เรื่องเด่น เกร็ดธรรม คำสอน "รู้" ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เสขะ บุคคล, 1 พฤษภาคม 2017.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,024
    12294923_1058644274168667_5259447920356669773_n.jpg


    - สิ้นชาติขาดภพ -

    พระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน สนทนาธรรมะขั้นปรมัตถ์กับหลวงปู่หลายข้อ แล้วลงท้ายด้วยคำถามว่า พระเถระนักปฏิบัติบางท่าน มีปฏิปทาดี น่าเชื่อถือ แม้พระด้วยกันก็ยอมรับว่าท่านเป็นผู้มั่นคงในพระศาสนา แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด ถึงขั้นต้องสึกหาลาเพศไปก็มี หรือไม่ก็ทำไขว้เขวประพฤติตนมัวหมองอยู่ในพระธรรมวินัยก็มี จึงไม่ทราบว่าจะปฏิบัติถึงขั้นไหนอีก จึงจะตัดวัฏสงสารให้สิ้นภพสิ้นชาติได้ ฯ

    หลวงปู่กล่าวว่า

    "การสำรวมสำเหนียกในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และสมาทานถือธุดงค์นั้น เป็นปฏิปทาที่ดีงามอย่างยิ่ง น่าเลื่อมใส แต่ถ้าเจริญจิตไม่ถึงอธิจิอธิปัญญาแล้ว ย่อมเสื่อมลงได้เสมอ เพราะยังไม่ถึงโลกุตตรภูมิ ที่จริงพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพียงแต่เจริญจิตให้รู้ในขันธ์ ๕ แทงตลอดในปฏิจจสมุปบาท หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาจิต มันก็จบแค่นี้ เหลือแต่ บริสุทธิ์ สะอาด สว่าง มหาสุญตา ว่างมหาศาล


    - อยู่อย่างไรปลอดภัยที่สุด -

    จำได้ว่าเมื่อปี ๒๕๑๙ มีพระเถระ ๒ รูป เป็นพระฝ่ายวิปัสสนากัมัฏฐานจากอีสานเหนือแวะไปกราบมนัสการหลวงปู่ แล้วสนทนาธรรมเรื่องการปฏิบัติ เป็นที่เกิดศรัทธาปสาทะ และดื่มด่ำ
    ในรสพระธรรมอย่างยิ่ง ท่านเหล่านั้นกล่าวย้อนถึงคุณงามความดีตลอดถึงภูมิธรรมของครูบาอาจารย์ที่ตนเคยไปพำนักศึกษาปฏิบัติมาด้วยเป็นเวลานานว่า หลวงปู่องค์โน้นมีวิหารธรรมคืออยู่กับสมาธิตลอดเวลา อาจารย์นี้อยู่กับพรหมวิหารเป็นปรกติ คนจึงนับถือท่านมาก หลวงปู่องค์นั้นอยู่กับอัปปมัญญาพรหมวิหาร ลูกศิษย์ของท่านจึงมากมายทั่วสารทิศไม่มีประมาณ ดังนี้เป็นต้น ท่านจึงมีแต่ความปลอดภัยอันตรายตลอดมา ฯ

    หลวงปู่กล่าว่า

    เออ ท่านองค์ไหนมีภูมิธรรมแค่ไหน ก็อยู่กับภูมิธรรมนั้นเถอะ เราอยู่กับ " รู้ "


    - สนทนาต่อมา -

    ครั้นเมื่อพระเถระทั้ง ๒ รูปได้ฟังคำพูดของหลวงปู่ว่า หลวงปู่ท่านอยู่กับ " รู้ " ต่างองค์ก็นิ่งสงบชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็เรียนถามหลวงปู่ต่อไปว่า อาการที่ว่าอยู่กับรู้ มีลักษณะเป็นอย่างไร ฯ

    หลวงปู่ตอบอธิบายว่า

    " รู้ " (
    อัญญา) เป็นปรกติจิตที่ "ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง."




    บางส่วนจากที่มา หลวงปู่ฝากไว้
    บันทึกคติธรรมและธรรมเทศนา
    ของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

    https://sites.google.com/site/smartdhamma/hlwng-pu-fak
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้ว.....หลวงปู่องค์ไหนครับ
    ที่สอนต่อมาว่า

    เมื่อพบผู้รู้....ให้ทำลายผู้รู้...
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้วเมื่อ ทำลายผู้รู้ ได้แล้ว

    ผู้รู้ จะเหลืออะไครับ....จะยังเป็นผู้รู้อยู่ หรือ กลายเป็นผู้ไม่รู้...ยังไงครับ
     
  4. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อยู่กับรู้ ไม่ได้แปลว่าเป็นผู้รู้นะพี่ คนละความหมายนัยกัน อาการฉวยเอามาเป็นตนมันไม่มีไง
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    งั้น ถ้าจะบอกว่า อยู่กับ...ไม่รู้ แทน...จะได้มั้ย
    เพราะ รู้ ก็เหมือน ไม่รู้
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    หรือจะบอกว่า อยู่กับรู้...แต่ไม่มีอะไร ไม่ยึดอะไร ไม่เอาอะไร ไม่มีกิริยาจิต

    งั้น ก็อยู่กับอะไรก็ได้ทั้งนั้นสิ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับรู้ก็ได้...ก็ต้องได้งั้นสิ
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อย่างงั้น จะบอกว่า
    อยู่กับกายใจ ...ก็ได้
    อยู่กับลม...ก็ได้
    อยู่กับ....ความอยาก กิเลสตัณหาของคนอื่น ...ก็ได้
    อยู่กับ..ชนชาวโลก..ก็ได้
     
