อุทาหรณ์! เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย sangying, 28 มีนาคม 2012.

  1. sangying

    sangying เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +345
    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก รายการตีสิบ, Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv2

    ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ในปัจจุบันจะก้าวหน้าสามารถผลิตตัวยาใหม่ ๆ เพื่อรักษาโรคร้ายต่าง ๆ ได้ แต่ก็ยังมีอยู่อีกหนึ่งโรคที่ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด นั่นก็คือ "โรคเอดส์" ที่ทุกวันนี้ก็ยังทวีความรุนแรง และยอดการติดเชื้อก็แพร่ขยายอย่างต่อเนื่อง ... ทั้ง ๆ ที่เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่า การติดโรคดังกล่าวกว่า 80% นั้นมาจาก "เพศสัมพันธ์" แต่ทำไมคนบางคนยังรักที่จะมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกัน ในเมื่อรู้ว่ามัน "เสี่ยง" ขนาดนี้...

    วานนี้ (27 มีนาคม) รายการตีสิบ ได้นำเสนอเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์สอนใจนักท่องราตรี หรือนักเที่ยวทั้งหลาย โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบไม้ป่าเดียวกันอย่าง "เกย์" ซึ่งเป็นเรื่องราวของบุคคลหนึ่งที่มีคู่นอนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 คน มีเพศสัมพันธ์ไม่ต่ำกว่า 2,000 ครั้ง และในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาเป็นโรค "เอดส์" โดยที่เขาไม่รู้ว่าเขาแพร่เชื้อให้กับคนอื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่... และในวันนี้เขาจะมาเปิดเผยเรื่องราวของเขา เพื่อเตือนสติและเตือนใจชาวสีม่วงทั้งหลายให้รู้จัก "ป้องกันและเซฟเซ็กส์" ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินแก้ และจะต้องมีชะตาชีวิตเหมือนเขาเช่นนี้

    โดยชายผู้นี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า "กร สิริกร โคตรศรีเมือง" ซึ่งเขายินดีที่จะเปิดเผยหน้าตา และนั่งเล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังว่า ... ที่ตนเปิดเผยหน้าตานั้น เพราะอยากให้คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับตนได้ทราบว่าตนเป็นเอดส์ และจะได้ไปตรวจซะ ตอนนี้อาการของตนได้ผ่านพ้นจุดวิกฤติของโรคนี้มาได้ แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปกติ เนื่องจากตนต้องอาศัยวีลเแชร์ในการใช้ชีวิต เพราะโรคเอดส์ได้ทำลายภูมิคุ้มกันของตนไปจนหมด ซึ่งตอนนี้ภูมิคุ้มกันของตนแทบไม่เหลือเลย อีกทั้งยาปฏิชีวนะต่าง ๆ ก็มีผลกระทบต่อกล้ามเนื้อของตนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และเดินไม่ได้มากว่า 3 ปีแล้ว...

    เท้าความกลับไปเมื่อสมัยเด็ก ๆ คุณกรเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กตนคิดว่าไม่มีใครรักตน เพราะตนไม่มีพ่อไม่มีแม่ ถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่กับตาและยาย และแม่เลี้ยงคนหนึ่งที่ตนเรียกเขาว่าแม่ ในช่วงเด็กตนคิดว่าตนเป็นตนหน้าตาดีพอสมควร อีกทังยังเรียนเก่ง เลยกลายเป็นที่สนใจของเพื่อน ๆ ทั้งหญิงและชายอย่างมาก ... และที่ผ่านมาตนก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้ว่าตนเป็น "เกย์" จนกระทั่งตนเข้ามหาวิทยาลัยมีผู้ชายเข้ามาจีบตน จึงทำให้เรารู้ว่า ที่ผ่านมาทำไมตนถึงไม่ชอบผู้หญิง ทำไมตนถึงไม่อยากแต่งหญิงเหมือนตุ๊ดเหมือนกะเทย แต่ที่จริงแล้วตนเป็นเกย์นั้นเอง ... ทั้งนี้ ถ้าถามว่าตนเคยมีเซ็กส์กับผู้หญิงหรือไม่ ตนขอยืนยันเลยว่า "ไม่เคย"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คุณกร เล่าให้ฟังอีกว่า ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตนเป็นคนสำส่อนทางเพศนั้น เกิดขึ้นจากช่วงประมาณมหาวิทยาลัยปี 3 ตนอกหักครั้งใหญ่จากแฟนที่เป็นผู้ชาย ถึงขนาดพยายามฆ่าตัวตายจนเข้าโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่เลิกกันนั้น เป็นเพราะว่า ตนบวช และสงสัยว่าตนจะบวชนานไปหน่อย เขาเลยแอบมีกิ๊ก พอตนสึกออกมา แล้วรู้ว่าเขามีคนอื่น ตนเลยเสียใจมาก... พอความรักครั้งนั้นจบลงไปแล้ว จากนั้นตนก็ตามหารักแท้ต่อ และพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลืมเรื่องเศร้า ตนจึงเลือกที่จะไปกินเหล้า และเที่ยวกลางคืนแทน

