เที่ยวชมวัด สวย สวย จากประเทศพม่า อีก ๑ แหล่งอารยธรรมทางพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย คนไม่พิเศษ, 10 มีนาคม 2008.

  1. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    เที่ยวชมวัด สวย สวย จากประเทศพม่า อีก ๑ แหล่งอารยธรรมทางพระพุทธศาสนา

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>...มิงคะลาบา เมียนมาร์...


    ข่าวระเบิด 3 ลูกที่ย่างกุ้ง
    ทำเอาทั้งไทยทั้งพม่าวุ่นวายไปกันพอสมควร
    แถมทำเอาแผนการลุยเมียนมาร์ของผมเป๋ไปเหมือกัน
    ทำเอาต้องเช็คข่าวกันวุ่นวาย ไปไม่ไป..ไปไม่ไป
    เอาวะ..ไหนๆ ก็ตั้งท่ากันไว้หมดแล้ว อะไรอะไรก็เตรียมไปหมดแล้ว
    คนมันจะตายอยู่ไหนมันก้ตายละน่า อิอิ
    ว่าแล้ว... ก็โดดขึ้นเครื่องไป ย่างกุ้ง สมใจอยาก หิหิ








    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>กว่าจะผ่านสนามบินพม่ามาได้ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่
    มือถือก็ต้องเก็บซ่อนให้ดี .. ขืนปล่อยให้พวกทหารเห็น
    มีสิทธิ์โดนยึดได้หน้าตาเฉย หุหุ
    ไกด์ท้องถิ่นที่มารับเราดูท่าทางต้องจ่ายเบี้ยใบ้รายทาง
    กว่าจะหลุดออกมาได้ ก็หมดไปไม่น้อยเหมือนกัน

    ไกด์ท้องถิ่นแนะนำตัวว่าชื่อ "สมชาย"
    จริงๆ เป็นชาวไทเขิน บ้านอยู่เชียงตุง ชื่อ "ชาย แสงเดียว"
    พูดไทยได้ปร๋อ ไม่บอกไม่รู้เลยว่าเป็นชาวเมียนมาร์







    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:27:16</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>รถบัสพาเราออกจากเมืองย่างกุ้งไปยัง "หงสาวดี"
    จริงๆ พม่าจะเรียกว่า หันสาวดี แต่ฝรั่งจะเรียก พะโค(Bago)
    ตำนานเชื่อว่า มีหงส์คู่หนึ่งบินมาพักบนเกาะเล็กๆ กลางทะเล
    แต่เกาะนั้นเล็กมาก มีพื้นที่พอสำหรับหงส์แค่หนึ่งตัว
    หงส์ตัวผู้จึงให้หงส์ตัวเมียยืนอยู่บนหลังตน
    ขณะนั้นพระพุทธเจ้าได้เสด็จผ่านมาทางดินแดนสุวรรณภูมิ
    เมื่อได้เห็นหงส์คู่นั้น จึงได้มีพุทธทำนายว่า
    ต่อไปที่ตรงนี้จะเป็นผืนดินกว้างใหญ่
    และเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป

    จริงๆ แล้ว หงสาวดีเป็นเมืองหลวงของ "มอญ" นะ
    แต่โดนพระเจ้าตองอู ตะเบงชะเวตี้ เข้าตียึดมอญได้
    ตามที่เคยอ่านกันใน ผู้ชนะสิบทิศ อ่ะแหละ
    ด้วยเหตุนี้ไง วัดมอญในไทยถึงต้องมีเสาหงส์
    และหงส์ทุกตัวต้องหันหน้าสู่เมือง หงสาวดี






    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:28:27</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>คนไทยคงคุ้นกับชื่อเมืองหงสาวดีกันดี
    ทั้งจากเรื่องผู้ชนะสิบทิศ เรื่องสุริโยทัย การเสียกรุงฯ ครั้งที่ 1
    รวมทั้งพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรกับพระพี่นางสุพรรณกัลยา
    แต่ทางพม่านี่ จะไม่สอนประวิตศาสตร์เกี่ยวกับสงครามไทยพม่าเลย
    ตำราฝั่งใครเขียน ฝั่งนั้นก็ถูก...เลยไม่เขียนดีกว่า แหะๆ
    ชาวพม่านี่เลยไม่ค่อยรู้เรื่องราวช่วงนี้เหมือนคนไทยเท่าไหร่

    พระราชวังบุเรงนอง ที่หงสาวดีนี่เป็นการสร้างขึ้นมาใหม่
    ตามจินตนการของคนปัจจุบันนี่ละ
    แต่สร้างตรงบริเวณพระราชวังเดิมที่เหลือแต่ซากนั่นละ
    มีท้องพระโรง พระที่นั่งราชบัลลังก์ ของบุเรงนอง
    ดูไกลๆ ก็สวยดี...แต่ดูใกล้ๆ ก็ของทำใหม่ ไม่ค่อยคือเท่าไหร่ แหะๆ






    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:29:05</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มีนาคม 2008
  2. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของเมืองหงสาวดี
    คือ "พระธาตุชเวมอดอร์" หรือที่คนไทยเรียกว่า "พระธาตุมุเตา"
    ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของพม่า 1 ใน 5 องค์
    คือมี เจดีย์ชเวดากองที่ย่างกุ้ง เจดีย์ชเวซิกองที่พุกาม
    เจดีย์ไจก์ทิโย(พระธาตุอินทร์แขวน) ที่รัฐฉาน
    องค์พระมหามัยมุนีที่มัณฑะเลย์ แล้วก็เจดีย์ชเวมอดอร์ที่หงสาฯ นี่ละ



    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:29:52</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>พระธาตุมุเตาเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาของพระพุทธเจ้า
    เวลาไหว้พระที่พม่านี่ เค้าไม่จุดธูปเทียนกันเท่าไหร่นะ
    แต่จะมีช่อดอกไม้กับใบไม้ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จมีชัย
    แล้วก็มีกระดาษทำเป็นร่ม เป็นฉัตรเงิน ฉัตรทอง หรือตุง
    จัดเป็นกำๆ ไว้สักการะบูชาพระธาตุหรือพระตามวัดต่างๆ
    เพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุข คิดหวังอะไรก็ให้สมปรารถนาอ่ะคับ หิหิ



    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:30:39</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>วัดที่พม่านี่ยังเป็นศูนย์รวมของจิตใจและความศรัทธาอย่างสูงสุด
    การเข้าวัดจะต้องถอยรองเท้าถุงเท้าไว้ก่อนเข้าเขตธรณีสงฆ์
    พวกเราชาวเมืองกรุงบางกอก ต้องมาเดินเท้าเปล่าเท้าเปลือย
    บนพื้นปูนที่ร้อนจนเท้าพองแบบนี้... ต่างคนต่างวิ่ง
    วิ่งหาที่ร่มพักเท้ากันจ้าละหวั่น กล้องเกลิ้งไม่ถ่ายแล้วรูป
    ขืนช้ากว่านี้อีกสองวินาที... มีหวัง ติงพองอ่า....


