เชื่อไหม ทำบุญโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท บุญกริยา ๑๐

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย คนกลียุค, 18 ธันวาคม 2006.

  1. คนกลียุค

    คนกลียุค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +620

    พูดถึงการทำบุญทำทาน
    นับว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในพระพุทธศาสนา
    เพราะทานหรือการให้เป็นบาทฐานของศีลและภาวนา
    ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างบุญกุศล

    ปัจจุบันนี้คนมักจะอิดออดว่าไม่มีเวลาทำบุญ
    (แต่มีเวลากินเหล้าสังสรรค์
    เล่นไพ่
    นั่งเม้าท์นินทาผู้อื่นหรือแม้แต่เอาเวลาว่างไปนั่งวางแผนชั่วร้ายในการเบียดเบียนผู้อื่น)
    ไม่มีโอกาสทำบุญ(แต่ไม่แสวงหาและละทิ้งโอกาสอย่างน่าเสียดาย)
    ไม่มีเงินทำบุญ(บางคนก็ยากจนจริงๆ
    อันนี้เข้าใจแต่บางคนตระหนี่เกินจะสละทรัพย์สมบัติได้)คำกล่าวอ้างต่างๆนี้เป็นเพียงขอแก้ตัวหรือความไม่รู้ไม่เข้าใจในการทำบุญ
    แท้จริงแล้วการทำบุญสามารถทำได้ทุกขณะจิตทุกเวลา
    ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็สามารถได้บุญมากมาย
    บางครั้งอาจจะมากกว่าเงินล้านที่บางคนทำเสียอีก
    มาดูกันซิว่าการทำบุญนั้นสามารถทำได้อย่างไรบ้าง
    ซึ่งพระพุทธองค์ได้แบ่งการทำบุญออกได้สิบวิธีเรียกว่า
    บุญกริยาสิบ
    อันมีรายละเอียดดังนี้
    ๑. ทานมัย
    คือการทำบุญด้วยการให้สิ่งของ
    เงินทอง
    สร้างโบสถ์
    สร้างศาลาทอดกฐิน
    ทอดผ้าป่า
    จะทำสักเท่าไรก็มีอานิสงส์น้อยกว่าสีลมัย
    ๒. สีลมัย
    คือการทำบุญด้วยการรักษาศีลให้สะอาด
    บริสุทธิ์
    ต่อให้สร้างโบสถ์สักกี่หลังก็ได้บุญน้อยกว่าคนถือศีลแต่ไม่เคยสร้างโบสถ์
    ส่วนการทำบุญที่ได้บุญมากกว่าการถือศีลคือการเจริญภาวนา
    ๓.
    ภาวนามัย
    คือการทำบุญด้วยการเจริญภาวนา
    นั่งสมาธิ
    ปฎิบัติกัมมัฎฐาน
    แต่มิได้หมายความว่าคนไม่ถือศีลจะภาวนาได้
    ก่อนจะทำบุญด้วยการภาวนาได้จะต้องรักษาศีลก่อน
    คนจะปฎิบัติธรรมต้องสมาทานศีลก่อนเสมอ
    การภาวนาจึงจะให้ผลสำเร็จ
    ๔.
    อปจายนมัย
    คือการมีสัมมาคารวะต่อพ่อแม่
    ครูอาจารย์
    พระสงฆ์
    ผู้หลักผู้ใหญ่เรียกว่าบุญสำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อม
    ๕.
    เวยยาวัจจมัย
    คือบุญสำเร็จด้วยการขวนขวายรับใช้
    คือการออกแรง
    ให้ความช่วยเหลือกระทำกิจต่างๆ
    ๖.
    ปัตติทานมัย
    คือบุญสำเร็จด้วยเฉลี่ยความดีให้แก่ผู้อื่น
    คือการอุทิศส่วนบุญให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว
    หรือการแบ่งบุญให้กับผู้อื่น
    เช่นเราไปทำความดีหรือบุญมาแล้วก็กลับไปบอกญาติสนิทมิตรสหายว่าเอาบุญมาฝาก
    นี่ก็เป็นการทำบุญได้อีก
    ๗.
    ปัตตานุโมทนานัย
    คือ
    บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา
    ใครไปทำความดีมาเรายกมือไหว้อนุโมทนา(จากใจใช่เพียงปาก)บุญก็เกิดขึ้นแล้ว
    ๘.
    ธัมมัสสวนมัย
    คือ
    บุญสำเร็จจากการฟังเทศน์
    ฟังธรรม
    ๙.
    ธัมมเทสนามัย
    คือ
    บุญสำเร็จจากการสั่งสอนธรรม
    ผู้สอน
    ผู้ให้ธรรมย่อมได้บุญ
    นั่นคือธรรมทาน
    ซึ่งเป็นธรรมอันยิ่งใหญ่ที่สุด
    ๑๐.
    ทิฏฐชุกัมม์
    คือ
    บุญสำเร็จด้วยการมีสัมมาทิฎฐิ
    คือการทำความเห็นให้ตรงให้ถูกต้อง
    ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิบุญอีกเก้าข้อก็จะไม่เกิดขึ้น
    ปิดทางสวรรค์
    ปิดทางนิพพานทีเดียว