    "ช่วงนั้นผมเที่ยวบ่อยมาก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เรียกได้ว่า ว่างเมื่อไหร่ผมก็จะเข้าเทคเมื่อนั้น ซึ่งตอนเที่ยวแค่สบตาถูกใจ ก็สะกิดเรียกแล้วไปต่อที่อื่นเลย สะดวกที่ไหนก็ไป ทั้งซาวน่า และโรงแรม หรือไม่ก็พากลับบ้าน ผมขอบอกตรงนี้ไว้เลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เป็นสังคมจริง ๆ ของเก้งกวางในกรุงเทพ"

    เมื่อถามถึงการป้องการทางเพศ หรือที่เรียกว่า "เซฟเซ็กส์" นั้น คุณกร กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็มีเพื่อน หรือคนรู้จักเป็นโรคนี้ และเคยเตือนมาบ้าง ซึ่งพอถึงเวลานั้นจริง ๆ ตนก็ถามคู่นอนว่าใส่ถุงยางกันไหม แต่เขาก็บอกว่าไม่ต้องใส่ ไม่เป็นหรอกโรคนั้น ถ้าเป็นก็เป็นไปนานแล้ว ตนก็เลยไม่ได้ใส่ เพราะจังหวะนั้นต่างคนต่างก็อารมณ์มาเต็ม

    [​IMG]

    ส่วนทางด้านแม่เลี้ยง เปิดเผยเรื่องราวของคุณกร ว่า ช่วงแรกตนไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์ เพราะเขาเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่คนแถวบ้านมาบอกว่า เขาชอบผู้ชาย แรก ๆ ตนก็ไม่เชื่อ แต่ระยะหลังมา เขาก็พาเพื่อนผู้ชายมานอนค้างที่บ้านบ่อย แทบจะไม่ซ้ำหน้ากันเลย ตนก็เลยรู้ว่าเขาเป็นเกย์แน่ ๆ ซึ่งตนรับไม่ได้เลย ผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมาก เพราะตนส่งเสียให้เขาเรียนจนจบปริญญา เป็นนักเรียนทุน และเรียนดีมาก ๆ ด้วย ตนก็อยากจะหวังพึ่งพาเขาตอนแก่ แต่ตอนนี้เขาต้องมาเป็นเอดส์ นั่งวีลแชร์อย่างนี้... สำหรับเรื่องเอดส์ ตนก็เตือนเขาแล้วตั้งแต่วันที่ตนรู้ว่าเขาเป็นเกย์ แต่เขาบอกตนว่า ไม่เสี่ยงหรอก ไม่ต้องห่วง...

    คุณกร เล่าให้ฟังต่อว่า ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของการเซฟเซ็กส์นั้น ตนคิดว่าน่าจะประมาณ 20% เท่านั้นที่ตนสวมถุงยาง เพราะต่างคนต่างก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องโรคเอดส์กันเลย เวลาไปเที่ยวกันปุ๊บ ถ้าเจอหน้าถูกใจก็พาไปมีเซ็กส์กันปั๊บ ซึ่งบางคนตนก็จำชื่อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางคนตนจำหน้าไม่ได้เลยก็มี....

    "ถ้าถามว่าผมรู้เมื่อไรว่าเป็นเอดส์ คือช่วงนั้นปี 2547 ผมเป็นโรค "ซิฟิลิส" มือเท้าลอกอย่างหนัก รักษาที่บ้านที่คลีนิกก็ไม่หาย หมอเลยส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล ตอนแรกหมอก็ขอตรวจเลือดตรวจ HIV ผมก่อน ผมก็ให้ตรวจ รอผลอีกอาทิตย์ ซึ่งผลก็ออกมาว่า เป็นโรคเอดส์"

