อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์. พระบรมศาสดา และเหล่าผู้พระสาวก

ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)
****************
ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ ฯ
https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=19&A=10080
dhammānudhammapaṭipatti.
https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=19&A=10080
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)
โสตาปัตติผลสูตร สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๙
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=19&siri=373
practicing in line with the teaching.
https://suttacentral.net/sn55.55/en/sujato
#ปฏิบัติ #ปฏิปัตติ #ปฏิปตฺติ

 

พระโสดาบันเข้าใจธรรมะอย่างนี้ว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา”
***************
หวังจะเป็นพระโสดาบัน พึงทำอย่างไร
********
[๖๗] ภิกษุทั้งหลาย
๙. หากภิกษุพึงหวังว่า ‘เราพึงเป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ ๓ ประการ สิ้นไป ไม่มีทางตกต่ำ มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า’
ภิกษุนั้น พึงทำศีลให้บริบูรณ์ หมั่นประกอบธรรมเครื่องสงบใจภายในตน ไม่เหินห่างจากฌาน ประกอบด้วยวิปัสสนา เพิ่มพูนเรือนว่าง
..........
ข้อความบางตอนใน อากังเขยยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒
http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=12&siri=6
=AZUinDV7Oe7_izHR8vjZ9VF5cCHXuKlnV0FCV86f1ubETPMMoaRt3jzA2qLePnoLheIyy8COMdbxS1KyjedOEVLxy8NDjGi1SlvixNxzVpNCtRVa7SarypBW2_L2Oe3EeX5hAuwETLTfOLjohZN5OdG7h6ZI_fKTNo5rOqGCbDO6NQ-wFkDcGizY3WzBsPwbka0&__tn__=EH-R']

 

เพิ่มพูนเรือนว่าง = การเรียนกัมมัฏฐาน คือ สมถะและวิปัสสนา เข้าไปสู่เรือนว่างนั่งพิจารณาอยู่ตลอดคืนและวัน แล้วบำเพ็ญอธิจิตตสิกขาด้วยสมถกัมมัฏฐาน บำเพ็ญอธิปัญญาสิกขาด้วยวิปัสสนากัมมัฏฐาน
**********
ภิกษุนั้นพึงทำศีลให้บริบูรณ์ หมั่นประกอบธรรมเครื่องสงบใจภายในตน
ไม่เหินห่างจากฌาน ประกอบด้วยวิปัสสนา เพิ่มพูนเรือนว่าง
...................
ข้อความบางตอนใน อากังเขยยสูตร ว่าด้วยความหวัง ๑๗ ประการ
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒
http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=12&siri=6
ก็ในบทว่า พฺรูเหตา สุญฺญาคารานํ นี้ ภิกษุเรียนเอากัมมัฏฐานด้วยอำนาจสมถะและวิปัสสนา แล้วเข้าไปนั่งยังเรือนว่างตลอดวันและคืน พึงทราบว่าเป็นผู้เจริญสุญญาคาร.
............
ข้อความบางตอนใน อรรถกถาอากังเขยยสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=12&i=73
หมายเหตุ ในเชิงอรรถพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ อธิบายว่า
เพิ่มพูนเรือนว่าง ในที่นี้หมายถึงการเรียนกัมมัฏฐาน คือ สมถะและวิปัสสนา เข้าไปสู่เรือนว่างนั่งพิจารณาอยู่ตลอดคืนและวัน แล้วบำเพ็ญอธิจิตตสิกขาด้วยสมถกัมมัฏฐาน บำเพ็ญอธิปัญญาสิกขาด้วยวิปัสสนากัมมัฏฐาน (ม.มู.อ. ๑/๖๔/๑๖๙-๑๗๐, องฺ.ทสก.อ. ๓/๗๑/๓๕๗)

 

หายป่วยเพราะได้ฟังสัญญา ๑๐ ประการ
******
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า“อานนท์ ถ้าเธอเข้าไปหาแล้วกล่าวสัญญา ๑๐ ประการแก่คิริมานนท์ภิกษุ
เป็นไปได้ที่การอาพาธของคิริมานนท์ภิกษุจะสงบระงับโดยฉับพลันเพราะได้ฟังสัญญา ๑๐ ประการนี้
สัญญา ๑๐ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. อนิจจสัญญา
๒. อนัตตสัญญา
๓. อสุภสัญญา
๔. อาทีนวสัญญา
๕. ปหานสัญญา
๖. วิราคสัญญา
๗. นิโรธสัญญา
๘. สัพพโลเก อนภิรตสัญญา
๙. สัพพสังขาเรสุ อนิจจสัญญา
๑๐. อานาปานสติ
………..
ข้อความบางตอนใน คิริมานันทสูตร ว่าด้วยการหายอาพาธของพระคิริมานนท์ อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=24&siri=58
=AZW9ekJLOl7Y1B-VWKWL6WQPXi9hdeG2DXmm4_MZQ3YKhzmkZmI_MXqrtFx2qtp6V6JYlF2eo4pUWxLzAI-CEKlFqBqDanbflZZ9et4f0VyNX9mqUmb7SFVWJuaSKE836bo8bYDAJdc9aIDMblEp-mvym9AOGsaILlthtU_1uvZeTmdTm51q-lCeCL3hC7UmOj4&__tn__=EH-R']

