อานุภาพเหล็กไหลจักรพรรดิ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย มหาวัฎร, 4 มิถุนายน 2012.

  1. มหาวัฎร

    มหาวัฎร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +150
    ท่านใดอยากทราบบ้าง ว่ามีอานุภาพอย่างไร แตกต่างจากเหล็กไหลทั่วไปในถ้วนทั่วทุกสารทิศอย่างไร? จะตอบให้ทราบครับ ว่าอยู่ที่ไหน มีลักษณะอย่างไร มีอำนาจอย่างไร สัณฐานอย่างไร ?
     
  2. มหาวัฎร

    มหาวัฎร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +150
    จริงๆแล้วผมพึ่งจะอัดเป็นคำพูดไฟล์วีดีโอไว้ แต่ยังมิได้นำลงเลย ก็ขอกล่าวด้วยอักษรแทนนะครับ เป็นห้วงๆ
     
  3. มหาวัฎร

    มหาวัฎร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +150
    ภาค ๑ เริ่มเรื่อง
    สวัสดีครับ บทนี้กระผมจะมากล่าวถึงเรื่อง "เหล็กไหล" เหล็กไหลที่หลายท่านคิดว่าเข้าจว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ สามารถจับได้แต่ต้องได้ มีอานุภาพนานัปการ มีสีอย่างนั้น สัณฐานอย่างนั้น ที่ต่างพบเห็นเป็นชิ้นเป็นอันเยอะแยะมากมาย แต่คราวนี้ กระผมจะขอพูดถึง อานุภาพของเหล็กไหลที่กระผมได้ สัมผัสเอง เห็นเอง รับมาเอง พิสูจน์เอง แต่กระผมก็ไม่ได้ยึดติดนะ ว่าได้พบแล้ว หรือยินดีสักเท่าใดนัก คือพอใจจะอยู่ก้อยู่พอใจจะไปก็ไป ไม่ได้คิดว่ามีเหล็กไหลแล้ว จะดีอย่างนั้น อย่างนี้ จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เหล้กไหลที่กระผมได้พบแตกต่างมาก แตกต่างจากเหล็กไหลที่กล่าวขานร่ำลือกัน ทั่วทั้งแผ่นดิน หากเปรียบเทียบอานุภาพ ก็เหมือนฟ้ากับเหว ถ้าเหล็กไหลชนิดอื่นๆที่ได้บันทึกไว้ตามความรู้ความเข้าใจในเว็บไซด์ หนังสือต่างๆ ก็เป็นเพียงแค่ชั้นรองลงมา เหล็กไหลที่ผมได้พบก็เป็นระดับจักรพรรดิ แต่มีที่มาหรือข้อแม้อย่างไรหรือครับ ก่อนที่ผมจะได้พบในคืน วันเพ็ญ เดือน ๗ ปี๕๓ อยากจะให้รู้พื้นฐานว่า กลิ่นตัวมนุษย์เรานี่เป็นร่างกายที่ไม่สะอาด มีแต่น้ำเลือด น้ำหนอง น้ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ มีแต่สิ่งน่ำเหม็น มีแต่สิ่งปฏิกูล อยู่เต็มร่างกาย เป็นขันธ์ที่ไม่เที่ยง ไม่งดงาม ไม่หอมหวานด้วยศีล ท่านที่ได้ศึกษามาก่อนแล้ว จะทราบได้ว่ากลิ่นตัวมนุษย์มีความเหม็นมาก เหม็นจนถึงสวรรค์ชั้นฟ้า แม้แต่ภูติผีปีศาจบางตัวบางชนิด ยังไม่อยากอยู่ใกล้มนุษย์ คือสารพัดจะกิน คือกินในเลือดในเนื้อของสัตว์ในห่วงโซ่อาหาร โดยมีความพึงพอใจจะกินเช่นนั้น โดยมิได้พิจารณาซึ่งแตกต่างกับพระสงฆ์ท่านผู้เจริญแล้ว ท่านจะพิจารณาเสมอ ๆแต่มนุษย์ส่วนมากเราค่อนข้างจะไม่ได้พิจารณาก่อน ว่าเลือดเนี้อที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเรานี้ ธาตุเหล่านี้มาจากใคร โดยลืมคิดไปว่า ด้วยไม่ได้ศึกษาก็ดี ยังไม่มีความรู้ก็ดี คือมีแต่ชักชวนกันไปกินด้วยความสนุกเพลิดเพลินกันอย่างเดียว ไม่ได้ใส่ใจเลยว่า คือไม่รู้ว่า" สัตว์เหล่านั้น เคยเกิดเป็นมนุษย์และสารพัด แต่ต้องไปเสวยชาติเกิดเป็นสัตว์นั้น ต้องถูกกินถูกฆ่าตามวิบากกรรม มีความรู้สึกนึกคิดบ้างไม่มีบ้างหลงบ้างในสังสารวัฎรนี้ และเมื่อกินดังงั้น จึงส่งผลให้เนื้อหนังมังสามนุษย์ มีกลิ่นเหม็นมาก จนต้องใช้ พะอบน้ำหอมกันจ้าละหวั่น เพราะเหม็นไง มันมีกลิ่นซึมออกมาตามผิวหนัง เหงื่อไคล และว่าด้วยธาตุกายสิทธิ์นี้ที่ ผู้ไม่ถือศีลก็ดี ผู้ที่ยังกินเลือดเนื้อผู้อื่นอยู่ก็ดี หากไม่มีบุญเก่าสัมพันธ์กัน เขาจะอยู่ด้วยหรือ จึงเป็นอันตรายอย่างมาก หากนำไปฝังหรือติดเนื้อติดตัวไว้ ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จึงประสงค์กินแต่อาหารที่หอมหวานเท่านั้น ไม่กินของคาวอย่างเด็ดขาด (อนาคต เดี๋ยวคงมีพวกเหล็กไหลมาร กินเลือดกินเนื้อกินของคาว ออกมาอีกแน่ สงสัย )
    .......................................จบภาค๑ ...............................................
     
