เที่ยวฮ่องกง ชิมขนม-น้ำชา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 30 พฤศจิกายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>คัสตาร์ด ขนมขึ้นชื่อของฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เค้กฝรั่งสไตล์จีน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อัลม่อนบด ,คุ้กกี้วอลนัท และคุ้กกี้งาขาว ใส่โหลขายตามร้านขนมทั่วไปในฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>วิธีทำคัสตาร์ดไข่</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าของร้านฟูหลำ ร้านขายขนมคัสตาร์ดไข่ชื่อดัง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พุดดิ้งมะม่วง ขนมที่ผู้มาเยือนฮ่องบกงต้องลองชิม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แหยหว่องสุดกั๊บโต้ว หรือ พุดดิ้งไขมันกบ ขนมหวานหากินยากของฮ่องกง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พายหมูแดง การผสมผสานวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แหย่จั๊บหมาเต่าโก๊ว หรือพุดดิ้งกะทิรูปปลา นิยมกินในเทศกาลปีใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ป๋าว หรือซาลาเปาลูกท้อ นิยมกินในวันเกิด เชื่อว่ากินแล้วอายุจะยืน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ร้านขายชา ซึ่งตั้งโหลชาโชว์ไว้ด้านหน้าร้าน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ชาโป้วเหล่ง หรือชาอัดก้อนซึ่งทำเป็นรูปก้อนทอง มักมอบเป็นของขวัญในโอกาสต่างๆ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ไม้หอมอบแห้งต่างๆซึ่งนิยมใส่ในกาน้ำชาเพื่อทำให้น้ำชามีกลิ่นหอม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ขนมหวานนานาชนิดนับเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่นักท่องเที่ยวทุกท่านซึ่งไปเยือนฮ่องกงไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็น ขนมคัสตาร์ดไข่รสชาตินุ่มลิ้น พุดดิ้งมะม่วงอันลือชื่อ พุดดิ้งไขมันกบซึ่งหากินได้ยาก เห่งหยิง หรืออัลมอนด์คุ้กกี้ ซ่าเย้ง-โดนัทสไตล์จีน ที่กรอบนอกนุ่มใน ยิ่งรับประทานคู่กับน้ำชาหอมๆ หลากกลิ่นหลายรสก็ยิ่งเพิ่มความอร่อยล้ำ ทั้งชาอูหลง รสเข้ม ชามะลิ หอมชื่นใจ หรือจะอินเทรนด์ด้วยการผสมไม้หอมต่างๆ อย่างกุหลาบแห้งดอกเล็กๆ ลงไปในถ้วยชาก็ไม่ผิดกติกา

    *สแน็กของจีน

    หากพูดถึงขนมของฮ่องกงแล้วทั้งเด็กและผู้ใหญ่คงจะน้ำลายสอไปตามๆกัน เพราะนอกจากจะมีมากมายหลากหลายให้เลือก ทั้งขนมอบแห้งแบบดั้งเดิม ขนมหวานต้มน้ำตาล พุดดิ้งแบบต่างๆ Chinese cake หรือนมเค้กสไตล์จีน และขนมตามเทศกาล เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ รสชาติยังหอมหวานกลมกล่อม ที่สำคัญไม่หวานจัดหรือมันจนเลี่ยน ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของขนมฮ่องกง ทั้งนี้ชาวฮ่องกงเรียกขนมหวานดังกล่าวว่า 'สแน็ก' โดยนิยมกินเป็นอาหารว่างก่อนมื้อหนัก ซึ่งช่วงเช้าจะอยู่ในช่วงประมาณ 10.00 น. และช่วงบ่าย ประมาณ 15.00 น.