 

"จิตเป็นหนึ่ง ที่รู้เท่ารู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเป็นนิจ ไม่คิดถึงเรื่องอดีต อนาคต ไม่คิดถึงเรื่องวุ่นวายสิ่งทั้งปวง เรียกว่า
“จิตบริสุทธิ์”
อันนี้แหละจึงจะหลุดพ้นจากกรรมเวรได้”..
โอวาทธรรม หลวงปู่หา สุภโร

 

พระไตรปิฎก http://pratripitaka.com

 

มิจฉาทิฏฐิเห็นว่าไม่มีตนเป็นผู้กระทำ
*************
[๓๘] ครั้งนั้นแล พราหมณ์คนหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้สนทนาปราศรัย พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
‘ข้าแต่ท่านพระโคดม ข้าพระองค์มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ‘ไม่มีอัตตการ(มีตนเป็นตัวการ) ไม่มีปรการ (มีสิ่งอื่นเป็นตัวการ)’
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ เราไม่เคยได้เห็นไม่เคยได้ฟังคำของบุคคลผู้มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้เลย
ก็บุคคลเมื่อก้าวไปข้างหน้าเองได้ ถอยกลับเองได้ ไฉนจึงจักกล่าวอย่างนี้ว่า ‘ไม่มีอัตตการ ไม่มีปรการ’
พราหมณ์ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร อารัพภธาตุ มีอยู่หรือไม่”
พราหมณ์กราบทูลว่า “มี ท่านพระโคดม”
“เมื่อมีอารัพภธาตุ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเพียรริเริ่มยังมีปรากฏอยู่หรือไม่”
“ยังมีปรากฏ ท่านพระโคดม”
“พราหมณ์ การที่เมื่อมีอารัพภธาตุ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความเพียรริเริ่มยังมีปรากฏอยู่ นี้แลคืออัตตการ นี้แลคือปรการของสัตว์ทั้งหลาย’
พราหมณ์ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร นิกกมธาตุมีอยู่หรือไม่ ฯลฯ ปรักกมธาตุมีอยู่หรือไม่ ฯลฯ ถามธาตุมีอยู่หรือไม่ ฯลฯ ธิติธาตุมีอยู่หรือไม่ ฯลฯ อุปักกมธาตุมีอยู่หรือไม่ ฯลฯ”
“มี ท่านพระโคดม”
“พราหมณ์ เมื่อมีอุปักกมธาตุ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความพยายามยังมีปรากฏอยู่หรือไม่”
“ยังมีปรากฏ ท่านพระโคดม”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ การที่เมื่อมีอุปักกมธาตุ สัตว์ทั้งหลายผู้มีความพยายามยังมีปรากฏอยู่ นี้แลคืออัตตการ นี้แลคือปรการของสัตว์ทั้งหลาย พราหมณ์ เราไม่เคยได้เห็นไม่เคยได้ฟังคำของบุคคลผู้มีวาทะอย่างนี้ ผู้มีทิฏฐิอย่างนี้เลย ก็บุคคลเมื่อก้าวไปข้างหน้าเองได้ ถอยกลับเองได้ ไฉนจึงจักกล่าวอย่างนี้ว่า ‘ไม่มีอัตตการ ไม่มีปรการ”
พราหมณ์กราบทูลว่า ‘ท่านพระโคดม ภาษิตของท่านพระโคดมชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
………………
อัตตการีสูตร ว่าด้วยอัตตการ อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=22&siri=289
ดูเพิ่มใน อรรถกถาอัตตการีสูตร http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=309
และดูเพิ่มในลัทธิของครูมักขลิ โคศาล http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/read_page.php...
หมายเหตุ อัตตการีสูตร พระสูตรนี้มีเนื้อความโดยย่อว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธาตุ ๖ คือ อารัพภธาตุ (ความริเริ่ม) นิกกมธาตุ (ความก้าวออก) ปรักกมธาตุ (ความบากบั่น) ถามธาตุ (เรี่ยวแรง) ธิติธาตุ (ความอดทน) และอุปักกมธาตุ (ความพยายาม) ทั้ง ๖ ข้อนี้เป็นชื่อของความเพียร ทรงแสดงเพื่อให้พราหมณ์ผู้หนึ่งละทิ้งความเห็นผิด ที่ว่าการกระทำของตนไม่มีและการกระทำของคนอื่นไม่มี