เทวดาประจำตัว (ตรวจญาณบารมีองค์เทพ..อำนาจญาณบารมี)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย me-pui, 8 กรกฎาคม 2012.

  1. boommika

    boommika สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอตรวจด้วยคนนะครับ

    อยากทราบเหมือนกัน จะได้บูชาท่านถูกต้อง
     
  2. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    อยากทราบเรื่องเทวดาประจำตัวครับ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะครับ
     
  3. Lotuswhite

    Lotuswhite สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +3
    สวัสดีค่ะคุณ mepui
    ขออนุโมทนาบุญกับการช่วยตรวจญาณของคุณในครั้งนี้ด้วยนะคะ
    ดิฉันเชื่อเกี่ยวเทวดาประจำตัวมาก เพราะหลายครั้งที่ประสบปัญหาจะเหมือนมีบางอย่างมาทำให้ดีขึ้นตามที่ใจคิดเสมอ และยังมีอีกหลาย ทุกครั้งก่อนนอนดิฉันจะสวดมนต์ให้เทวดาผู้คุ้มครองทั้งตัวดิฉันและครอบครัว จึงขอรบกวนคุณ mepui ช่วยตรวจญาณว่าเป็นองค์ไหน และควรปฎิบัติตนอย่างไรเพื่อให้เทวดาได้รับมากที่สุด

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ
     
  4. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    กระทู้นี้น่าสนใจดีคะ ขออนุญาติดันกระทู้คะ และรบกวนคุณmepuiตรวจให้ด้วยนะคะ
    เห็นช่องทางการติดต่อกับคุณทางเฟซแล้วคะ แต่ลองทางPM.นี้ดูก่อนคะ
    ขอบคุณล่วงหน้าคะ
     
  5. จิตวโร

    จิตวโร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +64
    เรียน คุณ me-pui โดยส่วนตัวเชื่อเรื่องนี้ครับเพราะเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะ
    รู้สึกเหมือนท่านอยู่ข้างๆครับ
    อีกอย่างผมชอบทำบุญให้ท่านบ่อยๆครับ
    แต่ก็ยังไม่รู้จะอธิฐานให้อย่างรัยถูกครับ

    จึงอยากขอความกรุณาช่วยตรวจให้ด้วยครับ
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  6. เวนไตย

    เวนไตย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +31
    รบกวนตรวจให้ผมด้วยนะครับ
     
  7. lyimlam

    lyimlam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +11
    อยากทราบเหมือนกันครับ ตอนนี้ทำบุญก็อธิฐานส่งให้ท่านตลอด แต่ไม่ทราบว่าท่านจะได้รับรึเปล่า
    จึงอยากขอความกรุณาช่วยตรวจให้ด้วยครับ
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ
     
  8. ph240

    ph240 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +119
    รบกวนด้วยนะครับ ผมติดต่อ ทางFBแล้วนะครับ
     
  9. champnutt

    champnutt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +533
    ผมส่งข้อความผ่านทางเฟสบุ๊คไปครับ ไม่ทราบว่าได้รับไหมครับ
     
  10. chenroom

    chenroom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +124
    เทวดาถ้าโกรธนี่จะต้อง จุติ ไม่ใช่เหรอ
     
  11. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
  12. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    19/10/58 ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มเทพ วันนี้จะนำข้อมูลเกี่ยวกับ