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    พี่ลองดูนะ สิ่งที่พี่ว่าพี่ รู้ กับ ไม่รู้ น่ะ พี่เอาอะไรไปรับรู้มันอีกที แล้วการรับรู้แบบนี้ยังจะมีไม่รู้อีกไหม ถ้ามี ๆ ก็แสดงว่าเริ่มจมเข้าไปในโลกของสังขารต่อ แต่ที่ผมบอกนี่ ไม่ได้หมายถึงจะต้องหวงห้ามว่าให้ทรงตัวอยู่กับรู้นั้นตลอดเวลาให้ได้นะ มันแล้วแต่กำลังสติปัญญานะ ตบแต่งเอาไม่ได้ เป็นไปตามเหตุปัจจัย
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    หรือ ถ้าอ้างว่า อยู่กับรู้ ที่ ไม่มีอะไร ไม่ยึดอะไร แล้ว

    ก็ไม่จำเป็นต้อง เป็นพระ เป็นสมมุติสงฆ์ ไม่ต้องยึด ในพระธรรม ในพระพุทธเจ้า ก็ได้สิ...งั้นก็สึกออกมาเป็น คนธรรมดา...แต่จิตเป็นพระอรหันต์ ได้สิ ไม่แบ่งแยก ทางโลก ทางธรรม ไม่แบ่งแยกสมมุติต่างๆแล้ว
    ก็ในเมื่อ ไม่มีกิริยาจิต ไม่มีอะไร ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไร

    ออกมาอยู่เป็น มนุษย์ผู้ประเสริฐ ตาม มรรคแปด ก็ได้สิ
     
  10. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    สมาทานความไม่ประมาทเข้าไปด้วยครับ
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตอบมาแบบนี้ ก็แสดงว่า อยู่กับรู้แบบ ไม่ถาวรงั้นสิ มีขึ้น มีลง มีจม มีทรง
    งั้นก็ อยู่กับรู้แบบ ปลอมๆ งั้นสิ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เอามาทำไม ความไม่ประมาท
    ก็ รู้ อัญญา แปลออกมาแล้วว่า ไม่มีกิริยาจิต ไม่มีอะไร ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรอีกแล้ว....จะเอาความไม่ประมาท เข้ามา เพื่อประโยชน์สิ่งใด...ถ้า นิพพานแล้วจริงๆ
     
  13. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมจะไปอ้างว่า รู้ตลอดได้ยังไง แบบนั้นก็เป็นมุสา เอาเท่าที่พอสังเกตได้เท่านั้น
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    งั้นคุณ
    แล้วคุณ มาแย้ง แทน หลวงปู่ดุลย์ ทำไม...ถ้าตนเอง ก็ ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ว่า อยู่กับรู้ นั้น เป็นอย่างไร
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ก็ถ้าพี่ว่า พี่รู้หมดจบสามโลกแล้ว แล้วพี่ก็กินเหล้าเมาแอ๋อะไรแบบนี้ มันก็ประมาทนะสิครับ ก็คือรู้ไม่จริงไง มีใครที่ไหนเขาจะทำร้ายตัวเองให้เสียสติ อยู่อย่างหลงๆ อีก จริงมะ
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้ว มันจะเสียสติได้ อยู่อย่างหลงๆ ได้จริงมั้ย
    ถ้าถึงขั้น ไม่มีกิริยาจิต ไม่มีอะไร ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรได้ อีกแล้ว
     
  17. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ผมไม่ได้แย้งแทนหลวงปู่ท่านหรอก แต่ถ้าพี่ดูให้ดี คำถามที่พี่ถาม มันคนละนัยกับที่หลวงปู่ท่านบอก ใครก็น่าจะอ่านออก คำว่า รู้ กับ ผู้รู้ คนละความหมายกันอยู่แล้ว จริงไหมครับ
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    แล้วพี่ถึงขั้นนั้นไหมล่ะครับ แล้วทีนี้มีเหตุอะไรถึงต้องกิน ไปดูจุดนั้นก็จะน่ารู้ได้มั้งพี่ พี่น่าจะตอบตัวเองได้แล้วล่ะ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตอบได้สิ...
     
  20. สาสนี

    สาสนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +210
    รู้ กับ ผู้รู้ สองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันค่ะ

    รู้(อัญญา). เป็นสภาวะรู้ที่ว่าง นิ่ง สงบ บริสุทธิ์ เป็นธรรมชาติของจิตเดิม

    ผู้รู้ เป็นวิญญาณ. ที่รู้แจ้งในอารมณ์ เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้น. วิญญาณก็ย่อมตั้งขึ้นมา

    จิตนั้นว่าง สงบ. อยู่ หากเมื่อใดที่จิตหลงไปร่วมกับวิญญาณที่รูัอารมณ์ จิตที่หลงจะเกิดเป็นตัวกระทำขึ้น

    หากจิตระวังวิญญาณ เฉยอยู่ รูัอยู่ สงบอยู่ กายจะนิ่งเฉย ไม่มีอารมณ์ ไม่มีตัวกระทำ เมื่อจิตระวังวิญญาณผู้รู้ไม่หลงไปตามผู้รู้ เมื่อจิตรู้อยู่ธรรมะก็ไหลเข้าสู่กระแสจิต จึงไม่เกิดอารมณ์ ไม่มีตัวกระทำ

    รู้ และ ผู้รู้จึงแตกต่างกันอย่างนี้ค่ะ

    พบผู้รู้ ให้ทำลายผู้รู้ ก็คือ การดับวิญญาณ ในวงจรปฏิจจสมุปบาท ที่ทรงตรัสไว้เป็นขั้นสุดท้ายในการดับนามรูป

    ส่วนสภาวะรู้ (อัญญา) นิ่ง ว่างสงบ เห็นอยู่ รูัอยู่เท่านั้นเองค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...