เรื่องเด่น อานาปานะ (สติ) แบบพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 8 พฤษภาคม 2017.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    op217t8ypQ1EctNtM6w-o.jpg
    รู้จักอานาปานสติ

    คำว่า “อานาปานสติ” แยกออกเป็นสามคำ คือ คำว่า "อานะ" แปลว่า ลมหายใจเข้า ตรงกับคำว่า อัสสาสะ

    คำว่า "อาปานะ" ลมหายใจออก ตรงกับคำว่า ปัสสาสะ และ

    คำว่า “สติ” แปลว่า ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจหรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้

    รวมสามคำเข้าด้วยกันเป็น “อานาปานสติ” แปลว่า ความกำหนดพิจารณาลมหายใจเข้า และลมหายใจออก หมายถึงการใช้สติเป็นตัวกำหนดดูลมหายใจเข้าและลมหายใจออกขณะปัจจุบัน แต่ ละขณะๆ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    มีตัวอย่างผู้ปฏิบัติให้ดูก่อน (ตัดเนื้อๆมา)

    ลมหายใจหาย อึดอัดทนไม่ไหว ไปต่อไม่ได้ ไม่รู้วิธี

    ประเด็นที่พบ

    ผมใช้วิธีรู้ลมหายใจที่บริเวณจมูก บางครั้งใช้ท่องพุทโธร่วมด้วย แต่หลักๆใช้วิธีรู้ลม

    การนั่งครั้งหลังๆมานี้ เกิดสภาวะคล้ายๆเดิม ตลอดเกือบทุกครั้ง คือ มือหายไปจากความรู้สึก ไม่รู้สึกว่ามีมืออยู่ (รู้ว่ามี แต่รู้สึกว่าไม่มี ผมอธิบายไม่ถูก เชื่อว่าท่านผู้รู้คงเข้าใจผม) ก้นและต้นขาที่นั่งทับพื้นยังรู้สึกว่ามีอยู่ หลังที่นั่งพิงเก้าอี้ก็รู้สึกว่ายังมีอยู่ คือสรุปว่ามือหายทั้งสองข้าง อย่างอื่นที่เหลือยังรู้สึกถึงได้ อยู่ครบยังไม่หาย มีอาการตัวพองๆยุบๆบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย มีอาการหายเกือบทั้งตัวบ้างแต่น้อยมาก แต่ที่แน่ๆ คือ มือทั้งสองข้างหายทุกครั้ง, ทุกครั้งจริงๆครับ นั่งแป๊บเดียวก็หายแล้ว และหายไปจากความรู้สึกตลอดเวลาที่ยังนั่งอยู่


    ลมหายใจเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนลมหายไป เหมือนไม่ได้หายใจ ในครั้งแรกๆที่เจอสภาวะนี้ ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ตะลีตะลานรีบควานหาลม แล้วก็กลับมาหายใจแบบปกติ, แต่ในครั้งหลังๆ ผมจะพยายามทนอยู่กับสภาวะนี้ ซึ่งผมจะอึดอัดมาก และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว จนต้องบังคับให้ตัวเองหายใจด้วยการสูดยาว จึงจะกลับมารู้สึกว่าผมหายใจแล้ว ผมจึงเริ่มรู้ลมใหม่ .. แล้วลมก็แผ่ว .. แล้วลมก็หาย .. แล้วผมก็ทน .. แล้วผมก็ทนไม่ไหว .. แล้วผมก็สูดลม .. แล้วผมก็รู้ลม .. แล้วลมก็แผ่ว .. ฯลฯ วนรอบอยู่อย่างนี้ ซ้ำรอบอยู่อย่างนี้
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นามรูปหรือรูปนามหรือกายใจหรือร่างกายกับจิตใจ (แล้วแต่จะเรียก) ของคนเราโดยสภาวะแล้วมันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่พูดอ้างอิงตามบอร์ดธรรมะทั่วๆไป