    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:31:20</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>...มหาเจดีย์แห่งเมืองดากอง...

    ค่ำคืนแรกในพม่า
    เรารีบกลับจากหงสาวดีเข้ามาย่างกุ้ง
    กะเวลาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

    เย็นนี้... เราจะดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่ มหาเจดีย์ชเวดากอง

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:40:26</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>มหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพม่า
    มหาเจดีย์ที่มีคนบอกว่ายิ่งใหญ่กว่า พุทธคยา
    เพราะเป็นมหาเจดีย์ที่ยังมีชีวิตมีความเคลื่อนไหว
    มหาเจดีย์ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณและความศรัทธา

    มหาเจดีย์ที่หุ้นด้วยทองคำจำนวนมากมายมหาศาล
    มากกว่า...ทองคำ ในคลังของอังกฤษเสียด้วยซ้ำ

    สำหรับคนไทย...ทองคำที่นี่ คือ ทองที่เผาลอกปล้นสดมภ์มาจากกรุงศรีอยุธยา
    ทองคำที่ได้มาจากชีวิตเลือดเนื้อและน้ำตาคนไทยนับล้านที่ต้องตายไปจากสงคราม

    นั่นก็คงไม่ผิด ...แต่อย่าลืมคิดด้วยว่า..
    คนที่เริ่มต้นจุดไฟเผาอยุธยา..ไม่ใช่พม่า
    แต่เป็น "คนไทย" ด้วยกันเอง
    ถ้าไทยไม่ทรยศไทย... ไม่มีใครจะมาทำลายไทยลงได้หรอก

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:41:27</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>"ชเว" แปลว่า ทอง "ดากอง" คือชื่อเมือง Dagon
    คนไทยเรียกว่า เมืองตะเกิง ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง

    ตำนานเล่าว่า เมื่อคราวที่พระพุทธองค์ได้เสด็จผ่านมา
    ได้ประทานเส้นพระเกศาจำนวน 8 เส้นให้แก่ชาวเมืองแห่งนี้
    ชาวเมืองจึงได้ร่วมกันสร้างพระสถูปใหญ่เพื่อเก็บเส้นพระเกศาไว้สักการะบูชา
    ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์จะต้องทรงทำนุบำรุงพระเจดีย์
    จนเป็นธรรมเนียมที่จะต้อง พระราชทานทองคำเท่าน้ำหนักพระองค์เอง
    ไปตีเป็นแผ่นหุ้มทองหุ้มองค์พระมหาเจดีย์
    ไม่เว้นแม่แต่ คิ่นยุ่น หรือ หม่องเอ... ในปัจจุบัน

    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไม ทองคำแห่งองค์มหาเจดีย์ชเวดากอง
    ถึงได้มีมากกว่าทองคำในพระคลังหลวงแห่งราชอาณาจักรอังกฤษ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:41:56</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ทองคำ 8,688 แท่ง แต่ละแท่งมีค่ามากกว่า 400 USD
    ปลายยอดพระเจดีย์ประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด
    ทับทิม นิล บุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกลาง
    เพื่อรอรับแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของอาทิตย์

    องค์ฉัตรประดับเหนือพระเจดีย์สูง 10 เมตร สร้างด้วยไม้หุ้มทองเจ็ดเส้น
    ประดับด้วยกระดิ่งทองคำ 1,065 ลูก กระดิ่งเงิน 420 ลูก
    ณ ยอดฉัตรประดับด้วยเพชรเม็ดมหึมาเชื่อว่าหลายร้อยกะรัต

    ความอัศจรรย์ของลำแสงที่ต้ององค์พระเจดีย์ในยามค่ำคืน
    ณ จุดเพียงไม่กี่จุดในบริเวณลานรอบองค์พระสถูป
    เราจะได้เห็น ประกายจากแสงเพชรยอดฉัตร
    ที่ส่องสว่างเป็นประกาย งามยิ่งกว่างาม งามกว่าดาวดวงใดๆ บนท้องฟ้า

    บริเวณรอบฐานพระเจดีย์แออัดไปด้วยผู้คนชาวพม่า
    ที่มากราบสักการะด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้า
    ไม่ใช่แค่มากราบ มาไหว้ แล้วก็กลับ...เหมือนเวลาคนไทยไปวัด

    แต่นี่.. ชาวพม่ามา มานั่งรายล้อมเต็มลานไปหมด
    บางคนก็มานั่งสมาธิ
    บางคนก็มานั่งสวดมนต์ภาวนา
    บางคนถึงขนาดมาหุงหาอาหารกินนอนกันบนนั้นเลย

    ภาพบรรยากาศที่ทั้งคนหนุ่มคนสาว คนเฒ่าคนแก่ พระสงฆ์ ภิกษุณี
    นุ่งห่มสไบมิดชิด นั่งสวดมนต์นับสร้อยประคำอย่างมีสมาธิ
    นี่แหละ... ถึงมีคนบอกว่า ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์ที่ยังมี...ชีวิตและวิญญาณ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:43:05</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>...ทะเลเจดีย์สี่พันองค์แห่งเมือง พุกาม...

    เช้าวันที่สอง...เราต้องตื่นกันตั้งแต่ตีสี่
    ตาลีตาเหลือกหอบสังขารกับตาที่สะลึมสะลือไปสนามบิน
    เตรียมขึ้นย่างกุ้งแอร์ไลน์ บินไป "พุกาม"

    พุกาม อาณาจักรโบราณเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเซียอาคเนย์
    กำเนิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของอาณาจักรน่านเจ้า
    หรือราว 1,200 กว่าปีมาแล้ว... นับว่าก่อนสุโขทัยมากมายนัก
    และก่อนที่จะเกิด นครวัด เสียด้วยซ้ำ

    พุกามรุ่งเรืองสูงสุดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16
    พระเจ้าอโนรธาได้รวบรวมพุกามเป็นปึกแผ่น
    มีการค้นคิดตัวอักษรภาษาพม่าขึ้นมาเป็นครั้งแรก
    และได้นำพุทธศาสนาลัทธิหินยานเข้ามาสู่พม่าตอนเหนือ