    ด้วยชาวจีนฮ่องกงมีคติว่าอาหารทั้งหวานคาว รวมทั้งเครื่องดื่มทุกชนิด จะต้องมีสิ่งสำคัญ 3 อย่างคือ 1) มีรูปลักษณ์และสีสันที่สวย 2) ต้องมีกลิ่นหอม และ 3) รสชาติอร่อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไม่ว่าคุณจะเดินผ่านร้านขนมร้านไหนในฮ่องกง ก็ล้วนแต่พบว่าขนมที่วางโชว์อยู่ตู้ล้วนมีสีสันและหน้าตาน่ากินไปหมด

    *ขนมของชาวจีนดั้งเดิม

    นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนฮ่องกงมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขนมหวานของคนฮ่องกงนั้นมีมากเสียจนเลือกไม่ถูก ซึ่งโดยรวมแล้วน่าจะแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ คือ ขนมของชาวจีนแบบดั้งเดิม และขนมฝรั่งสไตล์จีน ซึ่งในส่วนของขนมหวานแบบดั้งเดิมนั้นมีทั้ง ขนมอบแห้ง ขนมนึ่ง ขนมต้มน้ำตาล และขนมแบบเต้าฮวยหรือที่ฝรั่งเรียกว่าพุดดิ้ง

    ขนมที่ขึ้นชื่อของฮ่องกงแบบที่เรียกว่าใครไม่ชิมก็มาไม่ถึงฮ่องกงนั้นคงหนีไม่พ้นพุดดิ้งมะม่วง ซึ่งมีความหอมของมะม่วงเจออยู่ทุกคำที่กัด ภายในเนื้อพุดดิ้งจะมีเนื้อมะม่วงชิ้นเล็กๆแทรกอยู่ช่วยเพิ่มรสชาติและความเหนียวหนึบขณะเคี้ยว อีกทั้งรสชาติก็หวานกำลังดี

    อีกเมนูหนึ่งซึ่งเป็นขนมหวานที่หากินยากในปัจจุบันก็คือ แหยหวองสุดกั๊บโต้ว หรือ พุดดิ้งไขมันกบ ซึ่งทำจากมะพร้าวกะทิ ไข่ขาว และไขมันกบ รสชาติหวานมันกลมกล่อม เสริร์ฟมาในลูกมะพร้าวเผา ทำให้หอมมันยิ่งขึ้น จานนี้เรียกว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้ทีเดียว หากอยากกินขนมหวานถ้วยนี้แนะนำให้ไปที่ภัตตาคารถามหยูเถ้า อยู่ในถนนนาธาน ย่านเกาลูน สนนราคาไม่แพงมาก อยู่ที่ถ้วยละ 30-50 เหรียญฮ่องกง

    สำหรับขนมอบแห้งที่อยากแนะนำก็คือ wife cake หรือขนมเมีย ซึ่งมีลักษณะคล้ายขนมเปี๊ยะ แต่แป้งบางกว่า มีไส้หวานๆให้เลือกหลายไส้ เช่น ไส้ถั่วแดง ถั่วเขียว เม็ดบัว กัดแต่ละคำจะรู้สึกถึงกลิ่นของเนื้อขนม เหตุที่ชื่อขนมเมียก็เพราะว่าในสมัยก่อนมีชาวนาครอบครัวหนึ่ง ภรรยาทำขนมให้สามีไปกินขณะทำนา เพื่อนบ้านเห็นเลยขอชิมและติดใจ พร้อมทั้งถามว่าขนมอะไร ชาวนาไม่รู้จะตอบว่าอะไรเพราะเป็นขนมที่เมียทำให้กินจึงบอกว่าชื่อขนมเมีย จากนั้นเพื่อนบ้านจึงสั่งซื้อและขยายความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักทั่วประเทศ

    นอกจากนั้นยังมีขนมหน้าตาน่ากินอีกมากมาย เช่น แหย่จั๊บหมาเต่าโก๊ว หรือพุดดิ้งกะทิรูปปลา รสชาติหวานกลมกล่อม มีเม็ดถั่วเหลืองแทรก เคี้ยวมัน นิยมกินในเทศกาลปีใหม่ เพราะปลามีความหมายว่าเหลือกินเหลือใช้ ,เส่าป๋าว หรือซาลาเปาลูกท้อ เนื้อแป้งนุ่มเนียน ไส้เม็ดบัวกวนหวานปะแล่มกำลังดี นิยมกินในวันเกิดเพราะเชื่อว่ากินแล้วจะอายุยืน , เห่งหยิง หรืออัลม่อนบด หน้าตาคล้ายคุกกี้ เนื้อแป้งกรอบ เค็มๆ มันๆ และ โหรซาย หรือถั่วผสมงาดำอบกรอบ ก็เป็นขนมอบที่ชาวจีนนิยมกินแกล้มน้ำชายามบ่าย

