เตือนภัย 'สารโดสเร่งผิวขาว'สวยใส เสี่ยงมะเร็ง-ตาบอดได้ในอนาคต

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย dhamaskidjai, 7 ตุลาคม 2013.

  1. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [​IMG]

    "สารโดสเร่งขาวที่เป็นกระแสนิยมอยู่ขณะนี้เป็นกรดผลไม้เข้มข้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า และไม่แน่ชัดว่าเป็นกรดผลไม้จริง เป็นกรดที่มีความ เข้มข้นมากทำให้ผู้ใช้อาจเกิดอาการแสบ บวม แดงทั้งหน้า เพราะสารไม่บริสุทธิ์"

    ปัจจุบัน "สารโดสเร่งขาว"กำลังเป็นกระแสนิยมสำหรับกลุ่มคนที่อยากมีผิวขาว ซึ่งหากมองในแง่ของผลลัพท์ที่ได้ แน่นอนว่าผู้ใช้มีผิวขาวใสขึ้นสมใจ แต่ขณะเดียวกันก็อาจเกิดผลเสียในระยะยาวได้ เพราะเป็นสารตัวใหม่ที่เพิ่งเป็นที่รู้จัก และยังไม่มีการศึกษาค้นคว้าถึงผลดีผลเสียอย่างจริงจัง โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างระบุว่าอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังและตาบอดได้ในอนาคต..!!

    รศ.ดร.ภญ.วิไล เทียนรุ่งโรจน์ หนุนภักดีเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (นักเรียนทุนรัฐบาลไทย) เปิดเผยว่า สารโดสเร่งขาวน่าจะเป็นชื่อที่ตั้งกันขึ้นมาเองเพื่อสื่อความหมายว่าใช้แล้วทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อนำไปโฆษณาขายออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต หรือขายกันแบบขายตรง สารออกฤทธิ์ ดังกล่าวคาดว่าจะเป็น กรดผลไม้ที่เรียกว่า "Alpha Hydroxy Acid" หรือชื่อย่อ ๆ คือ เอเอชเอ (AHA) แต่ก็ไม่การันตีว่าสาร ตัวนี้ใช่หรือไม่ แต่เท่าที่ดูจากการโฆษณา ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นสารตัวนี้ เพราะผลิตภัณฑ์และวิธีการใช้เป็นการทำให้ผิวขาวขึ้น ใบหน้าดูสดใส อ่อนกว่าวัย

    สารแอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด มีการใช้อยู่ในวงการแพทย์ผิวหนังมาเป็นเวลานานแล้ว โดยมีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ดูขาวขึ้น ลดรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ยังทำให้ผิวสีดูสดใส ขาวขึ้น รูขุมขนดูตื้นขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยสิวจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนทำให้ลดการเกิดสิวได้ กรดผลไม้ที่นิยมใช้ คือกรด แลคติค (lactic acid) สกัดจากนมเปรี้ยวและกรดไกลโคลิค (Glycolic acid) สกัดมาจากอ้อย ซึ่งกรด 2 ตัวนี้จะใช้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีกรดมาลิค (Malic acid) สกัดมาจากแอปเปิล กรดซิตริก (Citric acid) สกัดจากมะนาว ส้ม ฯลฯ อันที่จริงผลไม้เปรี้ยว ๆ สามารถใช้ได้หมด หรือบางทีคนไทยใช้มะขามในการล้างหน้า เพราะมะขามก็จะมีกรดแอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด เช่นกัน

    วิธีการสกัดกรดผลไม้ให้บริสุทธิ์ต้องผ่านกรรมวิธีและจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน มีการควบคุมคุณภาพ และอาจมีหลายราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของสาร ซึ่งสารพวกนี้ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหรือยาที่แพทย์ผิวหนังใช้เพื่อประโยชน์ดังกล่าว โดยกลไกของสารมีฤทธิ์เป็นกรดเมื่อทากรดนี้จะทำให้ผิวชั้นนอกสุดเกิดการระคายเคืองและทำให้หลุดง่ายขึ้น เมื่อเซลล์ผิวชั้นนอกหลุดออกไปแล้วก็จะทำให้เซลล์ชั้นถัดไปโผล่ขึ้นมาใหม่ทำให้ดูเรียบเนียน เพราะผิวชั้นนอกที่แก่ ๆ นั้นเป็นผิวขรุขระใกล้จะหลุดเมื่อหลุดไปแล้วจึงทำให้เห็นผิวชั้นในที่เรียบเนียนขึ้น และยังทำให้รอยเหี่ยวย่นบางลง ร่องรอยลึกดูจางลง เพราะเซลล์แก่ ๆ ที่ไปสะสมหลุดออกไป แต่ที่สำคัญสารนี้อาจมีผลทำให้เซลล์สร้างสีถูกทำร้ายจากกรดจึงหยุดการทำงานไม่ได้ผลิตสารเมลานิน ออกมา ทำให้ผิวดูขาวขึ้นแต่ถ้าหยุดใช้เมื่อใดผิวอาจจะคล้ำขึ้นได้