    เมื่อทราบว่า เป็นโรคเอดส์แล้ว ตนก็โทรไปบอกเพื่อน และบอกแม่เลี้ยง ซึ่งเขาก็ตกใจ แต่ตนก็ไม่ได้ออกอาการหนักอะไรแต่อย่างใด และหลังจากที่ทราบว่าเป็นเอดส์ ตนก็เที่ยวกลางคืนและมีเซ็กส์กับคู่นอนอีกราว ๆ 30 คน ทั้งนี้ หมอบอกกับตนว่า โรคเอดส์นั้นประมาณ 2-5 ปี จะแสดงอาการ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่า ตนเป็นเอดส์มาตั้งแต่เมื่อไรเหมือนกัน ... และแสดงว่าคนที่ตนเคยมีเซ็กส์ก่อนหน้าที่ตนเป็นเอดส์ ก็มีโอกาสเสี่ยงด้วย


    ทางแม่เลี้ยงของคุณกร เมื่อทราบว่าคุณกรเป็นโรคเอดส์ ก็กล่าวว่า ตนตกใจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนที่เขาทรุดหนัก ๆ ตนคิดว่าเขาจะไม่รอดแล้ว เพราะน้ำหนักเขาเหลือ 40 กิโลกรัมเอง เดินไม่ได้ ใส่แพมเพิร์สตลอดเวลา แถมยังพูดจาเพ้อเจ้อ ไปหาหมอรักษาหลายเดือน ก็ไม่ดีขึ้นเลย อีกทั้งยังดื้อยาอีก ตนจึงพาเขาไปรักษาที่วัดพระบาทน้ำพุ... ซึ่งตนอยากจะบอกกับเขาว่า ตนเสียใจที่เขามาเป็นแบบนี้ แต่ตนก็ไม่ได้รังเกียจเขา ยังรักเขาเหมือนเดิม ส่วนกำลังใจของเขานั้น ดีมากเลยทีเดียว แต่กำลังของตนตอนนี้ไม่มีแล้ว


    นอกจากนี้ คุณกร ยังได้ตีแผ่เรื่องราวแวดวงของชาวเกย์ให้ฟังว่า... ตนใช้ชื่อทั้งหมด 3 ชื่อ ทั้ง กร, นัน, แม็ก ซึ่งนอกจากตนจะเที่ยวผับเที่ยวเทคแล้ว ยังมีอีกทีหนึ่งที่ชาวเกย์รู้จักกันดีนั้นก็คือ "โยโย่แลนด์" หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "ป่า" ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เป็นแหล่งของเกย์ที่ไม่มีคู่ และอยากได้คู่ เขาก็จะพากันไปยืนใต้ต้นไม้ในตอนดึก ๆ ไม่ใช่เป็นการขายตัว หรือซื้อตัว แต่เป็นการให้ฟรี ๆ ส่วนวิธีการก็ง่ายมาก แค่เดินไปจับของสงวนวัดไซส์ว่าชอบหรือไม่ ถ้าถูกใจก็สะกิดถามชื่อ แล้วก็พากลับบ้านเลย ไม่ก็มีเซ็กส์กันตรงนั้นในที่มืด ๆ เลย

    [​IMG]

    คุณกร ยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า ยังมีอีกทีหนึ่งที่นิยมไปนั้นก็คือสระว่ายน้ำ พอว่ายน้ำอยู่ เราก็จะเห็นเกย์ (ผีเห็นผี) เราก็จะกระพริบตา ส่งสายตาเชิญชวน จากนั้น เขาก็ว่ายดำน้ำลงมาลูบคลำเป้า ถ้าตกลงโอเคก็จะจูงมือกันไปห้องซาวน่า บางทีก็เข้าไปหลายคนทำเซ็กส์หมู่กัน ส่วนสติสูงสุดของตนคือการมีเซ็กส์หมู่ 9 คน

    ท้ายนี้ คุณกร กล่าวต่อว่า ที่ตนออกมายิ้มเล่าเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าตนไม่เศร้า แต่เป็นเพราะว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว และก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ตนเลยต้องทำใจและยอมรับ และอยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจเกย์ทั้งหลายว่า ควรจะป้องกัน อย่าคิดว่ามันไม่ติด อย่าคิดว่าไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ และอยากให้ไปตรวจเลือดซะ ก่อนที่จะแพร่เชื้อให้ใครไปมากว่านี้ ....

