUP> ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด.
    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายตัวสิกขาบทโดยละเอียด แล้วแสดงถึงอนาบัติ (การไม่ต้องอาบัติ) สำหรับภิกษุผู้พูด มุ่งอรรถ มุ่งธรรม มุ่งสั่งสอน ผู้เป็นบ้า และผู้เป็นต้นบัญญัติ. แล้วแสดงถึงวินีตวัตถุ คือเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พระพุทธเจ้าทรงไต่สวนวินิจฉัยชี้ขาด รวม ๑๒ เรื่อง.
    สิกขาบทที่ ๔<SMALL>
    </SMALL>(ห้ามพูดล่อหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม)
    เริ่มเรื่องว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามเช่นเคย แล้วเล่าถึงหญิงหม้ายคนหนึ่งผู้มีรูปร่างงดงาม พระอุทายีเข้าไปสู่สกุลนั้น สั่งสอนจนเกิดความเลื่อมใสแล้ว เธอปวารณาที่จะถวายผ้านุ่งห่ม อาหารที่นอนที่นั่งและยารักษาโรค แต่พระอุทายีกลับพูดล่อหรือชักชวนหญิงนั้น ให้บำเรอตนด้วยกาม ถือว่า เป็นสิ่งที่หาได้ยาก นางหลงเชื่อ แสดงอาการยินยอม พระอุทายีถ่มน้ำลาย แสดงอาการรังเกียจ. นางจึงติเตียนพระอุทายี. ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวน ติเตียนแล้ว ทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุมีจิตกำหนัดพูดล่อหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด.
    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายข้อความในสิกขาบทอย่างละเอียด พร้อมทั้งแสดงถึงการไม่ต้องอาบัติ โดยลักษณะ ๓ คือ ๑. พูดให้บำรุงด้วยปัจจัย ๔ ๒. ภิกษุเป็นบ้า ๓. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ. แล้วแสดงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รวม ๗ เรื่อง ซึ่งพระผู้มีพระภาคไต่สวนชี้ขาดว่า ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่.
    สิกขาบทที่ ๕<SMALL>
    </SMALL>(ห้ามชักสื่อ)
    เริ่มเรื่องว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามเช่นเคย. สมัยนั้น พระอุทายีเมื่อเห็นเด็กชายที่ยังไม่มีภริยา เด็กหญิงที่ยังไม่มีสามี ก็เที่ยวพูดสรรเสริญเด็กหญิงในสำนักมารดาบิดาของเด็กชาย เขาก็วานให้พระอุทายีไปสู่ขอเด็กหญิง. พระอุทายีไปเที่ยวพูดสรรเสริญเด็กชายในสำนักมารดาบิดาของเด็กหญิง เขาก็วานให้พระอุทายีไปพูดให้ฝ่ายชายมาขอบุตรีของตน. โดยนัยนี้ พระอุทายีก็ทำให้เกิดการอาวาหะ วิวาหะ และการสู่ขอหลายราย.
    สมัยนั้น ธิดาของหญิงผู้เคยเป็นโสเภณีคนหนึ่ง มีรูปงาม น่าดู น่าชม, สาวกของอาชีวกซึ่งอยู่ต่างตำบล จึงมาขอธิดานั้น แต่มารดาของนางอ้างว่า นางไม่รู้จัก ทั้งก็มีลุกคนเดียว ลูกจะต้องไปสู่ตำบลบ้านอื่น จึงไม่ยอมยกให้. สาวกของอาชีวกจึงไปหาพระอุทายี ขอให้ช่วยสู่ขอและรับรองให้ พระอุทายีก็ไปพูดกับหญิงนั้น นางเชื่อว่าพระอุทายีรู้จักจึงยอมยกให้. สาวกของอาชีวกรับเด็กหญิงนั้นไปเลี้ยงดูอย่างลูกสะใภ้ได้เดือนเดียว ต่อมาก็เลี้ยงดูแบบทาสี.
    เด็กหญิงจึงส่งข่าวไปแจ้งให้มารดาทราบว่าตนได้รับความลำบาก อยู่อย่างทาสี ขอให้มารดามารับกลับไป มารดาจึงไปต่อว่าสาวกอาชีวก แต่ก็กลับถูกรุกราน อ้างว่าการนำมานำไปเกี่ยวกับนาง แต่เกี่ยวกับพระอุทายี จึงไม่รับรู้เรื่องนี้. นางจึงต้องกลับสู่กรุงสาวัตถี.
    เด็กหญิงนั้น ส่งทูตไปแจ้งข่าวแก่มารดาเป็นครั้งที่ ๒ เล่าถึงความลำบากยากแค้นที่ได้รับในการที่มีความเป็นอยู่แบบทาสี ขอให้มารดานำตัวกลับ. มารดาจึงไปหาพระอุทายีให้ช่วยไปเจรจากับสาวกอาชีวกให้. พระอุทายีก็ไปเจรจา แต่ก็ถูกรุกรานกลับมา โดยอ้างว่าพระอุทายีไม่เกี่ยว การนำมานำไป เป็นเรื่องระหว่างตนกับมารดาของเด็กหญิง เป็นสมณะควรขวนขวายน้อย ควรเป็นสมณะที่ดี พระอุทายีจึงต้องกลับ.
    เด็กหญิงนั้น ส่งทูตไปแจ้งข่าวเช่นเดิมแก่มารดาอีกเป็นครั้งที่ ๓ ขอให้นำตัวกลับ มารดาจึงไปหาพระอุทายี พระอุทายีก็บอกว่าไปแล้ว และถูกรุกรานไม่ยอมไปอีก. มารดาของเด็กหญิงนั้น และหญิงอื่น ๆ ที่ไม่พอใจแม่ผัว พ่อผัว หรือสามี ก็พากันติเตียน สาปแช่งพระอุทายี. ส่วนหญิงที่พอใจแม่ผัว พ่อผัว หรือสามี ก็สรรเสริญให้พรพระอุทายี.
    ความทราบถึงพระพุทธเจ้า จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงไต่สวนได้ความเป็นสัตย์ จึงทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุชักสื่อให้ชายหญิงเป็นผัวเมียกัน ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด.
    ต่อมาพระอุทายีก่อเรื่องขึ้นอีก โดยพวกนักเลงขอร้องให้ไปตามหญิงแพศยามา เพื่อสำเร็จความใคร่ มีผู้ติเตียน พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบทเพิ่มเติมว่า การชักสื่อเช่นนั้น แม้โดยที่สุด เพื่อสำเร็จความประสงค์ชั่วขณะหนึ่ง ก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายตัวสิกขาบทโดยละเอียด และแสดงลักษณะการไม่ต้องอาบัติว่า ๑. ไปด้วยกิจของสงฆ์ ของเจดีย์ หรือของภิกษุไข้ ๒. ภิกษุเป็นบ้า ๓. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ ไม่ต้องอาบัติ แล้วได้แสดงตัวอย่างที่เกิดเรื่องขึ้น ๗ เรื่องเกี่ยวกับสิกขาบท่นี้ ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงวินิจฉัยชี้ขาด.
    สิกขาบทที่ ๖<SMALL>
    </SMALL>(ห้ามสร้างกุฎีด้วยการขอ)
    เริ่มเรื่องเล่าว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เวฬุวนาราม ใกล้กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น ภิกษุชาวแคว้นอาฬวีให้ก่อกุฎี ที่ไม่มีเจ้าของ (ในที่ซึ่งไม่มีใครจับจอง) เป็นของจำเพาะตน (เพื่อประโยชน์ของตนเอง) เป็นกุฎีไม่มีประมาณ (ไม่กำหนดเขตแน่นอน) ด้วยการขอเอาเอง (คือขอของใช้รวมทั้งขอแรง) กุฎียังไม่เสร็จ พวกเธอก็มากไปด้วยการขอ เช่น ขอคน ขอแรงงาน ขอโค ขอเกวียน ขอพร้า ขอขวาน เป็นต้น ก่อความเดือดร้อนแก่มนุษย์เป็นอันมาก ถึงกับเห็นภิกษุทั้งหลายเข้า ก็พากันหวาดบ้าง สะดุ้งกลัวบ้าง หนีบ้าง ไปทางอื่นบ้าง หันหน้าหนีไปทางอื่นบ้าง ปิดประตูบ้าง เห็นโค สำคัญว่าเป็นภิกษุ ก็พากันหนีบ้าง.<SUP>๓</SUP>
    ท่านพระมหากัสสปจาริกไปสู่แคว้นอาฬวี พักที่อัคคาฬวเจดีย์ ไปบิณฑบาตก็พบมนุษย์ทั้งหลายพากันหวาดสะดุ้ง หลบหนี เมื่อกลับมาถามภิกษุทั้งหลาย ทราบความแล้ว พอพระพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปสู่เมืองอาฬวี ก็กราบทูลให้ทรงทราบ จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ตรัสเทศนาสั่งสอนไม่ให้เป็นผู้มักขอ ทรงเล่านิทานประกอบถึง ๓ เรื่อง แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุจะให้ก่อกุฎี ที่ไม่มีเจ้าของ เป็นที่อยู่จำเพาะตนด้วยการขอ (สิ่งต่าง ๆ) เอาเอง พึงทำให้ได้ประมาณ คือยาวไม่เกิน ๑๒ คืบ กว้างไม่เกิน ๗ คืบ ทั้งต้องให้ภิกษุทังหลายแสดงที่ให้ก่อน. ภิกษุทั้งหลายพึงแสดงที่ ซึ่งไม่มีใครจองไว้ ที่มีชานรอบ ถ้าภิกษุให้ก่อกุฎีด้วยการขอ (สิ่งต่าง ๆ) เอาเอง ในที่ซึ่งมีผู้จองไว้ ไม่มีชานรอบ ไม่ให้ภิกษุทั้งหลายแสดงที่ให้ก่อนก็ดี ทำให้เกินประมาณก็ดี ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
    ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายตัวสิกขาบทโดยละเอียด และอธิบายถึงลักษณะการไม่ต้องอาบัติไว้ ที่มีลักษณะอันไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน และภิกษุผู้ทำเป็นบ้าหรือเป็นต้นบัญญัติ.