    *ขนมฝรั่งสไตล์จีน

    ชาวฮ่องกงก็เหมือนกับชนชาติอื่นๆในเอเชียที่รับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในวิถีชีวิต และผสมผสานอยู่ในวัฒนธรรมอาหารการกิน ขนมหวานของจีนหลายชนิด ก็นำสูตรขนมฝรั่งมาดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของคนจีน

    ซึ่งขนมที่ขึ้นชื่อที่สุดในตอนนี้เห็นจะเป็นคัสตาร์ดไข่ และร้านที่คนนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นร้านฟูหลำ ด้วยรสชาติของไส้คัสคาร์ดที่หวานกลมกล่อม แป้งพายที่ใช้ทำตัวกระทงบางกรอบ เค็มนิดมันหน่อยๆ ทำให้ลูกค้ายอมต่อคิวรอซื้อกันยาวเหยียด ชนิดที่ว่าออกมาจากเตาไม่ถึง 10 นาทีก็ขายหมดถาดแล้ว แม้แต่ มิสเตอร์คลิว พลัสตัน ผู้ว่าการซึ่งอังกฤษส่งมาดูแลฮ่องกงเป็นคนสุดท้าย ยังฝ่าการจราจรมาซื้อครัสตาร์ดไข่ของร้านนี้ ราคาก็ไม่แพง แค่อันละ 3 เหรียญฮ่องกง หรือตกประมาณ 15-17 บาท

    ช้าซิ่วโซ่ว หรือพายหมูแดง ก็เป็นเมนูดัดแปลงที่นักชิมชื่นชอบเช่นกัน และถือเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยคนจีนนำเอาไส้หมูแดงที่ใช้ทำซาละเปามาทำเป็นไส้พายแบบฝรั่ง ขนมชิ้นนี้แม้แป้งจะคงความกรอบตามแบบฉบับพายแต่รูปร่างหน้าตากลับออกไปทางขนมเปี๊ยะมากกว่า

    *วิถีแห่งชา

    แม้ว่าหนุ่มๆสาวๆซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ของฮ่องกงจะเริ่มนิยมดื่มกาแฟเป็นอาหารเช้ากันมากขึ้น แต่การดื่มชาก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวจีนในฮ่องกง คุณจะพบว่าร้านอาหารทุกร้านที่ดำเนินการโดยชาวจีนจะมีการเสิร์ฟชา และบริกรจะหมั่นเติมน้ำชาให้คุณตลอดมื้ออาหาร

    สำหรับชาที่วางจำหน่ายในฮ่องกงนั้นแบ่งเป็น 6 ชนิดใหญ่ๆ คือ 1) ชาดำ คือชาที่คั่วจนเป็นสีดำ-แดง รสชาติขมเข้ม 2) ชาขาว คือชาที่ผ่านการคั่วเล็กน้อย รสชาติกลางๆ ไม่เข้ม ไม่อ่อนเกินไป 3) ชาเหลือง คือชาที่ผ่านการคั่วอ่อนๆ มีรสชาติค่อนข้างอ่อน เช่น ชามะลิ 4) ชาเขียว คือชาที่ไม่ผ่านการคั่ว มีสรรพคุณให้ความเย็น 5) ชาอูหลง มีสรรพคุณช่วยให้ชุ่มคอ และช่วยตัดรสอาหารทำไม่ให้รู้สึกเลี่ยน แต่ผู้ที่มีอาการไอไม่ควรดื่มเพราะจะทำให้ไอมากยิ่งขึ้น และ 6) ชาหลงแหง มีสรรพคุณช่วยดูดความร้อน และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

    *ไม้หอมเพิ่มเสน่ห์ให้ชา

    ปัจจุบันยังมีผู้นิยมนำไม้หอมหรือดอกไม้อบแห้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร้ ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ เก๊กฮวย หรือ กุหลาบหนู มาผสมกับใบชาชงดื่ม ซึ่งช่วยให้น้ำชามีกลิ่นหอม และมีรสชาติแปลกออกไป ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อีกแบบหนึ่งในการดื่มชา และว่ากันว่าเป็นวิธีดื่มชาที่อินเทรนด์ที่สุดของฮ่องกงในตอนนี้

