อารัมบท ชีวประวัติ องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 8 มีนาคม 2018.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    84AEA911-844B-4D49-8F2D-371F3E9214C1.jpeg
    อารัมภบท
    ชีวประวัติองค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร เป็นเรื่องราวที่แปลกและอัศจรรย์เกินกว่าที่จะกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูด เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมันเหนือคำบรรยาย ผู้เขียนเคยอยู่กับครูบาอาจารย์มาหลายต่อหลายรูป ก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินได้ฟัง ที่สุดแห่งความอัศจรรย์ถึงปานนี้ จนเกิดอาการขนพองสยองเกล้า น้ำตาร่วง เมื่อองค์ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องราวต่างๆให้คณะศิษยานุศิษย์ฟัง

    “เราสลบไสลห้าหน ปางตายนับไม่ถ้วนในป่าในเขาองค์เดียว ฟังซิ ป่าช้าง ดงเสือ ดงผี ดงงู เราสละเป็นสละตาย เพื่อสิ่งเดียว คือ อรหัตตผล เราอาพาธหนักที่ภูเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ที่นั่นเราคลานขี้ คลานเยี่ยว อยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน องค์เดียวบนเขาไม่มีใครเห็นเรา ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ที่สุดแห่งทุกข์เราได้เห็นแล้ว”

    ผู้เขียนน้ำตาร่วงด้วยความสงสารท่านสุดที่จะบรรยาย องค์หลวงปู่เมตตาพาคณะศิษย์ไปดูสถานที่ต่างๆ ที่องค์หลวงปู่จำพรรษาในป่า และสถานที่ที่หลวงปู่ได้สละตาย ผู้เขียนก็มีโอกาสเดินทางไปด้วย “นี่ที่เราตกหน้าผา นี่ที่เราสลบไสล นี่ที่เราคลานขี้ คลานเยี่ยว นี่เห็นไหม เห็นไหม กว่าที่จะได้ธรรมมาสอนลูก ดูซิว่าพ่อทุกข์ขนาดไหน” องค์หลวงปู่เล่าทั้งน้ำตา ผู้เขียนเองก็ปล่อยโฮออกมาโดยไม่มีคำว่าจะอายใคร หมอบราบคาบให้กับพ่อผู้เลิศในไตรภพ

    องค์หลวงปู่เทศน์ตลอดว่า “เราแสดงด้วยสัจธรรม เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ที่สุด สะอาด บริสุทธิ์ ด้วยธรรมธาตุ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะสงเคราะห์ญาติตามกำลังสติปัญญา ก่อนที่เราจะตาย และไม่กลับมาเกิดอีกตลอด
    อนันตกาล”

    เกศาธาตุขององค์หลวงปู่ก็ได้แปรสภาพแล้วตามที่เห็น จึงเป็นที่แน่ใจตายใจว่าองค์ท่านถึงธรรมชั้นไหน ปฏิปทาขององค์ท่านจึงเป็นปฏิปทาที่ผาดโผน เด็ดเดี่ยว อาจหาญ ยากที่จะมีใครเสมอเหมือนในปัจจุบัน ผู้เขียนกราบขอขมาพระผู้เลิศแห่งไตรภพ ผู้สยบซึ่งหมู่มาร เป็นบุญของผู้เขียนที่มีโอกาสได้รับใช้องค์ท่าน ไม่เสียชาติเกิดในโลกมนุษย์ พบพุทธศาสนา แม้ล่วงเวลามาสองพันห้าร้อยกว่าปีก็ตาม เป็นที่แน่ใจตายใจว่ามรรคผลพระนิพพานยังอยู่

    “ตราบใดมีผู้ปฏิบัติตามมรรคแปด
    โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์”

    องค์หลวงปู่บอกว่า “การเขียนชีวประวัติเรา ขอให้เป็นสัจธรรม คือความสัจ ความจริง เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลายที่สุด เราไม่มีได้ มีเสียในการสั่งสอนสัตว์โลก เราสอนด้วยความเมตตา เราเอาความสัจความจริงออกสอน เชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิ์เสรีภาพของใครของมัน แม้แต่พระบรมศาสดาเอกของโลก คือพระพุทธเจ้าก็ยังทรงท้อพระทัยในการที่จะสั่งสอนสัตว์โลก เพราะสัตว์โลกถูกครอบงำด้วยกิเลสดำกฤษณา ทำให้สัตว์โลกหน้าด้านไม่มียางอาย สร้างแต่ความชั่วช้าลามกจกเปรต ไม่มีศีลธรรมครองใจ มหาภัยวิบัติจึงเกิดขึ้นกับสัตว์โลกตลอดเวลาดังที่เห็น คนดีย่อมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย ถึงมีไม่มากก็ต้องมี พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าหนึ่งในแสน ในสมัยพุทธกาล แต่ในปัจจุบันมีหนึ่งในล้าน “เราแสวงหาหนึ่งในล้านนั้น ที่จะมารักษาพุทธศาสนาร่วมกัน คนดีพึงมาหาเรา คนชั่วพึงพินาศไป เพราะเราเกลียดความชั่ว เราเป็นมาตั้งแต่จำความได้ คำว่าชั่วไม่อยากได้ยิน เราทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ ในการสั่งสอนสัตว์โลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น เราจะทดแทนบุญคุณของพ่อผู้เลิศในไตรภพคือพระพุทธเจ้า
    กราบเราให้อิ่มพอเถิดสัตว์โลกในไตรภพ เพราะเป็นชาติสุดท้ายของเรา ก่อนจะไม่ได้กราบเราอีกตลอดอนันตกาล”