    ครั้นมาปฏิบัติธรรมเข้าได้ประสบกับสภาวะไตรลักษณ์เข้าจริงๆ ตัวเองกลับวุ่นใจเป็นทุกข์ไปเสียฉิบ เพราะอะไร ? เพราะไม่รู้เท่าทันมัน ดังพุทธพจน์แห่งหนึ่งที่ว่า

    การประสบไตรลักษณ์อย่างไม่รู้เท่าทัน กลับทำให้เกิดทุกข์(สํ.ข.17/4/4; 32/21; 87253)

    ตัวอย่าง เป็นต้น ข้างบนนั่นแหละเป็นสภาวธรรมของไตรลักษณ์
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อไปขอนำพุทธพจน์ (ไม่นำมาทั้งหมดเพราะจะเฝือ) ให้สังเกตเทียบเคียงตัวอย่างข้างต้นเล็กน้อย ก็จะเห็นว่าเขาไม่กำหนดรู้ตามเป็นจริง คือตามที่มันเป็นของมัน (ตัวไปทำให้มันเป็นตามความยึดความอยากของตน)


    พึงทราบวิธีปฏิบัติตามแนวพุทธพจน์ ดังนี้

    "ภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ เจริญอย่างไร ทำให้มากอย่างไร จึงจะมีผลมาก มีอานิสงส์มาก ?

    ภิกษุในธรรมวินัยนี้

    ก. ไปสู่ป่า ก็ดี ไปสู่โคนไม้ ก็ดี ไปสู่เรือนว่าง ก็ดี
    ข. นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า (= เอาสติมุ่งต่อกรรมฐาน คือ ลมหายใจที่กำหนด)
    ค. เธอมีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก

    หมวดสี่ ที่ ๑ ฯลฯ
    ๑) เมื่อหายใจออกยาว - ก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว
    เมื่อหายใจเข้ายาว - ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว
    ๒) เมื่อหายใจออกสั้น - ก็รู้ชัดว่าหายใจออกสั้น
    เมื่อหายใจเข้าสั้น - ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้าสั้น

    ฯลฯ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,301
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ท่าน มจด.เก่งอนาปาฯ ก็ดีแล้ว ไหนลองอ่าน "ฟำี่ิอกาี"
    ให้ฟังหน่อย...อ่านมาหลายคืนแล้วยัง
    อ่านไม่ได้
    ถ้าอ่านได้จะขอถวายตัวเป็นศิษย์ทันทีคืนนี้เลย
    ส๊าถุ
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ฟำี่ิอกาี

    นี่ไม่ใช่ อานาปา แต่เป็น อาโน คืออ่านไม่ออก เคยบอกแล้วว่า คุณอ่านไม่ออก คิกๆๆ คล้ายๆตอนตั้งชื่อคงหลับๆตื่นๆ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นำพุทธพจน์ให้สังเกตอีกหน่อย

    “สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ไพรสณฑ์ ชื่ออิจฉานังคละ ใกล้อิจฉานังคลนคร ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราจะปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่ตลอดไตรมาส ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตรูปเดียว....

    “ครั้งนั้นแล เมื่อล่วงเวลาสามเดือนแล้ว พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นแล้ว ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย หากว่า อัญเดียรถีย์ปริพาชกทั้งหลายจะพึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า พระสมณโคดมอยู่จำพรรษา ด้วยวิหารธรรมใด โดยมาก เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงชี้แจงแก่อัญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น อย่างนี้ว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคปรับจำพรรษา ด้วยอานาปานสติสมาธิ โดยมาก” (สํ.ม.19/1373-4/415)

    “ดูกรอานนท์ ธรรมเอก คือ อานาปานสติสมาธิ ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ สติปัฏฐาน ๔ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์” (สํ.ม.19/1381/417)

    ดูกรราหุล เมื่อเจริญอานาปานสติแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ แม้แต่ลมอัสสาสะปัสสาสะ ซึ่งมีในท้ายสุด ก็ดับไปโดยรู้ มิใช่ดับโดยไม่รู้” *
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ที่อ้างอิง * ข้างบน

