อานิสงส์ของ “การเจริญเมตตา” (หลวงปู่ขาว อนาลโย)

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 9 พฤศจิกายน 2014.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงอานิสงส์ของ “การเจริญเมตตา” ไว้หลายประการ เช่น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั่วไป จิตเป็นสมาธิได้เร็ว เป็นต้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ท่านปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหลวงปู่ขาวเคยเล่าว่าเดิมทีนั้นตัวท่านเป็นคนโทสจริต มีอะไรนิดหน่อยก็โกรธ ในครั้งนั้นท่านนั่งสมาธิภาวนาแต่ว่าจิตไม่สงบดังปรารถนา

    ขณะที่นั่งภาวนาอยู่ข้างล่าง ท่านก็ไม่สบายใจ นึกบ่นว่าทำอย่างไร ๆ ทำไมจิตมันจึงแข็งอยู่อย่างนั้น ทำสมาธิก็ไม่ลง ทำอย่างไร ๆ ก็ไม่ลง ทำอย่างไร ๆ มันก็ไม่สงบ ท่านรำคาญเต็มที จึงโกรธว่าตัวเองขึ้นมาว่า นี่มันผีนรกวิ่งขึ้นมาจากอเวจีนี่นา จิตมันถึงได้แข็งกระด้างอย่างนี้ ไฟเผามันอย่างนี้ น่าจะกลับให้มันลงไปอเวจีอีก อย่าให้มันขึ้นมา ให้อเวจีมันเผา ท่านดุว่าตนเองแล้วจึงจำวัด ต่อมาเมื่อไปปฏิบัติท่านพระอาจารย์ใหญ่ในตอนเช้า หลวงปู่มั่นจึงตักเตือนว่า

    เอ๊ะ ท่านขาว ท่านทำไมทำอย่างนี้ ท่านก็เป็นผู้ประเสริฐ เป็นมนุษย์ประเสริฐอยู่แล้ว มาด่าตัวเองเฮ็ดหยัง (ทำไม) ให้ลงนรกอเวจีอย่างไร ไม่ถูกนี่ ท่านมาประจานตน ว่าตนอย่างนี้ไม่ได้ ท่านก็ทำความเพียรอย่างดีแล้ว จะไปว่ามันทำไม ถ้าว่าหนัก ๆ เข้า ท่านอาจฆ่าตัวตายได้นะ และถ้าเผลอไปฆ่าตัวตายเข้าแล้วชาตินี้ ต่อไปนับชาติไม่ได้นะ ที่จะต้องวกวนกลับไปฆ่าตัวตายอีก ฆ่าตัวตายนี่ถ้าท่านเริ่มขึ้นชาติหนึ่งแล้ว ก็จะต้องต่ออีก ๕๐๐ ชาติ แล้วก็ไปเที่ยวเอาภพเอาชาติผูกเวรผูกกรรมกัน ฆ่าตัวตายอยู่อย่างนั้น อย่าไปทำอีกนะท่าน ไม่ถูก ตัวเองบริสุทธิ์อยู่ ทำไมถึงไปทำตน ไปด่าตนอย่างนี้ แม้ว่าจะถูกท่านพระอาจารย์ใหญ่ปราม และตัวท่านก็กลัวแต่ยังคงนึกโกรธตนอยู่ไม่คลาย

    ขึ้นไปอยู่ดอยมูเซอกับพวกมูเซอ เสือก็มีตัวใหญ่ ๆ ลายพาดกลอน เดินอยู่กลางคืนก็นึกบอก “เจ้านี่มันเลวจริง ๆ มันเป็นหยัง มันหยาบแท้ มันแข็งแท้ ให้เสือมาคาบมึงไปกินซะ ด่าตัวเอง นึกว่าตัวเอง โกรธที่จิตไม่ลง ให้เสือมาเอาไปกินซะ นึกว่าฆ่ามันได้แล้ว จิตมันจะได้กล้า มันจะได้เกรง อ่อนน้อมยอมต่อเรา

