เว็บพลังจิต เนื้อแท้อันตรธาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด, 24 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    <CENTER>๗. อาณิสูตร </CENTER><CENTER>.</CENTER>[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ...

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป

    สมัยต่อมา โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา

    แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ

    [๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน ฉันนั้นเหมือนกัน

    เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ


    <CENTER>จบสูตรที่ ๗

    ที่มา อาณิสูตร

    </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  2. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +3,887
    ปัจจุบันสถานการณ์ของพุทธศาสนาเถรวาทก็กำลังเป็นอย่างนี้
    เกิดสัทธรรมปฏิรูปต่างๆไม่ว่าจะเกิดจากสนิมเนื้อในเช่นพุทธบริษัททั้งหลายหรือการทำลายจากบุคคลภายนอกพระศาสนาที่ศึกษาพุทธศาสนาเพื่อใช้ทำลายพุทธเหมือนสังกราจารย์
    หากพุทธบริษัทไม่ศึกษาแก่นของพระศาสนาให้เข้าใจ โอกาสที่จะถูกชักจูงไปให้ไข้วเขวมีสูงมาก
    ขอได้โปรดจดจำหลักง่ายๆไว้ว่า พุทธศาสนานั้นมุ่งประสงค์ให้ศาสนิกเข้าใจถึงกฎของธรรมชาติคือทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตต่างก็เกิดขึ้น ดำรงอยู่ได้เพียงชั่วเวลาหนึ่งตราบใดที่สภาวะยังเอื้ออำนวยอยู่ และต่างต้องเสื่อมสลายแตกกระจายไปในที่สุด
    เมื่อศาสนิกเข้าใจถึงไตรลักษณ์แล้ว ก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในความไม่เที่ยง และไม่มีอยู่จริงในทางปรมัตถ์ของสรรพสิ่ง เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย จิตก็จะมุ่งไปสู่การปฏิบัติในอริยมรรคมีองค์8เพื่อการละวางกิเลสและอนุสัยตามกำลังสติปัญญาของตนจนสามารถคืนทุกอย่างให้กับธรรมชาติได้ในที่สุด
    ธรรมอื่นใดที่ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด สลัดคืนนั้นไม่ใช่แก่นของพุทธศาสนา
    บุคคลใดที่ประกาศว่าตนเองเป็นพุทธจึงควรพิจารณาเพื่อรักษาพระสัทธรรมไว้ไม่ให้เสื่อมสูญต่อไป
     
  3. 26895645

    26895645 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    การรักษาเนื้อแท้ไว้นั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรครับ
    แต่การกล่าวเหมือนกับว่ามีขบวนการจ้องทำลายล้างนั้นมันทำให้รู้สึกเหมือนยุคสงครามเย็น
    หรือเรื่องโบรำ่โบราณสมัยมนุษย์ทำสงครามศาสนายังไงไม่รู้สิครับ
    บางที่เราอาจระแวงไปโดยเกินเหตุ
    เพราะการบิดเบือนนี่มันก็เกิดกับทุกศาสนานั่นแหละครับ
    ทำไงได้ในเมื่อคนยังไม่รู้ถึงแก่นแท้

    ผมคนนึงที่รู้สึกหวาดกลัวกับความคิดที่ว่ามีการจ้องล้มล้างบิดเบือนอะไรทำนองนั้น
    มันทำให้นึกถึงหนังสือที่เขียนโดย ดร. เบญจ์ บาระกุล
    ที่มาเปิดโปงขบวนการล้มพุทธ
    สุดท้ายก็ลามปามด่าไปถึงบุคลากรสำคัญทางพุทธศาสนาหลายท่านว่าทำงานให้องค์กรนอกศาสนา
    แต่ตัวเองก็ไปแก้ข้อกล่าวหาให้พระยันตระหาว่ามีขบวนการจ้องทำลายล้างมาทำลายท่าน
    อะไรทำนองนั้น
    ผมว่ากรณีนี้ถ้าเราเห็นใครถ่ายทอดอะไรแบบเพี๊ยนๆ เราก็เข้าไปให้ความรู้ประกอบ
    โดยยกพุทธพจน์มาอ้างอิง
    ส่วนความเห็นส่วนตัวในกรณีไปทักท้วงนั้น
    ถ้าเรายังไม่ใช่พระอริยะ ก็ควรงดไว้
    เพราะสุดท้ายแทนความหวังดี จะกลายเป็นเราใส่อคติเข้าไปแทน