    ***กลุ่มเทพพรหม**** มาเล่าสู่กันฟังนะคะ
    คือ กลุ่มที่มีเทพประเภท มหาเทพฮินดู, พรหม, เทพจีน ฯลฯ ผู้ยังมีกาม มีเพศอยู่มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ แต่ปกติ จะไม่มีหน้าที่สอนธรรมะ ยกเว้นบางองค์ที่มีปางอวตารเป็นโพธิสัตว์ เช่น องค์ศิวะ, องค์อุมา (บางปางก็คือพระกวนอิม) เป็นต้น หากมีองค์ที่มีปางอวตารแบบนี้ จะมีการสอนธรรมได้ แต่หากไม่มีก็จะไม่สามารถสอนธรรมได้ จะบำเพ็ญเพียรช่วยเหลือคนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยในมูลนิธิต่างๆ ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ มักได้รับการช่วยเหลือแบบพิเศษจากเทพพรหมก่อน แต่หากไม่ทำความดีเลย สุดท้าย เทพพรหมจะถูกเรียกกลับ แล้วปล่อยทิ้งให้ร่างนั้น ถูกเจ้ากรรมนายเวรและภูตผีต่ำช้าอื่นๆ รุมทึ้งเอาแทน ดังนั้น หลายท่านจึงมักบอกว่าอย่าไปรับขันธ์ อย่าเป็นร่างทรง ด้วยเหตุนี้ แท้แล้วการรับขันธ์ไม่ใช่การเป็นร่างทรง ส่วนบุคคลที่เป็นร่างทรงนั้น คือ “อาชีพ” อุปมาเหมือนพระ ที่ไม่มีอาชีพ แต่หากทำตัวเรียกเก็บเงินค่าช่วยเหลือผู้อื่น ก็กลายเป็นอาชีพไป คนที่รับขันธ์ ไม่ควรเป็นร่างทรง แต่ควรบำเพ็ญบารมีช่วยเหลือคนไป โดยไม่สนใจเรื่องเงินและอาชีพ แล้วสุดท้ายจะดีเอง


    ***คำว่า “ญาณบารมี” ***
    ก็เกิดจากการสัมผัส คนมีองค์ต่างๆ นี่เอง เพื่อดูว่าแต่ละท่านมีองค์ใดช่วยอยู่ ในที่นี้ของให้เข้าใจว่า องค์เทพใหญ่ๆ จะไม่ลงมาทั้งองค์ แต่จะแบ่งส่วนบารมีท่านลงมา เรียกว่า “ญาณบารมี” ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงพบคนที่มีองค์เหมือนกันหลายคน เพราะเป็นการแบ่งญาณบารมีของเทพใหญ่ๆ มาช่วยคนพร้อมกันจำนวนมากๆ เท่านั้นเอง ในการบำเพ็ญให้จิตเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเหล่านี้ ให้ระลึกเสมอว่าเราคือท่าน ท่านคือเรา จึงจะราบเรียบ ไม่เกิดการยื้อดึงของร่าง การสั่นของร่าง อย่างที่เราเห็น “คนทรง” เป็นกัน คนที่บำเพ็ญถูกต้องแบบพราหมณ์ฮินดู คือ เข้าใจว่าเราเหมือนอาตมัน เทพเหมือนปรมาตมัน ก็จะหลอมรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ทำกิจได้เหมือนคนปกติ อย่างราบเรียบกลมกลืน ไม่กระตุก ไม่สั่น ไม่ใช่ร่างทรง และสามารถดึงความสามารถพิเศษที่องค์เทพนั้นๆ มีมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
     
  13. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    19/10/58 (kiss)
    ***เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน***ต้องแยกให้ออก
    เราและจิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้นคนละส่วนกัน แต่จิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้น มักพูดเสมอว่า เราคือท่าน และท่านคือเรา เพื่อให้เราหลอมรวมแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ท่าน และท่านจะทำกิจได้ง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ลังเล หรือยื้อกันไปมาระหว่างจิตสองดวง ดังนั้น หลักการบำเพ็ญของพราหมณ์ฮินดูจึงมักพูดถึงการหลอมรวมระหว่างอาตมัน และปรมาตมันด้วยเหตุนี้ เพื่อเปิดทางให้เทพเบื้องบนทำงานกับเราได้สะดวกนั่นเอง และเราก็จะดึงพลังของเทพที่ท่านมีอยู่ ที่เบื้องบนประทานมาให้นี้ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจการงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น แต่ทว่า ต้องไม่หลงตัวเอง ไม่หลงลืมไปว่า เราก็ส่วนหนึ่ง คือ อาตมัน และเทพก็ส่วนหนึ่ง คือ ปรมาตมัน (ปรมาตมัน หมายถึง เทพมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณไหนก็ตาม เพราะรับคำสั่งเดียวกันมาจากเบื้องบน แม้จะทำกิจต่างกัน รูปนามต่างกัน) ซึ่ง คนส่วนใหญ่ที่มีอัตตา ตัวกูของกู มากแล้ว มักพบกับความวิบัติภายหลัง เพราะนิยมยึดถือว่าตนเองเป็นเทพยิ่งใหญ่มีฤทธิ์มากอยู่คนเดียว ผู้อื่นไม่ใช่ ผู้อื่นเป็นตัวปลอมผิดไปหมด (ทั้งๆ ที่เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน) สิ่งนี้ต้องระวังให้มาก เมื่อใดก็ตามหลอมรวมจิตคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต้องไม่ยึดเป็นอัตตา
     
