เกี่ยวกับ ไสยศาสตร์

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 13 กรกฎาคม 2009.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,238
    เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวฉันเอง เมื่อปี 2494 ฉันอยู่กับสามีและแม่สามีกับบุตรอีก 3 คน อยู่ตลาดบางซอ อำเภอสองพี่น้อง จัดหวัดสุพรรณบุรี ตลาดบางซออยู่ริมแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำสุพรรณบุรี เพราะแม่น้ำสายนี้ สุดแล้วแต่จะผ่านถิ่นไหน เขาก็เรียกชื่อแม่น้ำตามถิ่นนั้น
    สมัยนั้น แม่น้ำสายนี้มีน้ำหลากมาท่วมทุกปี ชาวบ้านจะปลูกบ้านใต้ถุนสูง (ถ้าเป็นกรุงเทพฯเรียกว่าบ้านสองชั้น) ที่ตลาดบางซอก็เป็นถิ่นน้ำท่วม จะเริ่มท่วมจากเดือนสิงหาคม แล้วท่วมไปตลอดกันยายน จนถึง พฤศจิกายน
    พอถึงเดือนธันวาคมน้ำจะลดลงเรื่อย ๆ จนแห้ง เป็นอย่างนี้ทุกปี บางทีน้ำมากถึงกับท่วมพื้นบ้าน บ้านเตี้ย ๆ ต้องซื้อไม้กระดานมาปูทับพื้นบ้านให้พ้นน้ำพออยู่ได้จนกว่าน้ำจะลด

    สมัยนั้นมีเรือโดยสารของบริษัทสุพรรณ รับคนโดยสารตั้งแต่สุพรรณ รับคนโดยสารตั้งแต่สุพรรณบุรีไปตามแม่น้ำสุพรรณจนถึงสถานีรถไฟงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ถ้าจะไปสมุทรสาครหรือมหาชัย ก็ต่อเรือสายสุพรรณ ไปสมุทรสาครหรือมหาชัย เรือบริษัทสุพรรณมีหลายเจ้า

    ฉันอยู่ตลาดบางซอ ตลาดยกพื้นสูง ใต้ถุนตลาดคนเดินได้อย่างสบายบ้านในตลาดปลูกเป็นสองแถว แถวนอก หันหลังบ้านลงแม่น้ำ (ไม่ใช่ปลูกลงในแม่น้ำ) แถวในหันหลังบ้านออกชายทุ่ง หันหน้าบ้านประจันกับแถวนอกตรงกลางเป็นทางเดิน ยกพื้นทางเดินเตี้ยกว่าบ้านร้านค้าในตลาดราว 30 ซ.ม. เวลาฝนตกคนเดินในตลาดก็ไม่เปียกฝน เวลามีแดดก็ไม่ถูกแดด สบายทุกอย่าง น้ำก็บริบูรณ์