    ผู้คนต่างศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนากันอย่างมากมาย
    มีการสร้างวัดสร้างเจดีย์จำนวนมากมายขึ้นทั่วอาณาจักร
    เพราะเชื่อว่า การสร้างเจดีย์จะได้อานิสงส์สูงสุด
    เจดีย์ของชาวบ้านก็จะมีขนาดเล็ก
    เจดีย์ของเจ้านายชั้นสูงก็จะมีขนาดใหญ่
    เจดีย์หุ้มทองก็จะเป็นของเจ้าฟ้ามหากษัตริย์

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:48:10</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เจดีย์จะสร้างจากอิฐเผาสีแดงหรือไม่ก็ศิลาแลง
    มีหลายรูปแบบ แต่ส่วนมากจะเป็นสี่เหลี่ยมหักมุม
    ทรงกลมระฆังคว่ำ ทรงแบบอินเดีย ฯลฯ
    มีทั้งองค์เดี่ยว องค์หมู่ มากมายนับแทบไม่ถ้วน

    ว่ากันว่า เจดีย์ในพุกามมีมากถึง 4 พันองค์
    แต่ทุกวันนี้หลงเหลืออยู่เพียง 2 พันกว่าองค์เท่านั้น
    ทั้งจากที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา
    และที่ถูกรื้อถอนมาสร้างเป็นกำแพงเมืองหอรบ
    ในสงครามครั้งสุดท้ายของพุกาม
    สงครามกับ พระเจ้ากุบไลข่าน แห่งมองโกล

    และนั่นคือ จุดจบของ อาณาจักรพุกาม ที่รุ่งเรืองมาเกือบ 500 ปี
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:48:44</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ถ้า .. ย่างกุ้ง.. ถูกเปรียบว่าเป็น ดินแดนแห่งเจดีย์ทองคำ
    พุกาม ...ก็สมแล้วที่จะถูกเรียกว่า ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์

    ตลอดที่ราบริมฝั่งอิระวดี
    พื้นที่กว้างไกลสุดสายตา
    ล้วนประดับประดาไปด้วยเจดีย์
    มากมายหลากหลายรูปร่าง
    เหมือนเข้ามาอยู่ในโลกลับแล

    ด้วยเหตุนี้ พุกาม ถึงได้รับยกย่อง
    ให้เป็น มรดกโลก World Heritage จาก UNESCO
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:49:15</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ด้วยปัญหาทางการเมืองภายในของพม่าเอง
    และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

    รัฐบาลพม่าเข้าไปบูรณะเจดีย์ส่วนใหญ่ในพุกาม
    โดยไม่ฟังคำแนะนำทัดทานจาก UNESCO
    การบูรณะ ที่น่าจะเป็นสิ่งที่ดี
    และจำเป็นสำหรับเจดีย์เก่าแก่กว่าพันปี
    ที่ทรุดโทรมจนใกล้จะพังลงมาเต็มที

    แต่การบูรณะของพม่า..คือ ..การสร้างใหม่ !!!
    ไม่ใช่ซ่อมแซม ....

    เจดีย์สีอิฐใหม่ชมพูสดใส มีให้เห็นอยู่ตลอดทาง
    ไม่ใช่เจดีย์อิฐเผาสีน้ำตาลอมดำตะไคร่เกาะที่บ่งบอกถึงกาลเวลา
    มิหนำซ้ำ รัฐบาลทหาร ยังได้สร้าง "หอคอย" ขึ้นกลางทะเลเจดีย์
    เผื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทัศนีย์ภาพ
    หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ ทำให้ UNESCO ไม่พอใจอย่างมาก
    จนในที่สุดก็งดการให้เงินช่วยเหลือสนับสนุนในนามของ World Heritage
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:49:49</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ท่ามกลางทะเลเจดีย์จำนวนมากมายทั่วพุกาม
    พระมหาเจดีย์ที่สำคัญที่สุดของพุกาม
    และเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า
    พระมหาเจดีย์ที่สำคัญเป็นอันดับสอง
    รองจาก ชเวดากอง ในกรุงย่างกุ้ง
    นั่นคือ.. "พระเจดีย์ชเวสิกอง" แห่ง พุกาม
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:50:41</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เจดีย์ชเวสิกอง สร้างโดยพระเจ้าอโนรธา
    เมื่อคราวที่รบชนะมอญ
    ทำให้ พระเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำศิลปะแบบมอญ
    ก่อนที่จะมีศิลปะแบบ พุกาม แท้ๆ เกิดขึ้น
    เชื่อกันว่า ภายในบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:51:14</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>"ชเว" แปลว่า ทอง
    "สิกอง" แปลว่า พื้นทราย

    ที่ว่าเป็น "พื้นทราย" เพราะว่า
    พุกามตั้งอยู่เขตพื้นที่แห้งแล้ง Dry Zone ตอนกลางของพม่า
    ทั้งๆ ที่มีแม่น้ำอิระวดีที่ใหญ่กว่าเจ้าพระยาหลายเท่า
    แต่ที่ดินแถบนี้ก็แห้งแล้งเกินกว่าจะทำการเพาะปลูกได้

    ไกด์พม่าเล่าว่า...ที่พุกามแห้งแล้ง
    เพราะคนสมัยนั้น ต่างคนต่างแข่งกันสร้างเจดีย์
    ตัดไม้ เผาอิฐ...สร้างเจดีย์
    ตัดไม้จนไม้หมด ผืนดินเลยแห้งแล้งเป็นทะเลทรายนับตั้งแต่นั้นมา

    จะจริงจะเท็จไม่รู้...
    รู้แต่ว่า... ถ้าเมืองไทยยังตัดไม้อยู่แบบนี้
    อีกหน่อยคงเป็นทะเลทรายเหมือนที่พุกาม
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:51:50</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เจดีย์ที่เหลือในทะเลเจดีย์ทุกวันนี้ทั้ง 2 พันกว่าองค์
    ส่วนมากเป็นเจดีย์ร้าง วัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่
    แต่ด้วยแรงศรัทธาต่อพระศาสนา
    และการเกรงกลัวต่อบาปที่ฝังลึกในจิตใจของชาวพม่า

    เจดีย์ยังคงยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ถูกขุดรื้อทำลาย
    พระพุทธรูปยังคงประดิษฐานอยู่งดงามอยู่ทุกซุ้มเจดีย์
    แม้แต่.. อุณาโลมเพชร ทับทิม หรือ มรกต
    ก็ยังไม่มีชาวพม่าคนใดกล้าเข้าไปแตะต้องลักขโมย

