เรื่องเด่น อานิสงส์ของการรับศีล กับ การให้ทาน

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 มีนาคม 2020.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,123
    กระทู้เรื่องเด่น:
    348
    ค่าพลัง:
    +64,476
    อานิสงส์ของการรับศีล กับ การให้ทาน

    909142-img.rfb1gp.0p.jpg

    ผู้ถาม :: หลวงพ่อคะ หนูขอทราบอานิสงส์ของการรับศีล กับ การให้ทานค่ะ?”
    หลวงพ่อ :: จำที่พระบอกในตอนท้ายได้ไหมล่ะ”
    “สีเลนะ สุคติง ยันติ” การรักษาศีลเป็นปัจจัยให้มีความสุข สุขทั้งชาตินี้ สุขทั้งชาติหน้านะ
    … “สีเลนะ โภคสัมปทา” ถ้ามีศีลชาตินี้ทรัพย์สมบัติก็ไม่ฝึดเคือง ชาติหน้าก็มีทรัพย์สมบัติมาก
    “สีเลนะ นิพพุติง ยันติ” ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงนิพพานโดยง่าย
    นี่อานิสงส์ของศีลท่านว่าไว้อย่างนี้
    ส่วนการให้ทาน ท่านบอกว่า “ทานัง สัคคโส ปาณัง” ทานเป็นบันไดให้เกิดบน

    สวรรค์ การให้ทานมากก็ตามน้อยก็ตาม ผลของทานทำให้เกิดในสวรรค์ ถ้าหากพ้นจากสวรรค์มาแล้วมา เป็นคนก็ไม่ยากจนเข็ญใจ แต่ว่าจะรวยเท่าไรนั้นเป็นเขตของทานนะ ท่านเรียก “ปุญญักเขตตัง” เป็นเนื้อนาบุญ ถ้าเราให้ในเขตที่ความบริสุทธิ์มากเราก็รวยมาก ให้ในเขตที่มีความบริสุทธิ์น้อย เราก็มีทรัพย์สินน้อย แต่คำว่าอดตายไม่มีสำหรับคนให้ทาน”

    ผู้ถาม :: แล้ว ศีล กับ ทาน อย่างไหนจะอานิสงส์มากกว่าคะ”
    หลวงพ่อ :: อ้าว…มันคนละคนนี่หนู ต่างคนต่างแก่ต่างคนต่างกล้า ทานเขาก็ให้ผลไปอย่างหนี่ง ศีลก็ให้ผลมีกำลังอย่างหนึ่ง แต่ว่าทั้ง ๒ อย่างต้องร่วมกันนะ ถ้าแยกกันเมื่อไรก็พังเมื่อนั้นแหละ เรามีแต่ทานอย่างเดียว แต่บกพร่องในศีลทั้ง ๕ ข้อหรือข้อใดข้อหนึ่ง เราก็ตกนรก ต้องพ้นจากนรกมาก่อนแล้วจึงจะรวย ถ้าเรามีแต่ศีลอย่างเดียว ไม่มีทาน เกิดชาติหน้าอายุยืน หน้าตาสวย แต่อดตายเอาซิ เอาอย่างไหนล่ะ เอาไงดี…?”

    ผู้ถาม :: หมายความว่าต้องทำคู่กันใช่ไหมคะ…?”
    หลวงพ่อ :: ต้องคู่กันไปนะหนู หนูไม่มีข้าวกินมาที่นี่ได้ไหม…?”
    ร่างกายดี รูปร่างหน้าตาสวยเพราะ ศีลข้อที่ ๑
    รักษาศีลข้อที่ ๒ ได้ ทรัพย์สินไม่เสียหายเพราะไฟ เพราะน้ำ เพราะโจร
    รักษาศีลข้อที่ ๓ ได้ คนที่อยู่ในปกครองว่าง่ายสอนง่าย พวกที่มีลูกดื้อหลานดื้อเพราะพลาดศีลข้อที่ 3

    ถ้าทรงศีลข้อที่ ๔ ได้ เป็นผู้ที่มีวาจาไพเราะ พูดแล้วคนอื่นชอบฟัง
    รักษาศึลข้อที่ ๕ ได้ ไม่เป็นโรคเส้นประสาท ไม่เป็นโรคบ้า
    แต่ว่าอด ไม่มีข้าวกินไหวไหม…? ดี ๕ อย่าง แต่ไม่มีอาหารจะกิน ไม่มีผ้าจะนุ่ง มันต้องคู่กันนะหนู จะว่าอย่างไหนสำคัญกว่ากันมันก็ไม่ควร ทาน ศีล ภาวนา เป็นบุญกิริยาวัตถุ และพระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่เข้าถึงบุญกุศลก็คือ
    ๑. การให้ทาน
    ๒. การรักษาศีล
    ๓. เจริญภาวนา ภาวนานี่หมายถึง สมถภาวนา หรือ วิปัสสนาภาวนา คือใช้ปัญญาคิดอยู่
    ทานนั้นเป็นปัจจัยตัดโลภะ ความโลภ เป็นก้าวหนึ่งที่จะถึงนิพพาน
    ศีลเป็นเหตุตัดโทสะ ความโกรธ เป็นก้าวที่สองที่จะทำให้ถึงพระนิพพาน
    ภาวนาเป็นตัวตัดกิเลสตัวสำคัญทั้งใหญ่และเล็ก เป็นปัจจัยให้กิเลสหมดจริง เข้าถึงนิพพานแน่นอน
    แล้วทั้งสามอย่างนี้จะถืออะไรสำคัญกว่ากันไม่ได้เลย ต้องถือว่าสำคัญเท่ากัน ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะถึงพระนิพพานไม่ได้
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาหารการบริโภคมีความสำคัญในการครองชีพ ร่างกายเราจะทรงตัวได้เพราะศีล ถ้าเรามีแต่อาหาร แต่ไม่มีร่างกายก็ไม่เป็นประโยชน์ใช่ไหม… เรามีร่างกายดี มีอาหารดี แต่ไร้ปัญญาก็เป็นเหยื่อของคนฉลาด เพราะตัว

    วิปัสสนาญาณและตัวภาวนาเป็นตัวทำให้เกิดปััญญา
    รวมความว่า ๑.เรามีอาหาร ๒.มีร่างกาย ๓.มีปัญญา ทั้งสามอย่างนี้ต้องประกอบกัน หนูจะเลือกเอาอย่างไหนโดยเฉพาะล่ะ เอาแต่ปัญญาดี ไม่มีร่างกาย ไม่มีอาหารดีไหม…? แล้วก็มีร่างกาย ไม่มีอาหาร ไม่มีปัญญาดีไหม…? เอาสามอย่างเลย สบายๆ”

    จากหนังสือ “หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๑” หน้า ๓๗ – ๔๐

    69589601_2137096389735426_3102302290044780544_n-jpg.jpg

    ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
     

แชร์หน้านี้

Loading...