เรื่องเด่น อาถรรพณ์พระธาตุหล้าหนอง 252ปีใต้ถ้ำพญานาคแม่น้ำโขง

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 15 เมษายน 2018.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    e0b893e0b98ce0b89ee0b8a3e0b8b0e0b898e0b8b2e0b895e0b8b8e0b8abe0b8a5e0b989e0b8b2e0b8abe0b899e0b8ad.jpg


    “อาถรรพณ์พระธาตุหล้าหนอง 252 ปีใต้ถ้ำพญานาค”…ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์เหนือมนต์ใดในโลกนี้ หากแต่เป็นพลังศรัทธาของผู้คนสองฝั่งโขง คือ คนไทยแคมของ (ฝั่งโขง)…หนองคาย และจากสารพัดทิศทั่วเขตคามไทย ตลอดจนเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ที่มีกันมานานหลายชั่วอายุคน

    ที่ว่า…เมื่อหลังน้ำโขงเริ่มลดระดับต่ำลง นับแต่ช่วงปลายปีจนถึงสงกรานต์ จะต้องพากันไปกราบไหว้บูชาพระธาตุเจดีย์โบราณ ที่จมอยู่ใต้น้ำโขงมานานร่วม 252 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ไทย ตามธรรมเนียมประเพณี…และยังเป็นคติความเชื่ออีกว่า “ใครได้ไหว้พระธาตุที่เหลือเพียงซากอยู่กลางน้ำองค์นี้แล้ว จะดลบันดาลจิตใจให้ผ่องใส คิดประกอบการใดก็มีแต่จะรุ่งเรือง อีกทั้งยังได้รับการคุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย ไร้จากโรคภัยภยันตรายทั้งปวง”

    นี่คือบริบทสำคัญที่ชาวหนองคายยืนยันความจริงข้อนี้ได้!

    —–

    พระเจดีย์ธาตุที่หมายถึงนี้ คือ “พระธาตุหล้าหนอง” ที่เคยประดิษฐานอยู่ริมฝั่งโขง ในเขตตัวเมืองหนองคาย ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในราวปีพุทธศตวรรษที่ 20-22 พร้อมพระธาตุพนม และพระธาตุหอผ้าหอแพแห่งเมืองหาดทรายฟอง สปป.ลาว กับพระธาตุบังพวนหนองคาย โดยมีฐาน 4 ด้าน กว้างด้านละ 17.2 เมตร สูง 28.5 เมตร บรรจุกระดูกส่วนข้อเท้าพระพุทธเจ้า

    บันทึกเก่าก่อนระบุไว้ว่า พระธาตุองค์นี้ต้องทนรับกับกระแสแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยวอยู่นานจนเกิดอาการทรุดเอียงขึ้นเหนือท้องน้ำ กระทั่งเย็นย่ำ วันศุกร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 ร.ศ.68 จ.ศ.1209 หรือ พ.ศ.2309 เกินกว่าใครจะคาดคิด…เมื่อตลิ่งรองรับฐานองค์ธาตุ เกิดพังครืนก่อนส่วนยอดจะถล่มล้มตามลงมา ให้กลายเป็นเศษอิฐเศษปูนแยกเป็น 3 ส่วนอยู่กลางน้ำ โดยปลายยอดกระจายห่างฐานล่างออกไปราว 33 เมตร

    ฟรองชีวการ์นิเยร์ ชาวฮอลันดา หนึ่งในคณะผู้มาสำรวจดินแดนอินโดจีน ขณะอยู่ในดินแดนล้านช้าง ได้ลงมือวาดภาพลายเส้นพระธาตุองค์นี้เอาไว้ภายหลัง ในลักษณะที่เอียงก่อนล้มลงสู่แม่น้ำโขงเมื่อครานั้น…ผลจากเหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความเศร้าโศกอย่างมหาศาลแก่คนสองแผ่นดิน ด้วยเกรงจะเป็นลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ก็ยังปักใจเชื่อว่า เหตุอาถรรพณ์พันลึกนี้ น่าจะมาจากพญานาคผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เหนือนครใต้บาดาล มีความต้องการที่จะนำพระธาตุ ซึ่งบรรจุกระดูกส่วนข้อเท้าพระพุทธองค์ ไปประดิษฐานไว้ภายในถ้ำนครใต้บาดาลไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ถึงได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ขึ้น จนกลายเป็นตำนานสืบสานมานานถึงวันนี้