    ด้วยความเคารพอย่างสูง
     
  4. 26895645

    26895645 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ

    กรณีที่เห็นเด่นชัดของการเลือนหายของศาสนาที่ชัดๆน่าจะมีอยู่สองกรณี คือ
    กรณีของพระพุทธศาสนาในอินเดีย
    เป็นที่รู้กันว่าศาสนาพราหมณ์ในอินเดียนั้นฝังรากลึกมายาวนานหลายพันปี
    ดังนั้นการที่พระพุทธศาสนาเลือนหายไปก็เพราะสิ่งนี้
    สังกราจารย์ก็เป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆของขั้นตอนเท่านั้น
    ประเทศอิสราเอลก็เช่นกันเพราะประชากรส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นคริสต์
    ก็เพราะศาสนายูดายนั้นฝังรากมายาวนั้นพอๆกันนั่นเอง

    ถ้าหากจะห่วงใยประเทศไทยแล้ว เราก็ย่อมรู้ดีว่าศาสนาพุทธก็ฝังรากลึกมายาวนานเช่นกัน
    พุทธศาสนาก็จะดำรงสถาพรอย่างแน่นอน
    การบิดเบือนมันเป็นขั้นตอนประกอบของการฝังรากลึกของศาสนาเดิมนั้นๆ

    ถ้ามีคำถามว่า สมัยที่ปฏิวัติ 2549 ทำไมไม่ยอมประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
    ถ้าเรามองลึกๆแล้วก็จะเข้าใจในเหตุในผล
    คงจำได้มีพระมหากษัตริพระองค์หนึ่งประกาศให้ประชาชนไทยมีเสรีภาพที่จะนับถือศาสนา และผลที่ออกมาก็คือ ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา
    แต่หากมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้านในยุคล่าอาณานิคมแล้ว ก็จะพบว่ามีแนวคิดอนุรักษ์นิยมอย่างไปลดรา สุดท้ายก็ตกเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตก

    หรือแม้แต่รัฐบาลตาลีบันที่รักษาศาสนาของตนไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงกับระเบิดพระพุทธรูปที่ทรงคุณค่านั้น สุดท้ายผลตอบแทนกับการรักษาศาสนาแบบสุดขั้วนั้นเราก็รู้ดีว่าสุดท้ายรัฐบาลตาลีบันมีจุดจบยังไง

    เพียงอยากให้พิจารณาให้รอบคอบ ว่าที่ประเทศสยามหรือไทยเรานั้น
    ยังมีพระพุทธศาสนายั่งยืนสถาพรอยู่ได้นั้นเป็นเพราะเหตุใด
     
  5. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +2,244
    แม้ทุกสิ่งจะเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ พระพุทธศาสนานี้ก็ไม่แตกต่าง แต่เราหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนต้องรักษาเอาไว้ยิ่งกว่าชีวิต ยิ่งกว่าอื่นใด (ซึ่งอันนี้ เป็นสิ่งที่มักทำกันไม่ได้ เนื่องจากคิดว่าต้องใช้ชีวิต ที่พระพุทธศาสนาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ไม่สำคัญเท่าการมีชีวิตอยู่ แต่คิดว่าการมีชีวิตอยู่แบบไร้พระธรรม ไม่ขอมีดีกว่า เพราะไม่อยากเลว) สิ่งอื่นของทุกคนสำคัญเพียงชีวิตนี้ แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมีผลทั้งต่อปัจจุบันไปถึงอนาคต
    หากศึกษาอย่างถ่องแท้ เข้าใจ จะสามารถอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขตามสภาวะจิตใจ อาจจะเดือดร้อนกาย ลำบากกาย แต่ไม่มีวันเสียใจ หากทำจริง เข้าใจได้จริง