    * ม.ม.13/146/142 วิสุทธิมัคค์อธิบายว่า เมื่อจะสิ้นชีพ สามารถรู้ลมหายใจเข้า-ออกสุดท้ายของตน ตั้งแต่เริ่ม จนดับไปพร้อมกับจุติจิต และท่านอธิบายต่อไปด้วยว่า ภิกษุที่บรรลุอรหัตด้วยเจริญกัมมัฏฐานอย่างอื่น ย่อมกำหนดระยะกาลแห่งอายุของตนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ท่านที่เจริญอานาปานสติครอบกระบวนแล้วบรรลุอรหัต สามารถกำหนดระยะกาลแห่งอายุของตนได้ (ว่าจะอยู่ไปอีกนานเท่าใด จะสิ้นชีพเมื่อใด) (ดูวิสุทธิ. 2/85-86)
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    สภาพ, สภาวะ ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา

    สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย

    ........

    พูดอ้างอิงกันทั่วๆไป เขียนรูปยังไง ความหมายเดียวกัน คือรูปนามมันเป็นของมันเองตามเหตุปัจจัยของมัน ไม่มีเทพเจ้าผีสางนางไม้เป็นต้นที่ไหนดลบันดาล
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ทำไปเถอะปฏิบัติไปเถอะ ทำไปเรื่อยๆในทุกๆอริยาบถ (ดูความหมายสติ) ไม่ต้องอยากเป็นอะไร แม้กระทั่งอยากเป็นพระอรหันต์ เมื่อเหตุปัจจัยจากการทำพร้อม ถึงไม่อยากเป็นมันก็เป็น ถ้าเหตุปัจจัยไม่ถึงไม่พร้อม ต่อให้อยากจนเป็นบ้า ก็ไม่สมอยาก :D ดูตัวอย่างนี้จะเข้าใจที่ว่า


    แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

    แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
    ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

    ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟนก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้ พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

    เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็น เค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลา เดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

    เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไรดิฉันได้แต่นั่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

    กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

    เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

    ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีก ความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
    เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

    ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

    มันน่าน้อยใจนัก!!
     
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ (ขณะก้าวเดินทุกๆอย่างเท้า เดินไปปากซอยซื้อโอเลี้ยงถ้ามีสติรู้ตัวก้าวไป ก็เรียกว่าจงกรม)

    7a1053d669bf7804c9ebbb326512d00b.jpg

    อิริยาบถ "ทางแห่งการเคลื่อนไหว" ท่าทางที่ร่างกายจะเป็นไป, ท่าที่เคลื่อนไหวตั้งวางร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่ง, อิริยาบถหลักมี ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน

    อิริยาบถย่อย เรียกว่า จุณณิยอิริยาบถ หรือจุณณิกอิริยาบถ ได้แก่ ท่าที่แปรเปลี่ยนยักย้ายไประหว่างอิริยาบถทั้ง ๔ นั้น
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    “เหตุปัจจัย” สังเกตความหมายที่ 1

    เหตุ สิ่งที่ให้เกิดผล, เค้ามูล, เรื่องราว, สิ่งที่ก่อเรื่อง

    ปัจจัย 1. เหตุที่ให้ผลเป็นไป, เหตุเครื่องหนุนให้เกิด 2. ของสำหรับอาศัยใช้, เครื่องอาศัยของชีวิต, สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต มี ๔ อย่าง คือ จีวร (ผ้านุ่งห่ม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) คิลานเภสัช (ยาบำบัดโรค)

    .........

    พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการกระทำ ต้องลงมือทำในทุกๆเรื่อง ไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอน
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ก่อนนอนให้ดูอีกตัวอย่าง ตย. นี้ คงมีใครคิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรภูตผีปีศาจทำร้ายบ้างแน่ ๆ
    ตามที่เทอเล่า



    เวลาปฏิบัติ ก็เข้าใจว่ารับมือรับเจ้ากรรมนายเวรได้ ทั้งที่เราก็ขอเขาก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง

    จนกระทั่งคืนวันอังคาร วันพระน่ะค่ะ ขณะกำลังทำสมาธิอยู่ จู่ๆร่างของเราก็เหมือนถูกตึง เราก็ปล่อยตามสบายแค่ตามดู คิดว่าเป็นนิมิตธรรมดา แต่ไม่ใช่ค่ะ เพราะนิมิตธรรมดา เรากำหนดรู้มักจะหายไปได้เอง แต่นี้ไม่ใช่ เขาวิ่งผ่านตัวเราไปค่ะ กระแสของเขาตอนที่ผ่านร่าง เหมือนจิตกับกายเราจะแยกออกจากกัน ความเจ็บปวดที่เราเคยปวด (เวทนา) ที่นั่งสมาธิตอนแรก ไม่เจ็บเท่านี้ เหมือนร่างกายเราถูกฉีก เหมือนเส้นเลือดจะระเบิดประมาณนั้นจริง ๆ ค่ะ เราแผ่เมตตาให้เขา เขาก็ไม่ยอม แรงเหวี่ยงเยอะมาก ๆ ทั้งที่ห้องปิดหมดเปิดแอร์นะ แต่มีกระแสลมหมุนตลอดเวลา
    นึกถึงครูบาอาจารย์ เขาเลยปล่อย เราเป็นไข้วันรุ่งขึ้นเลยค่ะ
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นั่งสมาธิแล้วเหมือนโดนไฟช็อต

    รู้สึกมาหลายครั้งแล้วค่ะ พอจิตเริ่มนิ่งอยู่กับลมแล้ว รู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต แบบจั้กจี้ ใครเคยเป็นบ้างคะ เราต้องเลิกนั่งเพราะเหตุนี้หลายครั้งแล้วค่ะ ไม่สบายตัวแบบแปลกๆ และเป็นเฉพาะช่วงที่ความคิดรบกวนน้อยลง

    .........

    ขณะจิตฟุ้งซ่าน ไม่อยู่กับกัมมัฏฐาน ไม่อยู่กับลมเข้า-ออก ไม่อยู่กับพอง-ยุบ ฯลฯ สภาวะทั้งหลายแหล่ที่นำๆ ตย.ให้ดู ก็ไม่ปรากฎ ครั้นจิตพอสงบๆ นิ่งๆอยู่กับสิ่งที่ใช้กำหนด ก็ปรากฏให้รู้ให้เห็น ตอนนี้ปัญหาเกิดแก่ผู้ปฏิบัติเลย คือไปไม่เป็น เจ้าตัวก็คิดฟุ้งไปว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เป็นอะไรไปต่างๆ คุ้นๆหน่อยก็ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร .... เลยพลาดสัจจธรรม ตย.นั่นเค้าช่างสังเกต

    ต่อไปจะให้ดูธรรมุทธัจจ์ - ความฟุ้งซ่านธรรม
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ผู้ปฏิบัติทางจิต, ปฏิบัติธรรม,ปฏิบัติกัมมัฏฐาน .... ใช้อานาปาน์ คือลมเข้า-ออกทางจมูกโดยตรงแล้วใช้คำภาวนาพุท-โธ, ธัม-โม, สัง-โฆ เป็นต้นกำกับก็ดี ใช้ลมเข้า-ออกโดยอ้อม คืออาการพองขึ้น -ยุบลงของท้อง แล้วใช้คำภาวนาตาม พองหนอ ยุบหนอ กำกับก็ดี อย่าได้หวาดหวั่นธัมมุทธัจจ์หรือวิปัสสนูปกิเลส เพราะอะไร ? เพราะปฏิบัติแล้วสภาวะต่างๆปรากฏบ่งบอกเราว่าปฏิบัติถูกทางแล้ว ถ้าปฏิบัติผิดจะไม่ปรากฏ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ธรรมุทธัจจ์ - วิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา, สภาวะที่ทำให้วิปัสสนามัวหมองข้องขัด, สภาพน่าชื่นชม ซึ่งเกิดแก่ผู้เจริญวิปัสสนาในขั้นที่เป็นวิปัสสนาอย่างอ่อน (ตรุณวิปัสสนา) แต่กลายเป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา โดยทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงชะงักหยุดเสีย ไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ คือ