    ชาจีนนั้นไม่เพียงแต่ช่วยดับกระหาย ช่วยย่อย แลดีต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารหลายประเภท นอกจากนั้นคนฮ่องบกงยังถือว่าเป็นของขวัญล้ำค่า ขณะที่ราคาไม่สูงมากนัก และปัจจุบันร้านที่จำหน่ายชาก็มักทำแพกเกจออกมาสวยหรูน่าซื้อเป็นของขวัญของฝากอย่างยิ่ง ซึ่งชาของฮ่องกงนั้นมีหลากหลายให้เลือก โดยนำเข้าจากทั่วทุกมณฑลของจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ชาทิกวน จากฟูเจี้ยน ,ชาดราก้อน เวลล์ จากหังโจว, ชาผูเอ้อ จากยูนนาน หรือ ชาดอน-ดิง อู่หลง จากไต้หวัน

    ชาที่จำหน่ายในฮ่องกงนั้นมีหลายรูปแบบ นอกจากที่เป็นใบชาแบบทั่วไปแล้วยังมี ก้อนชา ชาอัดแท่ง และชาม้วนอัดแน่น ซึ่งทั้ง 3 แบบนี้วิธีชงดื่มก็ไม่ยากเย็นอะไร แค่บิชาก้อนเล็กๆแบ่งจากก้อนใหญ่ออกมาแล้วชงกับน้ำร้อนเท่านี้ก็ได้น้ำชากลิ่นหอมชื่นใจ

    *ศิลปะการดื่มชา

    การดื่มชาของคนจีนในฮ่องกงก็เฉกเช่นเดียวกับชาวจีนทั่วไปที่ต้องมีศิลปะในการชงและดื่มชา ชาวจีนนิยมลวกถ้วยชาก่อนที่จะรินน้ำชาถ้วยแรก เพื่อเป็นการอุ่นถ้วยให้ร้อนก่อนเพราะความร้อนจะช่วยให้ชามีความหอมและรสชาติดีขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการฆ่าเชื้อโรคที่มองไม่เห็นด้วย ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ

    คุณจะพบว่าในร้านอาหารและภัตตาคารในฮ่องกงนั้นนอกจากบริกรจะนำกาน้ำชาและกาน้ำร้อนสำหรับเติมชามาให้แล้ว (หลังจากที่ดื่มน้ำชากาแรกหมดแล้ว ลูกค้าจะเติมน้ำร้อนลงในกาน้ำชาซึ่งมีใบชาอยู่) บางร้านจะนำชามอ่างเล็กๆมาวางไว้กลางโต๊ะด้วย เพื่อให้ลูกค้าเทน้ำแรกที่ใช้ลวกถ้วยชาทิ้ง และหากร้านใดไม่มีชามอ่างเตรียมไว้ลูกค้าก็จะใช้วิธีเทน้ำที่ลวกถ้วยชาถ้วยแรกลงในถ้วยที่สองที่จะลวกและเทลงในถ้วยถัดๆไป จากนั้นจึงเทน้ำชาลงในแก้วน้ำที่วางไว้บนโต๊ะ

    ตามธรรมเนียมแล้วคนจีนฮ่องกงจะรินน้ำชาให้คนอื่นก่อน เพื่อถือเป็นการให้เกียรติ จากนั้นจึงรินให้ตัวเอง และถ้าน้ำชาในกาหมดก็เพียงยกกาน้ำร้อนขึ้นเติม แต่หากน้ำร้อนหมด หรือน้ำชาจืดและอยากให้บริกรเติมน้ำร้อนหรือใบชาให้ใหม่ คนฮ่องกงกะยกฝากาวางคว่ำบนขอบกา บริกรเห็นสัญลักษณ์อย่างนี้ก็จะเดินมาเติมน้ำร้อนหรือยกกาน้ำชาไปเติมใบชาให้ แต่หากรับประทานอาหารอิ่มแล้วและต้องการเรียกเก็บเงิน ลูกค้าจะยกฝากาหงายขึ้นแล้ววางบนขอบกา