  14. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    19-10-58
    (f)การดึงญาณบารมีลงมาประทับ(f)
    และการดึงญาณบารมีกลับ ในบางครั้ง จำเป็นต้องทำ เพื่อปรับให้การบำเพ็ญสมดุลไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น บางท่านมีญาณบารมีแบบสมณเทพ คือ มีทั้งพระสมณะและเทพพรหม หากมีเทพพรหมมากช่วงไหน ก็บำเพ็ญบารมีมาก หากมีพระมากช่วงไหนก็ปฏิบัติจิตมาก บางครั้ง จำต้องปรับญาณบารมีให้ตัวเอง เช่น การไปวัด ทำบุญ สัมผัสพระธาตุ ไหว้พระธาตุ เหล่านี้ทำให้ญาณบารมีฝ่ายสมณะเพิ่มขึ้น (หากต้องการ) หรือ การไปทำพิธีพราหมณ์ ไหว้องค์เทพ ทำให้ญาณบารมีองค์เทพมากขึ้น (หากต้องการ) บางท่านมีพลังจิตพิเศษสามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ และอัญเชิญญาณบารมีองค์เทพต่างๆ ลงมาประทับคุ้มครองผู้คนได้ และบางท่านก็สามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพกลับได้ หากพบว่ามากเกินไป หลงเกินไป หรือเดินทางผิดพลาด ก็สามารถดึงญาณบารมีเก็บกลับได้เช่นกัน ซึ่งบุคคลผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ได้แท้จริง มีจำนวนน้อย และมักถูกมองหาว่าบ้า เพราะทำหน้าที่ในกิจที่ตาเนื้อมองไม่เห็น ที่เรียกว่า “อนุตรธรรม” ซึ่งจะมีเรื่องของการเปิดจิตญาณต่างๆ นั่นเอง
     
  15. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    19/10/58
    ลักษณะของคนมีองค์
    1. ชอบทำบุญมาแต่เกิด ชอบเข้าวัด ชอบสวดมนต์
    2. มีจิตใจดี เมตตา เป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก
    3. เมื่อเห็นรูปปั้น รูปภาพ สถานที่ที่เกี่ยวกับองค์ใน หรือมีคนเหล่าเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ท่านให้ฟัง แล้วจะมีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปจากปรกติ เช่น ปิติ ร้องไห้ น้ำตาไหล หาว เกิดอาการขนลุก ใจสั่น ฯลฯ
    4. ฝันเห็นสถานที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต หรือฝันเกี่ยวกับองค์ท่าน
    5. นั่งสมาธิ แล้วท่านมาปรากฏในนิมิต ข้อนี้จะมีเป็นจำนวนน้อย คนที่เห็นต้องกล่าวคำอธิฐานของให้เห็นก่อน ท่านจึงปรากฏ ในเห็นในนิมิต นิมิตนี้ สามารถเห็นได้เมือจิตสงบถึงระดับญาณแล้วถอนมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ
    6. เมื่อมีคนตามดูแล อยู่เสมอ เช่น บางช่วงของชีวิต มีปัญหา แล้วอธิฐานขอกับองค์ท่าน แล้วท่านก็ประทานให้ เช่น กำลังขาดทรัพย์ ท่านก็ให้โชค เจ็บป่วย หรือ คนรัก สามี ลูก พ่อ แม่ เจ็บป่วย ไม่รู้จะทำอย่างไร อธิฐานของน้ำมนต์กับองค์ท่าน ท่านก็ช่วยให้หายป่วยโดยปาฏิหาริย์