    ผู้เขียนเองก็ซาบซึ้งในความเมตตาขององค์หลวงปู่ ที่มีต่อสัตว์โลกหาที่ประมาณไม่ได้ ฟังเทศน์ไปน้ำตาร่วงไป สงสารองค์ท่านอย่างจับใจ ในการอยู่ป่าอยู่เขาเป็นสิบปี ต้องสลบไสลห้าหนปางตายนับไม่ถ้วน ทำให้หวนระลึกถึงพระสงฆ์สาวกในสมัยพุทธกาล เอตทัคคะผู้เลิศบางองค์เดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก บางองค์ทำเพียรจนจักษุแตก ขนาดนั้นจึงสามารถฆ่าเปรต ฆ่าผี ฆ่าจอมกษัตริย์คืออวิชชา ทำลายโคตรเง่าเหล่ากอ ตัวก่อภพ ก่อชาติลงได้

    องค์หลวงปู่เทศน์เสมอว่า “เราไม่อยากกล่าวว่าความเมตตาของเราที่มีต่อสัตว์โลกในภพทั้งสามนั้นขนาดไหน ทั้งกามภพ รูปภพ และอรูปภพ แต่เราจะกล่าวว่าถ้าสัตว์โลกในภพทั้งสาม ทั้งกายหยาบและกายละเอียดปรองดองกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เปรียบเสมือนอวัยวะเดียวกัน ด้วยชีวิตเราชีวิตหนึ่งเดี๋ยวนี้ได้เลย” พิจารณาเถิดพวกเราว่าความเมตตาขององค์หลวงปู่ในภพทั้งสามนั้นจะขนาดไหน องค์ท่านท้าทายทั้งภาคปฏิบัติ ท้าทายทั้งคำเทศน์ เรียกร้องให้สัตว์โลกทั้งสามเข้ามาดูว่า

    “นี่เห็นไหมพระพุทธเจ้าผู้เลิศแห่งไตรภพ นี่เห็นไหมพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สว่างไสวครอบโลก ครอบจักรวาล เพื่อประหัตประหารความมืดบอด นี่เห็นไหมพระสงฆ์สาวกที่นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไปประพฤติปฏิบัติ ประหัตประหารความมืดบอดได้แล้ว เป็นจิตอรหันต์ขึ้นมา เป็นธรรมธาตุ สว่างไสวครอบโลก ครอบจักรวาล นี่เห็นไหมๆ”

    ผู้เขียนกราบแล้วกราบอีก กราบแล้วกราบเล่าก็ไม่อิ่มพอในการกราบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์และองค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร แห่งวัดป่าห้วยริน ผู้เขียนอยากตะโกนร้องให้ก้องไตรภพ ถึงความเมตตาขององค์หลวงปู่ที่มีต่อสัตว์โลกในภพทั้งสาม แม้สัตว์โลกในภพทั้งสามที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ทั้งกายหยาบและกายละเอียด ทั้งมนุษย์ ทั้งวิญญาณ ทั้งเทวบุตรและเทพธิดา ตลอดจนพรหมโลก ย่อมมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้เขียน ยกเว้นมิจฉาทิฏฐิ เท่านั้นเพราะเป็นพวก ปทปรมะ ดอกบัวเหล่าที่สี่พระพุทธเจ้าให้ชักสะพาน ไม่อยู่ในข่ายญาณของพระองค์ ปลงลงที่กรรมของสัตว์โลก หมดโอกาสที่จะเห็นธรรม

    ผู้เขียนกราบขอขมาองค์หลวงปู่อีกครั้งที่เป็นผู้ด้อยในวาสนาและปัญญา หากแต่ความศรัทธานั้นหาประมาณมิได้ ผิดพลาดประการใดขอได้โปรดอโหสิกรรมให้กับลูกๆด้วย ขอให้องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร พ่อที่เป็นที่สุดของลูก ลูกขอใช้คำนี้ เพราะความเคารพเทิดทูนในพ่อ องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร นั้นเหนือคำบรรยาย

    ด้วยความเคารพ และเทิดทูน
    คณะศิษย์วัดป่าห้วยริน

    F0821B0E-32E8-419F-B3D1-2B99FC0003D3.jpeg
    B0387908-CC67-4DFF-A3EA-D0B326645D05.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...