    ๑. ภิกษุที่ชื่ออุทายี มี ๒ รูป รูปหนึ่งผิวดำ จึงมีผู้เรียกว่า กาฬุทายี (อุทายีดำ) เคยเป็นอำมาตย์กรุงกบิลพัสดุ์ ออกบวชเมื่อคราวพระพุทธบิดาใช้ให้ไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้า ส่วนพระอุทายีที่กล่าวถึงในที่นี้ชอบก่อเรื่องเลอะเทอะเสมอ จึงมีฉายาว่า โลลุทายี (อุทายีเลอะเทอะ)

    ๒. การพูดเกี้ยวของอินเดีย ในสมัยนั้น อาจจะเป็นอย่างอื่น ลักษณะการใช้ถ้อยคำ คงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ พึงเข้าใจว่า การใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นการเกี้ยวหญิง ย่อมนับเข้าในข้อนี้

    ๓. เรื่องนี้ควรเป็นเครื่องเตือนใจให้สังวรในการเรี่ยไร รบกวนชาวบ้านจนไม่เป็นอันทำอะไร และแสดงไปในตัวว่า พระพุทธเจ้าทรงปราบปรามเรื่องเช่นนี้อย่างหนักเพียงไร


    ttp://www.baanjomyut.com/pratripidok/pravinaipidok/204.html]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2016
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สังฆาทิเสสคืออะไร?

    ความหมายของสังฆาทิเสส

    สังฆาทิเสส มาจากคำว่า สังฆะ + อาทิ + เสสะ = อาบัติที่ต้องอาศัยสงฆ์ทั้งในกรรมเบื้องต้นและกรรมที่เหลือ
    กรรมเบื้องต้น (อาทิกรรม) คือ ปริวาส และ มานัต คือ เมื่อภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว จะต้องอยู่ปริวาสเท่ากับจำนวนวันที่ปกปิดไว้ หลังจากนั้นมาอยู่มานัตอีก ๖ ราตรี ทั้งขั้นตอนปริวาสและขั้นตอนการอยู่มานัตนี้ ต้องอาศัยสงฆ์เป็นผู้ให้ โดยผ่านพิธีสงฆ์ที่เรียกว่า ญัตติจตุตถกรรมวาจา คือ สวดญัติติ ๑ ครั้ง สวดอนุสาวนา ๓ ครั้ง รวมเป็น ๔ ครั้ง
    กรรมที่เหลือ (เสสกรรม) ได้แก่การชักเข้าหมู่ หรือการสวดอัพภาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการประพฤติวุฏฐานวิธี (วิธีออกจากอาบัติสังฆาทิเสส) จะต้องอาศัยพระสงฆ์อย่างน้อย ๒๐ รูป สวดให้พ้นจากอาบัติสังฆาทิเสส ขั้นตอนนี้เป็นญัตติจตุตถกรรมวาจาเช่นเดียวกัน เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว ภิกษุนั้นจึงถือว่าพ้นจากอาบัติสังฆาทิเสส เป็นปกตัตตะภิกษุ (ภิกษุที่เป็นปกติ) เหมือนเดิม
    อาบัติสังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท

    ๑. แกล้งปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน
    ๒. เคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ
    ๓. พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี
    ๔. การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้วยกาม หรือถ้อยคำพาดพิงเมถุน
    ๕. ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ
    ๖. ไม่ให้สงฆ์แสดงที่ให้ก่อนสร้างกุฏิด้วยการขอและสร้างใหญ่เกินประมาณ
    ๗. สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น
    ๘. แกล้งใส่ความภิกษุอื่นว่าต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล
    ๙. แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าภิกษุอื่นต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล
    ๑๐. ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน
    ๑๑. เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน
    ๑๒. เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง
    ๑๓. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์
    ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ

    ๑. พระเสยยกะ ๑ สิกขาบท
    ๒. พระอุทายี ๔ สิกขาบท
    ๓. พระภิกษุชาวเมืองอาฬวี ๑ สิกขาบท
    ๔. พระฉันนะ ๑ สิกขาบท
    ๕. พระเมตติยะ พระภุมมชกะ ๒ สิกขาบท
    ๖. พระเทวทัต ๑ สิกขาบท
    ๗. พระพวกของพระเทวทัต ๑ สิกขาบท
    ๘. พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ ๑ สิกขาบท
    สถานที่บัญญัติในสังฆาทิเสส

    ๑. แคว้นโกศล ๕ สิกขาบท
    ๒. แคว้นอาฬวี ๑ สิกขาบท
    ๓. แควนมคธ ๔ สิกขาบท
    ๔. แคว้นวังสะ ๒ สิกขาบท
    ๕. แคว้นกาสี ๑ สิกขาบท
    วิธีแก้อาบัติสังฆาทิเสส

    ๑. แจ้งต่อสงฆ์ทันทีภายในวันนั้น
    ๒. อยู่ปริวาส เท่าจำนวนวันที่ปกปิด เพื่อประพฤติวุฎฐานวิธี
    ๓. การประพฤติมานัต อยู่ในความดูแลของสงฆ์ ๖ ราตรี
    ๔. ขออัพภาน กับสงฆ์ ๒๐ รูป

    ttp://www.watbankaobo.com/index.php?option=com_content&view=article&id=199:2010-01-19-20-04-58&catid=28:guilt-removal&Itemid=41]สังฆาทิเสสคืออะไร?[/url]
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    สังฆาทิเสส ถือเป็น อาบัติหนัก ที่ไม่สามารถปลงได้ ต้องอยู่ปริวาสกรรม และประพฤติมานัตเป็นเวลา ๖ ราตรี
    และให้สงฆ์จำนวน ๒๐ รูป สวดอัพภาน (การสวดถอนจากอาบัติสังฆาทิเสส) เพื่อเป็นการรับเข้าหมู่

    ลักษณะความผิดมี ๑๓ สิกขาบท และการกระทำความผิดแล้วแยกเป็น ๒ ประเภท คือ
    ๑. ประเภทไม่ปกปิด คือ เมื่อกระทำผิดแล้ว เปิดเผยทันทีภายในวันนั้น (ที่กระทำผิด)
    ก็ไม่ต้องอยู่ปริวาสกรรม แต่ต้องประพฤติมานัตเป็นเวลา ๖ ราตรี และให้สงฆ์จำนวน
    ๒๐ รูปขึ้น สวดอัพภาน จึงพ้นจากความผิด

    ๒. ประเภทปกปิด คือ เมื่อกระทำผิดแล้วไม่เปิดเผยออกมาในวันนั้น ปล่อยจนล่วงกาลผ่านไป จึงมาเปิดเผย
    พวกนี้ต้องอยู่ปริวาสกรรม เป็นเวลาเท่ากันจำนวนวันที่ได้ปกปิดไว้ เช่น ถ้าปกปิดไว้ ๗ วัน ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม
    เป็นเวลา ๗ วัน จากนั้นก็ต้องประพฤติมานัต และให้สงฆ์สวดอัพภานเพื่อรับเข้าหมู่

    จากหนังสือ "อริยวินัย"


    ภิกษุใดที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แล้วไม่ได้อยู่ในปริวาสกรรม ถึงแม้สึกแล้ว และเมื่อมาบวชใหม่อีกครั้ง จะต้องบวชเณรเสียก่อน
    แล้วเมื่อมาประพฤติในปริวาสกรรม ก็ต้องนับตั้งแต่วันที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส จนถึงวันบวชเณรใหม่ เมื่อครบกำหนดจึงสามารถ
    บวชเป็นพระภิกษุได้ การอาบัตินั้น มี 3 ระดับ คือ

    ๑.อาบัติอย่างหนัก ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นขาดจากความเป็นภิกษุ อันหมายถึงอาบัติปาราชิก

    ๒.อาบัติอย่างกลาง ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องอยู่กรรม โดยประพฤติวัตรอย่างหนึ่งเพื่อทรมานตน อันหมายถึงอาบัติสังฆาทิเสส

    ๓.อาบัติอย่างเบา ทำให้ภิกษุผู้ต้องอาบัตินั้นต้องประจานตนต่อหน้าภิกษุด้วยกัน แล้วจึงจะพ้นโทษนั้นได้ อันได้แก่อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาสิต โดยอาบัติ
    ttp://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=3215.0"][/URL]
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    <CENTER>เตรสกัณฑ์
    </CENTER>ท่านทั้งหลาย ก็ธรรมคือสังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบทเหล่านี้แล มาสู่อุเทศ.





    <CENTER>สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑




    </CENTER><CENTER>เรื่องพระเสยยสกะ
    </CENTER>[๓๐๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
    อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระเสยยสกะ ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
    เพราะความกระสันนั้น เธอจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีร่างกาย
    สะพรั่งด้วยเอ็น ท่านพระอุทายีได้เห็นท่านพระเสยยสกะ ซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ
    มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีร่างกายสะพรั่งด้วยเอ็น ครั้นแล้วจึงได้ถามว่า อาวุโส เสยยสกะ เพราะเหตุไร
    คุณจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีร่างกายสะพรั่งด้วยเอ็น คุณจะ
    ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์กระมังหนอ?
    ท่านพระเสยยสกะรับสารภาพว่า จริงอย่างนั้น ขอรับ
    ท่านพระอุทายีแนะนำว่า ดูกรคุณเสยยสกะ ถ้าอย่างนั้น คุณจงฉันอาหารให้พอแก่ความ
    ต้องการ จำวัดให้พอแก่ความต้องการ สรงน้ำให้พอแก่ความต้องการ ครั้นฉันอาหาร จำวัด สรงน้ำ
    พอแก่ความต้องการแล้ว เมื่อใดความกระสันบังเกิดแก่คุณ ราคะรบกวนจิตคุณ เมื่อนั้นคุณจง
    ใช้มือพยายามปล่อยอสุจิ
    เส. ทำเช่นนั้น ควรหรือ ขอรับ?
    อุ. ควรซิ คุณ แม้ผมก็ทำเช่นนั้น
    ต่อมา ท่านพระเสยยสกะฉันอาหารพอแก่ความต้องการ จำวัดพอแก่ความต้องการ
    สรงน้ำพอแก่ความต้องการ ครั้นฉันอาหาร จำวัด สรงน้ำพอแก่ความต้องการแล้ว เมื่อใดความ
    กระสันบังเกิด ราคะรบกวนจิต เมื่อนั้นก็ใช้มือพยายามปล่อยอสุจิ สมัยต่อมา ท่านพระเสยยสกะ
    ได้เป็นผู้มีผิวพรรณ มีอินทรีย์อิ่มเอิบ มีสีหน้าสดใส มีฉวีวรรณผุดผ่อง จึงพวกภิกษุสหาย
    ของท่านพระเสยยสกะถามท่านพระเสยยสกะว่า อาวุโส เสยยสกะ เมื่อก่อนคุณซูบผอม เศร้า
    หมองมีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้นๆ มีร่างกายสะพรั่งด้วยเอ็น เดี๋ยวนี้คุณมีผิวพรรณมีอินทรีย์
    อิ่มเอิบ มีสีหน้าสดใส มีฉวีวรรณผุดผ่อง คุณทำยาอะไรฉันหรือ?
    เส. ผมไม่ได้ทำยาฉัน แต่ผมฉันอาหารพอแก่ความต้องการ จำวัดพอแก่ความต้องการ
    สรงน้ำพอแก่ความต้องการ ครั้นฉันอาหาร สรงน้ำ จำวัดพอแก่ความต้องการแล้ว เมื่อใดความ
    กระสันบังเกิดแก่ผม ราคะรบกวนจิตผม เมื่อนั้นผมก็ใช้มือพยายามปล่อยอสุจิ
    ภิ. อาวุโส เสยยสกะ คุณพยายามปล่อยอสุจิ ด้วยมือซึ่งเป็นเครื่องฉันอาหารที่เขา
    ถวายด้วยศรัทธาเทียวหรือ?
    เส. เป็นอย่างนั้น ขอรับ
    บรรดาภิกษุที่มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็
    เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระเสยยสกะจึงได้ใช้มือพยายามปล่อยอสุจิเล่า ภิกษุ
    เหล่านั้น พากันติเตียนท่านพระเสยยสกะโดยอเนกปริยาย แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค





    <CENTER>ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท
    </CENTER>ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ใน
    เพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระเสยยสกะว่า ดูกรเสยยสกะ ข่าวว่า เธอใช้มือ
    พยายามปล่อยอสุจิ จริงหรือ?
    ท่านพระเสยยสกะทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ
    ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนเธอจึงได้ใช้มือพยายามปล่อย
    อสุจิเล่า
    ดูกรโมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยอเนกปริยาย เพื่อคลายความกำหนัด ไม่ใช่
    เพื่อมีความกำหนัด เพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความประกอบ เพื่อความไม่ถือมั่น ไม่ใช่เพื่อมี
    ความถือมั่น มิใช่หรือ เมื่อธรรมชื่อนั้น อันเราแสดงแล้ว เพื่อคลายความกำหนัด เธอยังจักคิด
    เพื่อมีความกำหนัด เราแสดงเพื่อความพราก เธอยังจักคิดเพื่อความประกอบ เราแสดงเพื่อความ
    ไม่ถือมั่น เธอจักคิดเพื่อมีความถือมั่น
    ดูกรโมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยอเนกปริยาย เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งราคะ เพื่อ
    เป็นที่สร่างแห่งความเมา เพื่อเป็นที่บรรเทาความระหาย เพื่อเพิกถอนอาลัย เพื่อเข้าไปตัดวัฏฏะ
    เพื่อสิ้นแห่งตัณหา เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับทุกข์ เพื่อความไม่มีกิเลสเครื่องร้อยรัด
    มิใช่หรือ?
    ดูกรโมฆบุรุษ การละกาม การกำหนดรู้ความหมายในกาม การกำจัดความระหายในกาม
    การเพิกถอนความตรึกอันเกี่ยวด้วยกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกาม เราบอกไว้แล้วโดย
    อเนกปริยาย มิใช่หรือ?
    ดูกรโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั้น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
    เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของเธอนั่น
    เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่
    เลื่อมใสแล้ว
    ครั้นผู้มีพระภาค ทรงติเตียนท่านพระเสยยสกะโดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่ง
    ความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ
    ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความ
    มักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภ
    ความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น
    แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจ
    ประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคล
    ผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิด ในปัจจุบัน ๑
    เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อ
    ความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตาม
    พระวินัย ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-





    <CENTER>พระบัญญัติ
    </CENTER>๕. ๑. ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เป็นสังฆาทิเสส
    ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุทั้งหลายด้วยอาการฉะนี้.





    <CENTER>
    เรื่องพระเสยยสกะ จบ.​
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
    มหาวิภังค์ ภาค ๑


    เรื่องภิกษุหลายรูป
    [๓๐๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายฉันโภชนะอันประณีตแล้ว จำวัดปล่อยสติไม่มีสัมปชัญญะ เมื่อเธอจำวัดปล่อยสติไม่มีสัมปชัญญะ อสุจิเคลื่อนโดยฝัน เธอมีความรังเกียจว่าพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เป็นสังฆาทิเสสแต่อสุจิของพวกเราเคลื่อนโดยฝัน ทั้งเจตนาในความฝันนี้จะว่ามีก็ได้ ชะรอยพวกเรา ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย เจตนานี้มีอยู่ แต่นั่นเป็นอัพโพหาริก
    ทรงบัญญัติพระอนุบัญญัติ
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
    พระอนุบัญญัติ
    ๕. ๑. ก. ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝันเป็นสังฆาทิเสส.
    เรื่องภิกษุหลายรูป จบ.













    สิกขาบทวิภังค์

    [๓๐๓] บทว่า เป็นไปด้วยความจงใจ ความว่า รู้อยู่ รู้ดีอยู่ จงใจ ตั้งใจละเมิด
    บทว่า สุกกะ อธิบายว่า สุกกะมี ๑๐ อย่าง คือ สุกกะสีเขียว ๑ สุกกะสีเหลือง ๑
    สุกกะสีแดง ๑ สุกกะสีขาว ๑ สุกกะสีเหมือนเปรียง ๑ สุกกะสีเหมือนน้ำท่า ๑ สุกกะสีเหมือน
    น้ำมัน ๑ สุกกะสีเหมือนนมสด ๑ สุกกะสีเหมือนนมส้ม ๑ สุกกะสีเหมือนเนยใส ๑
    การกระทำอสุจิให้เคลื่อนจากฐานตรัสเรียกว่า การปล่อย ชื่อว่าปล่อย
    บทว่า เว้นไว้แต่ฝัน คือ ยกเว้นความฝัน
    บทว่า สังฆาทิเสส ความว่า สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาสเพื่ออาบัตินั้นได้ ชักเข้าหาอาบัติ
    เดิมได้ ให้มานัตได้ เรียกเข้าหมู่ได้ ไม่ใช่คณะมากรูปด้วยกัน ไม่ใช่บุคคลรูปเดียว เพราะฉะนั้น
    จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส คำว่า สังฆาทิเสส เป็นการขนานนาม คือเป็นชื่อของหมวดอาบัติ
    นั้นแล แม้เพราะเหตุนั้น จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส.






