อานาปานสติภาวนา - ลำดับการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย siratsapon, 2 สิงหาคม 2016.

  1. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    พระพุทธศาสนาบังเกิดขึ้นในโลก เพราะการตรัสรูความจริง ๔
    ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจา ดังที่พระองคตรัสวา “ภิกษุทั้งหลาย
    อริยสัจ ๔ ประการ คือ ทุกขอริยสัจ สมุทัยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เพราะเรารูแจงอริยสัจ ๔ ประการนี้ตาม
    ความเปนจริง ชาวโลกจึงเรียกเราวาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา”



    อริยสัจก็คือความจริงแทของธรรมชาติทั้งปวงที่ปรากฏมีอยูในโลก
    พระพุทธเจาตรัสยืนยันวาโลกทั้งปวงนั้นเปนทุกข หาแกนสารสาระใดๆ
    ไมได ดังที่พระองคตรัสวา “สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สังขารทั้งหลายทั้ง
    ปวงไมเที่ยง สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา สังขารทั้งหลายทั้งปวงเปนทุกข
    สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมทั้งปวงมิใชตัวตน” ..อันเนื่องดวยหลักการใน
    เรื่องนี้นี่เอง ทําใหผูเปนมิจฉาทิฎฐิกลาวใหรายศาสนาพุทธวา “เปน
    ศาสนาที่มองโลกแตในแงราย สอนวาโลกนี้มีแตทุกข”



    แทจริงแลวศาสนาพุทธไมไดมองโลกในแงราย แตมองสิ่งทั้งหลาย
    ตามความเปนจริง(ยถาภูตํ) สอนอยางตรงไปตรงมา มุงตอบปญหาที่วา
    ทําอยางไรจึงจะเขาถึงความพนทุกขไดอยางแทจริง คนทั้งหลายมัก
    มองขามเรื่องความพนทุกข แตมุงความสนใจไปที่การแสวงหาความสุข
    เพราะไมรูความจริงวารางกาย-จิตใจนี้เปนกองทุกขแทๆ ไมมีทางทําให
    เกิดความสุขถาวรไดจริง ยิ่งดิ้นรนแสวงหาความสุขมากเพียงใด จิตใจก็
    ยิ่งมีภาระและความบีบคั้นมากขึ้นเพียงนั้น เพราะไมวาจะดิ้นรนเพียงใด
    ความสุขที่ไดมาก็ไมเคยเต็มอิ่ม และจะจืดจางไปอยางรวดเร็วเสมอ
    ความสุขเสมือนสิ่งที่รอการไขวควาชวงชิงอยูขางหนา เหมือนจะไขวควา
    ไดในตอนแรก แตก็จะหลุดมือไปรออยูขางหนาตอไปอีกทุกครั้ง เปน

    เครื่องยั่วยวนและเรงเราใหเกิดการดิ้นรนอยูตลอดเวลา แทจริง ความสุข
    ที่พวกเราเที่ยวแสวงหากันนั้นเปนเพียงภาพลวงตาที่ไขวควาไมถึง แม
    ไดลิ้มรสเสพสุขอยูบางเปนบางครั้ง สุดทายก็ตองประสบกับความพลัด
    พรากอยางหลีกเลี่ยงไมได..ดวยความตาย พุทธศาสนาไมไดสอนให
    แสวงหาความสุขที่เปนภาพลวงตานั้น แตสอนใหเรียนรูทุกขซึ่งเปน
    ความจริงของชีวิต มีแตพุทธศาสนาเทานั้น ที่ตอบปญหาเรื่องทุกข, เหตุ
    ของความทุกข และวิธีเจริญภาวนาเพื่อความสิ้นไปแหงทุกขไวโดยตรง



    อานาปานสติ เปนวิธีเจริญภาวนาที่สําคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา
    เพราะเปนกรรมฐานที่ปฏิบัติไดสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา แมแตสมเด็จพระ
    สัมมาสัมพุทธเจาก็ทรงตรัสรูสัมมาสัมโพธิญาณดวยวิธีการนี้ นอกจากนี้
    ยังชวยใหจิตใจผอนคลายหายเครียด เกิดความสงบกายสบายใจ และ
    เปนอารมณกรรมฐานเพียงอยางเดียวที่สามารถปฏิบัติตอเนื่องผสานกัน
    ไดในขณะเดียวกันระหวางสมถะและวิปสสนา