    สมัย ณ หนองคาย วัย 82 ปี อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยและหนองคาย ซึ่งพื้นเพเป็นคนถิ่นนี้โดยกำเนิด เล่าว่า เกิดมาก็ได้เห็นชาวเรือที่ทำมาหากินอยู่กับแม่น้ำโขง หรือคนที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมา ต่างพากันนำหมากพลูไปขมาบูชาพระธาตุกลางน้ำ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและคุ้มครองความปลอดภัย ด้วยแรงศรัทธาที่ว่า พระธาตุองค์นี้มีพญานาคคอยปกปักรักษาผู้คน อีกทั้งพระธาตุไม่ให้สูญสลายไปกับสายน้ำ แม้จะจมมานานร่วม 252 ปีแล้วก็ตาม…“ใครๆก็รู้ว่า สิ่งของมีค่าที่ถูกบรรจุไว้กับองค์พระธาตุแต่เริ่มต้นนั้น ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ครบทุกชิ้น ไม่มีใครกล้าไปหยิบฉวยเอาออกมาครอบครองเป็นเจ้าของแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะรู้ดีถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่เหนือตำนานการพังทลายของพระธาตุองค์นี้”

    b893e0b98ce0b89ee0b8a3e0b8b0e0b898e0b8b2e0b895e0b8b8e0b8abe0b8a5e0b989e0b8b2e0b8abe0b899e0b8ad-1.jpg

    …เคยมีคนที่ไม่เชื่อถือศรัทธา ต้องประสบภัยทางน้ำแบบไม่มีเหตุผล ด้วยจู่ๆเกิดคลื่นลมและระลอกคลื่นขึ้นราวปาฏิหาริย์กลางน้ำ ทำเอาเรือล่มจมหาย เคราะห์กรรมถึงชีวิตกันเลยก็มี…ส่วนคนที่เคยคิดลบหลู่ แต่อยากไปไหว้ขอนั่นขอนี่ ก็จะไม่ได้อะไรดั่งใจหมาย ผิดกับคนที่ตั้งมั่นอยู่กับความศรัทธา เมื่ออธิษฐานขอสิ่งใดจากพระธาตุ ก็มักจะดลใจให้ได้ในสิ่งนั้นตอบแทนอยู่ร่ำไป

    “มีอยู่ครั้งหนึ่ง” รอง ผวจ.สมัยเอ่ย “เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา การศึกษานอกระบบฯ หรือ กศน. มีความประสงค์จะจัดทำเสื้อ โดยพิมพ์ภาพพระธาตุหล้าหนองออกจำหน่าย เพื่อหาทุนมาจัดสร้างห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เพื่อถวายเป็นราชสักการะ แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เช้าวันนั้นผมเป็นประธานทำหน้าที่บวงสรวงพระธาตุ และขอขมาพญานาคแบบง่ายๆขึ้นที่พระธาตุกลางน้ำ ระหว่างทำพิธีอยู่นั้น ได้เกิดคลื่นลมพัดแรงจนเครื่องบวงสรวงกระจัดกระจาย สักพักจึงสงบลงเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้รับรู้ถึงพิธีกรรมดังกล่าว ทุกคนในพิธีต่างยกมือไหว้เหนือหัวกับเอ่ยคำสาธุออกมาพร้อมๆกัน”

    ——-

    ปัจจุบันแม้พระธาตุหล้าหนอง จะเป็นเพียงเศษอิฐเศษหินอยู่กลางน้ำ ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา และจัดงานสมโภชในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 กับช่วงเทศกาลวันออกพรรษา ซึ่งแต่ละครั้งมักจะมีรอยเท้าพญานาค ปรากฏให้เห็นบนแท่นฐานองค์พระธาตุ อยู่เป็นประจำทุกปีไป

    ขณะเดียวกัน ทางวัดสิริมหากัจจายน์ ก็ได้จัดสร้างพระธาตุหล้าหนองจำลองเสมือนองค์จริงขึ้น ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณด้านหน้าวัด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่ต้องการมากราบไหว้แทนองค์จริง

    อีกทั้ง เสกสรร ศรีไพรวรรณ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุดรธานี ได้ประสานหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) และตำรวจน้ำ คอยอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนสองฝั่งโขง กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปสรงน้ำ และไหว้บูชาองค์พระธาตุหล้าหนองกลางน้ำ ทั้งช่วงก่อนและหลังสงกรานต์ ทั้งยังได้ประสานสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย ให้จัดนำนักท่องเที่ยวลงเรือยนต์โดยสารที่ท่าเรือวัดหายโศก เพื่อล่องชมบรรยากาศสองฝั่งโขง ก่อนตรงไปสรงน้ำพระธาตุกลางน้ำ โดยได้ขอความร่วมมือชาวเรือ งดการนำเรือเข้าเทียบองค์พระธาตุ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ในส่วนของนักท่องเที่ยว ก็ได้ชักชวนให้พร้อมใจกันสรงน้ำด้วยน้ำอบ รินผ่านกระแสน้ำจากลำเรือ เพื่อส่งตรงถึงองค์พระธาตุ พร้อมจิตอธิษฐานในส่วนบุญกุศลที่น้อมนำ

    ท่องเที่ยวโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ อายุ 252 ปี อย่างรู้ค่า…ดีกว่าไปย่ำรอยโดยไม่รู้คุณ “ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.

    รัก–ยม


    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.thairath.co.th/content/1255821
     

แชร์หน้านี้

Loading...