เจ้าอาวาสวัดสามแยกเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.น้ำหนาวแล้ว [06-08-2551 | 19:40 น.]

ผมเห็นด้วยกับคุณนักธรรมเอก ครับ

วันนี้ได้ชมรายการ ตามรอยพระพุทธเจ้า ทางสถานี ไทยพีบีเอส เห็นว่าในอินเดีย มีศาสนาเชน ลัทธิฑิฆัมพร นักบวช นุ่งลมห่มฟ้า เพราะไม่อยากจะยึดติดในวัตถุ ผมว่า ถ้าเช่นนั้น ก็ย้ายศาสนาไปเลยล่ะกัน ไปเป็นลัทธิทิฆัมพร นุ่งลมห่มฟ้า แทน แบบนั้นสิ ไม่ยึดติดวัตถุใด ๆ เลย ผ้าเหลืองนั้นมีให้สงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ ไว้ครองนะครับ....เจ้านาย

 

ถามเอง.......
ตอบเอง.......

จะไปกล่าวหาใครว่าไม่ฟังคนอื่นไม่ได้นะครับ
จริงๆแล้วถ้าให้ดีต้องตั้งคำถามก่อนแล้วคนเข้ามาตอบไม่ถูกใจก่อนและค่อยเหน็บจะเวิร์คกว่าครับ

และคำตอบที่ว่า อเวจี คำนี้ มันคือผลลัพธ์ครับ ไม่ใช่วิธีรักษา
ถามเอง ยังตอบไม่ตรงกับคำถามเองอีกนะครับ

 

ไตรจีวร พระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาติครับ
พระพุทธรูป ท่านทรงตำหนิครับ.......คนละเรื่องครับ

 

อิอิ ไม่ได้ตอบ แค่แสดงความคิดเห็น

แล้วคุณรู้ผลลัพธ์ ซะเลย ^_^

 

นับถือ พระรัตนตรัย นั้นถูกต้องที่สุด
แต่การที่จะเข้า ถึงพระนิพพาน อย่างแท้จริง
ไม่ใช้การ ท่องจำ พระไตรปิฏก ได้
แต่ทางสายตรงแห่งนิพพาน ที่คุณบอกว่า ไม่อยาก แวะข้างทางก็คือ

การเจริญ มหาสติปัฏฐาน4 เท่านั้น

ไม่ใช้การท่องจำพระวินัยได้ทั้งหมด

สำรวจดูจิจ ดูใจของเราให้ดีว่า

ราคะ โทสะ และ โมหะ ยังเต็มอยู่ในหัวใจหรือไม่(อย่าโกหกตัวเอง)

ใครด่า ว่าเรา หรือ แสดงออก เอาไม้ตีเรา ทำลายคนที่เรารัก---------> เราโกรษไหม
เรายังอยากได้บ้าน อยากให้คนรัก อยากให้คนเข้าใจ อยากให้คนชม ยินดีที่คนชม
ไม่ยินดี เมื่อมีคน ตำหนิ มองดูดารา สวย หล่อ เห็นคน หน้าตาดี เดินผ่าน แฟนงอน งุดงิด
พ่อแม่ ดุด่า เพื่อนนินทา คนรอบข้าง ไม่ชอบหน้า
------>รู้สึกอย่างไรบ้าง

ทุกอย่างที่ว่านี้ ลดลง หรือหมดไปได้ ด้วยการ เจริญมหาสติปัฏฐาน4
ใช้การท่องจำ พระวินัย พระไตรปิฏกได้

 

ถูกครับ.... ทางเข้าถึงพระนิพพานที่แท้จริงมิใช่การท่องจำพระไตรปิฏก

และพระไตรปิฏกพระองค์ท่านก็มิได้มีไว้ให้อ่านแล้วท่องจำ
แต่พระไตรปิฏกท่านมีไว้ให้อ่านและทำความเข้าใจ และ นำความเข้าใจนั้นมาปฏิบัติครับ

 

แม้แต่หลวงปู่เกษม ผู้ที่สอนให้เราชาวพุทธมาสนใจพระไตรปิฏก
ท่านก็ท่องจำไม่ได้หมด ทุกคำ ทุกตัวอักษร หรอกครับ

 