    โดยเหตุที่ขาพเจาเห็นวาหนังสือที่อธิบายลําดับขั้นตอนการปฏิบัติ
    อานาปานสติภาวนาพรอมทั้งคําอธิบายในคัมภีรอรรถกถาและฎีกาที่
    เขียนอธิบายอยางเปนขั้นเปนตอน และปรับใชภาษาที่เขาใจงายยังหา
    ไดยาก จึงพิจารณาเห็นวาหนังสือที่พระครูปลัดสัมพิพัฒนธรรมาจารย
    รวบรวมเรียบเรียงขึ้นนี้ มีเนื้อหาอธิบายหลักปฏิบัติอานาปานสติและ
    อางหลักฐานจากคัมภีรตางๆ มาเรียบเรียงไวอยางเปนลําดับขั้นตอน
    เหมาะสําหรับผูสนใจศึกษาที่ตองการทราบหลักฐานที่มาของหลักปฏิบัติ
    ทั้งนี้เพื่อใหพุทธศาสนิกชนไดเขาใจเรื่องอานาปานสติภาวนาอยางถอง
    แทตรงตามพุทธาธิบาย และเปนหลักสูตรเรียนของนิสิตปริญญาโท
    หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปสสนาภาวนา ณ

    มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธ
    โฆส นครปฐม



    ขาพเจาไดอานตรวจทานแกไขสํานวนเปนตอนๆ ตั้งแตตนจนจบ
    เห็นวาผูรวบรวมไดดําเนินการรวบรวมและเรียบเรียงอยางเปนลําดับ
    ขั้นตอน ทั้งมีหลักฐานอางอิงจากพระไตรปฎกอรรถกถา และฎีกา
    ครบถวน จึงของอนุโมทนากุศลจิตของพระครูปลัดสัมพิพัฒนธรรมา
    จารย ผูรวบรวมเรียบเรียงหนังสือเลมนี้



    (สมเด็จพระพุทธชินวงศ)

    อ่านเพิ่มเติม :

    อานาปานสติภาวนา - ลำดับการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2016
  2. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านทำลายอาสวะกิเลสต่างหาก

    จึงตรัสรู้ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมโพธิญาณ...

    ...
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    จะ วิแคะ นะ


    ในแง่การรวบรวม เพื่อ วิเคราะห์ ก็ถือว่า พยายามมาก การรักษา พยัญชนะ
    ถือว่าดี อ่านได้ไม่มีปัญหา

    แต่ทว่า อานาปานสติ เป็น กองสัญญา

    ผู้เรียบเรียง ผู้ตรวจชำระ เป็น ผู้ชำนาญกองสังขาร [ พอง - ยุบ ]

    การวิเคราะห์ จึงจัดว่า ทำลาย อานาปานสติให้พินาจ สันตโร
    โดยเฉพาะ การไปหยิบ อานาปานสติของท่านพุทธทาส มาใส่
    ความเห็น ก็จัดว่า ต้องการทำลาย อานาปานสติในมุขนัยของ
    ท่านพุทธทาสให้พินาจ เช่นเดียวกัน แม้นว่า อานาปานสติของ
    ท่านพุทธทาสจะเน้นฌาณ มากกว่าเป็น อานาปานสติแท้ๆ แต่ก็
    ถือว่า ยังดีกว่า ผลงานของผู้เรียบเรียง


    น้องๆ หนูๆ คนไหนชำนาญในอานาปานสติ บ้างแล้ว ให้พิจาราณา
    ในหมวด การอธิบายการตามเห็น " การสละคืนอยู่เป็นประจำ "

    จะสังเกตได้ว่า เป็นการ ตั้งธง การสละคืน เป็นกองสังขาร คือ คิดเอา
    มโนเอาดื้อๆ [ เป็นการตั้งธง ในคำบรรยายของผู้เขียน จึงพูดเรื่อง
    การเคลื่อน การโน้มจิต หรือโดน มนะ เล่นงานไปแล้ว บทปรารภจึงมีบางช่วงระบุว่า
    "ต่อรองให้1ปี ทำด้วยอานาปานสติ อาจจะได้มรรคผล" แล้ววกไปยก "พองยุบ สำเร็จ 7เดือนจริง"
    เนี่ยะ จัดเป็นการ ยกอานาปานสติ เพื่อ ทำลายให้วินาจ สันตโร ]


    หรือที่พระป่าท่านชอบพูดว่า " ว่างๆ ว่างๆ ว่างอะไรของมึง !!!"