    กรดผลไม้ที่ใช้กันในเครื่องสำอางทั่วไปจะมีประมาณ 4-10 เปอร์เซ็นต์โดยผสมลงไปในครีม ส่วนใหญ่เป็นครีมให้ความชุ่มชื้น ต้องทาทุกวันอย่างน้อยประมาณ 1-2 เดือนกว่าผิวจะดูดีขึ้น ต่อมามีการใช้กรดความเข้มข้นเพิ่มขึ้นเป็น 12-30 เปอร์เซ็นต์ในกรณีที่ใบหน้ามีปัญหามาก และยังมีการใช้เพิ่มเป็น 50-70 เปอร์เซ็นต์โดยแพทย์ผิวหนังเพื่อสรรพคุณดังกล่าวข้างต้น ไม่ใช้ในรูปครีมแต่เป็นสารละลายหรือน้ำยา โดยนำไปทากับผิวหน้าทำให้รู้สึกแสบและทิ้งไว้ประมาณ 1-3 นาที จากนั้นล้างออกเพื่อให้ผิวเกิดความระคายเคือง แต่ไม่ทำร้ายผิวมากเกินไป ซึ่งเป็นเทคนิคความรู้และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผิวหนังที่เข้าใจสภาพผิวของผู้มารักษา แต่ถ้าไม่ใช่แพทย์และซื้อใช้กันเองโดยขาดความรู้ อาจเกิดอันตรายได้โดยเฉพาะตามร้านเสริมสวยที่นำมาใช้ให้บริการลูกค้า เพราะมีขายทั่วไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

    สารโดสเร่งขาวที่เป็นกระแสนิยมอยู่ขณะนี้เป็นกรดผลไม้เข้มข้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า และไม่แน่ชัดว่าเป็นกรดผลไม้จริง เป็นกรดที่มีความเข้มข้นมากทำให้ผู้ใช้อาจเกิดอาการแสบ บวม แดงทั้งหน้า เพราะสารไม่บริสุทธิ์ หรือทามากเกินไปทิ้งไว้นานเกินไป บางครั้งเกิดอาการคัน ผิวไหม้เกรียม เพราะเป็นกรด หรือบางทีเปลี่ยนสีผิวหน้าเป็นสีแดง คล้ายกับโดนแดดมาก ๆ บางทีจะปวดและบวมมาก หรือบางคนกลายเป็นหน้าดำไปเลยต้องใช้การรักษานานมาก ด้วยวิธีลอกหน้าใหม่ ปลูกเซลล์ผิว สร้างสีใหม่ขึ้นมา ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายมาก หรือบางคนอาจจะกลายเป็นด่างขาว เพราะผิวใบหน้าเราไม่สม่ำเสมอ อาจมีร่องหรือรอยบางแห่งได้รับสารมากเกินไปทำให้เซลล์สร้างสีถูกทำลายมากจนไม่ทำงาน เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานและกลับมาสร้างสีใหม่ก็ทำให้ผิวมีสีผิวไม่เรียบและแก้ไขลำบาก

    เทรนด์ปัจจุบันมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต้องการให้ใบหน้าขาว จึงมีเครื่องสำอางที่ช่วยให้หน้าขาวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า ครีมทาผิวหน้าที่มีการผสมไวเทนนิ่ง ซึ่งอาจจะมีส่วนประกอบของกรดแอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด อย่างน้อยประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ และเนื่องจากมีการใช้กัน มากขึ้นทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐจึงแนะนำให้อุตสาหกรรมผู้ผลิตต้องระบุคำเตือนในการใช้สารตัวนี้ว่า 'โปรดระวังแสงแดด" เพราะสารนี้ทำให้ผิวไวต่อแดดมาก และถูกทำลายโดย ยูวี ได้ง่าย อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เพราะผลที่ตามมาหลังจาก ใช้แล้วเมื่อผิวข้างนอกลอกออกไปหมด ผิวข้างในโผล่ขึ้นมาเวลาถูกแสงแดดจะ ถูกทำลายมากขึ้นเพราะแสงแดดจะเข้า ไปลึกถึงเซลล์ข้างใน ดังนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง เช่น ไม่ควรถูกแดดและต้องทาครีมกันแดด เอสพีเอฟ 15 ขึ้นไปให้ มากขึ้น หรือพยายามใส่เสื้อผ้าปกคลุมผิวให้มากที่สุด

    สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดแรงมาก ต้องระวังให้มากขึ้น เพราะแสงยูวี จะทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ผิวหนังที่อยู่ข้างใต้ได้มากขึ้น และหากทาไม่ดีสารอาจจะเข้าตาเสี่ยงต่อการทำให้ตาบอดได้ เนื่องจากเป็นสารที่เป็นกรดเข้มข้นสูงจะทำลายเยื่อต่าง ๆ ในดวงตาได้ โดยภาพรวมการใช้สารแอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด หรือสารไวเทนนิ่งในประเทศไทยมีเป็นจำนวนมากทั้งผู้ชายและผู้หญิง เพราะอยากขาวเหมือนคนญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งคนไทยมีเซลล์สร้างสีที่มากกว่าคนญี่ปุ่นและเกาหลี จึงทำให้มีผิวคล้ำกว่า แต่การคล้ำนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี คือ ไม่แก่ก่อนวัย มีรอยเหี่ยวย่นจากแสงแดดน้อยกว่าคนที่ผิวขาว