    บทภาชนีย์




    (อุบาย ๔)
    [๓๐๔] ภิกษุปล่อยสุกกะในรูปภายใน ๑ ปล่อยสุกกะในรูปภายนอก ๑ ปล่อยสุกกะ
    ในรูปทั้งที่เป็นภายในทั้งที่เป็นภายนอก ๑ ปล่อยเมื่อยังสะเอวให้ไหวในอากาศ ๑





    (กาล ๕)

    ปล่อยเมื่อเวลาเกิดความกำหนัด ๑ ปล่อยเมื่อเวลาปวดอุจจาระ ๑ ปล่อยเมื่อเวลาปวด
    ปัสสาวะ ๑ ปล่อยเมื่อเวลาต้องลม ๑ ปล่อยเมื่อเวลาถูกบุ้งขน ๑





    (ความประสงค์ ๑๐)

    ปล่อยเพื่อประสงค์ความหายโรค ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์ความสุข ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์เป็น
    ยา ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์ให้ทาน ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์เป็นบุญ ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์บูชายัญ ๑
    ปล่อยเพื่อประสงค์ไปสวรรค์ ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์เป็นพืช ๑ ปล่อยเพื่อประสงค์จะทดลอง ๑
    ปล่อยเพื่อประสงค์ความสนุก ๑





    (วัตถุประสงค์ ๑๐)

    ปล่อยสุกกะสีเขียว ๑ ปล่อยสุกกะสีเหลือง ๑ ปล่อยสุกกะสีแดง ๑ ปล่อยสุกกะสีขาว ๑
    ปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง ๑ ปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า ๑ ปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน ๑
    ปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด ๑ ปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม ๑ ปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส ๑
    [๓๐๕] บทว่า รูปภายใน ได้แก่รูปที่มีวิญญาณครอง เป็นภายใน
    บทว่า รูปภายนอก ได้แก่รูปที่มีวิญญาณครอง หรือรูปที่ไม่มีวิญญาณครอง เป็นภายนอก
    บทว่า รูปทั้งที่เป็นภายในทั้งที่เป็นภายนอก ได้แก่รูปทั้งสองนั้น
    บทว่า เมื่อยังสะเอวให้ไหวในอากาศ คือเมื่อพยายามในอากาศ องค์กำเนิดเป็นอวัยวะ
    ใช้การได้
    บทว่า เมื่อเวลาเกิดความกำหนัด คือเมื่อถูกราคะบีบคั้นแล้ว องค์กำเนิดเป็นอวัยวะ
    ใช้การได้
    บทว่า เมื่อเวลาปวดอุจจาระ คือเมื่อปวดอุจจาระ องค์กำเนิดเป็นอวัยวะใช้การได้
    บทว่า เมื่อเวลาปวดปัสสาวะ คือเมื่อปวดปัสสาวะ องค์กำเนิดเป็นอวัยวะใช้การได้
    บทว่า เมื่อเวลาต้องลม คือเมื่อถูกลมโชยแล้ว องค์กำเนิดเป็นอวัยวะใช้การได้
    บทว่า เมื่อเวลาถูกบุ้งขน คือเมื่อถูกบุ้งขนเบียดเบียนแล้ว องค์กำเนิดเป็นอวัยวะ
    ใช้การได้
    บทว่า เพื่อประสงค์ความหายโรค คือเพื่อหวังว่าจักเป็นคนไม่มีโรค
    บทว่า เพื่อประสงค์ความสุข คือเพื่อหวังว่าจักยังสุขเวทนาให้เกิด
    บทว่า เพื่อประสงค์เป็นยา คือเพื่อมุ่งว่าจักเป็นยา
    บทว่า เพื่อประสงค์ให้ทาน คือเพื่อมุ่งว่าจักให้ทาน
    บทว่า เพื่อประสงค์เป็นบุญ คือเพื่อมุ่งว่าจักเป็นบุญ
    บทว่า เพื่อประสงค์บูชายัญ คือเพื่อมุ่งว่าจักบูชายัญ
    บทว่า เพื่อประสงค์ไปสวรรค์ คือเพื่อมุ่งว่าจักได้ไปสวรรค์
    บทว่า เพื่อประสงค์เป็นพืช คือเพื่อมุ่งว่าจักเป็นพืช
    บทว่า เพื่อประสงค์ทดลอง คือเพื่อมุ่งว่าจักทดลองดูว่า สุกกะจักเป็นสีเขียว สีเหลือง
    สีแดง สีขาว สีเหมือนเปรียง สีเหมือนน้ำท่า สีเหมือนน้ำมัน สีเหมือนนมสด สีเหมือน
    นมส้ม หรือสีเหมือนเนยใส
    บทว่า เพื่อประสงค์ความสนุก คือมีความมุ่งหมายจะเล่น.






    สุทธิกสังฆาทิเสส




    อุบาย ๔ อย่าง

    [๓๐๖] ภิกษุจงใจ พยายาม ในรูปภายใน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม ในรูปภายนอก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม ในรูปทั้งที่เป็นภายใน ทั้งที่เป็นภายนอก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อยังสะเอวให้ไหวในอากาศ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส





    กาล ๕ อย่าง

    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อเวลาเกิดความกำหนัด สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อเวลาปวดอุจจาระ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อเวลาปวดปัสสาวะ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อเวลาต้องลม สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เมื่อเวลาถูกบุ้งขน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส





    ความประสงค์ ๑๐ อย่าง

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์เป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์เป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์บูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์เป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อประสงค์ความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส





    วัตถุประสงค์ ๑๐ อย่าง

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียวเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลืองเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดงเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาวเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียงเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่าเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมันเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสดเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้มเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใสเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส





    สุทธิกสังฆาทิเสส จบ.




    ขัณฑจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล

    [๓๐๗] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรคและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส




    ขัณฑจักร มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล จบ.




    พันธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๑

    [๓๐๘] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุขและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พันธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๒

    [๓๐๙] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยาและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส




    พันธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๓

    [๓๑๐] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทานและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส




    พันธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๔

    [๓๑๑] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พันธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๕

    [๓๑๒] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พัทธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๖

    [๓๑๓] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พัทธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๗

    [๓๑๔] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืชและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พัทธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๘

    [๓๑๕] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลองและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พัทธจักร




    มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๙

    [๓๑๖] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสนุกและเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.




    พัทธจักร มีความประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล จบ.

    แม้ขัณฑจักรและพัทธจักรมีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูลเป็นต้น ก็พึงทราบโดยนัยนี้แล.




    ขัณฑจักร




    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล

    [๓๑๗] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อเป็นยา
    สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.




    ขัณฑจักรมีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล จบ.​
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๑

    [๓๑๘] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๒

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๓

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อให้ทาน เพื่อเป็นบุญ และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๔

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๕

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๖

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อทดลอง สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๗

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อความสนุก สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร


    มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๘

    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อความหายโรค สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อความสุข สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อเป็นยา สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อให้ทาน สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อเป็นบุญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อบูชายัญ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อทดลอง เพื่อความสนุก และเพื่อเป็นพืช สุกกะเคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.



    พัทธจักร มีความประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล จบ.

    [๓๑๙] ขัณฑจักร และพัทธจักร มีความประสงค์ ๓ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๔ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๕ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๖ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๗ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๘ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ ๙ อย่างเป็นมูล



    นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.




    ขัณฑจักรและพัทธจักร


    มีความประสงค์ทุกอย่างเป็นมูล ดังต่อไปนี้

    [๓๒๐] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อ
    ให้ทาน เพื่อเป็นบุญ เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อความ
    สนุก สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ฯ.