    ชาวบ้านต้องการของกินของใช้ก็ต้องไปซื้อที่ตลาด โดยมากจะใช้เรือพายไปทาง
    เดินมีแต่ไม่สะดวก
    ถ้าน้ำท่วมพายเรือลัดทุ่งถึงไหนถึงกัน น้ำไม่ท่วมก็เดินบ้าง พายบ้างตามสะดวก เล่ามาเสียยืดยาว แต่ถ้าไม่เล่าเดี๋ยวผู้อ่านจะไม่เข้าใจ เริ่มเรื่องไสยศาสตร์ ฉันเป็นคนถูกไสยศาสตร์หรือไสยเวทย์เอง เมื่อเดือนธันวาคม 2494 นั้น น้ำท่วมได้ลดลงบ้างแล้ว กลางคืนในราว 5 ทุ่ม ฉันได้เปิดร่องพื้นบ้านซึ่งใช้เป็นร่องลับสำหรับใช้หนีหรืออพยพลงพื้นดินเวลาฉุกเฉิน ถ้าน้ำท่วมก็ว่ายหนี่ได้ เมื่อฉันเปิดร่องขึ้น มีลมพุ่งปะทะตาข้างขวาของฉัน ฉันแปลกใจว่าลมอะไร แต่คิดอีกทีคงเป็นลมธรรมดา เดี๋ยวเดียวเท่านั้นมีน้ำตาไหลออกมา ฉันเอามือป้ายน้ำตารู้สึกว่าน้ำตานั้นเป็นน้ำเหนียว ๆ แปลกใจจึงรีบไปส่องกระจกดู ตอนนั้นบางซอไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียง ฉันยกตะเกียงขึ้นส่องดูหน้าเห็นเบ้าตา เขียวปั้ด นัยน์ตาแดงกล่ำ เหมือนถูกใครต่อยมา แต่ไม่เจ็บไม่ปวด ฉันก็เข้านอนไม่สงสัยอะไร ตอนเช้าตื่นมาตาก็ไม่เจ็บ ฉันคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไร แม่ของสามีมาเห็น จึงถามว่าไปโดนอะไรมา เหมือนกับโดนใครต่อยเบ้าตาอย่างนั้น ฉันก็เล่าให้ฟัง แม่ของสามีก็ไปพูดให้คนข้างบ้านฟัง คนข้างบ้านก็มาดูฉันแล้วพูดว่า สงสัยโดยไสยศาสตร์ที่ลอยมาตามลม คือผู้ที่เล่นไสยศาสตร์ พอถึงวันพระต้องปล่อยของลอยไปตามลม เพราะถ้าไม่ปล่อยของที่เล่นไสยศาสตร์ก็จะเข้าตัวเอง คนข้างบ้านเขาแนะน้ำให้ฉันไปหาพระอาจารย์ชุนหรือหลวงพ่อชุน เจ้าอาวาสวัดบางสาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบางซอเท่าไร

    พอสาย ๆ ของวันนั้น แม่ของสามี ได้จ้างเด็กรุ่น ๆ ช่วยพายเรือไปวัดบางสาม พายเรือลัดทุ่งเดี๋ยวเดียวก็ก็ถึง พลวงพอชุนท่านเก่งทางรักษาผู้ที่ถูกกระทำของ พอถึงวัดฉันขึ้นไปที่ท่าวัดได้พบพระสงค์รูปหนึ่ง จึงถามถึงหลวงพ่อชุน พระรูปนั้นได้บอกทางให้ฉันไป และได้เดินผ่านพระหลายรูป พระมองหน้าฉันอย่างแปลก ๆ คงคิดว่าฉันโดนสามีซ้อมมา ตายังกับเบ้าขนมครก ฉันเดินถึงกุฏิหลวงพ่อชุน กราบหลวงพ่อแล้วเล่าให้ฟัง ท่านก็ว่าฉันโดนของมา ของที่ว่าเป็นเพียงละอองเท่านั้น ที่พวกชอบเล่นไสยศาสตร์เข้าปล่อยมาตามลมตามแล้งไม่ได้เจาะจงจะทำใคร คนชะตาต่ำก็จะถูก บางคนถูกมากถึงแก่ความตาย ซึ่งคนรุ่นเก่าแก่เค้าเรียกว่าใส่เสื้อทั้งตัว เพราะเป็นหนังสัตว์เข้าห่อหุ้มทั้งตัว เมื่อถูกหุ้มตัวก็จะอยู่ได้ไม่เกิด 7 วันก็จะตาย เมื่อตายแล้วนำศพไปเผา ตรงที่ถูกของจะเผาไม่ไหม้ คนที่กล้าหรือสัปเหร่อบางคนเอาไปกิน เนื้อที่กินนั้นเป็นเนื้อสัตว์ไม่ใช่เนื้อคน เมื่อถูกเผาไฟแล้วเหมือนกับเนื้อย่างชวนกิน กินแล้วกันตัวได้ทุกอย่าง จะจริงหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่จะเชื่อ ส่วนฉันนั้นหลวงพ่อบอกว่าเป็นเพียงละอองเท่านั้น ท่านใช้ไข่ไก่ (ที่วัดเลี้ยงไก่) ที่ลูกศิษย์เก็บไข่ใหม่มาให้หลวงพ่อ 1 ฟอง หลวงพ่อให้ฉันนอนลง แล้วท่านก็นำไข่ไก่มากลิ้งที่เบ้าตาฉัน และสวดคาถากำกับไปด้วย กลิ้งอยู่ประมาณ 20 นาที
    แล้วนำไข่ไก่ออกมาเคาะใส่ชาม ไข่แดงนั้นเป็นรู้พรุนไปหมด ทั้งที่เป็นไข่ใหม่ เป็นรู้ไม่ต่ำกว่า 10 รู น่าแปลกมาก หลวงพ่อสั่งว่ารุ่งขึ้นให้ไปใหม่