    "ผมอยากจะฝากบอกไปยังทุกคนว่า อยากทำอะไรให้ทำเลย อย่ารอเวลา อย่าคิดว่า เดี๋ยวอายุ 30 แล้วค่อยเก็บตังค์ ค่อยสร้างตัว เพราะเมื่อก่อนผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ เลยเอาแต่เที่ยว จนตอนนี้ผมเดินไม่ได้แล้ว มันสายเกินไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากขอบคุณ ทั้งคุณยาย คุณตา และแม่ ที่ยังรักผม และขอขอบคุณสังคมวัดบางบำหรุที่ยังให้โอกาสผม ในการเป็นครูสอนเด็ก ทำให้ผมพอมีอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้"

    เรื่องราวที่ได้นำเสนอในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ และเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนได้มากพอสมควรเลยนะคะ เรื่องโรคเอดส์ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้จัก และรับทราบถึงความร้ายแรงของมัน ถึงแม้ว่าจะมียารักษาได้ แต่ก็ไม่มียารักษาให้หายขาด อีกทั้งในทุกวันนี้สถิติตัวเลขของโรคเอดส์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ... แถมยังมีการแพร่ระบาดอย่างหนัก...

    ส่วนเรื่องราวของคุณกรนั้น เชื่อว่า เป็นสิ่งเตือนใจใคร ๆ ได้หลายคนเลยล่ะค่ะ ถ้ารู้จักป้องกันสักนิด เราก็จะไม่เสี่ยงต่อการติดโรคนี้อย่างแน่นอน...เซฟเซ็กส์เพื่อตัวเอง ก็ถือว่าเป็นการเซฟเซ็กส์เพื่อผู้อื่น และสังคมด้วยนะคะ

    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/lyzPWLZBR0A?version=3&feature=player_embedded allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

    เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ ในรายการตีสิบ ตอนที่ 1

    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/BPpdFoR6Tjs?version=3&feature=player_embedded allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

    เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ ในรายการตีสิบ ตอนที่ 2

    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/e65sa2StzFk?version=3&feature=player_embedded allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

    เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ ในรายการตีสิบ ตอนที่ 3

    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/fjdan1Da6bE?version=3&feature=player_embedded allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

    เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ ในรายการตีสิบ ตอนที่ 4

    <EMBED height=360 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/GWA4gBkUB5g?version=3&feature=player_embedded allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always">

    เปิดใจเกย์โรคเอดส์ มั่วเซ็กส์-แพร่เชื้อ ในรายการตีสิบ ตอนที่ 5

    ขอบคุณขอมูลจาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 เมษายน 2012
  2. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ขอบคุณครับที่ออกมาเตือน ขอให้คุณกรมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปครับ
     
  3. ...คนสู้กรรม...

    ...คนสู้กรรม... เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +967
    ดีแล้วครับที่กล้าออกมาตีแผ่ ถือเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่รักสนุกได้เป็นอย่างดี กรวยชัยนั้นราคากล่องละไม่กี่บาท ขอฟรีๆก็มีให้ที่สาธารณสุข หรือโรงพยาบาล แต่คนก็ไม่ค่อยจะชอบใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นชายรักหญิง หรือชายรักชาย แต่พอเจอปัญหาขึ้นมา มันแก้ไขอะไรไม่ได้เลย...
     
  4. aoyleo

    aoyleo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +99
    ขออนุโมทนา กับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์นี้นะค่ะ ขอให้มีความสุขความเจริญเทอญ
     
  5. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    ขอบคุณครับสำหรับอุทาหรณ์
     
  6. Jasmin99999

    Jasmin99999 วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    971
    ค่าพลัง:
    +3,331
    จดหมายจากคนทำงานเอดส์ถึงวิทวัส และตีสิบ
    [29 มีนาคม 2555]
    4
    28มีนาคม 2555

    ถึง คุณวิทวัส

    ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้ชมรายการตีสิบ ช่วง สนทนา ที่ออกอากาศไปเมื่อคืนวันที่ 27 มีนาคม 2555 ภาพรวมของช่วงสนทนาเป็นเรื่องราววิถีชีวิตทางเพศของผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายหนึ่ง ซึ่งในฐานะคนทำงานประเด็นเอชไอวี/เอดส์ ดิฉันมีความไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อการนำเสนอของรายการรวมถึงวิธีการตั้งคำถาม คำพูดต่างๆ ที่ใช้ในการสนทนาของคุณวิทวัส

    ความไม่สบายใจประการแรกคือ ความผิดเพี้ยนของข้อมูลเรื่องเอชไอวี/เอดส์ ทั้งในส่วนของแขกรับเชิญและคุณวิทวัสเอง โดยเฉพาะเรื่องยาต้านไวรัสที่บอกว่าเป็นยายืดอายุหรือชะลอความตาย ข้อเท็จจริงคือ ยาต้านไวรัสเป็นยาที่ใช้ควบคุมจำนวนเชื้อเอชไอวีในร่างกายไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ภูมิคุ้มกัน (CD4) ไม่ถูกทำลาย เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันก็จะไม่เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น โรคเชื้อราเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เหมือนที่แขกรับเชิญเคยเผชิญกับโรคนี้มาก่อน นั่นก็เพราะว่าระดับ CD4ของเขาต่ำมากนั่นเองค่ะ ดังนั้น ยาต้านไวรัสจึงเหมือนกับยาที่ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งไม่ใช่ยาชะลอความตายอย่างแน่นอน

