อุทาหรณ์สอนสังคม พ่อแม่วัยโจ๋ตีกัน!?!ลูก1ขวบหล่นพื้นดับ

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย Catt Bewer, 25 พฤศจิกายน 2006.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

    ยิ่งยศ เอกมานะชัย/พนม คงเจริญ มนตรี จิรพรพนิต เรื่อง/ภาพ



    [​IMG]ดูเหมือนว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดกับเด็ก นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

    ล่าสุดเกิดเหตุสลดขึ้นกับเด็กชายวัย 1 เดือนเศษๆ ที่พ่อแม่วัยรุ่นทะเลาะกันตีกันทำให้ลูกหล่นจากมือแม่ตกลงมาจนถึงแก่ความตาย

    สาเหตุครั้งนี้เกิดจากคนเป็นพ่อเมาขาดสติ นอกจากนี้ ยังขาดวุฒิภาวะในการเป็นหัวหน้าครอบครัว เลยระเบิดอารมณ์ใส่ลูกเมียจนแตกกระเจิงถึงขั้นตาย

    สะท้อนให้เห็นความเสื่อมในสังคมอย่างเห็นได้ชัด!??

    เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นตอนตี 2 วันที่ 19 พ.ย. ร.ต.ต.ธวัชชัย จิตตรีธาตุ ร้อยเวร สน.ประชาชื่น รับแจ้งจากร.พ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ว่ามีเด็กทารกลักษณะคล้ายถูกทำร้ายร่างกายมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

    พบศพด.ช.วธัญญู ดาบุดดี อายุ 1 เดือน 8 วัน เสียชีวิตในสภาพท้ายทอยยุบเพราะตกจากที่สูง สมองไม่ทำงาน โดยด.ช.วธัญญูเป็นลูกของนายบุญทวี ดาบุดดี อายุ 17 ปี กับน.ส.สุรีรัตน์ นูมหันต์ อายุ 17 ปี พ่อแม่วัยโจ๋ที่มีปัญหาทะเลาะกัน หลังเกิดเหตุพ่อแม่เด็กตกใจหนีไปหลบอยู่บ้านเพื่อนแล้ว

    ตำรวจจึงบอกญาติให้ตามตัวมาสอบปากคำ



    ห้วงนั้นที่โรงพยาบาลมีเพียงนางมาริสา นูมหันต์ อายุ 43 ปี แม่ของน.ส.สุรีรัตน์ยืนรอให้การอยู่ ระบุว่า ลูกสาวคบหากับฝ่ายชายมานานแล้ว จนกระทั่งตั้งครรภ์จึงให้ไปพักอาศัยอยู่กับครอบครัวของฝ่ายชาย ที่แฟลตไม่มีชื่อ เลขที่ 29/1 ถ.ประชาชื่น ซ.2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ช่วงที่อยู่กินด้วยกัน ฝ่ายชายไม่มีงานทำ มีนิสัยเกเร ชอบรีดไถเงินลูกสาวไปกินเหล้าเป็นประจำ ที่ผ่านมา ลูกสาวมักจะถูกฝ่ายชายตบตีบ่อยครั้ง บอกให้เลิกก็ไม่ยอมเลิก ก่อนเกิดเหตุตอนตี 3 ของวันที่ 18 พ.ย. ขณะที่ลูกสาวนอนอยู่ในบ้าน นายบุญทวีได้กลับจากดื่มสุรา ตรงเข้ามาหาเรื่องลูกสาวแล้วเกิดมีปากเสียงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน จังหวะนั้นลูกสาวตนพลาดท่าเสียหลักล้มลงไปทับลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง จึงเข้าไปอุ้มลูกเพื่อเตรียมวิ่งหนี แต่ถูกนายบุญทวี ตามเข้ามาเตะขา ทำให้ลูกสาวเสียหลักขณะที่มือยังอุ้มลูกอยู่ ทำให้ลูกหลุดมือหล่นพื้นหัวกระแทกนอนแน่นิ่งไป หลังจากนั้นด้วยความตกใจทั้งนายบุญทวีและลูกสาว จึงแยกย้ายกันหลบหนีไปอยู่บ้านเพื่อน ทิ้งให้พ่อแม่ของฝ่ายชายพาหลานไปส่งโรงพยาบาลตามลำพัง

    แต่พอไปถึงทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว



    เนื่องจากคดีนี้เหตุเกิดในท้องที่สน.เตาปูน ร.ต.ท.ธวัชชัยจึงประสานไปยังสน.ท้องที่ให้มาดำเนินการ

    เวลา 14.00 น. วันเดียวกัน นายบุญเลิศ ดาบุดดี อายุ 55 ปี พานายบุญทวี ลูกชายเข้าพบพ.ต.ต.สุเอก ฉินธนทรัพย์ สวส.สน.เตาปูน เพื่อให้ปากคำในคดีที่ทำร้ายภรรยาตนเองจนทำให้ลูกชายเสียชีวิต โดยมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์และพนักงานอัยการร่วมสอบปากคำ