    ถ้าเป็นเมืองไทย คงโดนตัดไปทั้งพระเศียร
    หรือไม่ก็ยกไปทั้งองค์นั่นละ เห้อ เศร้าใจ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:53:07</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เจดีย์นับพันๆ องค์ คงเที่ยวกันไม่หมด
    บรรยากาศน่าหาเสือหมอบมาขี่เที่ยวสักคัน
    ขี่เสือ ถ่ายรูป วาดภาพสีน้ำ คงสุขน่าดู ฮี่ๆ
    แต่จะให้ทั่วคงต้องอยู่ที่นี่เป็นอาทิตย์เลยละมั้ง

    คราวนี้คงได้ไปแต่เจดีย์ที่สำคัญๆ
    อย่าง เจดีย์ที่สวยที่สุด "วัดอานัตตา"
    เจดีย์ที่สูงที่สุด "วัดสัพพัญญู"
    เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุด "วัดธรรมยังยี"
    อะไรที่สุดๆ อีก จำไม่ไหวเหมือนกัน
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:53:37</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>"วัดกุปยอว์ยี" ก็มีจิตรกรรมฝาผนังที่ยังคงสีสันสดใสงดงาม
    ถึงแม้จะผ่านเวลามานับพันปีก็ตาม
    เพราะเป็นการเขียนสีบนพื้นปูนเปียก ที่เรียกว่า "Fresco"

    วันนั้นเดินเข้าเจดีย์นั้น เดินออกเจดีย์นี้
    เดินเท้าเปล่าทั้งร้อน ทั้งหนามตำ หินข่วน
    จนเท้างี้ระบมไปหมด เหอเหอ


    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:54:15</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ตกเย็นก็ปีนขึ้นไปบนยอด "มิงกาลาเจดีย์"
    ที่เป็นจุชมวิวที่พอขึ้นไปยืนแล้ว
    เหมือนลอยอยู่กลางทะเลเจดีย์จริงๆ

    เจดีย์น้อยใหญ่นับร้อยนับพัน
    เรียงรายกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้า
    นับตั้งแต่ริมฝั่งอิระวดีที่ขอบฟ้า
    ไปจนจรดชายเขาอีกด้านหนึ่ง

    ถ้าอาทิตย์ตกเมื่อวานที่ชเวดากอง ว่างามจนยากจะบรรยาย
    อาทิตย์ตกวันนี้ทีทะเลเจดีย์ก็ต้องบอกว่า โรแมนติกสุดๆ เหมือนกันครับ อิอิ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:54:51</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>PlaToNiC
    และถ่ายภาพโดย คุณมะขวิด ค่ะ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:55:37</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>... มัณฑะเลย์ จุดสิ้นสุดของบัลลังก์นกยูง ...


    เช้าวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม
    ตื่นแต่เช้าตรู่เดินละเมอจากโรงแรมไปสนามบิน
    จาก พุกาม.. บินไป มัณฑะเลย์
    จริงๆ มันก็เครื่องบินลำเดิมอ่ะนะ
    เครื่องบินใบพัดลำเล็กๆ สัก 50 ที่นั่งบินวนเป็นวงกลม
    เหมือนรถเมล์สายวงกลม ไม่ต้องพักอะไรมาก
    ย่างกุ้ง - พุกาม - มัณฑะเลย์ - ไฮโฮ - ย่างกุ้ง
    ถ้านั่งเลยป้าย... ก็หลับต่อรอเค้าวนกลับมารอบสองก็ได้นะ อิอิ

    มัณฑะเลย์ ทุกวันนี้มีฐานะเป็นเมืองท่า
    เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่ารองจาก ย่างกุ้ง
    จริงๆ แล้ว มัณฑะเลย์
    เป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของราชวงศ์พม่า
    ก่อนที่ระบอบกษัตริย์จะถูกโค่นล้มลง
    พม่า..ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:56:47</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ถ้าพวกเรายังพอจำกันได้....
    ไทยเสียกรุงฯ ครั้ง 2 ในปี 2310
    ตอนนั้น พระเจ้าอลองพญาส่งทัพมาตีกรุงศรีฯ
    แต่เกิดเหตุปืนใหญ่ระเบิดสิ้นพระชนม์จนต้องล่าทัพกลับไป
    จนกระทั่ง พระเจ้ามังระ แห่ง อังวะ ยกมาตีครั้งใหม่
    กรุงจึงแตกพ่ายย่อยยับ ...

    สงครามคราวนั้น...
    พม่า กรีฑาทัพมาด้วยไพร่พลเดินท้าว ช้างศึก ม้าศึก ปืนใหญ่เหล็กหล่อ
    ไม่แตกต่างจากคราวที่ ตะเบงชเวตี้บุกกรุงฯ ตอนปี 2112 เกือบ 200 ปีก่อน
    และแทบจะเหมือนๆ กลับสงครามสมัยต้นกรุง สมัยสุโขทัย
    การศึก การทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์
    สงครามตลอด 400 ปีของภูมิภาคนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลง

    หรือแม้แต่ สงครามเก้าทัพ สมัย รัชกาลที่ 1
    ช้างศึกม้าศึก ยุทธวิธีก็ยังคงเป็นเหมือนที่เคยเป็น
    จะมีปืนไฟเพิ่มมาบ้างก็นิดหน่อย
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:57:18</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>แต่หลังจากพม่าตีอยุธยาแตกในปี 2310
    หลังจากนั้นเพียง 57 ปี ...
    พ.ศ. 2367 กองทัพอังกฤษยกทัพเรือล่องขึ้นมาตามอิระวดี
    เข้ายึดพม่าจากทางตอนใต้ ยึดขึ้นมามากขึ้นมากขึ้น

    จาก กรุงอังวะ.. พม่าย้ายเมืองหลวงมาเป็น อมรปุระ
    พม่ารบแพ้อังกฤษ ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3
    สงครามที่ พม่าเหมือนจะไม่มีทางชนะ
    พระเจ้ามินดงย้ายเมืองหลวงอีกคร้งในเวลาติดๆ กัน
    จาก อมรปุระ มาเป็น มัณฑะเลย์

    พม่าพรั่งพร้อมไปด้วย ม้าศึก ช้างศึก ดาบน้ำพี้ ปืนไฟ ป้อมหอ กำแพงเมือง
    เทียบกับ อังกฤษ.. กองทัพเรือมหึมา หมู่ปืน ปืนใหญ่
    มันต่างกันราวกับคนละยุคคนละสมัย หรือราวกับอาวุธจากนอกโลก