    หลายต่อหลายท่านเข้าใจว่า ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ตามความคิดของตัวเอง เพราะยังไม่สามารถปฏิบัติจนเห็นได้จริง เห็นได้ด้วยตนเอง เมื่อใดหากปฏิบัติถูกทาง ถูกต้อง ก็ย่อมจะเห็นผลจริง ซึ่งสิ่งไหนที่เป็นของจริง ส่วนนี้ขอถือว่าวัดดวง และต้องใช้เวลา เมื่อใดบุญพาพบประสบเจอ ก็จะได้เห็นของจริง แต่ไม่รู้ว่าจะเอาจริงกันหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่ของจริงยังมีอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำกันบ้างหรือเปล่า เพราะมักจะชอบสบาย ทำตามใจ ตามกิเลส แล้วมันจะได้ไหม

    มีสติ ไม่ประมาท ตั้งใจ ไม่ยึดมั่น ปล่อยวาง เข้าใจจริง
    โลกนี้ดุจราชรถอันวิจิตรที่คนเขลาย่อมปรารถนา แต่ผู้รู้ย่อมไม่ข้องอยู่

    ผมขอถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นอริยสัจ ไม่ใช่ปรัชญา ไม่สนว่าใครจะสนใจให้ทั้งโลกนับถือเพราะสามารถวิเคราะห์ได้ตามหลักวิชาการ (วิชาการใดจะวิเคราะห์ปัญญาพระพุทธเจ้าได้ ผมขอถือตามพุทธศาสนิกที่ดี จึงขอยกว่าพระพุทธองค์ท่านให้ประเสริฐสุด)
    พระธรรมนั้นตัดก็ขาด เติมก็เกิน เพราะพอดีอยู่ในตัว อย่างที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  6. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +349
    ต้องเริ่มที่เราๆท่านๆเองก่อนครับ

    ศึกษาคำของพระพุทธเจ้าที่ออกมาจากปากของท่านโดยตรง

    สิ่งใดก็ตามที่ทำตามกันมาแต่ไม่มีในคำสอนของพระองค์ ก็ใ้ห้ลดมานะละทิฐิปล่อยวางซะ

    ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำตามได้ยาก จึงจำเป็นที่เราต้องศึกษาด้วยตัวเองก่อนครับ
     
  7. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    รักษาเนื้อในใช่รักษาที่ใครอื่นเริ่มจากสำรวจตัวเราว่าเรายัง ระลึกถึง

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ

    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระธรรมเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ฯ ข้าพเจ้า ขอถึง ซึ่งพระสงฆเจ้า ว่าเป็นสรณะ ที่พึ่ง ที่อาศัย ฯ

    ง่ายๆเริ่มที่ตัวเรา รักษาที่เรา สำรวจ สำรวมที่ตัวของตัวเรา แค่นี้เราก็รักษาเนื้อในของเราได้ตลอดชั่วชีวิตของเราแล้ว

    เนื้อในของท่านละ
     
  8. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width=600 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วได้ ๗ วัน พระสุภัททะร่วมอยู่ในคณะของพระมหากัสสปเถระ ซึ่งกำลังเดินทางจากเมืองปาวาสู่เมืองกุสินาราระหว่างทางนั้น คณะได้ทราบข่าวพุทธปรินิพพานจากอาชีวกผู้หนึ่ง ภิกษุทั้งหลายที่ยังไม่สิ้นราคะพากันร้องไห้คร่ำครวญเป็นอันมาก
    ในขณะนั้นเองพระสุภัททะ (วุฑฒบรรพชิต) ก็ร้องห้ามขึ้นว่า “อย่าเลย ท่านผู้มีอายุพวกท่านอย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไห้ไปเลย พวกเราพ้นดีแล้ว พระมหาสมณะนั้นคอยเบียดเบียนพวกเราว่าสิ่งนี้ควรแก่เธอสิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ บัดนี้พวกเราปรารถนาสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น”
    </TD></TR><TR><TD>
    พระมหากัสสปเถระได้ฟังแล้วเกิดธรรมสังเวช ดำริว่า “พระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง ๗ วัน ก็ยังเกิดเสี้ยนหนามขึ้นแล้วในพระศาสนา หากต่อไปคนชั่วได้พวกพ้องมีกำลังเติบกล้าขึ้นก็จะทำพระศาสนาให้เสื่อมถอย” ดังนั้น หลังจากเสร็จงานถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว ท่านจึงได้ยกถ้อยคำของพระสุภัททะ (วุฑฒบรรพชิต) นี้ขึ้นเป็นข้อปรารภชักชวนพระเถระทั้งหลายร่วมกันทำสังคายนาครั้งแรก