    การตามเห็น " การสละคืน " ด้วยอำนาจวิปัสสนา โดยเฉพาะ อานาปานสติ
    เราจะหมายเอา ญาณการไปเห็นว่า " จิตกำลังสละคืนจิตแล้วแลอยู่ " แล้ว
    ญาณการแลอยู่นี้ เป็นกองสัญญา อันหนึ่ง จึงมีบท บาลี ระบุว่า "ไม่ใช่สติ"

    เพื่อให้เอา ญาณที่กำลังเกิด แล้วก็ดับ มาเป็นตัวกำหนดรู้ การดับไม่เหลือ
    คือ ญาณปัญญาใดๆ ก็ดับด้วย ไม่มีค้างเติ่ง เป็นกองสังขาร

    "ว่างๆ ว่างๆ ว่างอะไรของมึง "


    *************************************************

    ในท่อนของผลงานประพันธ์ ในส่วน หยิบเอา ปฏิสัมภิทามรรค ของพระสารีบุตร
    จะสังเกตได้ว่า วิจารณไม่ได้ จะเอามาแปะ ลอยๆ จึงได้เอา บทอานาปานสติ
    ของท่านพุทธทาส ที่มี " ความใกล้ " กับ สังขาร มากกว่า มาวิจารณ์แทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2016
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คุง ศิรัสพล เป็นเพียง นักกลอน


    อ่าน คำประพันธ์ เรียบเรียงแบบ ร้อยแก้ว ก็ สำคัญว่า วิจิตร

    ไม่มีอะไรได้มากกว่านั้น ไม่มีอะไรเกิดได้มากกว่านั้น

    ระวัง ตายเปล่า
     
  5. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
  6. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228

    .....ข้างบนเขาบอกถูกแล้ว

    " พระพุทธศาสนาบังเกิดขึ้นในโลก เพราะการตรัสรูความจริง ๔
    ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจา ดังที่พระองคตรัสวา “ภิกษุทั้งหลาย
    อริยสัจ ๔ ประการ คือ ทุกขอริยสัจ สมุทัยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เพราะเรารูแจงอริยสัจ ๔ ประการนี้ตาม
    ความเปนจริง ชาวโลกจึงเรียกเราวาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา”
    ....."

    ....ต้องตรัสรู้ก่อน จึงจะ ทำลายอาสวะกิเลส ต่างๆได้

    ....ต้องมี อาสวักขยญาณ ก็คือการเป็นพระพุทธเจ้า ต้องมีญาณนี้ด้วย จึงจะละกิเลสได้ มันเป็นแพคเกตของ ญาณที่ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต้องมี
     
  7. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ผมคิดว่าอย่าเพิ่งมองอะไรง่ายๆแบบนั้นจะดีกว่าครับ เท่าที่ผมรู้จัก จขกท.ผู้นี้เคยผ่านหลักสูตร "ครูสมาธิ" ซึ่งเค้าเรียกโครงการนี้ว่า "จิตตานุภาพ" จบมาแล้วสามารถสอนสมาธิแก่ชาวพุทธทั่วไป สามารถเป็นอาจารย์แนะนำให้คนอื่นๆปฏิบัติตามได้อย่างถูกวิธี
    นักปฏิบัติหลายท่าน อาจชอบโพสท์กลอนธรรมะ หรือหยิบพุทธวจนะมากล่าวอ้าง ซึ่งก้มิได้หมายความท่านเหล่านั้น "ไม่ใช่นักปฏิบัติตัวยง" นะคับ เพราะเมื่อได้ศึกษาหรือประสบการณ์ของคนๆนั้นจริง อาจรู้สึกว่าไม่ธรรมดา หรืออาจจะหนาวขึ้นมาเลย ก็เป็นได้ และการหยิบกลอนหรือพุทธธรรมมาโพทส์ก้จัดว่าเป็น ธรรมทาน เช่นกัน
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    พอพูดชื่อหลักสูตร. บวก. กับลิงค์ อ้างประสบการณ์ส่วนตัว. ที่เขาสำแดง

    ยิ่งชัดเลย. เปนเพียงนักกลอน. จมโวหาร.


