อิทธิฤทธิเจ้าพ่อขุนด่าน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 11 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439

    [​IMG]
    ลูกหลานทั้งหลาย วันนี้สาระน้อยไปหน่อยนะ เพราะมัวไปทะเลาะกับท่านนักปราชญ์เพลินไป มาพูดกันถึงอานุภาพท่านขุนด่านอีกหน่อย เพราะชักเหนื่อยแล้ว ท่านขุนด่านเป็นเทวดาของท่านท้าวเวสสุวัณ มีเครื่องทรงประจำสีแดง คือ นุ่งห่มสีแดง และโพกผ้าก็สีแดงเหมือนกัน ท่านที่ทรงเครื่องแดงนี้จัดเป็นเทวดามีอานุภาพมาก สมัยที่เขาวงพระจันทร์ยังมีสถานที่ยังไม่สมบูรณ์อย่างปัจจุบัน หลวงพ่อปานท่านกำลังสร้างมณฑปและบันไดขึ้นเขา มีพระองค์หนึ่งเป็นลูกศิษย์นอกสำนักของหลวงพ่อปาน ชื่อท่านสำราญ ชาวบ้านเรียกว่าอาจารย์สำราญ ขณะนี้สำราญอยู่เมืองผีนานแล้ว เพราะท่านแก่กว่าฉันมาก สมัยฉันอายุ 20 ปีเศษ ท่านมีอายุเกือบ 40 ปีแล้ว ท่านอยู่ประจำที่เขาวงพระจันทร์ เป็นเขตอารักขาของท่านขุนด่าน หลวงพ่อปานท่านสั่งไว้เสมอว่า อย่าประกาศตัวเป็นศัตรูกับผี ควรทำตนเป็นมิตรกับผีจะได้อยู่เป็นสุขเพราะผีไม่ใช่คน ถ้าเป็นศัตรูกัน เวลาที่เขามาทำอันตรายไม่มีนิมิตปรากฏ ท่านก็ไม่เชื่อ ปกติท่านสวดบทวิปัสสิทธิ์เสมอเพื่อไล่ผี คาถาบทนี้เป็นคาถาในบทภาณยักษ์และภาณพระ คำว่า ภาณยักษ์ แปลว่า ยักษ์พูด คำว่า ภาณ แปลว่า พูด เป็นคาถาที่ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ท่านประชุมกันร้อยกรองขึ้น เมื่อร้อยกรองเสร็จท่านก็ประชุมผีทั้งหมด ท่านสั่งว่าใครเขาสวดคาถาบทนี้อยู่ห้ามทำอันตราย ถ้าใครไม่เชื่อจะลงโทษฐานกบฏ มาตรนี้มีโทษรุนแรงมาก เมื่อประกาศแล้วท่านจึงเรียกว่าภาณยักษ์ ตอนที่ท้าวเวสสุวัณพูด แปลว่ายักษ์พูด เมื่อท้าวเวสสุวัณกราบทูลถวายกับพระพุทธเจ้า ได้กราบทูลมีใจความว่า พวกยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค และบริวารส่วนอื่นของข้าพระพุทธเจ้าที่ไม่เลื่อมใสในพระองค์มีมาก เมื่อบรรดาพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา ไปทำสมณธรรมคือชำระอารมณ์ให้หมดจากกิเลส พวกนี้มักจะกลั่นแกล้งให้ตกใจกลัว เป็นอันตรายแก่พรหมจรรย์มาก คำว่าพรหมจรรย์ ไม่ใช่คนบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านใครมาเลย นั่นยังไม่เรียกว่าพรหมจรรย์ ควรเรียกว่าคนยังไม่เคย ส่วนพรหมจรรย์แปลว่าประพฤติประเสริฐ คือไม่เป็นอันตรายแก่ใคร ได้แก่คนมีพรหมวิหาร 4 นั่นเอง พวกที่ไม่เคยผ่านการร่วมรัก อาจจะเคยลักขโมย ฆ่าสัตว์ โกหกมดเท็จ กินเหล้าเมาสุราบ้างก็ได้ เรียกว่าพรหมจรรย์จึงไม่ตรงเป้าหมาย ส่วนพรหมจรรย์แท้ท่านหมายเอามีความประพฤติอย่างประเสริฐ คือ มีอารมณ์เหมือนพรหม มีศีลบริสุทธิ์ มีเมตตาปรานี มีฌานเป็นอารมณ์ อย่างนี้เป็นพรหมจรรย์อันดับปฐม พรหมจรรย์อย่างมัธยม ก็ต้องตัดกิเลสสิ้นไปเป็นพระอรหันต์ อย่างนี้เรียกพรหมจรรย์ระดับมัธยม หรือเรียกดุษฎีบัณฑิต เป็นอันว่ารู้กันนะว่าพรหมจรรย์หมายความว่าอย่างไร เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทของพระองค์ไปเจริญสมธรรมในป่าในรกที่สงัด ถ้าเกรงว่าบรรดาผีอันธพาลทั้งหลายจะรบกวน ให้เขาสวดคาถาบทนี้ผีจะไม่ทำอันตราย เมื่อท่านอธิบายแล้วก็ถวายคาถา จึงเรียกว่าภาณยักษ์ เพราะเป็นตอนยักษ์พูด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านรับไว้แล้ว ท่านมหาราชกลับแล้ว ท่านเรียกประชุมพุทธบริษัท ท่านก็ให้บริษัทเรียนและอธิบายตามนั้น ตอนนี้ในตำนานท่านกล่าวว่า พระพูด เรียกว่าภาณพระ ท่านสำราญท่านถือคาถานี้เป็นสำคัญ ท่านไม่ได้ทำดีคือสมณธรรม ท่านถือว่าท่านเก่ง พ่อสวดมนต์บทนี้ไล่ผีทุกวัน ผิดระเบียบพระที่ดี ไม่ทำดีแต่เอาอาวุธของคนดีมาใช้ก็เลยไม่มีผล พอเผลอท่านขุนด่านเลยจัดการเสียตามระเบียบ คือเวลาประมาณ 17 . โดยประมาณ อาจจะไม่ตรงเผง ฉันและเพื่อนได้ยินเสียงท่านสำราญร้องโอย ๆ เสียงดังมาก ก็พากันวิ่งไปดู คิดว่าใครทำอันตรายท่าน ไม่ได้คิดว่าผีทำ คิดว่าคน คือพวกของเจ้าลาวอันธพาล เมื่อวิ่งไปถึงปรากฏแก่ตาของพระทุกองค์ เห็นคนนุ่งแดง ใส่เสื้อแดง ผ้าโพกหัวแดง ถือหวายขนาดใหญ่ กำลังหวดซ้ายป่ายขวาท่านสำราญ ๆ ลงไปนอนบิดไปบิดมาอย่างสำราญอยู่กับพื้น เจ้าสองลิงคือเจ้าลิงขาวกับเจ้าลิงเล็กวิ่งเข้าไปร้องขอว่าท่านขุนด่าน ขอทีเถอะ หยุดลงโทษเสียทีเท่านี้พอแล้ว แกหันมามอง ตาแดงก่ำ แดงเป็นสีตายักษ์ แกยิ้ม แต่ทว่ายิ้มของแกไม่น่ารักเลย มันน่ากลัวมากกว่า พระที่วิ่งไปด้วยเห็นยิ้มของแกเข้าหลบก้มหน้าลงดินเป็นแถว ที่ยืนปกติมีฉันกับเจ้า 2 ลิง เมื่อแกเลิกยิ้มแกบอกว่า เจ้านี่อวดดีนัก เอาคาถาท่านมหาราชมาขับเทวดาขับผี เขาให้ไว้สำหรับคนดี ไม่ใช่ธุระของคนอันธพาลจะนำมาใช้ เลยจัดการเสียนิดหน่อย คราวต่อไปทำอย่างนี้อีกจะลงโทษให้หนักกว่านี้ แล้วแกก็ก้าวขึ้นขื่อหายไป พระทุกองค์ที่ไปเห็นและได้ยินเหมือนกัน นับแต่นั้นมา ท่านสำราญท่านเห็นว่าที่เขาวงพระจันทร์สำราญเกินไป ท่านทนความสำราญไม่ไหวเลยลาไปสำราญที่อื่น พวกฉันเห็นได้ท่าก็เลยหันมาสำทับพวกเดียวกัน บอกว่าที่นี่เจ้าที่ดุ ต่อไปจงระมัดระวังความประพฤติ ถ้าใครทำชั่วไม่มีใครช่วยใครได้ อาจจะต้องมีโทษมากกว่านี้ เรื่องวัวเขาอ่อนเป็นเหตุ ถ้ายุ่งมากอาจจะถึงตาย และความประพฤติส่วนอื่นก็เหมือนกัน จงระงับเสีย อย่าเอาชั่วมาใช้ เรามาทำบุญกัน อย่าเอาบาปกลับวัด เป็นเรื่องน่าประหลาด เมื่อฉันและเพื่อนเตือนพระเย็นวันนั้น พอเช้าก็มีพระทุกองค์มารายงานว่าเมื่อคืนนี้ทุกองค์เห็นท่านขุนด่าน ท่านมาคาดโทษว่า ถ้าท่านใดทำเลวปล่อยใจอย่างฆราวาส ท่านจะจัดการยิ่งกว่าท่านสำราญ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พระที่อยู่ร่วมกันสำรวมเรียบร้อยดีทุกองค์ ไม่มีใครสนใจกับแม่วัวเขาอ่อน จะรักจะชอบก็ไม่กล้าแสดงออก ลูกหลานที่รัก นึกว่าปลอดแล้วหรือที่พลพรรคของฉันจะไม่ถูกรุกรานจากวัวเขาอ่อน เปล่าเลย ยิ่งเฉยยิ่งเรียบร้อย ก็เกิดมีวัวตัวแปลก ๆ ปรากฏมากขึ้น ดูเหมือนจะเป็นวัวพันธ์ดีกว่าที่เคยเห็นมา เมื่องานเสร็จงวดจากหน้าที่ของท่านเหล่านั้น แทนที่ท่านจะกลับภูมิลำเนาเดิม ต่างก็เดินเข้าคอกวัวกันเป็นแถว แม่วัวเขาอ่อนนี้ช่างมีอานุภาพมากจริง ไม่รู่ว่าย่องไปตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อเธอมาไม่เห็นพูดอะไรกัน ต่างก็วางท่าวางทางสงบเสงี่ยม แต่หลังจากพ่อวัวเหลืองสลัดหนังเดิมออกกลายเป็นควายเปลี่ยวไปแล้ว และเดินเข้าคอกวัวเขาอ่อนไป พวกเราก็พบจดหมายรักที่ที่นอนของพ่อวัวเหลืองเป็นปึก ๆ เป็นจดหมายตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงอวสาน คือตกลงแต่งงานตามคำขอร้อง และช่วยเป็นภาระธุระด้วยประการทั้งปวง เป็นอันว่าเรื่องอานุภาพของท่านขุนด่านตอนนี้ก็หยุดเพียงเท่านี้นะ เพราะถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ ขอลูกหลานทุกคนจงมีอารมณ์สบาย ทรงฌาน ทรงญาณ และเข้าถึงวิปัสสนาญาณโดยทั่วกันทุกคนนะ สวัสดี
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  2. kaenlukson

    kaenlukson เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

    ทาน ศีล สมาธิ(verygood)
     

แชร์หน้านี้

Loading...