ถ้าผมจำไม่ผิด
การสร้างพระพุทธรูป เริ่มมาจาก พระมิลิน กับ พระนาคเสน มิใช้หรอครับ
แล้วพระไตรปิฏก ในหลายๆเรื่องก็ยกมาจาก การสนทนากัน
ระหว่าง พระมิลิน กับ พระนาคเสน
ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มเรื่อง พระพุทธรูป

 

เปรียบไปก็เหมือนคนสวดมนต์ จำมนต์ได้น่ะครับ
ท่องได้ จำได้
แต่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ความหมาย
แล้วจะท่องจำไปทำไมครับ

แต่เดี๋ยวโพสต์นี้ขึ้นก็มี ผู้กล่าวว่า ถึงไม่เข้าใจแต่ท่องมนต์ได้ จำมนต์ได้ก็ยังเป็นอุบายให้สงบจิต สงบใจก็ยังดี แต่ถ้า ตอบแบบนี้แล้วก็ไปขัดกับหลักการคุณ YUT_KOPนะครับ

ส่วนตัวผมเชื่อในหลักการคุณ YUT_KOPครับที่ว่า

ทางเข้าถึงพระนิพพานที่แท้จริงมิใช่การท่องจำ

 

คุณYUT_KOP เข้าใจถูกต้องแล้วครับมาจากเรื่องนั้นแระครับ

และ พระมิลินตอนแรกก็ไม่ได้นับถือ พุทธ
ตอนหลังก็มาเลื่อมใส เข้าใจ และก็ริเริ่มสร้างในประวัติศาสตร์กรีกก็มีครับ
หาอ่านดูครับเกี่ยวกับเรื่องที่มาของพระพุทธรูป
และท่านก็เป็นพวกชาวกรีกในสมัยนั้นครับ

 

พระไตรปิฏกมีให้อ่าน ไม่ใช่เพื่อท่องจำ ครับ
พระไตรปิฏกมีให้อ่าน เพื่อทำความเข้าใจ ครับ

อ่านรอบเดียวไม่ค่อยเข้าใจ อ่านสองรอบก็เข้าใจมากขึ้น อ่านหลายๆรอบก็เข้าใจมากๆๆๆขึ้น ไม่ต้องไปจำหรอกครับ

 

ออกทะเลกันไปใหญ่แล้ว
เอาอัตตาคุยกัน ไม่รู้เรื่องหรอก มีแต่พินาศไปทั้งสองข้าง


และผมก็ยังเชื่ออีกว่า ธรรม เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า

>>ไม่คัดค้าน

มิได้เชื่อว่า พระพุทธรูป เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า

>>ไม่คัดค้าน

>>แต่ที่คนไม่ยอมรับคือ ทำร้าย ทำลาย กระทำสิ่งไม่สมควรต่อพระพุทธรูป อันเป็นสิ่งที่เขาบูชา มันเจ็บที่ใจ

>>ตัวผมก็ไม่ได้ห้อยพระเครื่องเพราะสำนึกรู้สึกได้เองว่า พระอยู่ที่ใจเพราะระลึกถึงทุกวัน >>แต่ยังอาศัยรูปที่สมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้าอยู่และพยายามนึกว่าหากปัจจุบันกำลังเจ็บปวดกำลังจะตายต้องนึกภาพสมมตินี้ให้ได้ เพราะเชื่อว่าขณะที่จิตขาดจากกายก็จะไปตามแรงเหวี่ยง อย่างน้อยเป็นฌานก็ไปเกิดเป็นพรหม ผมเชื่ออย่างนี้ กลัวนรกครับเพราะอดีตผิดศีล5ไว้เยอะเหมือนกัน
คุณ paranyu คิดยังไงกับการปฏิบัติสมาธิครับ
เคยสนทนาธรรมกับพระเกจิอื่นๆไหมครับ
เคยเจอแบบที่คิดอะไรแล้วท่านพูดดักหน้าคำเดียวอึ้งไป เลยไหม คำถามที่เตรียมจะถามมากมายหมดความหมายไปทันที ตอบสั้นและตรง ไม่ยืดเยื้อและไม่มีข้อโต้แย้ง
ได้เลยไหมครับ

 

