เครื่องรางโชคลาภค้าขายรุ่งเรือง "หมูทองมงคล"พระครูปลัดบุญลือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย guawn, 10 สิงหาคม 2006.

  1. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    เครื่องรางโชคลาภค้าขายรุ่งเรือง "หมูทองมงคล"พระครูปลัดบุญลือ

    คอลัมน์ มุมพระเก่า

    สรพล โศภิตกุล



    [​IMG]ความนิยมใน " เครื่องรางของขลัง" ปัจจุบันดูเหมือนจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดูจากหนังสือ "เครื่องรางของขลัง" ที่จัดพิมพ์ออกมาได้รับความนิยมในหมู่ผู้อ่านเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น "รวมด้วยของขลัง" หรือ "เครื่องรางกับความรัก"

    วันนี้นำเครื่องรางของขลังแห่งโชคลาภค้าขายรุ่งเรือง มากล่าวถึง เป็นเครื่องรางของขลังในรูปของ "หมู"

    หมู นั้นเป็นปางหนึ่งของนารายณ์ที่อวตารมาเพื่อดับทุกข์เข็ญ เสร็จแล้วจึงเสด็จกลับไปยังไวกูณฐ์ การอวตารนี้บางตำราว่ามีสิบปาง บางตำราว่ามีสี่สิบปาง บางทีมีมากมายเหลือคณานับ แต่ที่นิยมนั้นเป็นปางสำคัญ สิบปาง ซึ่งเชื่อกันว่า พระนารายณ์ได้อวตารมาแล้ว 9 ปาง ยังเหลือปางที่ 10 ซึ่งจะทรงอวตารในอนาคตนี้

    ปางที่พระนารายณ์อวตารลงมาเป็น "หมู" นั้น เป็นปางที่ 3 ชื่อ วราหาวตาร มีความเป็นมาว่า

    กาลก่อนโพ้น โลกพื้นแผ่นดินหามีไม่ เพราะแผ่นดินจมหายลงไปใต้มหาสมุทร โลกทั้งหลายจึงอ้างว้างเปล่ามีแต่น้ำ ดังนี้

    โลกหลายมีแต่ธาร ทุกสถานท่วมท้น

    ปัถวีจมอยู่ก้น สมุทไท

    เมื่อโลกจมอยู่ใต้มหาสมุทร พระวิษณุหรือพระนารายณ์ใคร่จะเลี้ยงโลกให้มีความสุขเช่นกาลก่อน พระนารายณ์จึงทรงอวตารเป็นวราห์หรือหมูกายสีดำร่างใหญ่สิบโยชน์ สูง 100 โยชน์ เขี้ยวขาวแหลม แสงเนตรดั่งฟ้าแลบ มีควันออกจากกายตัว วราหาวตารออกท่องเที่ยวไปเพื่อหาแผ่นดินให้มนุษย์อยู่อาศัย ในที่สุดพบผืนแผ่นดิน วราหาวตารหมูใหญ่จึงเอาเขี้ยวขุดค้นแผ่นดิน บัดนั้น "หิรัณยากษะ (HIRANYAKSHA)" ยักษ์ร้าย จึงร้องห้ามมิให้ "หมู" อย่าขุดเอาแผ่นดินไปเพราะว่า ยักษ์ไม่ต้องการให้มนุษย์อาศัยในแผ่นดิน "หมู" จึงตอบว่า เจ้ายักษ์ร้ายชาติก่อนเจ้าเป็นนายทวารเฝ้าประตูพระวิษณุ ครั้งฤาษีมาเฝ้า ยักษ์ร้ายก็ทำการหยาบคาย จึงถูกฤาษีสาปไม่ให้เกิด ครั้นบัดนี้ถึงเวลาจะได้เกิดแล้ว อย่ามากีดกั้นขัดขวางทางเลย ขุนยักษ์หิรัณยากษะว่า เจ้าเป็นหมูมาอวดดีจะต้องสั่งสอนเจ้า

    ทั้งสองต่างเข้าต่อสู้กันเสียงสนั่นน่านน้ำ ในที่สุดขุนยักษ์หิรัณยากษะเสียท่าล้มลง วราหาวตารหรือหมูดำใหญ่จึงขวิดด้วยเขี้ยวทะลุทะลวงอก หิรัณยักษ์ตาย

    "เขี้ยวใหญ่ทะลุพ้น ทรวงยักษ์

    จนถับถึงหทัย ปรุด้วย

    โลหิตก็ทลัก พุ่งพลุ่ง

    และหิรัณย์มอดม้วย ชีพพลัน"

    วราหาวตาร หรือหมูดำใหญ่จึงเอาเขี้ยวขุดดิน แล้วชูขึ้นจากผืนน้ำ

    ทวยเทพ ฤาษีชั้นเทวโลก ก็ทูลอ้อนวอนวราหาวตาร ขอให้ยกแผ่นดินให้ปรากฏดังกาลก่อน คือ

    "วราหะเทพไท้ อวตาร

    ฟังมุนีทูลวอน เสนาะล้ำ

    ก็ยกแผ่นดินผ่าน พื้นสมุท

    วางฉับบนยอดน้ำ ตั่งขอ"

    แผ่นดินจึงปรากฏขึ้น หมูดำใหญ่ หรือวราห์ก็กลายรูปเป็นพระนารายณ์ เสด็จกลับคืนสู่ไวกูณฐ์สืบไป

    มีพระเกจิอาจารย์นิยมหยิบรูป "หมู" มาแกะทั้งจากเขี้ยวหมูป่า และจากกรามหมูป่า พระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งที่นับว่าโดดเด่นในเรื่องของ "หมู" คือ หลวงพ่อเณรน้อย หรือพระครูปลัดบุญลือ ชยากโร ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าไทรย้อย ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้นำกรามของหมูป่า ซึ่งเป็นหมูที่มีเขี้ยวตัน และเชื่อว่าเคยโดยนายพรานล่าใช้ปืนยิงแต่ไม่เข้า และได้ตายไปโดยธรรมชาติ

    จึงได้นำกรามของหมูป่าเขี้ยวตันนี้มาแกะเป็นรูปหมู ตรงใต้ฐานได้บรรจุตะกรุดทองคำ ที่ลงด้วยอักขระยันต์รัตนสูตร นำไปเลี่ยมกรอบพลาสติกพร้อมบรรจุน้ำมันทิพยโอสถลงไป มีลูกศิษย์ลูกหานำไปคล้องคอบูชา ปรากฏว่าทำมาหากินค้าขายกันรุ่งเรืองไปตามกัน

    แต่กรามของหมูเขี้ยวตัน เป็นของ "หายาก" ทั้งยังแกะได้ไม่มากมายนัก อีกทั้งยังได้บรรจุตะกรุดทองคำลงไปใต้ฐาน ลงอักขระยันต์รัตนมาลา อยากได้ไว้บูชาลองสอบถามพระครูปลัดบุญลือ ที่โทร. 0-1041-7760 หรือที่รัตนสุวรรณ โทร. 0-1720-0107

    โดยการสร้างในครั้งนี้ได้แกะเป็นรูปหมูนั่ง


    ที่มานสพ.ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...