  4. มหาวัฎร

    มหาวัฎร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +150
    ภาค ๒ " สถานที่อยู่ของเหล็กไหล "
    ท่านที่ได้ศึกษามาบ้างย่อมรู้ว่า ธาตุกายสิทธิ์นี้ต้องการสิ่งที่ มีความหอม หวาน และเย็น หรืออาจจะเป็นหนาวร้อนก็ได้ตามสภาวะ ตามลักษณะอุณหภูมิ กระผมถือศีลเพียงเจ็ดวัน ไม่กินดื่มในเลือดและเนื้อ คือล้างท้องให้สะอาดจากอาหารที่เจือปนด้วยเลือดเนื้อก่อน สมาทานศีลเอง แต่มิได้ทำเพื่อตนเอง หรือมีเจตนาจะแลกเปลี่ยนเอาสิ่งใดจากการถือศีล เพราะมีหมายกำหนดการจะเข้าป่่า ขึ้นเขาไปตามแนวชายแดน ระหว่างพรหมแดนไทยมาเลย์เซีย คือ เทือกเขา สันคาราคีรี มันจะมีถ้ำ มีแก่งหิน แอ่งน้ำใส ผมไปนั่งสมาธิที่นั่น ไม่นานหรอก ไม่กี่สิบนาที เพราะบรรยากาศสงบมาก แม้จะมีพวกลิงป่าโหนต้นไม้เล่นไปมาก็ตาม ด้วยศีลด้วยภาวนา เจตนาอยากจะฉุดช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ อาจเป็นอานิสงค์ให้ได้พบพาน ก็ค้างที่เทือกเขาลูกนั้น ๒ วัน
    ................................จบภาค ๒ ............................
     
  5. มหาวัฎร

    มหาวัฎร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +150
    ภาค ๓ ( การปรากฎตัวของธาตุกายสิทธิ์ )
    ตอนขากลับก็จะต้องเดินข้ามภูเขา ๒ ลูก และเดินลงมาเรื่อยๆจนถึงชายป่า ที่เป็นป่าชายเลน และก็นั่งเรือข้ามแม่น้ำกลับมายังที่พัก ครั้นกลับมาถึงสถานที่พัก ทำกิจธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็นั่งสมาธิแผ่เมตตาจิต พิจารณาถึงเรื่องราวต่างๆ คิดถึงคุณธรรมข้อต่างๆ และก็ล้มตัวเข้านอนไป ในโรงนอนขนาด ๒๐ คนที่สร้างขึ้นเป็นที่พักผ่อนในคืนนั้นขึ้น ๑๕ ค่ำ และแล้วก็ถึงเวลาที่สิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้น ชนิดทะลุทะลวงฝาฝนังมาเลย ด้วยขนาดที่ใหญ่โตขนาดลำต้นตาล ความยาวประมาณ๓๐-๔๐ เมตร มีสีและสัณฐานที่ระบุได้ยาก และพุ่งเข้าสู่บริเวณลำตัวตรงหน้าท้องของกระผม คือพุ่งหายเข้าไปเลยและแรงสั่นสะเทือนทั้งโรงนอนเลยทีเดียว แต่กับไม่มีใครรู้สึกตัวเลย เหมือนถูกอะไรบางอย่างสะกดให้หลับสนิท หรือเพราะความอ่อนเพลียของพวกเขากันแน่ ผมผงกศรีษะลืมตามองอย่างตะลึงโดยตลอด ขัพลางคิดในใจ ว่าโดนอะไรเข้าแล้วหนอ งูหรือนาคกันแน่นะ ความรู้สึกมันสุดๆเลยล่ะครับ เหมือนเอาอะไรเข้ามายัดในร่างกายของเรา และก็ได้แต่มองจนส่วนท้ายของสิ่งๆนั้น วิ่งเข้าไปจนสุด แล้วค่อยๆคิดว่า จะเอายังไงกับเจ้าสิ่งนี้ดี ( ตอนนั้นนึกว่าซวยแล้ว ) ก็เลยลุกขึ้นมานั่งสมาธิ เพื่อพิจารณาดูว่า สิ่งๆนั้นคืออะไรกันแน่
    ...........................จบภาค ๓ .............................
     

แชร์หน้านี้

Loading...