การอ่านและอ้างพระไตรปิฎกแล้วตีความ นั้นคือมาจากสัญญา หาใช่ปัญญาไม่
แม้กระทั่งคำว่า "รูป" ในการอ้างนั้น ยังหมายความจำกัดเพียงแค่ การเห็นภาพ

แท้จริงแล้ว รูปในขันธ์ 5 นั้น หมายความครอบคลุม สิ่งที่อายตนภายใน จับหรือ รับรู้ไว้ได้ ทั้งหมด

กล่าวคือ รูป ย่อมหมายถึง เสียง กลิ่น รส การสัมผัส เรื่องราว ต่าง ๆ ด้วย
การไม่ยึดติดในรูป จึงรวมถึงการไม่ยึดติดใน เสียง กลิ่น รส การสัมผัส เรื่องราว ต่าง ๆ ด้วย

แล้วทำไม สาวกทั้งหลายจึงยัง โต้แย้ง อ้างอิงแต่ รูป

ไม่บ่งบอกถึงปัญญาที่น้อมไม่ยึดติด ใน รูปทั้งหลาย อย่างแท้จริงเลยนี่

แสดงถึง ที่ผ่านมา เป็นเพียงการใช้เพียง ความจำ คือ สัญญาล้วน ๆ

 

คำถาม
1.ปฏิบัติ อย่างไร ในสิ่งที่คุณเข้าใจครับ
2. พระไตรปิฏกที่ ตรง แท้ แน่นอน แท้จริง คืออะไร ใช้ที่ประเทศไทย ใช้อยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช้ แล้วตรงไหน คือ พระไตรปิฏกฉบับถูกต้อง ที่จะนำมา ปฏิบัติ
3.ทางสายกลาง แท้จริงแล้ว คือสิ่งใด
4.เราๆท่านๆ ท่องได้เสมอว่า อริยสัจ4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรษ และ มรรค
แต่ทำไม ทำไม่ได้เหมือนท่อง แล้วต้องปฏิบัติ อย่างไรให้ได้
5.เหตุใดเราต้อง ดูแล ธาตุขันธ์ที่ไม่เที่ยง ที่ไม่ใช้ของเรา ที่เป็นเพียงกองขยะ
6.สมมุติ มีไว้ทำไม บัญญัติ ของสมมุติ เช่น ชื่อ นามสกุล มีไว้ทำไม
7สมมุติ บัญญัติไว้แล้ว แล้วสิ่งนั้นใช้แทน กับสิ่งที่สมมุติ ได้หรือไม่


ผมบอกวิธีที่คุณจะรู้คำตอบไว้แล้วนะครับ......ถ้าคุณสนใจถามเพราะว่าอยากรู้คำตอบจริงๆ

พระไตรปิฏกมีให้อ่าน ไม่ใช่เพื่อท่องจำ ครับ
พระไตรปิฏกมีให้อ่าน เพื่อทำความเข้าใจ ครับ

อ่านรอบเดียวไม่ค่อยเข้าใจ อ่านสองรอบก็เข้าใจมากขึ้น อ่านหลายๆรอบก็เข้าใจมากๆๆๆขึ้น ไม่ต้องไปจำหรอกครับ
คนที่อ่านแล้วจำเป็นต้องท่องจำเพื่อจะเอาไว้อ้างอิงในการสอนผู้อื่น
แต่สำหรับเราๆท่านๆ อ่านให้เข้าใจก็พอไม่จำเป็นต้องจำหรอกครับ
คุณอ่านตามที่บอก คุณได้คำตอบแน่ครับ


<!-- / message --><!-- sig -->

 

ร้อยถ้อยถ้วน ถกเถียง มิสิ้นสุด
ไม่ยอมหยุด วาจา นำปัญหา
นี่น่ะหรือ คือบุคคล ใฝ่ปัญญา
สร้างปัญหา นั่นหรือ คือคนดี

พอเสียที ที่นำคำ มาถกเถียง
ใครเอนเอียง ที่ข้างใด ก็ปล่อยเขา
จงเตือนตน แต่ตน เพียงตัวเรา
คนอื่นเขา เป็นเช่นไร ปล่อยเขาไป

 

