เจอมากับตัวผมเอง! ที่วัดสามง่าม อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย poon-pan, 25 กรกฎาคม 2012.

  1. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    ผมขออนุญาติเล่าประสบการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเร็วนี้ครับเผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆครับ อย่างน้อยก็เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ จะได้ระมัดเนื้อระวังตัวให้ดีนะครับจะได้ไม่เป็นอย่างผมเอง (ค่อนข้างยาวครับ ขอให้อดทนอ่านหน่อยนะครับ)
    <O:p> </O:p>
    ...จุดเริ่มของเรื่องนี้เกิดจาก ลูกชายของผม ทางโรงเรียนที่เขาเรียนอยู่ พาไปเข้ารับการอบรมธรรมะที่วัดสามง่ามเป็นเวลา 2 คืน 3 วัน<O:p></O:p>
    ในวันที่สอง ผมและภรรยาได้ไปเยี่ยมลูกชายกันเพราะว่าวัดอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักมากนัก ไปถึงวัดช่วงเย็นก็ใกล้จะค่ำแล้ว นั่งรอลูกอยู่ก็นานจนมืด ก็เริ่มหงุดหงิดพานทำให้ปากเสีย นึกตำหนิวัดว่าไม่เรียบร้อย(เพราะมีการซ่อมแซม ปรับปรุงบริเวณวัดเนื่องจากเจอน้ำท่วมหนักพอควร) แถมยังเลยเถิดไปนึกตำหนิต่อว่ากับท่านเจ้าอาวาสอีกว่าท่านไม่เก่ง วัดเลยดูไม่เรียบร้อย ถ้าผมจำไม่ผิดน่าตำหนิอยู่ในใจจนถึงกับเอ่ยปากออกมาเป็นคำพูดกับภรรยาและพอหลังจากที่พูดกับภรรยาเสร็จก็ได้สติ นึกขึ้นมาได้ว่า สงสัยคราวนี้ลูกชายต้องโดนอะไรสักอย่างเป็นแน่ เพราะว่าเราปากเป็นอกุศลซะแล้ว ก็เลยหยุดวิจารณ์ทันที ตอนขับรถกลับบ้านก็ยังนึกเลยว่า สงสัยว่าลูกคงต้องโดนลงโทษแน่ <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ลูกชายอยู่วัดที่วัดสามง่าม ตามกำหนดแล้วเด็กนักเรียนจะต้องนั่งกลับรถโรงเรียนหลังจากกินข้าวเที่ยงกันเสร็จ แต่ก่อนที่เด็กๆรวมทั้งลูกชายของผมจะกินข้าวกลางวันกัน แฟนผมก็โทรมาหาผมที่โต๊ะทำงาน ผมก็จับน้ำเสียงของแฟนได้ว่า สงสัยว่าคงจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายที่ยังอยู่ที่วัดอยู่ ส่วนตัวผมเองนั้นก็ไม่ได้มีอาการตื่นตะหนกตกใจอะไรมากนัก เพราะในใจนั้นคิดอยู่แล้วว่า ลูกคงต้องโดนแน่ ! ซึ่งก็โดนจริงๆซะด้วยคือครูที่ดูแลแจ้งมาว่าลูกชายไปจับเอาตัวต่อเข้าเลยโดนต่อยจนนิ้วมือบวม (ตอนที่รู้จากครูก็ยังนึกว่า เอ๋ !