    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีความประสงค์ทุกอย่างเป็นมูล จบ
    ขัณฑจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล


    [๓๒๑] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส


    ขัณฑจักรมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล จบ





    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๑


    [๓๒๒] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๒


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหลือง เคลื่อนต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๓


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๔


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส ฯ.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๕


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส ฯ.
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเขียว เคลื่อนต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๖


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๗


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๘


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล หมวดที่ ๙


    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักรมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวเป็นมูล จบ.


    แม้ขัณฑจักร และพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูลเป็นต้น ก็พึงทราบโดย
    นัยนี้แล.


    ขัณฑจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล


    [๓๒๓] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนนมสด
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีเหมือนเนยใส
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส


    ขัณฑจักรมีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล จบ.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๑

    [๓๒๔] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีขาว เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๒

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๓

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนนมสด
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนนมส้ม
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนเนยใส
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเขียว เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง และสุกกะสีแดง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๔

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือน
    น้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือน
    นมสด เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือน
    นมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือน
    เนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเขียว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหลือง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีขาว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๕

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือน
    นมสด เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือน
    นมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือน
    เนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเขียว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหลือง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีขาว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน และสุกกะสีเหมือน
    เปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๖

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือน
    นมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือน
    เนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเขียว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหลือง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีขาว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือน
    เปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือน
    น้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๗

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือน
    เนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเขียว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหลือง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีขาว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือน
    เปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือน
    น้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือน
    น้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล หมวดที่ ๘

    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีเขียว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสี
    สีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีแดง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสีขาว
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสี
    เหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสี
    เหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส สุกกะสีเหมือน
    น้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม สุกกะสีเหมือนเนยใส และสุกกะสี
    เหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    พัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๒ อย่างเป็นมูล จบ.

    [๓๒๕] ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๓ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๔ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๕ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๖ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๗ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๘ อย่างเป็นมูล
    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ ๙ อย่างเป็นมูล


    นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.


    ขัณฑจักรและพัทธจักร


    มีวัตถุประสงค์ทุกอย่างเป็นมูล ดังต่อไปนี้:-


    [๓๒๖] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง สุกกะสี
    ขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือน
    นมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ขัณฑจักรและพัทธจักร มีวัตถุประสงค์ทุกอย่างเป็นมูล จบ.


    ภโตพัทธมิสสกจักร
    [๓๒๗] ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค และสุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค และเพื่อความสุข สุกกะสีเขียว และสุกกะ
    สีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข และเพื่อเป็นยา สุกกะสีเขียว
    สุกกะสีเหลือง และสุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา และเพื่อให้ทาน
    สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง และสุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน และ
    เพื่อเป็นบุญ สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว และสุกกะสีเหมือนเปรียง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน เพื่อ
    เป็นบุญ และเพื่อบูชายัญ สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว สุกกะสี
    เหมือนเปรียง และสุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน เพื่อ
    เป็นบุญ เพื่อบูชายัญ และเพื่อไปสวรรค์ สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง สุกกะ
    สีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า และสุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน เพื่อ
    เป็นบุญ เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ และเพื่อเป็นพืช สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง
    สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน
    และสุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน เพื่อ
    เป็นบุญ เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช และเพื่อทดลอง สุกกะสีเขียว สุกกะสีเหลือง
    สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะสีเหมือนน้ำมัน
    สุกกะสีเหมือนนมสด และสุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม เพื่อความหายโรค เพื่อความสุข เพื่อเป็นยา เพื่อให้ทาน เพื่อ
    เป็นบุญ เพื่อบูชายัญ เพื่อไปสวรรค์ เพื่อเป็นพืช เพื่อทดลอง และเพื่อความสนุก สุกกะสีเขียว
    สุกกะสีเหลือง สุกกะสีแดง สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง สุกกะสีเหมือนน้ำท่า สุกกะ
    สีเหมือนน้ำมัน สุกกะสีเหมือนนมสด สุกกะสีเหมือนนมส้ม และสุกกะสีเหมือนเนยใส
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    อุภโตพัทธมิสสจักร จบ.


    ขัณฑจักร

    [๓๒๘] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    ขัณฑจักร จบ.


    พัทธจักร

    [๓๒๙] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    พัทธจักร จบ.


    กุจฉิจักร


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๑


    [๓๓๐] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๒


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีขาว สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    [พึงทราบจักรทั้งหลาย อย่างนี้]


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๓


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๔


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๕


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๖


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๗


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร หมวดที่ ๘


    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    กุจฉิจักร จบ.


    .​
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปิฏฐิจักร


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๑

    [๓๓๑] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเขียว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๑ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๒

    [๓๓๒] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหลือง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๒ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๓

    [๓๓๓] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีแดง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๓ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๔

    [๓๓๔] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆา-
    *ทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆา-
    *ทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีขาว เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆา-
    *ทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๔ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๕

    [๓๓๕] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนเปรียง เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๕ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๖

    [๓๓๖] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำท่า เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๖ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๗

    [๓๓๗] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนน้ำมัน เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๗ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๘

    [๓๓๘] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนนมสด เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๘ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๙

    [๓๓๙] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเนยใส พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม
    เคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนนมส้ม เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๙ จบ.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๑๐

    [๓๔๐] ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเขียว พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหลือง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้อง
    อาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีแดง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีขาว พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนเปรียง พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำท่า พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนน้ำมัน พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมสด พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจว่า จักปล่อยสุกกะสีเหมือนนมส้ม พยายาม สุกกะสีเหมือนเนยใส เคลื่อน
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.


    ปิฏฐิจักร รอบที่ ๑๐ จบ.


    ปิฏฐิจักร จบ.

    [๓๔๑] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ต้องอาบัติถุลลัจจัย
    ภิกษุจงใจ ไม่พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุจงใจ ไม่พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ ไม่พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ ไม่พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ


    อนาปัตติวาร


    [๓๔๒] ภิกษุมีอสุจิเคลื่อนเพราะฝัน ๑ ภิกษุไม่ประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ๑ ภิกษุวิกล-
    *จริต ๑ ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ๑ ภิกษุผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้อง-
    *อาบัติ​
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    นีตวัตถุ

    <CENTER>คาถาแสดงชื่อเรื่อง
    </CENTER> [๓๔๓] เรื่องฝัน เรื่องถ่ายอุจจาระ เรื่องถ่ายปัสสาวะ
    เรื่องตรึกถึงกามวิตก เรื่องอาบน้ำร้อน เรื่องทายา
    เรื่องเกาอัณฑะ เรื่องเดินทาง เรื่องหนังหุ้มองค์กำเนิด
    เรื่องเรือนไฟ เรื่องขา เรื่องสามเณร
    เรื่องสามเณรหลับ เรื่องหนีบด้วยขา เรื่องบีบด้วยกำมือ
    เรื่องแอ่นในอากาศ เรื่องดัดกาย เรื่องเพ่งองค์กำเนิด
    เรื่องสอดเข้าช่องดาล เรื่องสีกับไม้ เรื่องอาบน้ำทวนกระแส
    เรื่องเล่นโคลน เรื่องลุยน้ำ เรื่องเล่นไถลก้น
    เรื่องลุยสระบัว เรื่องสอดเข้าในทราย เรื่องสอดเข้าในตม
    เรื่องตักน้ำรด เรื่องสีบนที่นอน เรื่องสีกับนิ้วแม่มือ.