ผมกราบไหว้พระพุทธรูป เพราะทำให้ใจผมน้อมระลึกถึง พระองค์ มันก็ตรรกะง่ายๆ แค่นั้นไม่เห็นจะมีอะไรสลับซับซ้อนเลย ผมไม่ได้กราบไหว้ทองเหลืองเพราะคิดว่าสิ่งนี้เป็นพระพุทธเจ้าสักหน่อย แต่ไปทำให้เรื่องมันยุ่งยากซะงั้น และผมคิดว่าคนทั่วไปก็คิดเช่นผม คงจะมีน้อยคนที่นึกว่าทองเหลืองที่ปั้นเป็นรูปสมมติพระองค์ คือ พระุพุทธเจ้า การที่ไม่กราบไหว้พระพุทธรูปแล้วนึกถึงแต่พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่กราบไหว้พระพุทธรูป เพราะเขาก็คิดเช่นนั้นดุจเดียวกัน เพียงแต่แค่เขาเอารูปจำลองที่สมมุติเป็นองค์พระพุทธเจ้ามาเป็นสื่อ เพื่อระลึกถึงพระองค์ก็แค่นั้น ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนกลับจะดีเสียอีก เพราะตาเห็นรูป ซึ่งง่ายต่อการน้อมใจระลึกถึง เห็นแล้วเกิดแต่ความรู้สึกดีๆ เจริญตา เจริญใจ เพราะใจน้อมระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คนเฒ่าคนแก่ หรือ เด็กๆที่อ่านหนังสือยังไม่ออก ก็เข้าใจได้ เป็นสื่อจากใจถึงใจ ของผู้ที่ตั้งใจสร้างเพราะสำนึกในบุญคุณพระองค์ ให้คนทั่วไปได้ร่วมอนุโมทนา และสัมผัสได้ในกระแสแห่งกุศลกรรมดี สรุปว่ามีแต่สิ่งดีๆทั้งนั้น มันอยู่ที่มุมมองของคนมอง ถ้ามองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเสพติดในรูป ก็อาจจะมองเป็นอย่างงันได้ แต่ผมว่าในด้านที่เป็นคุณ มีเหนือกว่ากันอย่างเทียบไม่ได้ เป็นดุจสะพานที่ทอดให้คนข้ามไป สู่พระธรรมที่สูงยิ่งๆขึ้นไปจนหลุดพ้น นั่นเป็นส่ิงดีๆของการมีพระพุทธรูป ผมคิดว่างั้นนะ

 

กุสินารา

สังเวชนียสถาน 4 ตำบลในอินเดีย
ที่เมืองกุสินารา พุทธศาสนิกชนไม่ว่าชาติใด ให้ความเคารพกราบไหว้องค์พระพุทธปรินิพพานกันทุกคน ในฐานะแทนองค์พระบรมศาสดาค่ะ

ขออนุโมทนา กับวิญญูชนทั้งหลายค่ะ

 

ตั้งลัทธิใหม่ไปเลยดีไหม เรื่องมันจะได้จบๆไปไม่ต้องมาเถียงกันอีก

เพราะพระเกษมทำตัวแปลกแยกจากพระปรกติเอามากๆ

สอนก็เพี้ยน แถมดื้อรั้นไม่ฟังใครด้วย

พระไทยต้องปลุกเสกของขลังเป็นนะwoi ถึงจะถูกใจวัยรุ่นเฟ้ยยย

พวก จาตุคาม พระขุนแผนอ่ะ รู้จักไหม

พระไทยต้องทำพิธีกรรมต่างๆได้

สวดมนตร์สะเดาะห์เป็น พรหมน้ำมนตร์ให้ชาวบ้านได้

ถ้าทำอะไรไม่เป็นเลย
-- ดีแต่โม้ว่า ถอดจิตไปสวรรค์ชั้น7 มาใครจะไปเชื่อ
เพราะทำอะไรก็ไม่เป็น สักอย่าง

-- สามารถปลุกเสกพระขลังๆได้เปล่า

-- เก่งจริง ปลุกเสกหัวปลี ให้เป็นกระต่ายตัวขาว น่ารัก แบบหลวงปู่ศุข ให้ดูหน่อยสิ

สิโม้แน่ๆ ขี้โม้ ขี้จุ๊ ไม่เชื่อ โม้มากกกกกกกก โอเวอร์ คะ