อาลัย ดร.เอียน สตีเวนสัน ผู้บุกเบิกศึกษาวิจัยคนระลึกชาติ กาลิเลโอ 2000

ผลงานท่านสอนให้ระลึกรู้ว่ามีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เป็นปกติ ธรรมดา
แต่ไม่จำเป็นต้องย้อนกลับไปรู่ตัวตนว่าตนเองเป็นใครๆๆ
เพราะเป็นการยึดภพเก่า จะสับสนกับภพปัจจุบัน
เป็นปัญหาอีกหากปล่อยวางไม่ทัน

รู้รูปนามปัจจุบันก็พอแล้ว

 

ด้วยความอาลัย

เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการระลึกชาติมาตั้งแต่เรียนชั้นม.ต้น ได้ยินชื่อ ดร.เอียนมานาน เคยคิดเหมือนกันว่า อยากเห็นหน้าท่านสักครั้ง นึกว่าท่านเสียชีวิตไปนานแล้วเสียด้วยซ้ำ เพราะคนเขียนหนังสือ คุณท.เลียงพิบูลย์ ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ดร.คุ้ม วัชโรบลก็เสียไปนานแล้ว

คงเพราะอยากเห็นหน้าท่านสักครั้งเลยเข้ามาเปิดเจอวันนี้ ดีใจที่ได้เห็นหน้าท่านตัวเป็น ๆ สักครั้ง...ขอให้ท่านไปสู่สุขคติด้วยเถิด

 

ไว้อาลัยครับ

 

เกิดกี่ชาติจะขอตายในร่มโพธิพระพุทธศาสนาไม่แปรเปลี่ยน...เพราะเชื่อในกฏแห่งกรรม...หว่านพืชอย่างไรย่อมได้พืชอย่างนั้น

 

คุณ tkth บอกได้ไหมว่าใครทำเว็บของไทย แล้วของไทยมีสมาชิกเยอะไหม

เรื่องเงินทุนวิจัยผมว่าขอรัฐบาลคงไม่ได้หรอก แต่ไม่่แน่ใจว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์สนใจที่จะทำวิจัยด้านนี้ไหม ถ้าโคได้ ก็น่าจะทำได้

เวลาผมต้องคุยเรื่องระลึกชาติกับคนอื่นๆ ผมต้องยก ดร เอียน ขึ้นมาป้องกันตัวบ่อยๆ เหมือนกัน ไม่งั้นมันก็จะกลายเป็นเรื่องงมงายไป

 

ตอนนี้มีผมอยู่คนเดียว ที่ดูแลเว็บทั้งหมดอยู่ E-Book ก็เป็นกรณีศึกษาที่ผมสัมภาษณ์มาเอง สร้างเว็ปเอง ทั้งอัพเดทข้อมูลเอง แปลเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศเอง ตอนนี้ต้องการผู้ช่วยแปล เอกสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ผมไม่เป็นห่วงคนที่เก่งแล้ว รู้แล้ว แต่ผมอยากให้คนที่เขายังไม่รู้ จะได้รู้ คนที่รู้น้อยจะได้รู้มากขึ้น

สำหรับสมาชิกยังไม่มี...แต่ผมมีเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกับคณะศึกษาวิจัยจาก ม.เวอร์จิเนีย แล้วก็อาจารย์อีกท่านหนึ่งที่มหิดล ท่านเป็นเลขาฯสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ที่พร้อมจะให้ความร่วมมือ ถ้าหากมีผู้สนใจที่สนับสนุนเงินทุนในการศึกษาวิจัย ผมก็พร้อมที่จะประสานรวบรวมนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิให้ ตอนนี้ทุกอย่างทุนตัวเองหมดครับ แต่ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้ทำได้พิสูจน์มาด้วยตัวเอง

 

คุณ tkkh จริงๆ แล้ว เท่าที่ผมรู้มีคนสนใจเรื่องนี้อยู่มากเหมือนกันนะครับ เพื่อนของผมทั้งในไทยแล้วต่างประเทศนั้นศึกษาเรื่องนี้กันเยอะ แต่เป็นแนวผู้รับมากกว่าผู้ให้ เช่นเดียวกับผมครับ อ่านได้แต่เขียนไม่เป็น จึงนับถือคุณ tkkh มากที่ทำเว็บนี้ขึ้นมา