    นายบุญเลิศผู้เป็นพ่อยอมรับว่า ในคืนวันเกิดเหตุเข้าไปห้ามปรามลูกชายที่อยู่ในอาการเมากำลังจะทำร้ายภรรยา เลยถูกลูกชายทำร้ายร่างกายด้วยอีกคน ตอนนั้นลูกชายเมามาก ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง สุดท้ายได้กระโดดถีบภรรยาจนลูกที่อุ้มอยู่หลุดมือตกลงมากระแทกพื้นเสียชีวิต <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตำรวจแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่งตัวให้สถานพินิจฯ ควบคุมดูแลทันที

    ทุกคนเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วหน้า



    นายมนตรี สินทวิชัย หรือ "ครูยุ่น" เลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก ออกมาแสดงความเห็นว่า เหตุการณ์เช่นนี้ในประเทศไทย ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอีกจำนวนมาก แต่อาจเป็นเพียงการบาดเจ็บกันเองของตัวพ่อ-แม่ หรือทำร้ายร่างกายกันจนแท้งลูก ปัญหาคือการมีครอบครัวโดยยังไม่มีความพร้อม โดยคำว่าไม่พร้อมนี้ไม่ได้หมายถึงด้านเศรษฐกิจ เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่หมายถึงความพร้อมในการประคับประคองชีวิตครอบครัว การร่วมกันเลี้ยงดูลูก ให้ซึมซับสภาพแวดล้อมที่ดีของครอบครัว เพื่อให้เป็นเด็กที่มีความสุข เอาใจใส่ปกป้องลูกให้มีความรู้สึกดีๆ ของพ่อ-แม่ ไม่ใช่ให้เห็นแต่ความขัดแย้ง

    "สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ตอนนี้เด็กไทยมีคู่กันอายุน้อยลงทุกวัน อายุเพียง 16-17 ปีเท่านั้น แม้จะอายุ 18-19 ยังถือว่าน้อยอยู่มาก เพราะยังอยู่ในวัยศึกษา ยังไม่ถึงวัยที่มีครอบครัว เนื่องจากพ้นวัยเด็กมาไม่นาน ทำให้ยังมีความใจร้อน ซึ่งเป็นธรรมชาติของเด็กวัยนี้ ประกอบกับความบีบคั้นจากสภาพแวดล้อม เมื่อมารวมกันทำให้การครองชีวิตคู่ของวัยรุ่นเป็นไปด้วยความยากลำบาก การต้องมีคู่ และมีลูกด้วยกัน เป็นเรื่องที่หนักมากเกินกว่าที่เด็กในวัยนี้จะรับได้ การที่เด็กวัยรุ่นต้องกลายมาเป็นพ่อ-แม่ เป็นการตัดโอกาสในชีวิตของตัวเอง กระทั่งเป็นปัญหาซ้ำซ้อน เมื่อรวมกับอารมณ์วัยรุ่นสิ่งที่ตามมา คือ ปัญหาครอบครัวแตกแยก เพราะหากให้โอกาสตัวเองมีชีวิตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ จะผ่านประสบการณ์ต่างๆ ที่จะทำให้พบคนที่เหมาะสม และเลือกคนได้เหมาะสมกับตัวเองจริงๆ" เลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าว



    "ครูยุ่น" ยังฝากถึงผู้ปกครองด้วยว่า พ่อ-แม่ ของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ต้องเป็นเพื่อนของลูกที่สามารถให้คำปรึกษาได้ทุกอย่าง หากลูกต้องใช้ชีวิตคู่ตั้งแต่ยังวัยรุ่น พ่อ-แม่ ต้องประคับประคองอย่าปล่อยให้อยู่กันเพียงตามลำพัง หากเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ต้องหมั่นมาเยี่ยมให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ หรือให้กลับไปเยี่ยมบ้านอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้ขาดหายไปจนเด็กต้องตัดสินใจอะไรเพียงลำพัง และต้องคอยสอนให้รู้จักความรักที่แท้จริง ไม่ใช่แค่เพียงให้ความรู้สึกพาไป รวมถึงสอนให้รู้จักสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน

    "ผมอยากจะฝากถึงผู้ที่รับผิดชอบบ้านเมือง ต้องสร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับเด็ก ลดสถานที่ซึ่งเอื้อให้เด็กได้มีอะไรกัน เช่น โรงแรมม่านรูดและคอนโดมิเนียม หรืออพาร์ตเมนต์เช่ารายวัน และนำกฎหมายหอพักที่มีระเบียบข้อบังคับดีมากอยู่แล้วมาบังคับใช้อย่างจริงจังเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดปัญหา" ครูยุ่นแนะแนวทาง

    รีบป้องกันก่อนจะเกิดเหตุซ้ำรอยอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

    [FONT=Tahoma,]หน้า 2<[/FONT]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0149251149&day=2006/11/25
     

แชร์หน้านี้

Loading...