    *วิธีขอบคุณแบบดั้งเดิม

    คุณอาจสงสัยว่าทำไมชาวฮ่องกงต้องเคาะนิ้วชี้และนิ้วกลางลงบนโต๊ะข้างๆถ้วยชา หลังจากที่มีใครสักคนที่ร่วมอยู่ในวงอาหารรินน้ำชาให้ นั่นคือวิธีการแสดงความขอบคุณของคนฮ่องกง ซึ่งจะใช้กับการดื่มน้ำชาเท่านั้น ซึ่งการขอบคุณแบบนี้มีตำนานเล่าว่าเกิดจากในสมัยที่ฉินซีฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์นั้นพระองค์ทรงปลอมตัวเป็นสามัญชนเพราะอยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของราษฎร

    ในระหว่างที่พระองค์และเหล่าทหารแวะดื่มน้ำชาในร้านน้ำชานั้น ชาในถ้วยของพระองค์หมด พระองค์จึงยกกาน้ำชาขึ้นรินชาเอง และเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นถ้วยน้ำชาที่ว่างเปล่าของเหล่าทหาร พระองค์ก็ทรงรินน้ำชาให้ด้วย บรรดาทหารตื่นเต้นตกใจที่กษัตริย์รินน้ำชาให้ และไม่สามารถคุกเข่าคารวะได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการปลอมตัว ทหารนายหนึ่งจึงใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้แทนขาทั้งสองข้าง เคาะลงข้างถ้วยชาแทนการคุกเข่าคำนับ ประเพณีนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของการขอบคุณสืบต่อมาถึงปัจจุบัน

    *ร้านน้ำชา

    'ฉ่า ชาง แทง' หรือร้านน้ำชาของฮ่องกง ถือเป็นที่พบปะสังสรรค์และรับประทานอาหารมื้ออร่อย ซึ่งนอกจากจะมีน้ำชาหลายกลิ่นหลายรสให้เลือก มีขนมหวาน ขนมอบแห้ง และขนมเค้กแล้ว ยังมีของว่างประเภท เกี๊ยวทอด ก๋วยเตี๋ยวหลอด ตลอดจนอาหารคาวต่างๆ เช่น บะหมี่ โจ๊กปลา แต่ก็มีบางร้านเหมือนกันที่ขายเฉพาะน้ำชาอย่างเดียวเท่านั้น

    สำหรับค่าน้ำชาทั้งในร้านน้ำชา ร้านอาหาร และภัตตาคารในฮ่องกงนั้น จะคิดเป็นหัว ซึ่งลูกค้าในโต๊ะเดียวกันไม่จำเป็นต้องดื่มชาชนิดเดียวกัน แต่ละคนสามารถเลือกชาได้ 1 ชนิด หากลูกค้าในโต๊ะเลือกชา 3 ชนิด ชาก็จะถูกชงมาในกาน้ำชา 3 ใบ และไม่ว่าคุณจะเติมชาบ่อยขนาดไหนค่าน้ำชาก็คิดเท่าเดิม

    หากคุณไปฮ่องกงแล้ว ได้ชิมขนมแสนอร่อย แกล้มกับน้ำชาหอมกรุ่น รับรองว่าคุณจะคิดถึงฮ่องกงไปอีกนาน

    ****

    เกร็ดนักชิม

    หากท่านจะเข้าไปนั่งจิบน้ำชาหรือรับประทานขนมหวานต่างๆในร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆในฮ่องกงก็ควรรู้เกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการให้บริการของร้านเหล่านี้เอาไว้บ้าง เพื่อความสะดวกและลดปัญหาถกเถียงกับบริกรชาวฮ่องกง ซึ่งบางคนอาจพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จะได้ไม่เสียเวลาและเสียอารมณ์ในการเสาะหาของอร่อยในฮ่องกง

    *การจองร้าน

    ร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆในฮ่องกงจะค่อนข้างแน่นในช่วงบ่าย (13.00-14.00 น.) ช่วงค่ำ (ตั้งแต่ 19.00
     
  2. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,295
    ค่าพลัง:
    +2,719
    อาหารบำรุงพุงเราทั้งนั้นเลย อิอิ อิอิ

    (b-green)
     

แชร์หน้านี้

Loading...