ทำไมลูกชายมันช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยอยู่ดีๆ ไปจับตัวต่อเล่นทำไมวะ ทั้งๆที่เรียนอยู่ถึงชั้น ป.6 แล้ว)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ผมกับภรรยาก็เลยขับรถจากที่ทำงานไปรับลูกที่วัดสามง่ามกันตอนเที่ยง ไปถึงก็พูดคุยกับลูกเลยได้ความว่า ตอนที่ลูกชายกำลังเข้าแถวอยู่ข้างๆอุโบสถ ก็มีอะไรก็ไม่รู้ตกลงบนหัว เขาก็เลยเอามือปัดออกและรู้สึกว่าตอนที่เอามือไปปัดนั้นก็เจ็บที่มือ ก็เลยเห็นตัวต่อมันต่อยที่นิ้วมือ โดยส่วนตัวนั้นผมเองค่อนข้างเชื่อว่า ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นหรอกเพราะว่าเด็กเป็นร้อยสองร้อยคน แต่ไม่เห็นมีใครโดนกันสักคนแต่ลูกชายผมโดนอยู่คนเดียว น่าจะไม่ธรรมดาแล้วกับวัดสามง่าม ก็เลยตั้งใจว่าจะนำธูปแพเทียนแพพร้อมดอกไม้มาขอขมาต่อหลวงพ่อและสถานที่แห่งนี้ ตอนเกิดเหตุก็ประมาณวันที่ 2 มิ.ย. 55 ก็ยังไม่ได้ไป <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    จนเมื่อผมเอาเหรียญของหลวงพ่อไวพจน์ที่ได้รับแจกตอนทำบุญกฐินกับโรงเรียนที่ลูกชายเรียนอยู่ให้พระอาจาย์ของผมดูทางสมาธิ (เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ) ท่านบอกว่า "หลวงพ่อไวพจน์นั้นใสมาก ไม่ธรรมดา ให้รีบไปขอขมาเร็วหน่อยก็ดี " พอผมได้ยินท่านว่าไว้ยังงั้น ผมก็เรียนกับท่านไปว่าวันเสาร์หลังจากผมขับรถไปส่งพระอาจารย์ผมกลับต่างจังหวัด(วันนั้นเป็นวันเสาร์) ผมก็จะไปขอขมาหลวงพ่อไวพจน์ แต่หลังจากไปส่งท่านที่หมอชิต พอผมกลับถึงบ้านก็ล้มตัวนอนก่อนก็นึกผลัดไปอีกว่าเดี๋ยววันพรุ่ง(วันอาทิตย์ )ค่อยไป พอมาถึงวันพรุ่ง(อาทิตย์)ก็ยังไม่ยอมไปอีกเพราะลูก สองคนอยากไปเตะบอลในหมู่บ้านกัน ก็เลยพากันไปเตะบอลทั้งครอบครัวสี่คน จำได้ว่าเตะบอลตอนประมาณ 5 โมงเย็น เตะบอลกันได้พักใหญ่ เจ้าลูกชายมันไม่รู้ทำอีท่าไหน ทั้งๆที่เล่นตำแหน่งประตู (โกล์หนู ) กลับหัวทิ่ม ปากจูบกับพื้นสนามหญ้าซะอย่างงั้น เหงือกแตกเลือดไหลออกมาผมก็ยังงงอยู่เลย มันล้มยังไงฟะเนี่ย ในใจตอนนั้นมันก็ยังคิดถึงเรื่อง "ว่ายังไม่ได้ไปขอขมาหลวงพ่อวัดสามง่ามเลย" ไม่รู้เป็นเพราะอันนี้หรือเปล่า เลยตัดสินใจว่าเลิกเล่นแล้วและก็ไม่สนใจว่ามันจะเป็นสาเหตุอะไร ก็เลยพากันไป ขอขมาหลวงพ่อกันที่วัดสามง่าม ไปถึงคนที่วัดก็บอกว่า "หลวงพ่อท่านเข้าไปในกรุงเทพฯไปเจริญมนต์ให้เจ้าฟ้าชาย เพิ่งไปเมื่อกี้เอง " ไอ้เราก็เซ็ง คิดว่าเมื่อกี้ถ้าไม่ไปเตะบอลกับลูกเราก็คงได้เจอหลวงพ่อและก็ได้ขอขมาเสร็จไปแล้ว <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    มาถึงตอนนี้ผมก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขซะแล้ว แต่ก็ยังดีที่ท่านรองเจ้าอาวาสได้ให้เบอร์ของหลวงพ่อไวพจน์มาให้ ผมก็เลยโทรเข้าไป แต่เป็นฝากข้อความ ตอนนั้นก็เข้าใจว่าท่านกำลังเจริญมนต์อยู่คงไม่สะดวกรับ แต่คิดว่าถ้าท่านเจริญมนต์เสร็จเดี๋ยวท่านคงโทรกลับมาแน่ ( ตอนไปเยี่ยมลูกที่วัดในวันที่ปากเสียนั้น ผมก็เห็นท่านเดินมาดูแลเด็ก ๆ แวปนึง เห็นท่านท่าทางใจดีมาก ) ผมก็มีความมั่นใจว่าท่านใจดีคงไม่ว่าอะไรหรอกถ้าจะขอไปพบท่านที่วัดหลังจากท่านกลับจากวัดยานนาวา<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    พอสามทุ่มเศษๆ ท่านก็โทรกลับมา ผมก็เลยเรียนท่านไปถึงความตั้งใจที่จะขอเจอท่าน ท่านกลับยังเป็นห่วงผมเลยว่า มันจะดึกเกินไปสำหรับตัวผม แต่ผมก็เรียนท่านไปว่า "บ้านผมอยู่ใกล้ไม่มีปัญหา" ท่านก็เลยบอกว่า "ประมาณ 4 ทุ่มท่านจะถึงที่วัดสามง่าม" ผมก็ไปรอท่านที่วัดสามง่าม ประมาณสี่ทุ่ม ตามที่ท่านบอกไว้ ตอนไปรอท่านก็รออยู่นานเหมือนกัน ก็รู้สึกว่าเอ๊ะ! ทำไมท่านยังมาไม่ถึงอีก ไม่รู้เป็นอะไรไปหรือเปล่า ผมก็โทรไป ท่านก็บอกผมมา ผมก็ถึงกับอึ้งไปเลยว่า โอ้โห !แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามันยากจริงแหะที่จะได้ขอขมาต่อท่าน เพราะว่ารถตู้ที่ท่านนั่งไปกับประสบอุบัติเหตุโดนรถแท็กซี่ขับตัดหน้า ทำให้รถตู้ชนท้ายรถแท็กซี่ ท่านบอก "กำลังรอประกันอยู่ให้ผมรอต่อไป"ตอนที่ผมโทรไปหาท่านก็สี่ทุ่มครึ่งกว่าแล้ว<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ผมก็รอท่านต่อ รู้สึกว่ารอนานมาก เวลาประมาณห้าทุ่มครึ่ง จนท่านโทรมาบอกว่า "คนขับรถแท็กซี่ไม่ยอมรับผิด ต้องไปเจรจาที่โรงพักต่อ" ตอนนั้นผมก็ได้แต่นึกว่า ถึงกับต้องไปโรงพักเลยหรือนี่ คืนนี้จะได้ขอขมาหรือเปล่าว่ะเนี่ย ชักหวั่นๆใจ แต่ในตอนนั้นก็นึกว่ายังๆก็ไม่ถอยหรอกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะดึกถึงไหนก็ต้องรอขอขมาให้ได้ ตอนนั้นก็นึกอยู่เท่านั้นยังยังไงก็ไม่ยอมกลับบ้านหรอก ถ้ายังไม่ได้ขอขมาต่อหลวงพ่อ จนถึงเที่ยงคืนเศษๆ ท่านก็นั่งรถเก๋งของวัดลูกศิษย์ท่านมาถึงที่กุฎิ ผมก็เลยได้ขึ้นไปขอขมาต่อท่าน ท่านก็มีเมตตามาก ขนาดไปทำธุระมาก็ยังต้อนรับยินดีให้ผมได้ขอขมาลาโทษตอนเที่ยงคืนเกือบครึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...