    <CENTER>เรื่องฝัน
    </CENTER> [๓๔๔] ก็โดยสมัยนั้นแล อสุจิของภิกษุรูปหนึ่งเคลื่อนเพราะฝัน เธอได้มีความรังเกียจว่า
    เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
    ตรัสว่า ดูกรภิกษุ ภิกษุมีอสุจิเคลื่อนเพราะฝัน ไม่ต้องอาบัติ.

    <CENTER>เรื่องถ่ายอุจจาระ
    </CENTER> [๓๔๕] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังถ่ายอุจจาระอยู่ อสุจิเคลื่อนแล้ว เธอได้มี
    ความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.

    <CENTER>เรื่องถ่ายปัสสาวะ
    </CENTER> [๓๔๖] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังถ่ายปัสสาวะอยู่ อสุจิเคลื่อนแล้ว เธอได้
    มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.

    <CENTER>เรื่องตรึกถึงกามวิตก
    </CENTER> [๓๔๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังตรึกถึงกามวิตกอยู่ อสุจิเคลื่อนแล้ว เธอ
    ได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ ภิกษุตรึกถึงกามวิตก ไม่ต้องอาบัติ.

    <CENTER>เรื่องอาบน้ำร้อน
    </CENTER> [๓๔๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังอาบน้ำร้อนอยู่ อสุจิเคลื่อนแล้ว เธอได้มี
    ความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุผู้ไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังอาบน้ำร้อน อสุจิ
    เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น
    แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังอาบน้ำร้อนอยู่
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องทายา
    </CENTER> [๓๔๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีแผลที่องค์กำเนิด เมื่อเธอกำลังทายา อสุจิ
    เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น
    แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อนเลย พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีแผลที่องค์กำเนิด เธอมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน
    กำลังทายา อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึง
    กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีแผลที่องค์กำเนิด เธอมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน
    กำลังทายา แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเกาอัณฑะ
    </CENTER> [๓๕๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังเกาอัณฑะ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความ
    รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่ผู้มีพระภาค พระผู้มี
    พระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุผู้ไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังเกาอัณฑะ อสุจิ
    เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น
    แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังเกาอัณฑะ แต่
    อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเดินทาง
    </CENTER> [๓๕๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังเดินทาง อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า
    เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
    ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังเดินทางไป
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่อง
    นั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังเดินทาง แต่
    อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ.

    <CENTER>เรื่องหนังหุ้มองค์กำเนิด
    </CENTER> [๓๕๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง จับหนังหุ้มองค์กำเนิด ถ่ายปัสสาวะอยู่
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้า ไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน จับหนังหุ้มองค์กำเนิด
    ถ่ายปัสสาวะอยู่ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน จับหนังหุ้มองค์กำเนิด
    ถ่ายปัสสาวะอยู่ แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมัง
    หนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิด
    อย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเรือนไฟ
    </CENTER> [๓๕๓] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังผิงเกลียวท้องอยู่ในเรือนไฟ อสุจิเคลื่อน
    เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ผิงเกลียวท้องอยู่ใน
    เรือนไฟ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึง
    กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ผิงเกลียวท้องอยู่ใน
    เรือนไฟ แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
    [๓๕๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังทำบริกรรมหลังให้พระอุปัชฌายะอยู่ใน
    เรือนไฟ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึง
    กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ทำบริกรรมหลังให้พระ
    อุปัชฌายะอยู่ในเรือนไฟ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    แล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ
    เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ทำบริกรรมหลังให้
    พระอุปัชฌายะอยู่ในเรือนไฟ แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า
    ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องขา
    </CENTER> [๓๕๕] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง ทำองค์กำเนิดให้เสียดสีขาอยู่ อสุจิเคลื่อน
    เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ทำองค์กำเนิดให้เสียด
    สีขาอยู่ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึง
    กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ทำองค์กำเนิดให้เสียด
    สีขาอยู่ แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสามเณร
    </CENTER> [๓๕๖] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง มีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ได้บอก
    สามเณรรูปหนึ่งว่า พ่อสามเณร เธอจงมาจับองค์กำเนิดของฉัน สามเณรได้จับองค์กำเนิด
    ของภิกษุนั้นแล้ว อสุจิของภิกษุนั้นเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    แล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ
    เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.

    <CENTER>เรื่องสามเณรหลับ
    </CENTER> [๓๕๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง ได้จับองค์กำเนิดของสามเณรผู้นอนหลับ
    อสุจิของภิกษุนั้นเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฎ.

    <CENTER>เรื่องหนีบด้วยขา
    </CENTER> [๓๕๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง หนีบองค์กำเนิดด้วยขาทั้งสอง อสุจิเคลื่อน
    เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระ
    ผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน หนีบองค์กำเนิดด้วย
    ขาทั้งสอง อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน หนีบองค์กำเนิดด้วยขา
    ทั้งสอง แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องบีบด้วยกำมือ
    </CENTER> [๓๕๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง บีบองค์กำเนิดด้วยกำมือ อสุจิเคลื่อน เธอ
    ได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน บีบองค์กำเนิดด้วยกำมือ
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่อง
    นั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน บีบองค์กำเนิดด้วยกำมือ
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องแอ่นในอากาศ
    </CENTER> [๓๖๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ยังสะเอวให้
    ไหวในอากาศ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ยังสะเอวให้ไหวใน
    อากาศ แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องดัดกาย
    </CENTER> [๓๖๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งกำลังดัดกายอยู่ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความ
    รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังดัดกายอยู่
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน กำลังดัดกายอยู่ แต่
    อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเพ่งองค์กำเนิด
    </CENTER> [๓๖๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความกำหนัดเพ่งองค์กำเนิดของมาตุคาม อสุจิ
    ของภิกษุนั้นเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบ
    ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุมีความกำหนัดไม่ควรเพ่งองค์กำเนิดของมาตุคาม รูปใดเพ่ง ต้องอาบัติ
    ทุกกฏ.