    ตายเปล่า
     
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    วิปัสนาอะไรๆก็ลงที่เกิดดับๆ. กิจอื่นให้ทำยิ่งขึ้นไปกว่านี้ไม่มี
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465

    ถ้าพูดว่า อะไรอะไร ก้ เกิดดับ

    แปลว่า ยังไม่รู้มรรคญาณ

    ยังไม่มีกระบวนการ เหน หรือ แจ้ง

    หรือแม้นแต่ ยกสิกขา

    หรือแม้แต่ สัมามาทิฏฐิ ธรรมฐิติ

    เพราะอะไร

    เพราะไม่มัการปรารภ ไปเหนเหตุ

    และการปรารภ การเหนเหตุนั้น ก้ ดับด้วย

    ถึงจะ หนึ่ง ไม่มีสอง

    ไม่ใช่ อะไรๆก้ดับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2016
  11. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    นั้นคำกล่าวของพุทธะนะฮะ.
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    เลือกกล่าวแต่ยอด ๆ
    กล่าวทางโคนบ้าง ใครๆ จะได้อาศัยไปด้วย
    ได้บ้าง
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ปัญญาสูงสุดที่จะทำลายความเห็นผิดได้หรือทำให้เกิดสัมมาทิฎฐิเบื้องปลายได้คือ. การเห็นพระไตรลักษณะก็คือการตามเห็นการเกิดดับของรูปและนาม. หน้าที่เราก็มีเท่านี้. เมื่อท่านตามเห็นรูปนามเกิดดับเป็นประจำ. ท่านจะเห็นทุกข์ลักษณะคือการเปลี่ยรแปลงในทุกอย่าง. เมือเห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกอย่าง. ท่านก็จะเห็นอนัตตา. ความไม่ใช่ตัวตนของเราเขา. บังคับบัญชาไม่ได้. เมื่อเราเห็นพระไตยลักษณะเป็นประจำเราจะไถ่ถอนความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนเราเขา. และเราจะไถ่ถอนอุปาทานในขันธ์ทั้งหลายได้โดยปริยาย. กิเลสที่เราควรละก็จะละได้. เมื่อเราละกิเลสได้หมดเท่ากับเราได้ทำการกำจัดผู้สร้างบ้านได้แล้วนั้นเอง
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    กั๊กๆๆๆ ด้น เด้า เกาหมัด

    เอาตูด เปนหัว

    ก๊อปการพูด แต่ ปฏิบัติไม่เปน ก้อ้างไตรลักษณ์

    เสร้จแล้วก้มั่วตั้ว อุปทานขันธ์ ทะลึ่งไป ละ

    อุปทานขันธ์ เปนทุกขสัจจะ หน้าที่ในการภาวนา คือ กำหนดรู้

    อุปทานบ้านพออ้อง!!! ทะลึ่งไป ละ

    กิจอื่นไม่มีอีก ก้ หมายเอา กำหนดรู้อุปทานขันธ์ปั๊ป
    จะประจักษ์ หรือแจ้ง สมุทัยจะเกิดการละ จึงรู้นิโรธน
    และทราบ มรรค ที่ได้ประกอบ ขณะ นั้นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2016
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    มรรค ปิ๊ดตู่

    ทำแล้ว ต้องกลับมา หากิเลส อื่นเพื่อละอีก

    งง ก่งก๊ก กับ ตะกี้พึ่ง ปฏิญญาว่า กิจอื่นไม่มีอีก
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สงคราม นิวรณ์ทะยอยๆๆๆๆๆสาปสูญ

