เทคนิควิธีปิ้งย่างไม่เสี่ยงมะเร็ง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย aoseiei, 20 พฤศจิกายน 2013.

  1. aoseiei

    aoseiei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +490
    พวกเราส่วนใหญ่ชอบการรับประทาน ร้านบุปเฟต์ ปิ้งย่าง สไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย พม่า มากมายแต่การรับประทานอาหาร ปิ้งย่าง ก็มีผลเสี่ยง มะเร็ง เช่นกัน แต่วันนี้เรามีวิธีเทคนิคป้องกันการปิ้งย่าง ไม่ให้เป็น มะเร็ง มาแนะนำจาก น.พ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กันครับ

    -อย่ารมควัน เพราะในแต่ละเฮือกที่สูดเข้าไปแกล้มเนื้อย่างอร่อยๆ นั้น จะค่อยๆ สะสม ก็ไม่ต่างกับควันบุหรี่มือสองมือสามที่เข้ามาในปอด ถ้าเลี่ยงได้ควร ปิ้งย่าง ในที่โล่ง และหมั่นลุกเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ หยุดการย่างอร่อยกันในห้องแอร์ดีกว่า และถ้าเลือกได้ให้ระวังเรื่องถ่านที่ใช้ เพราะอาจได้สารเคมีมาปนเปื้อน

    -จัดระเบียบวันที่กิน จะกินต่อสัปดาห์ หรือจะกินต่อเดือนก็ได้ เพราะบางครอบครัวมีลูกที่ชื่นชอบอาหารย่าง จะไม่ให้กินเลยก็ดูเป็นการบังคับจิตใจลูกๆมากไป แต่ควรจัดระเบียบการกิน

    -อย่าหมิ่นปลา หาเนื้อปลามารับประทานด้วยจะดี เพราะมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระจากควันไฟ และเชื้อมะเร็งพีเอเอช นอกจากนี้ ปลาย่างยังดีกว่าปลาทอด โดยเฉพาะทอดแบบน้ำมันท่วมจะดึงเอาไขมันดีจากปลาหายไปส่วนหนึ่ง
    ใส่ผักบ้าง การเอาผักไปย่างด้วยก็ยังไม่เป็นปัญหาเท่าเอาผักไปรมควันในเตาแบบบาบีคิวพร้อมกับเนื้อ เพราะจะทำให้ผักได้เชื้อ มะเร็ง ไปด้วย ดังนั้น ควรเลือกทานผักเขียวจัดอย่าง ผักบุ้ง, ฟักทอง และหอมใหญ่ที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์มาก

    -ลดอาหารเนื้อแดง ทั้งหมู, วัว แกะ ล้วนมีมันแทรกอยู่ ซึ่งมีส่วนเติมเชื้อ มะเร็ง และเกาะตามผนังหลอดเลือดได้ ถ้าให้ดีควรลอกหนังออกจากไก่ และเลี่ยงการปิ้งโดยใช้หมูสามชั้นหรือสันคอหมู รวมทั้งเลี่ยงการย่างแบบสุกมากเกินไปด้วย
    อย่าซดน้ำ น้ำซุปที่มีมันจากเนื้อย่างตกลงไปเป็นของไม่ควรทาน เพราะมีทั้งไขมันอิ่มตัว กลั้วไปด้วยความเค็มจากเครื่องหมักเนื้อ ผงชูรส ถ้าจะมีซุปร้อนซดควรสั่งแยกเป็นแกงจืดต่างหากดีกว่า

    การกินเนื้อย่างไม่ว่าจะสไตล์เกาหลี แบบญี่ปุ่น หรือบุฟเฟ่ต์อย่างไทย ก็มีสิทธิ์ได้โทษเสมอกันถ้าไม่ระวัง เพราะหัวใจคือ “ควันพิษ” และ “เคมีพิษ” อาจจะทำให้เป็นเสี่ยงกับการเป็น มะเร็ง ทำให้ชีวิตของท่านต้องเสียเงินทองมากมายในการรักษา เราควรป้องกันความเสี่ยงกันดีกว่าครับ

    ที่มา : บทความสุขภาพ ความรู้อาหารเสริม การใช้ยา | บทความอาหารเสริม บทความสุขภาพ ความรู้เรื่องยา
     

แชร์หน้านี้

Loading...