    หลายคนมีของดีแต่มัวหลงระเริงกับสังคม มัวหลงใหลกับแสงสี เที่ยว ดื่ม กิน ผิดศีล ส่วนใหญ่ที่พบบ่อย คือผิดศีลข้อที่ 5 มัวเที่ยวเพลินเพลิดกับสุรา ไม่ถือศีล ไม่สวดมนต์ ไหว้พระ ไม่นั่งสมาธิ มัวแต่กินเหล้า เที่ยวพับ เที่ยวกลางคืน พอสักระยะหนึ่ง ครูบาอาจารย์ ท่านมาตามให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ท่านไม่มัวมาเข้าในฝัน หรือในนิมิต เพราะว่าสติสตางค์ช่วงนั้น ไม่มี ท่านก็จะใช้วิธี ทำให้หลาบจำ โดยการทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วเกิดสำนึกรู้ผิดรู้ชอบ หันหน้าเข้าหาทางธรรม หรือเมื่อเข้าโรงพยาบาลแล้ว ยังไม่รู้ตัว ท่านก็จะผ่าน พวกคนทรง หมอดู เมื่อพ่อแม่ ไปถาม ท่านก็จะดลจิตดลใจให้คนทรง หมอดู บอกกล่าว ตามที่ท่านสั่ง ทุกประการ ส่วนใหญ่แล้วไม่บวชเรียนตลอดชีวิต ก็ต้องบวชจิต กลับเนื้อกลับตัวไม่เช่นนั้น ตายสถานเดียว ซึ่งหลายคนเข้าใจผิด คนว่าตนเองมีกรรมหรือโชคร้าย แต่ตรงกันข้าม กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นคนที่โชคดี หากไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็จะให้มัวเมาอยู่ในวงสุราจนถึงอุบัติเหตุตายโหงไปในที่สุด

    แล้วเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นคนมีองค์ จะทำอย่างไร แล้วองค์นั้นท่านเป็น ใคร เราจะรู้จักท่านได้อย่างไร เราจะติดต่อสื่อสารกับท่านทางไหนได้ เราจะต้องบวชชี บวชพระ หรือบวชจิต แล้วทางไหนเป็นทางเลือกบาง ชีวิตต่อไปจะดำเนินอย่างไร จะถามใครได้ เห็นเขาเปิดองค์กัน ที่นั่นที่นี้ ใช่หรือเปล่า ต้องไปรับขันธ์ไหม แล้วจะแต่งงานมีคู่เหมือนชาวบ้านได้หรือไม่ มีคู่แล้วต้องเลิกกันหรือ หรืออยู่ด้วยกัน แต่ห้ามยุ่งกัน หรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง มีข้อห้ามอย่างไร ทำไม อย่างไร เมือไหร่ ที่ไหน ล้วนเป็นคำถามยอดฮิตเลยที่เดียว

    ข้อมูลจากอีกท่านอาจารย์นะ
    cr.buddha-dhamma.com
     
  16. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    20/10/58
    คำขอขมาและอธิษฐานจิต
    “ เพราะคนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน ควรสวดขอขมาเพื่อลด และปลดหนี้กรรมให้น้อยลง ”
    (สำหรับอธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอน)
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ
    ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ

    ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี)
    หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม

    By.Mepui
    Cr.kanlayanatam
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kwian (1).png
      kwian (1).png
      ขนาดไฟล์:
      231.5 KB
      เปิดดู:
      83
  17. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    20/10/58
    อนุตรธรรม : วิธีสังเกตคนที่มีจิตวิญญาณแทรกแฝงในกายสังขาร


    กายสังขารของคนไม่ใช่ตัวกูของกู จึงไม่อาจห้ามหวงไม่ให้มีสิ่งใดแตะต้องหรือเข้าออกได้ จิตวิญญาณมากมายเร่ร่อนอยู่บนโลกมนุษย์ อาศัยกายสังขารของคน ด้วยการเจ้าแทรก แฝงอยู่ร่วมกันทำให้คนทั้งหลายมี “พฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากธรรมชาติ” ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นธรรมชาติตามยุคสมัย คือ ยุคของเทพ, พรหม, อสูร, มาร จะลงมา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะดีหรือเลวไปเสียหมด ดีก็มี เช่น คนเลวถูกจิตวิญญาณดีๆ เข้าแทรก กลับมาทำความดี, เลวก็มี เช่น คนดีถูกจิตวิญญาณไม่ดีเข้าแทรก ทำสิ่งผิดก็ได้ โลกยุคนี้ หาคนดีที่แท้จริงจะไม่พบ, หาคนเลวที่แท้จริง ก็ไม่มีเหมือนกัน จิตวิญญาณทั้งหลายเข้าแทรกในกายสังขารมนุษย์อยู่ร่วมกับมนุษย์ ก่อให้เกิดมนุษย์พันธุ์ใหม่ คือ มนุษย์สองมิติ มิติหนึ่งมีกายสังขารปกติ มิติหนึ่งมีแต่จิตวิญญาณ สามารถเข้าออกจากร่างกายไปทำกิจต่างๆ แล้วกลับมาอีกก็ได้ คนที่เราเห็นบนโลกต่อไปในภายภาคหน้าจะไม่ใช่ “มนุษย์” คนที่มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์จะเริ่มลดลง แต่เป็น “กึ่งคนกึ่งจิตวิญญาณ” มากขึ้น เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ คนมากมายจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากธรรมชาติ เช่น ผู้ชายไม่ค่อยเหมือนผู้ชาย, ผู้หญิงไม่ค่อยเหมือนผู้หญิง, เด็กแก่แดด เก่งหรือรู้เกินวัย, ผู้ใหญ่ทำตัวเหมือนเด็ก, คนแก่ไม่ยอมแก่ทำตัวเป็นคนหนุ่มสาว, พระสงฆ์ทำตัวเหมือนฆราวาส, ฆราวาสทำตัวเหมือนพระสงฆ์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ เบี่ยงเบนไปจากธรรมชาติที่ควรจะเป็นเพราะ “จิตวิญญาณแฝง” ดังจะได้อธิบายถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป

    By-mepui
    Cr.physigmund_foid
     
  18. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    20/10/58
    ทำไมจิตวิญญาณแฝงจึงทำให้คนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนได้?
    ๑) เลือกกายสังขารที่ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณ เพราะเหตุจำเป็นด้วยผลกรรม เช่น จิตวิญญาณที่เป็นเพศหญิงมาอยู่ร่วมในกายสังขารของมนุษย์เพศชาย หรือ จิตวิญญาณเทวดาที่อายุน้อยเหมือนเด็ก แต่ต้องมาอยู่ในกายสังขารคนแก่
    ๒) อายุของจิตวิญญาณยาวนานกว่าอายุขัยมนุษย์ เช่น อายุเทวดามีพันปีทิพย์ ผ่านไปร้อยปีเขาอาจยังถือว่าเป็น “เด็ก” อยู่ ทว่า มนุษย์กลับแก่ลงแล้ว ทำให้ไม่ยอมแก่ ทำตัวเหมือนเด็ก เพราะ “จิตวิญญาณ” ที่เข้าแทรกนั้น ยังอายุขัยน้อยนั่นเอง
    ๓) จิตวิญญาณกับกายสังขารแตกต่างกัน เช่น จิตวิญญาณที่เข้ามาแทรกอาจเป็นสัตว์เดรัจฉานเช่น หมู คนๆ นั้นก็ไม่สนใจอะไร เหลวไหล เอาแต่กินกับนอน บ้างเป็นจิตวิญญาณเสือ คนๆ นั้นก็ดุ ทำตัวเหมือนผู้มีอิทธิพลนอกกฎหมายไป
    ๔) จิตวิญญาณมีฤทธิ์เดชมาก เช่น เป็นพญามาร ทำให้แค่อยู่เฉยๆ คนก็มาลุ่มหลงเอาเงินทองมาให้มากมายผิดปกติ บางคนทำสิ่งผิดสิ่งเลวร้ายอยู่ ปราบอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ไม่ได้เสียที เพราะจิตวิญญาณที่แทรกอยู่นั้น มีฤทธิ์เดชคุ้มครองอยู่
    ๕) จิตวิญญาณมีกรรมสัมพันธ์กับผู้อื่นมาก่อน เช่น ชายบางคนมีภรรยาแล้ว แต่มีจิตวิญญาณที่รักหญิงคนหนึ่งมาแทรกในกาย ทำให้กระทำชู้กับหญิงที่จิตวิญญาณดวงนั้นรักอยู่ก็ได้ ทั้งๆ ที่อาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พอเจอกันกลับรักกันเลย
     