    ๑. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกงามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน

    ๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งตัว

    ๓. ญาณ ญาณหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่าจะพิจารณาอะไรเป็นไม่มีติดขัด

    ๔. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่าทั้งกายและใจสงบสนิท เบา นุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆเลย

    ๕. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว

    ๖. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน

    ๗. ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง

    ๘. อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด

    ๙. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบ เที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง

    ๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษ เนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเองว่าเป็นนั่นเป็นนี่ฟุ้งไป
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    วิปัสสนูปกิเลสนี้ ไม่เกิดขึ้นแก่ท่านที่บรรลุมรรคผลแล้ว ไม่เกิดขึ้นแก่บุคคลที่ปฏิบัติผิดทาง และไม่เกิดขึ้นแก่คนขี้เกียจผู้ทอดทิ้งกรรมฐาน แต่เกิดขึ้นเฉพาะแก่ผู้ที่เจริญวิปัสสนามาอย่างถูกต้องเท่านั้น ในพระไตรปิฎก เรียกอาการฟุ้งซ่านที่เกิดจากความสำคัญผิด เอาโอภาส เป็นต้น นั้นเป็นมรรคผลนิพพานว่า "ธัมมุทธัจจะ" (ธรรมุธัจจ์ ก็เขียน) แต่ท่านระบุชื่อ โอภาส เป็นต้นนั้น ทีละอย่าง โดยไม่มีชื่อเรียกรวม, "วิปัสสนูปกิเลส" เป็นคำที่ใช้ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาลงมา (พูดสั้นๆ ธัมมุธัจจ์ ก็คือความฟุ้งซ่านที่เกิดจากความสำคัญผิดต่อวิปัสสนูปกิเลส)

    เมื่อวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้น ผู้ปฏิบัติที่มีปัญญาน้อย จะฟุ้งซ่านเขวไป และเกิดกิเลสอื่นๆ ตามมาด้วย, ผู้ปฏิบัติที่มีปัญญาปานกลาง ก็ฟุ้งซ่านไป แม้จะไม่เกิดกิเลสอื่นๆ แต่จะสำคัญผิด, ผู้ปฏิบัติที่มีปัญญาคมกล้า ถึงจะฟุ้งซ่านเขวไป แต่จะละความสำคัญผิดได้ และเจริญวิปัสสนาต่อไป, ส่วนผู้ปฏิบัติที่มีปัญญาคมกล้ามาก จะไม่ฟุ้งซ่านเขวไปเลย แต่จะเจริญวิปัสสนาก้าวต่อไป
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    สังเกตสภาวะนี้ดับไป สภาวะใหม่เกิดขึ้น ฯลฯ นี่แหละมันบอกเราแล้วว่า ทุกๆอย่างไม่เที่ยงแท้แน่นอน (อนิจจัง ทุกข์ อนัตตา) เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะแล้วก็ดับไป ๆๆ พอรู้ก็หลุด ไม่รู้ก็ติด

    พินาดู


    เราฝึกสมาธิโดยการเจริญอานาปานสติมาระยะหนึ่ง (ประมาณเดือนเศษเกือบสองเดือนแล้ว)

    คิดว่ามีความก้าวหน้าไปในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เกิดอุปสรรคขึ้นค่ะ