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    Web Guide:
     
  9. 1redstar

    1redstar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    622
    ค่าพลัง:
    +1,368
    แต่ความ จริง ไม่เคย เห็น พระเจ้า ดาวลูกไก่ ที่ไหน
    มาสอน พระพุทธเจ้า เทวดา และมนุษย์ ให้เข้านิพพานเลย

    เคย มีไหม พระเจ้าจักรวาล มาโปรด เทวดา ยัง สวรรค์ ชั้นดาวดึง

    ใคร ที่ คิดว่า ตัวเอง เปน star ซีด .. ทายาท แห่งดวงดาว
    ส่วนมาก จะ เปน พวกอาการ โรคจิต ผิดปกติ เล็กน้อย
    คือ อยาก เห็น ตัวเองสำคัญ และพิเศษ กว่าชาวโลก ปกติ

    หาก อาการ หนัก มาก หน่อย ก็จะ มี พฤติกรรม แปลก ๆ
    พวกนี้ ไม่เชื่อ ว่า ตนเอง บ้า ผิด ปกติ
    บางที ก็คิดไปเองว่า สามารถ ติดต่อ กับ พระเจ้าจักรวาลได้
    ก็เลย ทำตัว เปน เจ้าลัทธิ ทั้ง ๆ ที่ ตัวเอง เสพกาม อยู่ทุกวัน
    แต่ อาจ เปน อาการ ทางโรคจิต ประสาท อย่างหนึ่ง
    พูดมาก พูดเก่ง และเถียงเก่งด้วย
    ก็เลย มีบาง คน ที่ สติปัญญาไม่ แหลมคม พอ
    ก็จะ หลงเชื่อ ยอมเปน สาวก คนบ้า (มีอยู่ไม่น้อยที่เปน มิจฉาชีพ)
    ต้องระวังให้มาก ..
    สิ่งที่ ไม่ใช่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือ สิ่งที่ อันตราย
     
  10. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    สุบินนิมิตข้อที่ 10
    ทรงสุบินนิมิตเห็นหม้อหุงข้าวหม้อเดียวมีความแตกแต่งกัน ข้าวในหม้อซีกหนึ่งสุก ซีกหนึ่งดิบ สุก ๆ อีกซีกหนึ่งข้าวไม่สุกเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า
    อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนในโลกนั้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่งกันไป
    กลุ่มหนึ่งจะมีความเชื่อว่า เราตถาคตเป็นที่พึ่งที่เคารพจริง พระธรรมคำสอนของเราตถาคตเป็นสวากขาตธรรม เมื่อนำไปปฏิบัติให้ถึงที่สุดแล้วจะพ้นจากทุกข์ได้จริง เชื่อว่ามรรคผลนิพพานจริง นรกสวรรค์มีจริง กรรมดีกรรมชั่วให้ผลแก่บุคคลที่กระทำจริง ตายแล้วเมื่อยังมีกิเลสตัณหาอยู่เชื่อว่าได้มาเกิดใหม่
    อีกกลุ่มหนึ่งยังไม่แน่ใจว่า มรรคผลนิพพานในยุคนี้ สมัยนี้มีจริงหรือไม่ เพราะพระพุทธศาสนาได้ล่วงเลยไปนาน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความสมบูรณ์อยู่หรือไม่ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในยุคนั้มีจริงหรือไม่ มีแต่ความสงสัยลังเล ไม่แน่ใจ อีกกลุ่มหนึ่งปฏิเสธว่า มรรคผลนิพพานไม่มีนรกสวรรค์ไม่มี ทำดี ทำชั่วไม่ให้ผลในภายภาคหน้า ชาติหน้า ตายแล้วไม่ได้เกิดใหม่แต่อย่างใด ในช่วยหลายพุทธศาสนาโน้น คนจะเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดมากขึ้น ๆ ดังนี้<!-- google_ad_section_end -->