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:57:47</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>มัณฑะเลย์เป็นราชธานีอยู่เพียง 28 ปี
    อังกฤษเข้าตีมัณฑะเลย์แตกในปี 2367
    โอรสของพระเจ้ามินดง พระเจ้าสีป้อจึงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้าย
    ที่ได้ประทับบนบัลลังก์นกยูงที่มีประวัติศาสตร์นับพันปี
    พระเจ้าสีป้อ ถูกส่งไปอินเดีย
    และเชื่อกันว่าถูกประหารที่นั่นโดยไม่ได้กลับพม่าอีกเลย
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 16:58:19</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>พระราชวังมัณฑะเลย์ ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง
    สมบัติทุกชิ้นถูกอังกฤษขนเอาไป
    ไม่เว้นแม้แต่ ราชบัลลังก์นกยูงสัญญลักษณ์แห่งราชวงศ์
    และพระที่นั่งสิงหนาทในท้องพระโรงใหญ่
    ที่เป็นทองคำประดับด้วยเพชร พลอย ทับทิม อัญมณี อันมหาศาล
    ทุกวันนี้จะดูสมบัติพม่า จะดูราชบังลังก์
    คงต้องไปดูที่ British Musuem อีกนั่นละ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:01:06</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เห้อ.. เขียนถึงตอน พม่าเสียเมือง ให้อังกฤษแล้วนี่
    นึกถึงเรื่อง "ทวิภพ" ที่ไปดูมาเหมือนกัน
    อังกฤษยกทัพเรือมาปิดอิระวดี
    คงเหมือนกับตอนฝรั่งเศสยกทัพเรือมาปิดเจ้าพระยา

    บุญของประเทศไทย ที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงนำพาประเทศ
    ให้รอดจากเงื้อมมือของพวกตะวันตกที่มาแสวงหาผลประโยชน์
    ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เสียกลันตัน ตรังกานู
    เสียมะริด ทะวาย... เสียพื้นที่ไปไม่น้อย

    ว่ากันว่า.. พระพุทธเจ้าหลวงถึงกับทรงพระกรรแสงจนล้มประชวร
    ด้วยพระวิตกว่า สยามจะล่มสลายลงในสมัยพระองค์

    แต่ในที่สุดพระองค์ก็พาสยามให้รอดปากเหยี่ยวปากกาออกมาได้
    ไม่อย่างนั้นไทยคงไม่เป็นไทยอย่างทุกวันนี้
    ไม่อย่างนั้น.. เราคงต้องไปดู พระแก้วมรกต ที่ British Musuem ด้วยละมัง
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:01:45</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>... เศษซากแห่งสงคราม ...


    มัณฑะเลย์ มีสิ่งน่าสนใจเยอะแยะไปหมด
    เป็นศูนย์กลางของวิชาความรู้ ศิลปะ ศาสนา
    เป็นเมืองท่าสำคัญ ชุมทางรถไฟ เมืองเศรษฐกิจ
    จนมีคนบอกว่า มัณฑะเลย์ เป็นอัญมนีของเมียนมาร์เลยทีเดียว
    อีกหน่อย... มัณฑะเลย์ คงเป็นศูนย์กลางสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยเหมือนกัน

    ด้วยเหตุผลง่ายๆ ... สนามบินแห่งใหม่ของมัณฑะเลย์เลยถูกสร้างขึ้น
    มี รันเวย์ยาวที่สุดในเอเซียตะวันออก
    สายพานเดินกระเป๋าล้ำจนนึกว่าอยู่ สนามบินนิวยอร์ค
    ตัวอาคารสนามบินนับว่าหรูหราโออ่า มากกว่าที่ ย่างกุ้ง หลายร้อยเท่าตัว
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:02:44</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>แต่....
    สนามบินหรูหราราคาหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐที่มัณฑะเลย์
    มีเครื่องบิน .. บินมาลง วันละ 3 ลำ.. ลำละไม่เกิน 50 คน
    จริงๆ นะ.. มีเท่านี้จริงๆ
    ตอนเครื่องบินไปถึง... เจ้าหน้าที่ก็เพิ่งจะเปิดไฟให้หน่อย
    เหมือนเดินเข้าตึกร้างๆ ไม่มีไฟ ไม่มีแอร์ เอิ๊กๆ
    พอจะเข้าห้องน้ำ...ก็เด๋วๆ เด๋วไปเปิดน้ำให้ก่อน 5555

    สงสัยอยู่เหมือนกัน.... เค้าสร้างสนามบินใหญ่โตไปทำไมกัน
    ในเมื่อมีคนใช้สนามบินอยู่แค่นิดเดียว...
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:03:30</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>คำตอบคือ.. รัฐบาลเติ้งไทยมาพร้อมกับอิตัลไทย
    รับสัมปทานสนามบินนี้ไปเหนาะๆ เต็มไม้เต็มมือ
    เค้กก้อนนี้..อาจไม่ใหญ่เท่า สุวรรณภูมิ
    แต่ก็กินกันอร่อยทั้งพี่ไทยและพี่หม่องแหละน้า...เห้อ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:04:09</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>คราวก่อนเล่าให้ฟังว่า พระราชวังมัณฑะเลย์
    โดนอังกฤษเผาราบไปหมดตอนเสียเมือง
    มีคนสงสัยว่า..เอ๊ะ แล้วถ่ายรูปมาได้ยังไงเยอะแยะ

    จริงๆ พระราชวังมัณฑะเลย์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
    รัฐบาลพม่าสร้างขึ้นมาใหม่ ตามรูปถ่ายเดิมอ่ะ
    ดูไกลๆ ก็สวยงามอร่ามเรืองดีหรอก
    แต่ดูใกล้ๆ มันก็ฉากๆ ยังไงไม่รู้ ไม่คือเท่าไหร่
    รายละเอียดก็เป็นสังกะสีพ่นทอง
    ฝาผนังก็เอาพิมพ์ฉละพ่นสเปรย์ทองซะงั้น
    พม่าเค้าก็ตั้งใจทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไว้แค่นั้นละ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:04:54</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ส่วนถ้าจะดูศิลปะชั้นเอกของพระราชวังมัณฑะเลย์จริงๆ
    ต้องไปดูที่ "วัดชเวนันดอร์"
    ที่นี่มีพระตำหนักไม้สักทองแกะสลักงดงามวิจิตร
    วิจิตรจริงๆ บอกตามตรงเลยไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจริงๆ
    พระตำหนักองค์นี้ พระเจ้ามินดงใช้เป็นที่นั่งวิปัสสนาสวดมนต์เป้นประจำ
    เมื่อพระเจ้ามินดงสิ้นพระชนม์ลง
    พระเจ้าสีป้อจึงได้ยกพระตำหนักนี้ถวายวัด
    ย้ายออกมาสร้างที่วัดชเวมอดอร์นี่
    พระตำหนักองค์นี้เลยรอดจากการถูกเผา