    <CENTER>เรื่องสอดเข้าช่องดาล
    </CENTER> [๓๖๓] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์
    กำเนิดเข้าช่องดาล อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์กำเนิดเข้า
    ช่องดาล แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสีกับไม้
    </CENTER> [๓๖๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิด
    กับไม้ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบ
    ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิดกับไม้
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบ
    ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องอาบน้ำทวนกระแส
    </CENTER> [๓๖๕] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง อาบน้ำทวนกระแส อสุจิเคลื่อน เธอได้มี
    ความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้า ไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน อาบน้ำทวนกระแส
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน อาบน้ำทวนกระแส
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเล่นโคลน
    </CENTER> [๓๖๖] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เล่นอยู่ในโคลน อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความ
    รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน เล่นอยู่ในโคลน
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน เล่นอยู่ในโคลน แต่
    อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องลุยน้ำ
    </CENTER> [๓๖๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งลุยน้ำอยู่ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า
    เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มี
    พระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ลุยน้ำอยู่ อสุจิเคลื่อน
    เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ลุยน้ำอยู่ แต่อสุจิ
    ไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องเล่นไถลก้น
    </CENTER> [๓๖๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เล่นไถลก้นอยู่ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความ
    รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน เล่นไถลก้นอยู่
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน เล่นไถลก้นอยู่ แต่อสุจิ
    ไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น
    แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องลุยสระบัว
    </CENTER> [๓๖๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งลุยอยู่ในสระบัว อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความ
    รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
    พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ลุยอยู่ในสระบัว
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ลุยอยู่ในสระบัว แต่
    อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสอดเข้าในทราย
    </CENTER> [๓๗๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์
    กำเนิดเข้าในทราย อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว
    กระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ
    เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์กำเนิดเข้า
    ในทราย แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสอดเข้าในตม
    </CENTER> [๓๗๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์
    กำเนิดเข้าในตม อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สอดองค์กำเนิดเข้า
    ในตม แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องตักน้ำรด
    </CENTER> [๓๗๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งตักน้ำรดองค์กำเนิด อสุจิเคลื่อน เธอได้มี
    ความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
    พระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้า ไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ภิกษุไม่มีความประสงค์จะให้เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ตักน้ำรดองค์กำเนิด
    อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ตักน้ำรดองค์กำเนิด
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสีบนที่นอน
    </CENTER> [๓๗๓] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิด
    บนที่นอน อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิดบนที่นอน
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>เรื่องสีกับนิ้วแม่มือ
    </CENTER> [๓๗๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิด
    กับนิ้วแม่มือ อสุจิเคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ
    จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. ดูกรภิกษุ เธอต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว.
    ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งมีความประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน สีองค์กำเนิดกับนิ้วแม่มือ
    แต่อสุจิไม่เคลื่อน เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล
    เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุ เธอคิดอย่างไร?
    ภิ. ข้าพระพุทธเจ้ามีความประสงค์จะให้เคลื่อน พระพุทธเจ้าข้า
    ภ. เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.

    <CENTER>สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑ จบ.
    </CENTER>
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จขกท ครับ

    อ่านข้างบนนั้น แล้ว ดูนะครับ ว่าตรง ข้อไหนหรือไม่

    ถ้าตรง วินัย ข้อไหนที่

    อาบัติสังฆาทิเสส ก็คือ อาบัติสังฆาทิเสส ครับ







    ttp://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๑[/URL]
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อนัพระเถระทำปฐมสังฆาทิเสส
    ดังได้สดับมา พระเสยยสกัตเถระนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของพระโลฬุทายีเถระ บอกความไม่ยินดี๑- ของตนแก่พระโลฬุทายีนั้น ถูกท่านชักชวนในการทำปฐมสังฆาทิเสส เมื่อความไม่ยินดีเกิดทวีขึ้น ได้ทำกรรมนั้นแล้ว.
    ____________________________
    ๑- อนภิรตี บางแห่งแปลว่า ความกระสัน

    กรรมชั่วให้ทุกข์ในภพทั้งสอง

    พระศาสดาได้สดับกิริยาของเธอ รับสั่งให้เรียกเธอมาแล้ว ตรัสถามว่า "ได้ยินว่า เธอทำอย่างนั้นจริงหรือ ?" เมื่อเธอทูลว่า "อย่างนั้น พระเจ้าข้า" จึงตรัสว่า "แน่ะโมฆบุรุษ เหตุไร เธอจึงได้ทำกรรมหนักอันไม่สมควรเล่า?" ทรงติเตียนโดยประการต่างๆ ทรงบัญญัติสิกขาบทแล้ว ตรัสว่า "ก็กรรมเห็นปานนี้ เป็นกรรมยังสัตว์ให้เป็นไปเพื่อทุกข์อย่างเดียว ทั้งในภพนี้ทั้งในภพหน้า"

    เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
    ๒. ปาปญฺเจ ปุริโส กยิรา น นํ กยิรา ปุนปฺปุนํ
    น ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย.
    ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้, ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อยๆ
    ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น. เพราะว่า
    ความสั่งสมบาปเป็นเหตุให้เกิดทุกข์.



    สังฆาทิเสสกรรมชั่วให้ทุกข์ในภพทั้งสอง





    สังฆาทิเสส

    นตริยกรรม คือกรรมที่หนัก ปิดสวรรค์ ปิดนิพพาน
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    จขกท ควร ลำดับเหตุการณ์ ตอนนั้น อารมณ์ ตอนนั้น ดีๆ นะครับ

    แล้วลองอ่านดูหลายๆรอบ ครับ

    ปิฏฐิจักร จบ.

    [๓๔๑] ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
    ภิกษุจงใจ พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ต้องอาบัติถุลลัจจัย
    ภิกษุจงใจ ไม่พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุจงใจ ไม่พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ ไม่พยายาม สุกกะเคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ
    ภิกษุไม่จงใจ ไม่พยายาม สุกกะไม่เคลื่อน ไม่ต้องอาบัติ


    อนาปัตติวาร


    [๓๔๒] ภิกษุมีอสุจิเคลื่อนเพราะฝัน ๑ ภิกษุไม่ประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ๑ ภิกษุวิกล-
    *จริต ๑ ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ๑ ภิกษุผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้อง-
    *อาบัติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จขกท ควร ลำดับเหตุการณ์ ตอนนั้น อารมณ์ ตอนนั้น ดีๆ นะครับ

    1.จงใจ หรือ ไม่ได้จงใจ
    2.มีการ พยายาม หรือ ไม่มีการพยายาม ที่จะทำให้ สุกกะเคลื่อน
    3.สุกกะเคลื่อน หรือ สุกกะไม่เคลื่อน


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  18. fantastic9

    fantastic9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    ฉี่ถื่อเปนสุกกะไหมครับ
     
  19. fantastic9

    fantastic9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    หลวงพี่มีความวิตกกังวลกลัวว่ามันจะไม่ใช่ฉี่ครับเลยคาดไปงๆมากมาย
    กลัวติดสังฆาทิเสสมากระวังตลอด คิดทุกเรื่อง
    สุดท้ายก็โดนจนได้
    จะได้ไปแก้ไหมก็ไม่รู้ครับ
    เพราะคิดว่าจะไปทำงานเก็บเงินเป็นค่าเทอมค่าใช้จ่ายค่าเทอมตอนเปิด
    ชีวิตมันแย่จังครับอม
     
  20. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฉี่ น้ำปัสสาวะไม่เป็น ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...