    สุบินนิมินข้อที่ 11
    ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพวกหนึ่ง เอาแก่นจันทร์แดงทีมีค่าราคาแพงไปแลกนมเปรี้ยวหม้อเดียว ซึ่งไม่สมราคากันเลย
    พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า
    อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพวกหนึ่ง จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคตไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา จะเขียนเป็นตำราเพื่อออกจำหน่าย ขายกิน หารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต เอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ทำเป็นการแสดง แต่งกลอน เพื่อผลประโยชน์ในกัณฑ์เทศน์ แสดงะรรมเพื่อเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล อันเป็นอามิส ไม่สมค่าราคากันเลย สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วยปลายศาสนาของเราตถาคตโน้น

    พุทธทำนาย 16 ข้อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Rorschach

    Rorschach สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +15
    พุทธดำรัสที่ว่า "ศาสนาของเราตถาคต มิได้เสื่อมเพราะภัยภายนอก
    แต่จะเสื่อมจากภายในอันมาจากพุทธบริษัทเอง"

    พุทธบริษัทหลายคนนำ คำสอนของศาสนาอื่น ตลอดจนความเชื่อผีสางเทวดา มาปะปน กลายเป็นเนื้องอกของพระธรรม
    พอจะมีใครสักคนขึ้นมาแย้งก็จะโดนประโยคเด็ดตอกใส่หน้าว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
    พวกส่วนเนื้องอกพวกนี้ ก็เริ่มโตขึ้นๆเรื่อยๆ จนกลายเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าโค่น
    จนในที่สุดเนื้องอกก็บดบังจนมองไม่เห็นถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนา
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    ปุถุชนคนกิเลสหนา ไม่เอาธรรมเป็นหลัก แต่เอากิเลสเป็นใหญ่ ^-^
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    การรักษาพระสัทธรรม

    1) แก่น คือ พระธรรม และ พระวินัย ในพระไตรปิฎก อย่าไปตีความเฉไฉ ตราบใดยังไม่เคยปฏิบัติได้
    2) ปฏิบัติตน ตามคำสั่งสอนในพระธรรมและพระวินัยนั้น ตามฐานะ
    3) อธิบายธรรม ปรับทิฎฐิ ให้ตรง ตามหลักธรรมและวินัย ด้วยการที่ตนนั้นได้ปฏิบัติ
    4) สังเกตุจิตตน ปรับปรุงพัฒนาให้ถึง ระดับ จิต และ การฝึกหัดจิต ไม่ใช่ฝึกหัดระดับความคิด ยังจิตของตนให้สูงยิ่งขึ้นไป
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ที่จริง แก่นธรรมแค่ใบไม้ในมือ

    พุทธเจ้าตรัสรู้ปรมัตถ์ธรรมล้วนๆ

    เพื่อแสดงธรรมจึง เกิดบัญญัติ

    จากบัญญัติเป็นสมมุตติ รุ่นต่อรุ่น สาวกสู่สาวก

    ขึ้นชื่อว่าสมมุตติในธรรม ย่อมหาธรรมในได้ยากเต็มที

    เหตุนี้ชาวพุทธไม่พากันศึกษาปรมัตถ์ในจิต กลับพึ่งพิงสมมุติภายนอกน้อมสู่ใจ

    สัจจะแท้จึงถูกบิดเบือนด้วยอักษรสวยหรู

    เมื่อนั้นพุทธศาสนาจักค่อยๆอันตธานในที่สุด
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    เอ็งนี่แหละ จะทำให้เนื้อแท้อันตรธาน