  19. me-pui

    me-pui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +348
    20/10/58
    วิธีสังเกตผู้ที่มีจิตวิญญาณแฝงอยู่ในกายสังขาร
    ๑) เป็นผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ไม่ใช่โดยกำเนิด ไม่ใช่โดยกรรมกำเนิด ไม่ใช่เพราะพันธุกรรม แต่มาเป็นภายหลังอย่างหาเหตุปัจจัยอธิบายอย่างอื่นไม่ได้ เช่น อดีตก็เป็นผู้ชายปกติรักผู้หญิง แต่พอวันหนึ่งกลับเปลี่ยนไป ชอบผู้ชายด้วยกัน
    ๒) เป็นผู้มีอะไรบางอย่างที่เหนือกว่าตาเห็น อธิบายสาเหตุไม่ได้ เช่น ไม่เคยเรียนเรื่องการดูดวงมาก่อน แต่ทำไมทำนายแม่นยำ ทักทายเรื่องอนาคตได้ถูกต้อง หรือเป็นคนธรรมดา แต่ทำไม คนทั่วๆ ไป ถึงได้รุมรักรุมหลงกันมากผิดปกติ
    ๓) เป็นผู้มีพฤติกรรมแตกต่างไปจากคำว่า “มนุษย์” แฝงร่วมในพฤติกรรมปกติ เช่น นิยมกินของหมักเน่ามากกว่าของที่ไม่เน่า (ผิดปกติ), เป็นผู้หมกตัวเก็บตัวไม่ยอมออกไปไหน (ผิดปกติ), เป็นผู้วันๆ ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่เล่นเกม (ผิดปกติ)
    ๔) อื่นๆ เช่น ถูกทักว่ามีองค์, เพ่งด้วยตาทิพย์แล้วเห็นจิตวิญญาณหลายดวงอยู่ ไม่เคยเป็นก็เป็น เช่น ไม่เคยชอบสีชมพู (เกลียดมาก) แต่วันหนึ่งเกิดชอบมากๆ

    ***ประเภทของจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในกายสังขารมนุษย์
    จิตวิญญาณประเภทต่างๆ แฝงเข้ามาในร่างกายแล้ว ทำให้เราจับสังเกตได้ดังนี้


    ๑) จากเบื้องบน (สิ่งศักดิ์สิทธิ์)


    จากสุขาวดี อยู่เฉยๆ ก็มีกิน, มีมากมายพอเหลือแบ่งให้สังคม

    จากพรหมโลก อยู่เฉยๆ ก็มีกิน, แต่มีกินไม่มาก อาศัยสมถะก็อยู่ได้

    จากโลกมาร อยู่เฉยๆ ก็มีกิน, แถมร่ำรวย ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยหรูหรา

    จากเหล่าเทพ อยู่เฉยๆ ก็มีกิน, มีตำแหน่ง, หน้าที่สำคัญต้องทำ

    จากชั้นเทวดา อยู่เฉยๆ ก็มีกินมีใช้ แม้ไม่มากมาย คล้าย พระสงฆ์



    ๒) จากเบื้องล่าง (เจ้ากรรมนายเวร)


    § จากเดรัจฉาน ต้องหากินด้วยการ “ล่า” กดขี่ เอากับคนที่ด้อยกว่า
    § จากเทพอสูร ต้องหากินยากลำบาก ถูกบีบให้โกง แต่ก็ไม่ถูกจับ
    § จากเปรตอสุรกาย ต้องหากินยากลำบากมากขึ้น ถูกบีบให้โกงมากขึ้น
    § จากเปรต ต้องหากินยากลำบากฝืดเคือง ได้ก็เหมือนสูญหมด
    § จากสัตว์นรก ต้องทรมาน ต้องโทษ รับการลงทัณฑ์ หรือป่วยไข้

    ***อาจจะต้องสังเกตตัวเองดีๆนะคะ ***
     
  20. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,286
    ค่าพลัง:
    +1,507
    เขียน ๑๔.๓๖

    แล้วมีแบบเข้ามาทีเดียวทั้งสิบแบบเลยไม๊ครับ ทั้งจากเบื้องบนและเบื้องล่าง
    แถมแต่ละแบบ ยังมีหลายๆ จิตอีกตะหาก เยอะแยะยั้วเยี้ย
    และชอบยื้อแย่งกันใช้ร่าง จัดคิวกันแล้วก็ยังชอบแย่งกันอีกน่ะนะ เนอะ

    บางแบบก็เข้าๆ ออกๆ อยู่แบบถาวรก็มี สั่งการจากที่ไกลๆ ก็ได้ วุ่นวายมากเลย
    แถมยังมีเข้ามาได้อีกเรื่อยๆ ทั้งที่ส่งออกด้วยเสาลำแสง ไปเป็นระยะๆ แล้วนะเนี่ย เฮ้อ...


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ชาวหมู่บ้านในนิทาน

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...