    ด่าตนเองแล้วก็ไปเดินจงกรม นั่งสมาธิ แต่จิตก็ไม่ลง ท่านจึงจำวัด พอหลับไปก็ปรากฏนิมิตเห็นโยมมารดามานั่งอยู่ข้าง ๆ และพวกมูเซอมาจากไร่ หอบผักใส่ตะกร้าแบกขึ้นหลังมา โยมมารดาท่านบ่นขึ้นว่า “ขาว..ขาว นี่ ทำอย่างไรถึงเป็นหนอ” พวกมูเซอก็พูดว่า “ไม่ยาก ๆ เอาของอ่อนให้กินเด้อ อย่าไปกินของแข็ง ถ้ากินของแข็งไม่เป็น กินของอ่อนล่ะเป็น” แม่ท่านก็เลยบอกว่า “ไม่เข้าใจ เป็นอย่างไร ของอ่อน ของแข็ง” แม่ท่านก็เอิ้น (เรียก) ถามขึ้นว่า “ของอ่อนมีอะไรไหม” “ของอ่อนก็อย่างสาหร่ายไงล่ะ” แม่ท่านก็บอกว่า “ขาว..ขาว กินของอ่อนเด้อ ”

    เมื่อท่านตื่นขึ้นจึงไปนั่งสมาธิ เริ่มต้นพิจารณา พิจารณาของแข็งก่อน อะไรหนอที่มูเซอว่าเป็นของแข็ง เรามีอะไรที่เขาว่าเรากินของแข็ง พิจารณาไป ๆ มา ๆ ผู้รู้ก็ตอบขึ้นว่า “ที่ว่าของแข็งคือความโกรธ ความมักโกรธ นั่นแหละของแข็งล่ะ” แล้วอ่อนล่ะ ที่บอกว่าให้เอาของอ่อนมากิน อะไรคือของอ่อน พิจารณาไป ๆ มา ๆ ก็รู้ขึ้นว่า ของอ่อนก็ต้องเอาเมตตา”

    เมื่อได้คำตอบแล้ว ท่านจึงแผ่เมตตาทั่วสารทิศแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง ทั้งญาติพี่น้อง มิตรสหาย ไม่เว้นแม้แต่ศัตรู แผ่ไปโดยไม่มีประมาณความโกรธที่เคยสิงอยู่ในดวงจิตนั้นก็ค่อย ๆ อ่อนลงอ่อนลงแทบจะไม่นึกโกรธอะไรเลย มีแต่ความเมตตาสงสารสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วโลก ให้นึกเห็นใจเขา เขาจะทำอะไรที่ผิดไปบ้าง เขาก็ไม่ตั้งใจ หากเขาตั้งใจ ก็เห็นใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น เขาถึงได้ทำอย่างนั้น เป็นความลำบากของเขาเอง ที่เขาไม่ดี ไม่ได้เกี่ยวอะไร ให้นึกสงสารเขา เมื่อแผ่เมตตาไป ๆ ความโกรธนั้นก็ค่อย ๆ อ่อนลง จิตก็ไม่ค่อยแข็ง จิตอ่อนแล้ว จิตอ่อนควรแก่การงานแล้ว นึกจะทำอะไรก็ได้ เป็นจิตที่ดี เป็นจิตที่ควรชม ควรแก่การงาน จะพิจารณาอะไรก็ได้ จิตอ่อนหมายถึงว่าจิตเบา จิตว่าง ”

    ด้วยความฉลาดในอุบายธรรมอันนำมาต่อกรกับกิเลสได้อย่างเหมาะสม และความพากเพียรอย่างไม่ย่อท้อในการบำเพ็ญสมณธรรม หลวงปู่ขาว อนาลโย จึงสามารถเอาชนะกิเลส จวบจนถึงสิ้นชาติขาดภพ นับเป็นพระสุปฏิปันโนผู้ควรแก่การกราบไหว้บูชา และนำปฏิปทามาเป็นแบบอย่างอย่างแท้จริง


    http://www.watconcord.org/index.php...amp;catid=6:2010-12-24-05-19-10&Itemid=25
     

แชร์หน้านี้

Loading...