เกี่ยวกับการระลึกชาติในไทยนั้นมีสถาบันสะกดจิตที่ตั้งโดย ดร ชนาธิป อยู่แถวบางกะปิ คนนี้รับสะกดจิตให้ระลึกชาติ โดยเก็บชั่วโมงละ 900 บาท (ไม่รับรองผล) ก็มีคนไปใช้บริการพอสมควรเหมือนกัน www.thaihypno.com

สำหรับทุนวิจัยนั้น ผมว่ายากมาก แต่ถ้าผ่อนปรนตามแบบวัฒนธรรมไทย เช่นพยายามออกสื่อ และ เดินสายบรรยาย เพื่อรวบรวมเงินบริจาค(เพื่อนำมาใช้ในการวิจัย) ผมว่าน่าจะสำเร็จครับ แต่ถ้าจะให้มีองค์กรสนับสนุนนั้น นอกจากองค์กรสงฆ์แล้ว ผมยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นที่ไหน อ่อ หนังสือที่รวมเคสคนระลึกชาติอ่านง่ายๆ ก็น่าจะขายดีครับ (E-book นั้นไม่พิมพ์ขายหรือครับ?)

ที่สนใจเพราะ ผมเองเคยมีอาการเหมือนระลึกชาิติได้เมื่อนั่งสมาธิครั้งหนึ่งน่ะครับ ค่อนข้างดีใจที่มีคนรวมข้อมูล เพราะพยายามค้นหาข้อมูลในไทยแล้วหาได้น้อยมากจริงๆ ครับ

 

การสะกดจิตย้อนอดีตชาตินั้น ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เพราะมีความเป็นไปได้ที่สาเหตุที่คนเราโดยทั่วไปจำอดีตชาติไม่ได้ เพราะชาติก่อนเสียชีวิตมานานมากแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเป็นการระลึกถึงชาติก่อนที่นานมากแล้ว ผู้คนที่เกี่ยวข้องในอดีตเสียชีวิตไปหมดแล้ว ก็ไม่สามารถพิสูจน์ในส่วนของอดีตชาติได้(ทำให้มีความน่าเชื่อถือน้อย) แล้วอีกอย่างที่เราทราบกันดีคือ จิตของเรานั้นแม้ขณะยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีทั้ง ความคิดความฝัน จินตนาการ และความจริง ผสมปนเปกันไป ดังนั้นในสภาวะที่ถูกสะกดจิต หรือแม้แต่การทำสมาธิ ก็มีสภาวะที่สามารถคิดฝันและจินตนาการได้ ในทางสมาธิเรียกว่า มิจฉาสมาธิหรือสมาธิลวง คือได้เห็นนิมิตที่ไม่ใช่ของจริง เป็นนิมิตที่เกิดจาก จริตความชอบ กิเลส ตัณหา ความปรุงแต่งหรือจินตนาการของเราเอง(แม้แต่ผู้ที่มีสมาธิขั้นสูง ถึงขั้นได้อภิญญา ก็ยังมีกิเลสที่ละเอียดปราณีต มาคอยลวงเราอยู่ ทำให้เราเข้าใจผิด หรือเดินทางผิดได้)

แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าเชื่อถือไม่ได้ ผมมีโครงการที่จะทำการสะกดจิต ผู้ที่เคยจำอดีตชาติได้เมื่อตอนเด็กๆแต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานเกี่ยวกับ วิถีจิต(จิตสำนึก) และภวังค์จิต(จิตใต้สำนึก) ซึ่งจากการศึกษาผู้จำอดีตชาติได้พบว่ามีความเป็นไปได้ว่าความทรงจำหรือสัญญานั้น เป็นธรรมชาติที่เก็บบันทึกเรื่องราวชีวิตในอดีตชาติของแต่ละบุคคลไว้ได้ อาจจะอยู่ในรูปที่ผมเรียกว่า "หลุมดำแห่งสัญญา" คือประสบการณ์และความรับรู้ต่างๆที่เคยได้รับเมื่อในอดีตหรือในอดีตชาติหรือในชาติก่อนๆหน้านี้ เมื่อไม่อยู่ในความสนใจ หรือไม่สำคัญ ก็จะถูก หลุมดำแห่งสัญญาดึงเข้าไปไว้ในระดับของภวังค์จิต ตัวอย่างเช่น เมื่อวานที่ผ่านมาเราจำไม่ได้ทั้งหมดว่าเราทำอะไรไปบ้าง แต่จำได้เฉพาะเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่สำคัญ ตื่นเต้น ประทับใจ น่าสนใจ เท่านั้น แล้วเรื่องราวในส่วนที่เหลือล่ะ เราลืมมันไปแล้วจริงๆหรือ หรือมันถูกบันทึกไว้หรือถูกเก็บไว้ในหลุมดำแห่งสัญญา มีคำถามว่าเราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถดึงเอาความทรงจำที่อยู่ในนั้นออกมาหรือเข้าไปรับรู้มันได้ สมมุติฐานสำหรับเวลานี้คือ การสะกดจิต การทำสมาธิ หรือการนอนหลับฝัน ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ล้วนแต่เป็นลักษณะที่อยู่ในสภาวะที่จิตสงบ ดังนั้นการทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ อาจจะเป็นกุญแจที่จะไขเอาข้อมูลความทรงจำที่เก็บไว้ใน "หลุมดำแห่งสัญญา"ได้

สำหรับ E-Book กำลังจะทำเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คน่าจะออกมาเร็วๆนี้ เพราะผมคิดว่าช่องทางการเผยแพร่ในเว็บไซต์ก็เป็นช่องทางหนึ่ง แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ถนัด หรือไม่มีคอมพิวเตอร์ หรือไม่ได้เข้าอินเตอร์เน็ตยังมีอีกมาก น่าจะมากกว่ามาก การทำเป็นหนังสือก็น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปได้ และถ้ามีรายได้จากหนังสือก็จะได้มีทุนทำเรื่องนี้ต่อไป ไม่ต้องอาศัยทุนจากแหล่งอื่น เพราะคงจะยากอย่างที่คุณว่า

การที่คุณเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง ทำให้คุณรู้สึกยินดีที่จะคุยเรื่องนี้ อย่างที่พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า
" ผู้ใดระลึกชาติก่อนได้หลายชาติ...พร้อมทั้งลักษณะทั่วไปและชีวประวัติอย่างนี้ ผู้นั้นควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกับเรา หรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกับผู้นั้น ผู้นั้นจะทำให้เรายินดีด้วยการตอบปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีต หรือเราจะพึงทำจิตของผู้นั้นให้ยินดีด้วยการตอบปัญหาปรารภขันส่วนอดีต ผู้ใดพึงเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังเกิด ทั้งชั้นต่ำชั้นสูง งามและไม่งาม เกิดดีและเกิดไม่ดี ด้วยตาทิพย์อันบริสุทธิ์เหนือมนุษย์ รู้ชัดถึงหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ผู้นั้นควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคตกับเราหรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคตกับผู้นั้น ผู้นั้นจะทำให้เรายินดีด้วยการตอบปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอนาคต หรือเราจะพึงทำจิตของผู้นั้นให้ยินดีด้วยการตอบปัญหาปรารภขันส่วนอนาคต"

 

การระลึกชาติด้วยสมาธิที่ผมเคยสัมผัสไม่ชัดเจนนักหรอกครับ และเป็นไปได้มากว่าอาจถูกจิตหลอกอย่างที่คุณ tkkh ได้ยกตัวอย่างก็ได้

เนื่องจากเว็บของคุณ tkkh ข้อมูลดีมาก ผมจึง forward ไปให้เพื่อนๆ ที่สนใจเข้ามาชมกัน

ปล. เพิ่งได้่อ่าน ebook พบว่าเอ่ยถึงอาจารย์ชนาธิปด้วย เลยรู้สึกเหมือนตัวเองเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนเลย ในคอมเม้นก่อนหน้านี้

 

ติดตามผลงานมานานแล้ว

 

fly_pig

 

มุ่งเต็มใจ มุ่งเต็มใจ มุ่งเต็มใจ

 

สิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ใช่จะไม่มีจิงมะ ^^