    เห็นไหมว่าการทำบุญเราสามารถทำเมื่อไรก็ได้
    ไม่ต้องใช้เงินก็ได้
    เพียงแต่เราเข้าใจทำความเห็นให้ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ
    การสร้างบุญก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือเรื่องไกลตัวอีกต่อไป
    เข้าใจดังนี้แล้วจะมาอ้างว่าไม่มีเวลาทำบุญ
    ไม่มีเงินทำบุญ
    ก็คงจะไม่ได้อีก

    อย่าประมาทกันนักเลยชีวิตอันสั้นของเรานี้
    เร่งทำบุญสุนทานสร้างความดีกันเถอะ
    ส่วนพวกที่ไม่เชื่อเรื่องบุญ
    เรื่องเวรกรรม
    ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
    ก็ช่างน่าสงสารและเวทนา
    เพราะพวกเขาจะไม่ทำบุญเลยเนื่องจากไม่เห็นประโยชน์อันใดในการทำบุญหรืออาจจะทำบ้างก็ด้วยความบังเอิญหรือความไม่รู้จริง
    มีแต่จะสร้างแต่อกุศลและบาปกรรม
    บุคคลเหล่านี้ย่อมมีอบายเป็นที่ไปหลังความตาย

    ทุกวันนี้คนเราต่างก็มัวเมาในกิเลสตกเป็นทาสของเงินตราซึ่งเป็นเพียงวัตถุที่พวกเราสมมุติขึ้นมา
    ต่างเร่งสะสมเงินทอง
    แต่ตายไปก็หาเอาไปได้สักบาทสักแดงเดียว
    มีแต่บุญแต่กรรมเท่านั้นที่ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ
    ส่วนเทพเทวดาเขาสะสมแต่บุญบารมีเท่านั้น
    คนฉลาดเขาจะไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
    เขาจะทำความดีทำบุญแม้จะไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
    เพราะถ้าหลังความตายเขาได้เห็นว่าชาติหน้ามีจริง
    เวรกรรม
    นรกสวรรค์มีจริง
    เขาก็ไม่พลาดท่าเสียทีให้แก่ความโง่ของตัวเอง
    มีแต่กำไร

    แต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้
    ไม่ทำดี
    และไม่พิสูจน์คำสอนของพระพุทธองค์ว่าเป็นจริง
    คงปล่อยให้กิเลสตัณหาครอบงำ
    พอตายไปได้เจอของจริงก็สายเกินการณ์
    มีแต่ขาดทุนต้องทุกข์ทรมาณในนรกไปอีกนานแสนนาน

    น่าสมเพชเสียจริงๆ
    แล้วคุณล่ะ
    โง่หรือฉลาด!!!:cool:

     
  2. thejirayu

    thejirayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,088
    อนุโมทนาสาธุครับสำหรับความรู้ ของให้เจริญด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ครับ
     
  3. bb.boy

    bb.boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +381
    ผมกำลังหาคำบาลีอยู่เลยครับ

    อนุโมทนาด้วยอย่างยิ่ง

    เข้ามาในเวปนี้ ก็ได้ทำบุญกริยา วัตถุ ไป 5 ข้อ

    อนุโมทนาบุญ
    อุทิศส่วนกุศล
    ฟังธรรม อ่านธรรม
    เสวนาธรรม ให้ธรรม
    และ สุดท้าย ทำความเห็นให้ตรงตามพระสัจธรรม

    บุญรักษาครับ
    สาธุ
     
  4. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ถูกแล้วครับที่กล่าวมา

    แต่คนเรา ทุกคน ย่อมมีรายได้ หากเรา นำรายได้นั้น ไปใช้ฟุ่มเฟือยอย่างเดียวก็ไม่ถูก เราควรนำรายได้นั้นมาทำบุญบ้าง ไม่มากก็น้อย ตามกำลังเงินที่มีอยู่

    หากไม่สละเสียบ้าง จะกลายเป็นคนตระหนี่ไป

    แต่ถ้าคนไม่มีจริง ๆ อยากจะทำบุญ ก็เห็นสมควรกับทุกวิธีที่กล่าวมา

    อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...