    ความไม่สบายใจประการที่สอง คือ ทัศนคติเรื่องเรื่องเอชไอวี/เอดส์ ภาพรวมของรายการเมื่อคืนนี้ทำให้เห็นว่า เอดส์ เป็นเรื่องของคนเฉพาะกลุ่ม คือ กลุ่มเกย์ ซึ่งโดยข้อเท็จจริงคือ เอดส์ เป็นเรื่องของทุกคนที่ยังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับทุกคนและทุกครั้ง การนำเสนอเพื่อทำให้สังคมเห็นภาพว่าเอดส์เป็นเรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ของประเทศสูงขึ้น เพราะกลุ่มคนที่ไม่ได้มีรสนิยมทางเพศที่รักเพศเดียวกันก็จะคิดว่า “ฉันไม่เสี่ยง ไม่ต้องป้องกัน” นอกจากนี้ ตลอดการสัมภาษณ์ คุณวิทวัสใช้คำว่า “มั่ว” “สำส่อน”และเรียกผู้ติดเชื้อว่า “บุคคลอันตราย” ซึ่งคำเหล่านี้สร้างภาพเชิงลบให้คนทั่วไปรังเกียจคนที่ติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่มีนิยามแน่ชัดว่าพฤติกรรมแบบไหนที่เรียกว่า มั่ว หรือ สำส่อน และเอาเข้าจริงแล้ว การมั่ว/สำส่อน (ในนิยามที่คุณวิทวัสใช้) เป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีหรือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกันแน่ที่ทำให้มีโอกาสเสี่ยง

    ด้วยเหตุผลสองข้อที่กล่าวมา ดิฉันจึงไม่สบายใจอย่างยิ่งที่รายการตีสิบจะเป็นสื่อที่สร้างความเข้าใจผิดเรื่องเอดส์จนทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและเห็นว่าในฐานะคนทำงานเรื่องสื่อ คุณวิทวัสและทีมงานรายการตีสิบจะต้องทำการบ้านในประเด็นเนื้อหาที่จะออกอากาศทุกครั้งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความเป็นสื่อมวลชนและผู้ชมนับล้านที่เป็นแฟนรายการของคุณ

    ดิฉันเป็นคนทำงานรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเอดส์ในสังคมไทยซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยผลักดันประเด็นเรื่อง “เอดส์รักษาได้” เพื่อทำให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษา และรายการตีสิบสนใจที่จะนำเสนอเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่มีผลเลือดต่าง แต่เมื่อทางเราทราบว่าทางรายการจะเจาะเลือดโชว์ในรายการเพื่อพิสูจน์ว่าแขกรับเชิญ เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีจริง โดยที่ผู้ติดเชื้อเองก็มีผลการตรวจเลือดจากแพทย์ยืนยันว่ามีผลเลือดบวก พวกเราจึงขอยุติไม่ให้มีการบันทึกเทปรายการ เหตุการณ์นี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้ว ดิฉันจึงแปลกใจอย่างยิ่งว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทางทีมงานไม่ได้ทำความเข้าใจประเด็นเรื่องเอดส์ให้มากขึ้นเลย ทั้งๆ ที่รายการมีการนำเสนอเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ดิฉันไม่แน่ใจว่าคนดูจะได้สาระหรือความเข้าใจผิดจากรายการตีสิบกันแน่

    ติงมาเพราะรักในฐานะที่ได้ชมรายการของคุณวิทวัสอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่แฟนประจำถึงขนาดนั่งหน้าจอทุกครั้งที่มีการออกอากาศ แต่มั่นใจว่าดิฉันไม่เคยพลาดสักครั้งที่รายการมีการนำเสนอเกี่ยวกับประเด็นเรื่องเพศ เรื่องเอดส์ หวังว่าคุณวิทวัสและทีมงานจะตรวจสอบและมีความรับผิดชอบต่อการทำหน้าที่ในฐานะ “สื่อ” มากขึ้นกว่านี้ค่ะ



    ธิติพร ดนตรีพงษ์

    เจ้าหน้าที่งานรณรงค์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์





    http://www.thairath.co.th/column/ent/tv/251189
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...