    นี่ขนาดเหลือพระตำหนักไว้แค่องค์เดียวยังงดงามขนาดนี้
    ถ้าจะจินตนาการย้อนไปถึง ความสวยงามที่แท้จริง
    ของพระราชวังมัณฑะเลย์ ละก้อนะ... อูยยย เกินจะจินตนาการไหว
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:05:38</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>สงครามเผาทำลายเมือง ทำลายผู้คน
    ทำลายศิลปะอารยธรรมของชนชาติมามากมาย
    ไม่รู้ทำไม .. คนเรายังชอบให้มีสงคราม
    ทำไมไม่เอาเวลาว่างๆ มาสร้างสรรศิลปะอารยะให้คนรุ่นใหม่

    หรือบางที... พวกที่ไร้อารยะ.. ที่พยายามก่อสงคราม
    เพื่อให้โลกทั้งโลกไม่มีอารยะ...เหมือนพวกมัน !!
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:06:51</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>บรรยายโดย คุณ PlaToNiC
    และถ่ายภาพโดย คุณมะขวิด ค่ะ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 07/Jun/2005 17:07:42</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>มาโพสกันให้ได้ยลกันต่อนนะคะ

    ...ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว...


    สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของมัณฑะเลย์
    แล้วก็เป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่สุดของพม่า
    คือ "พระมหามัยมุนี" หรือที่คนไทยรู้จักกันว่าเป็น "พระนิ่ม"
    พระพุทธรูปทองคำแท้ทั้งองค์ ปางมารวิชัยทรงเครื่อง ใหญ่โตสูงเกือบ 4 เมตร
    เจ้าเมืองยะไข่ได้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ตั้งแต่พันสามร้อยกว่าปีมาแล้ว
    บอกให้รู้ว่า มัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวงของแคว้นยะไข่ มานานนับพันปี

    เนื้อทองบริเวณองค์พระ ตั้งแต่พระศอลงมา
    จะเป็นตะปุ่มตะปุ่ม นูนๆ เป็นลูกๆ จับกดดูจะนิ่มๆ หยุ่นๆ
    จะยกเว้นก็แต่บริเวณพระพักตร์ที่เป็นทองคำสุกใสเรียบเนียน
    โดยในเวลาตีสี่ของทุกเช้า... เจ้าอาวาสของวัดนี้
    จะมีการซับพระพักตร์เช็ดหน้าพระมหามัยมุนี
    ด้วยน้ำปรุงและทานาคาที่ผ้คนร่วมกันฝนถวาย
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:24:38</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>คนส่วนมากเชื่อกันว่า ที่องค์พระมีเนื้อนิ่ม
    เกิดจากแรงศรัทธาของผู้คนที่มาปิดทองคำเปลวที่องค์พระ
    ปิดทองมากขึ้น มากขึ้น..จนเนื้อทองทับซ้อนกันหนาเป็นรอยนูน
    และมีเนื้อที่นิ่มกว่าทองคำที่หล่อเป็นองค์พระภายใน

    แต่จริงๆ แล้วนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า
    ในสมัยพระเจ้าสีป้อ ได้เกิดไฟไหม้วัดครั้งใหญ่
    ทำให้ทองคำที่หุ้มองค์พระอยู่ได้รับความเสียหาย
    ถูกความร้อนหลอมละลาย มีการหลอมเททองกันใหม่
    แต่ก็ทำได้ไม่ดีเหมือนครั้งแรก จึงทำให้เนื้อทองไม่เรียบนี่ละ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:27:32</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ของอีกอย่างที่คนไทยไปเที่ยววัดพระมหามัยมุนีต้องไปดูกัน
    คือ เทวรูปสำริด สิงห์ ช้างเอราวัณ ทวารบาล
    ที่มีเรื่องเล่าว่า... ไทยไปตีนครวัดแล้วยกมาไว้ที่กรุงศรีฯ
    พอพม่ามาตีไทยก็ยกมาไว้ที่หงสาฯ
    พระเจ้ายะไข่ยกไปปล้นหงสา..ก็เลยยกมาไว้ที่ยะไข่นี่ละ
    เสียดายไม่มีรูปมาให้ดู เพราะผู้คนล้านแปดแสนมาลูบๆๆๆๆ ลูบเจ้าสิงห์นี่
    เพราะเชื่อว่า.. ลูบตรงไหนก็หายเจ็บหายปวดตรงนั้น อิอิ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:29:41</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ตกบ่าย...เราลงเรือล่องขึ้นไปตามแม่น้ำอิระวดี
    อิระวดีนี่ว่าไปใหญ่กว่าเจ้าพระยาเยอะเหมือนกัน
    มองเผินๆ นี่นึกว่าเป็นทะเลสาปเลยละ
    มิน่า.. อังกฤษถึงส่งกองทัพเรือล่องมาได้ถึงกลางพม่าแบบนี้
    เรากำลังจะไปเมือง "มิงกุน"
    เมืองเก่าอีกเมืองอยู่ริมฝั่งอิระวดีตอนเหนือไม่ห่างมัณฑะเลย์เท่าไหร่
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:31:09</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เจ้าปดุงตั้งใจจะสร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นมาองค์หนึ่งริมฝั่งอิระวดี
    เผื่อให้พระองค์มองเห็นได้จากเมืองอังวะ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
    แต่เมื่อสร้างเสร็จแค่ฐาน...ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    ทำให้เจดีย์พังถล่มลงมา แตกหักเสียหายจนไม่สามารถสร้างต่อได้
    น่าเสียดาย ถ้าเจดีย์มิงกุนสร้างเสร็จจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    และใกล้ๆ กับเจดีย์มิงกุน ยังมี "ระฆัง" ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
    เดิมระฆังที่รัสเซียใหญ่ที่สุด แต่ก็หลอมทำปืนไปหมดแล้ว
    ตอนนี้ของพม่านี่เลยเป็น "ที่สุดในโลก" อยู่นี่ละ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:32:13</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เดินต่อจากระฆังที่ใหญ่ที่สุดไปหน่อย จะเจอ เจดีย์ที่สวยงามอีกแห่ง
    ชื่อว่า "เจดีย์มญาเธียรดาร" เจดีย์สีขาวสะอาดตา
    ตั้งอยู่บนฐาน 7 ชั้นรูปเกลียวคลื่น ตามความเชื่อของ เขาพระสุเมรุ
    แกนกลางจักรวาลที่ถูกล้อมรอบด้วยสัตตบริพันธ์และมหานทีสีทันดรทั้ง 7 ชั้น
    ว่ากันว่า เจดีย์สีขาวบริสุทธิ์องค์นี้ ถูกสร้างเผื่อเป็นสักขีพยานรัก
    ของราชนิกูลอังวะคู่หนึ่ง... จนได้รับสมญาว่า "ทัชมาฮาลแห่งอิระวดี"
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:34:14</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ตะวันเริ่มคล้อยจนใกล้จะค่ำ...
    เราออกเรือจากมิงกุนกลับมัณฑะเลย์
    วิธีชีวิตชาวพม่ายังคงผูกพันธ์กับสายน้ำอิระวดี
    กระท่อมไม้ไผ่สานมุงหญ้าคาเรียงรายอยู่ริมสองฝั่งสายน้ำ
    เด็กเล็กแก้ผ้าโถงๆ ออกมาเล่นน้ำ
    ผู้หญิงกระเดียดตะกร้าผ้าออกมาซัก
    ผู้ชายออกเรือไปหาปลามาเป็นอาหารมื้อเย็น
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:35:10</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>อาทิตย์ยามเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม
    ลมยามบ่ายพัดเรื่อยเอื่อยเย็นสบาย
    เรือของเรายังคงเคลื่อนตัวช้าๆ
    เพื่อซึมซับกับบรรยากาศชีวิตของอิระวดี