    อิอิ

    ตามที่ทำไมนิวรณ์ไม่เห็นด้วยกัน ข้อความของท่านเจ้าของกระทู้ นั่นเพราะว่า สิ่งใดที่เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า อย่าได้เอา เรื่องของสาวกเข้าไปเจือปน เพื่อหาบทสรุป ...มันไม่ไช่สิ่งที่ควรทำ....นั่นเพราะ...จะเอาปัญญาของสาวก มาอธิบาย อรรถของพระพุทธองค์ที่แสดง เอาไว้ดีแล้วนั้น....ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งยวด...ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในอรรคที่พระพุทธเจ้าท่านได้แสดงไว้แล้ว ก็ ให้ยอมรับว่า ตนไม่เข้าใจ อย่า ด้น ดั้น เดา เอา คำสาวก มาใช้อธิบายแทน กัน ไม่ได้หรอกครับ...เพราะเหตุนี้ นิวรณ์ จึง ค้านหัวกระแทกเสาเลย...อิอิ
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อีกอย่าง พุทธวจนะ...ห้ามปรับแต่ง แม้เพียงนิดเดียว มันจะกลายเป็น ปลอมทันที
    เพราะธรรมอัศจรรย์ ที่พระพุทธองค์ ท่าน แสดงอรรถไว้แล้วนั้น สมบูรณ์ดีแล้วครับ
    ถ้าตนเอง หรือคนที่อยาก อธิบาย ยังเข้าถึงความเป็นพระพุทธะไม่ได้..จะไม่มีสิทธิ ทำให้ อรรถ ปนเปื้อน เจือปน กิเลสตน เป็นกรรมเปล่าๆครับ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อีกเริ่องนึง พระพุทธศาสนา สอนเรื่องทุกข์ และการดับทุกข์มานานแล้ว...แต่ทุกวันนี้ เรื่อง นิโรธ เรื่องมรรคแปด ก็ยัง พากัน ตีความมั่วไปหมด...คนที่ไม่ถึงนิโรธ ก็อยากพูดเรื่องนิโรธ
    คนที่เข้าไม่ถึงมรรค ก็อยากแสดงเรื่องมรรค....เหมือนแค่การพูดเรื่องที่ตนเองไม่เข้าใจ โกหกคนฟัง ไปวันวัน..

    ศาสนาพุทธ มัน ลึกล้ำกว่าที่ อ่านเอานะครับ...อ่านได้ รู้ได้...แต่เข้าไม่ถึง กัน
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มีอย่างหนึ่ง ที่ผมอยากชี้แจง

    อาจารย์พระพทธเจ้าท่าน แสดงธรรมเอาไว้ คือ อนิจจังทุกขังอนัตตา...ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์..แปลเป็นไทยได้ว่า..สำหรับผู้ไม่รู้ ผู้มีอวิชชา ความไม่เที่ยง ความเคลื่อน ความไม่คงทน ย่อมเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง..

    แต่ พอผม เข้าใจมันแล้ว เข้าใจความไม่เที่ยงได้แล้ว ว่า จิตอวิชชาที่เรามีต่างหาก ที่หลงเข้าไปยึดมั่นถือมั่น จนตนเองเป็นทุกข์เอง..ดังนั้นเมื่อหมดอวิชชา...ผมจึง บัญญัติ สโลแกนใหม่ว่า อนิจจังสุขขังอนัตตา...ความไม่เที่ยงเป็นสุข ธรรมชาติที่เคลื่อนไหว ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลง คือความเป็นไปตามธรรม รู้ความจริง เข้าถึงความจริง ที่พ้นจากความยึดมั่นถือมั่น คือถึงพระนิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง

    และอีกอย่าง ผมไม่ได้ สัทธรรมปฏิรูป ผมไม่ได้ ทำลาย คำว่า อนิจจังทุกขังอนัตตา..แต่ผมเพิ่ม อนิจจังสุขขังอนิจจา เข้ามาเพิ่ม...ไม่ได้ลบ ทำลาย อันเดิม สักหน่อย

    คนที่ยังมีอวิชชา ก็ยังคง อนิจจังทุกขังอนัตตา กันต่อไป ส่วนคนที่ชำะอวิชชาได้ ก็จะเบิกบานคือ อนิจจังสุขขังอนัตตา...ตามที่ผมเป็น..ก็แค่นั้นเอง

    อย่าพากันมาไส่ร้ายผมว่า ผมทำลายคำสอน นะครับ ไม่เข้าใจ อย่ามาแสดงความเห็นมั่วๆนะครับ...
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็จะมี นิวรณ์ ติงต๊องคนนึงล่ะ ที่มันไม่สนใจต่อคำชี้แจง ค้านหัวชนเสาไฟฟ้าอย่างเดียว

    อิอิ...ผมไม่ได้ดัดแปลง คำสอน...แต่ผมบัญญัติเพิ่มเติม ในส่วนที่ เมื่อชำระอวิชชาได้แล้ว นั่นเอง

    ผมบัญญัติเพิ่ม เข้ามาเอง...นี่มันยุค ไหนแล้ว...จะเข้ายุคพระศรี ก็ต้อง มีอะไรใหม่บ้าง เพื่อความเข้าใจ ใหม่ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...