    รุ่งขึ้นอีกวันฉันก็ไปพร้อมด้วยไข่ไก่ 1 ฟอง หลวงพ่อท่านก็ทำอย่างเดิมพร้อมทั้งท่องคาถาไปด้วย สักพักก็นำไข่ไก่ออกจากตามาเคาะใส่ชามอีก คราวนี้ไข่แดงมีรูอีก 2 รูเท่านั้น หลวงพ่อท่านบอกว่า ของที่ร้ายออกหมดแล้ว ยังเหลือที่ไม่ร้ายอีกนิดหน่อย ท่านสั่งให้กลับถึงบ้านแล้วเอาข้าวสารไปโม่ให้ละเอียด ตากให้แห้งเป็นแป้งไปให้ท่าน รุ่งขึ้นฉันก็เอาไปให้ท่าน ท่านก็ลงคาถาคาถาอาคมในแป้งและทำน้ำมนต์พอปั้นเป็นก้อนได้ แล้วเอาแป้งนั้นพอกลงที่เบ้าตานานสักครึ่งชั่งโมงก็เอาแป้งออกจากเบ้าตา แล้วจุดตะเกียง ฉันนั้นแกะแป้งเป็นชิ้นเล็กหาของผิดปกติในแป้งนั้น ปรากฏว่าในแป้งนั้นมีคนสัตว์สีต่าง ๆ มีสายสิญจน์เป็นท่อนสั้น ๆ ฉันเอาขนสัตว์กับด้ายสายสิญจน์ที่ติดอยู่กับแป้งเผาไฟ มีกลิ่นเหม็นมาก เมื่อขนในแป้งหมดแล้ว ถ้าแป้งแห้งมากเกินไปก็เอาน้ำมนต์ผสมอีกแล้วพอกตาอีกต่อไปในราวครึ่งชั่วโมงก็เอาแป้งออกจากตา หาขนสัตว์ สายสิญจน์ในแป้งนั้นอีก ทำอยู่อย่างนี้หลายวันจนหมดขนสัตว์และสายสิญจน์ จึงเลิกทำ และตาก็หายแดงหายช้ำ เป็นปกติอย่างเดิม

    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลที่ฉันประสบกับตัวเอง และฉันยังมีบุญอีก จึงได้หลวงพ่อชุนช่วยไว้ มิฉะนั้นอาจเสียตาไปข้างหนึ่ง หรือตายก็ได้
    หลวงพ่อชุนท่านก็ได้มรณะภาพไปแล้ว
    ฉันจึงได้เขียนมาเล่าสู่กันฟัง/-**-

    เกี่ยวกับ ไสยศาสตร์ครับ - ความเชื่อ,เรื่องลึกลับ - ชุมชนซอยซ่า เกมส์ เกม ฟังเพลง โหลดเพลง ดู he llo _car
     
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เขาเรียกคนดีผีคุ้มค่ะ มีหลวงพ่อมาช่วยไว้ทัน
     
  3. ฉันเป็นนางสาว

    ฉันเป็นนางสาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +37
    น่ากลัวนะ เพื่อนสนิทก้อเคยโดนเรื่องแบบนี้
    ใครไม่เจอกับตัวเองก็ไม่รู้ ว่ามันมีจริง
     
  4. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เขาถึงบอกไม่เชื่ออย่าลบหลู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...