    "ฟ้าลุ่มอิระวดี คืนนี้มีแต่ดาว
    แจ่มแสงแวว วาว ฮือ ฮื้อ...อือ.
    เด่นอะคร้าวสว่างสไว..."

    คุณป้าที่นั่งอยู่หัวเรือคลอเพลงเบาๆ ให้ลอยมาลม
    เธอคงอดไม่ได้ที่จะร้องลำนำรักแห่งอิระวดีของเจด็จ
    ลมเย็นๆ บรรยากาศบนเรือกับเสียงเพลงก็ทำให้เคลิ้มไปเหมือนกัน
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 09/Jun/2005 11:36:19</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>แต่.............
    พอเข้ามาในพิพิธภัณฑ์..ก็ใจหาย...
    ของที่เอามาโชว์ไม่มีอะไรมากอย่างที่คิด
    สภาพไม่ต่างอะไรกับห้องเก็บของเสียด้วยซ้ำ

    ห้องที่เด่นและสำคัญที่สุดคือ.. ห้องเก็บ "พระที่นั่งสิงหนาทราชบัลลังก์"
    ราชบัลลังก์องค์สุดท้ายที่พระเจ้าสีป้อเคยประทับ
    ราชบัลลังก์ที่ต้องฝังคนทั้งเป็นไว้ใต้ฐานถึง 200 คน
    ราชบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยทองดำ ทับทิม และอัญมณีมูลค่ามหาศาล

    เวลานี้... ราชบัลลังก์ที่เห้นในพิพิธภัณฑ์
    เหลือเพียงแค่โครงไม้ปิดทอง... เท่านั้น !!
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:45:19</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>อังกฤษยึดเอาราชบัลลังก์นับ 10 องค์จากมัณฑะเลย์
    พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติมากมาย..ไปไว้ที่ British Museum

    เมื่อคืนเอกราชให้พม่า.. ชาวพม่าเรียกร้องขอคืนสมบัติเหล่านี้
    อังกฤษจึงส่งคืนราชบัลลังก์องค์ที่สำคัญที่สุด "สิงหนาถ"
    แต่ก็เลาะเอาทองคำ ทับทิม เพชรพลอยทั้งหมดที่หุ้มออกจากบัลลังก์ออกไปหมด
    ส่งคืนมาแค่...โครงไม้แกะลายปิดทองเท่านั้น

    สมบัติที่แสดงในพิพิธภัณฑ์ที่เป็นของเด่นๆ ที่อังกฤษส่งคืนมาให้เหลือเพียงไม่กี่ชิ้น
    เครื่องราชูปโภคทองคำประดับทับทิม ลวดลยวิจิตรงดงาม
    โถน้ำจันทน์ แกะสลักจากก้อนอัมพันมหญ่กว่าลูกบอลเสียอีก
    เก้าอี้งาช้าง ที่ต้องใช้งาช้างนิบสิบกิ่งมาแกะฉลุลายโปร่งงามมากๆ
    เห็นแล้วทึ่งในฝีมือช่างสกุลพม่าเลย... วิจิตรพิศดารจริงๆ

    แต่ก็มีให้ดูไม่มาก.. ถ้าอยากดูมากกว่านี้ ... British Museum ครับท่าน
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:46:30</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>บางที...นี่อาจเป็นเรื่องของ "ผลกรรม" หรือกรรมตามสนอง
    พม่าปล้นกรุงศรีฯ เผาลอกเอาทองคำไปมากมาย
    ไม่เว้นแม้แต่ทองคำหุ้มองค์พระศรีสรรเพ็ชญ์ดาญา
    ที่ต้องสุมไฟเผาอยู่ถึงสามวันสามคืนจึงลอกเอาทองไปหมดองค์

    แค่ 50 กว่าปีหลังจากนั้น... กรรมก็สนองคืนพม่า
    ฝรั่งหัวขาวเข้าปล้นเมืองขนสมบัติมหาศาลทำลายปราสาทราชวัง
    เหมือนที่อยุธยา...เคยโดนเผาเมื่อกว่า 50 ปีก่อน

    นี่ยังดี..ที่อังกฤษมันไม่ใจดำขนาดเผาชเวดากองหลอมเอาทองไปด้วยนะเนี๊ยะ
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:47:40</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. คนไม่พิเศษ

    คนไม่พิเศษ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +32
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ทุกวันนี้.. ชาวพม่ายากจน ประเทศปิดตัวจากโลกภายนอก
    สมชายไกด์พม่า ชอบถามอยู่บ่อยๆ ว่า..
    "เป้นไงพม่า ..เจริญกว่าลาว กว่าเขมรไหม?"

    จริงๆ พม่าเจริญกว่าลาวกว่าเขมรเยอะ
    และจริงๆ แล้ว... พม่า...สมควรจะเจริญกว่าไทยด้วยซ้ำ

    พม่า... มีบ่อน้ำมัน 4 บ่อใหญ่.. ที่ ปตท ขอไปร่วมทุน
    พม่า... มีเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จีนยังต้องมาขอซื้อ
    พม่า... มีเหมืองทับทิมที่ยังมีเม็ดใหญ่ๆ และงามกว่าทับทิมเมืองจันทน์หลายเท่า
    พม่า... มีเหมืองหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
    พม่า... มีป่าไม้สัก..ที่กว้างใหญ่มากมายที่สุดในโลก

    พม่า... ยังมีทรัพยากรมากมายมหาศาล
    ที่มีค่ามากกว่าทองคำหุ้มมหาเจดีย์ชเวดากอง

    แต่ชาวพม่า..น้อยคนจะได้รับผลประโยชน์ของทรัพยากรมหาศาลพวกนี้
    นอกจาก... รัฐบาลทหารพม่าเพียงไม่กี่คนเท่านั้น