    นอกจากนี้บางคนต้องการขาวทั้งตัวไม่ใช่เฉพาะแค่หน้า จึงนำสารโดสเร่งขาวทาทั้งตัว ทำให้การดูดซึมกรดพวกนี้ซึ่งเป็นสารเคมีดูดซึมเข้าไปในร่างกายทั้งหมดอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพตามมาในอนาคตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรทำ ปัจจุบันได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยในประเทศไทยที่ใช้สารทำให้ขาวจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามี ผู้ป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจากสารดังกล่าว หรือรายงานถึงผลเสียระยะยาว เพราะยังไม่มีการศึกษาเท่าที่ควร คนจึงใช้ประโยชน์ตรงนี้เป็นส่วนใหญ่มาอ้างอิงว่าไม่พบผู้ใช้สารโดสเป็นมะเร็ง

    ที่สำคัญสารพวกนี้ไม่ใช่สาร ควบคุม เพราะฉะนั้นผู้ผลิตไม่ต้องรายงานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่ง อย. มีเครื่องสำอางที่ควบคุมแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

    1.เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เช่น น้ำยาดัดผม น้ำยา บ้วนปากที่มีฟลูออไรท์ น้ำยาเปลี่ยนสีผม
    2. เครื่องสำอางควบคุม ไม่เข้มงวดเท่าเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ ได้แก่ ผ้าอนามัย ผ้าเย็น แป้งฝุ่นโรยตัว
    3. เครื่องสำอางที่มีสารควบคุม ซึ่งสารควบคุมที่สำคัญมาก และใช้เป็นประจำ คือ สารป้องกันแสงแดด

    ฉะนั้นบริษัทใดที่มีเครื่องสำอางที่ใส่สารป้องกันแดด จะเป็นเครื่องสำอางที่มีสารควบคุมต้องไปแจ้งให้ทราบ และแชมพู ที่มีสารขจัดรังแค ที่เหลือเป็นเครื่อง สำอางทั่วไปรวมทั้งสารแอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด ด้วย เวลาผลิตในประเทศไม่ต้องแจ้งแต่ถ้านำเข้าต้องแจ้ง จึงเป็นช่องทางที่ง่ายขึ้นเพราะไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ถ้า เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและพบว่าสารโดสเร่งขาวไม่มีฉลากว่าโรงงานผลิตอยู่ที่ไหน ชื่ออะไร ถือว่าเป็นเครื่องสำอางปลอมสามารถจับกุมได้

    ถึงแม้ว่าจะมีคนใช้กันจำนวนมากแต่ อย. ยังไม่มีการประกาศเป็นสารควบคุมหรือกำหนดให้ระบุว่ามีปริมาณเท่าใด เพราะตัวสารนี้ยังไม่จัดเป็นสารควบคุมหรือต้องระบุปริมาณเลยทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ถ้าประเทศไทยทำประเทศเดียวก็อาจไม่เป็นสากลเพราะอาจทำให้การนำเข้าเครื่องสำอางในประเทศไทยจะยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของกรดผลไม้นี้แต่ปริมาณต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเทศสหรัฐ อเมริกาถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แต่ถ้าเรากำหนดให้ระบุปริมาณคงกระทบเครื่องสำอางทั้งหมด

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราควรเลือกเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน มีโรงงานที่ ผลิตแน่ชัดและเป็นที่รู้จัก อย่าใช้อะไรตามปากต่อปาก โดยที่ไม่มีสถานที่ผลิตระบุแน่ชัด และอย่าไปซื้อเครื่องสำอางที่ใส่ ในขวดไม่มีฉลาก เพราะกรดที่ใช้อาจ จะไม่ใช่ แอลฟา ไฮดรอคซี แอสซิด เราต้องเซฟตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า เพราะเมื่อเกิดอันตรายขึ้นมา ก็จะตามหาตัวคนทำไม่ได้ ซึ่งเครื่องสำอางในประเทศไทยมีมาตรฐานหลายยี่ห้อที่ ใช้แล้วปลอดภัย หรือถ้าใครต้องการทำ อะไรเป็นพิเศษ เช่น ลอกหน้า ควรจะ ใช้บริการคลินิกผิวหนังที่มีแพทย์ประจำและให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้รักษา และสุดท้ายจงภูมิใจในผิวสีของเชื้อชาติไทยเราจะดีกว่า.


    หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 07/10/2556 ]
    http://www.hiso.or.th/

    <div class="fb-like-box" data-href="https://www.facebook.com/dhammasakidjai" data-width="The pixel width of the plugin" data-height="350" data-colorscheme="light" data-show-faces="false" data-header="false" data-stream="true" data-show-border="true"></div>​
     

แชร์หน้านี้

Loading...