    พอเรานั่งไปได้ระยะหนึ่ง ลมหายใจจะเริ่มแผ่วลง และกระชั้นสั้นลงเรื่อยๆ คล้ายๆจะไม่หายใจ เราก็กลัว เราเลยลองหาข้อมูลดู ก็ทราบว่าเป็นอาการที่ลมหายใจละเอียดขึ้น จากนั้นพอเรานั่งครั้งต่อๆมา เราพยายามทำใจให้ไม่กลัวอาการนี้ โดยพยายามนับลมหายใจเข้าออกไปเรื่อยๆ ซักพักก็ชิน

    คราวนี้ มีอาการใหม่เกิดขึ้นอีก คือบางครั้งตัวจะสั่นมาก สั่นอย่างรุนแรง บางครั้งหน้าสะบัด บางครั้งอ้าปากค้าง (อ้ากว้างมากจนเมื่อยข้อต่อขากรรไกร) บางครั้งดูดปากตัวเองจนเจ็บแก้ม บางครั้งคอเอียงแข็ง พอเลิกนั่งคอเคล็ดเลยค่ะ ตอนมีอาการเหล่านี้ เรารู้สึกตัวตลอดนะคะ คิดว่าถ้ารีบลืมตาก็คงหยุดอาการเหล่านี้ได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นสมาธิจะหลุดไปด้วย เราก็ปล่อยให้อาการมันเกิดไปอย่างนั้น ซักระยะหนึ่งมันก็หยุดไปเอง แต่ว่าสมาธิเราก็จะคลายไปด้วย เสร็จแล้วเหนื่อยมากค่ะ


    เราลองค้นๆดูข้อมูล อาการตัวสั่นนั่น อาจจะเป็นอาการของปีติรึเปล่าคะ แล้วพวกอาการปากอ้าค้าง ตัวเกร็ง คอเอียงอะไรเหล่านี้ เป็นอาการของปีติด้วยรึเปล่าคะ เราติดอยู่ตรงนี้นานแล้ว เราทำสมาธิทุกวันค่ะ แต่ประมาณเดือนหนึ่งแล้วค่ะที่ไม่ก้าวหน้า คือบางวันที่มีเรื่องเครียดๆวุ่นๆ จิตใจไม่สงบนัก เข้าสมาธิได้ไม่ดี อาการเหล่านี้ก็ไม่เกิด แต่วันไหนที่เข้าสมาธิได้ อาการเหล่านี้มาทุกที แล้วก็จะจบแค่นี้
     
  19. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :mad::oops: มาจากดิน..ไอ้หนูเอ๊ย..ไม่ได้เอาถ่าน เอาโคลนเลย..หือ การที่นั่งสมาธิ-แล้วจิตบอกว่ามือหาย-อย่างอื่นยังอยู่ครบ-มีอาการตัวพองๆยุบๆบ้าง-ทุกครั้งที่นั่น-เหลือโน่นเหลือนี่ ฯล
    :mad: โถ..ไอ้เด็กน้อย ริอาจมาเปิดเวบสอนธรรม-นั่นแสดงได้ชัดว่า..วิจารณ์ ยังไม่หมดจากจิตเลย -จิตทิ้งวิจารณ์ไม่ได้(ฌาน2)-ไปเปิดเทป-หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ท่านเทศน์ดูนะ
    :oops: แค่นี้ยังไม่รู้จักวิจารณ์-วิตก-วิจารณ์-ปิติ สุข -เอกะคตา ..เสือกมาเปิดเวบสอนธรรมเหรอ..สาทุด
     
  20. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :mad::eek: มาจากดิน..ผมจะสอนคุณ นี่เป็นความเห็นสุดท้าย เพราะคุณน่าเวทนา-สาเหตุเพราะคุณเริ่ม มาด่าผมก่อน แค่สอนให้รู้สำนึก หากไม่รู้จริง..ควรจะพึ่ง มหาประเทศ4..ไม่ใช่มาด่าผม จำไว้อย่างมงายให้มากนักหากไม่รู้จริง:eek:
     

แชร์หน้านี้

Loading...