    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:48:42</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>เมื่อสามสี่ปีก่อน... รัฐบาลพม่าได้พบ หินอ่อนขนาดราว 70 ตัน
    จึงนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    รัฐบาลพม่าถือว่าเป็นเรื่องมงคลที่ได้พระพุทธรูปหินอ่อนองค์นี้มา
    และหลังจากนั้นอีกหนึ่งปี.. พม่า..ก็ได้พบ "ช้างเผือก" อีกหนึ่งเชือก
    ชาวพม่าดีใจเฉลิมฉลองสมโภชช้างเผือกใหม่เชือกนี้กันเอิกเกริก

    ทุกวันนี้ชาวพม่าเชื่อกันว่า เพราะพระหินอ่อนและช้างเผือกเชือกนี้
    ทำให้ชีวิตความเป็นอยุ่ชาวพม่าดีขึ้น พบบ่อน้ำมันใหม่ๆ พบเหมืองทับทิมใหม่ๆ
    นี่ละ.. เค้าถึงเรียก ช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง

    พวกผมได้มีโอกาสเข้าไปดูพระหินอ่อนองค์มหึมา
    พร้อมกับ "ช้างเผือก" ... ที่เกิดมาก็ไม่เคยเห็นช้างเผือกจริงๆ กับเค้าเลย
    บอกตรงๆ... เห็นแล้วต้องยอมรับ.. ว่าทำไม คนโบราณแถบนี้
    ถึงต้องยกทัพตีบ้าน ตีเมือง เพื่อแลกกับ ช้างเผือก

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:49:26</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0><CENTER>[​IMG]</CENTER>ช้างเผือกที่เห็นมีสามเชือก
    ช้างพลายเผือกเชือกเอกอยู่ตรงกลาง
    ขนาบช้างพังสีดอตัวเมียสีขาวอมชมพู

    ช้างพลายเผือกไม่ได้สีขาวอมชมพูเหมือนช้างพังสองตัวนั่น
    แต่มีสีออกเทาอ่อนๆ .. ว่ากันว่า ช้างเชือกนี้เปลี่ยนสีได้วันละ 7 สี !!!
    อะไรจะเป็นช้างมหัศจรรย์ขนาดนั้น
    ลองไปดูที่รูป.. ถึงเข้าใจว่า ช้างเชือกนี้ตอนเช้าสีผิวจะอ่อนๆ
    แล้วจะค่อยๆ เข้มขึ้นจนออกแดง เหมือนคนแพ้แดด
    ตกเย็นๆ ก็ออกเป็นสีคล้ำออกดำ
    พอได้อาบน้ำเล่นน้ำตัวเย็นหน่อย ก็สดชื่นสีกลับมาผ่องใหม่
    เดาเอาเองว่า.. เซลล์สีผิวคงไวต่อแสงมากกว่าปรกติ

    เห้อ.. เห็นแล้วบอกตรงๆ .. อยากเอามาถวายในหลวง
    ให้เป็นช้างคู่บุญคู่บารมีประดับพระเกียรติจริงๆ แหละ
    งานนี้เห็นทีคงต้องเกิดสงคราม 55555

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:50:57</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#666666 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#fffff0>จบชุดแล้วค่ะ หมดแล้วจริงๆค่ะรอบนี้

    สุดท้าย ก็ต้องขอขอบคุณ ท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ อุตส่าห์เข้ามาเยี่ยม ท่านใดเคยไปเที่ยวแล้ว ลองเข้ามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันได้นะคะ ดิฉันจะได้ได้ลาภความรู้ไปกับเค้าด้วยค่ะ ฮิฮิ

    ท้ายสุด ขอขอบคุณ ผู้อุปการะคุณในครั้งนี้(อีกครั้ง) ซึ่งเป็นใครไปมิได้ นอกจากคุณมะขวิด และ คุณ PlaToNiC ค่ะ สำหรับภาพสวยๆ และคำบรรยายใต้ภาพนะคะ

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#fffff0>จากคุณ จันทร์กระจ่างกลาง..อิระวดี 10/Jun/2005 10:53:37</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    http://images.google.co.th/imgres?i...D%E0%B8%99&start=140&gbv=2&ndsp=20&hl=th&sa=N
     
  13. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
    น่าไปจัง ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ หุ หุ หุ
     
  14. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    ขอบคุณสาระดีดี มีความรู้หลายด้าน ครับ

    มิน่าแต่ละประเทศอยากให้พม่ามีประชาธิปไตย...เพราะอะไรกันแน่
     
  15. BirdSoul

    BirdSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4,248
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,020
    ทั้งพระราชวัง วัด เจดีย์ สถานที่ต่างๆ มีประวัติศาสตร์ที่
    เคยรุ่งเรืองมาก และสวยงามน่าไปเที่ยวจริงๆค่ะ

    เค้าว่าชาวพม่าเข้าวัดกันเยอะนะคะ เข้าไปสวดมนต์ขอพร
    เพื่อหวังกันชาติหน้า ส่วนชาตินี้ไม่เอาแล้ว
     
  16. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ตอนเรียนหนังสืออยู่ ม.6น่ะ มีเพื่อนชาวพม่าอยู่เยอะพอสมควร ตอนนั้น แต่ละคนก็อายุ 26 ขึ้นไปทั้งนั้น เป็นนักเรียนทุนของยูเอ็น และเป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ปัจจุบันพวกเขาก็ยังสู่อยู่มั้ง แต่สู่ด้วยปากกาน่ะ
     
  17. MadamPW

    MadamPW สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +7
    น่าไปเที่ยวจังเลย
     
  18. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    ดูภาพศิลปะ วัฒนธรรมพม่า แล้ว มีความเป็นไทย+จีน ดูขลัง มีเวทมนตร์ดีจริง:cool:
    ชักชวนให้อยากไปเที่ยวอีกแล้ว(rose) (rose) (rose) (rose)
     
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    อยากไปบ้างจัง เพราะรู้สึกว่า สถาปัตย์เค้าสวยนะ เพราะมาจากอินเดียและจีน ต้องผ่านพม่าก่อนเข้าไทย
     
  20. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    อยากถาม คุณกัตติกา ว่าไปเองหรือไปกับทัวร์ ค่าใช้จ่าย ประมาณเท่าไร และใช้เวลากี่วัน ผมกำลังตัดสินใจอยู่ครับ ว่าจะไปพม่า หรือ บาหลีดี เพราะมีสถาปัตยที่สวยงาม และวิธีชีวิตที่ผูกพันธ์กับศาสนา คล้าย ๆ กัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...