    เพราะว่า สัจธรรมไม่ได้มีแค่ใบไม้ในมือ
     
  16. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ใจมันเป็นอะไรหรือขันธ์

    ไปทบทวนให้ดีนะสัจธรรมเกิดที่ไหน
     
  17. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    เนื้อแท้อันตรธาน ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ ศาสนาไม่มีวันเสื่อม คนทีเข้าถึงต่างหากที่เสื่อม เนื้อแท้ ก็อยู่แบบนั้น เกิดขึ้นที่ไหน ก็ดับที่นั้น พระพทธเจ้าตรัสว่า ธรรมมะเป็นอกาลิโล ดังนั้นจะเสื่อมได้อย่างไรการที่กล่าวแบบนี้ในบอร์ดสาธารณะ มันอันตรายมาก การดูแลพระธรรมของพระพุทธเจ้าคือ พระพุทธเจ้าท่าน สรรเสริญบุคคลที่ปฏิบัติบูชา ไว้สูงสุด
    นั้นคือ การช่วยกันดำรงศาสนา ให้ยาวนาน และในทางเดินของมรรค ต้องปฏิบัติบูชา เมื่อชำระจิตได้แล้ว หากไม่บรรลุนิพพาน ก็จะทำให้ยกระดับจิต
    ไปอีกได้ขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะปัญญาเริ่มเกิด ไม่มีทางที่จะเสื่อมได้ เอา มรรค
    8 เข้า มาในใจ ให้ได้
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,979
    ค่าพลัง:
    +3,259
    เอาง่ายๆ พวกที่บอกว่า ตัวเองสิ้นกิเลส หรือ ตัวเองปฏิบัติได้ดีเยี่ยม

    เวลาใครมาขอปรึกษาธรรมะ มันมีกี่ประโยคที่คุณอ้าง พุทธวัจนะ

    แล้วมีกี่ประโยคที่ พูดเป็น คาถา(คล้ายพุทธวัจนะ แต่ย่นย่อตาใจชอบ เพื่อความขลัง)

    แล้วสมมติว่า เกิดเหตุการณที่ว่า บทจารึกที่เป็นตำรับตำรา หายไปหมด

    คนที่สิ้นกิเลส และ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ นั้นๆ จะ รื้อฟื้นพุทธวัจนะ มาได้เท่าไหร่
    กี่คำ กี่เรื่องยกไว้ กี่พระสูตรยกไว้

    จริงหรือไม่ที่ เนื้อแท้อันตราธาน หายไปหมด

    เชื่อแน่ว่า ผู้สิ้นกิเลสทั้งหลาย และ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ย่อมตอบคำถาม
    นี้ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ พวกขี้กลากขี้เกลื้อน นกแก้วนกขุนทอง
    สัตว์หลายสีผู้ไม่พ้นกิเลส มาทวงถามแต่อย่างใด

    และสมมติว่า พวกคุณยืนยันที่จะชี้คุณธรรมที่สิ้นกิเลสเป็นหลัก แล้ว
    ทรงคำสอนที่มีคำว่า "โคตรพ่อโคตรแม่......" "บักหำผู้ไม่ฮู้..."
    "หมาเห่าใบตองแห้ง...." อะไรเหล่านี้ไว้เป็นคำสอนสืบต่อกันไป
    ให้ครบ 5000 ปี เพราะว่ามีธรรมรองรับความถูกต้องแน่นอนก็เชิญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    แน่นอนว่า ผู้ที่กล่าวอ้างว่า รักษาพุทธวจนะดังกล่าวข้างต้นนี้ ก็หาได้เคยหยิบ พุทธวจนะ ที่แท้จริงมากล่าวอ้างไม่ มิหนำซ้ำ ตนเองยังกล่าวตู่ ทึกทัก และ อาศัยพุทธวจนะ เป็นเพียงเครื่องมือให้ตนได้ทิ่มแทงผู้อื่น ด้วยความคะนอง โดยไม่ยี่หระ ต่อ คำทักท้วงของใคร
     
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075

    สุญญตาตธรรม เป็นอกาลิโก พึงรู้ได้เฉพาะตน เป็นพระธรรมที่ลึกซึ้งควรน้อมจิตไปปฏิบัติ ศึกษาเข้าสู่มรรคผล ตรงตามอริยะสัจให้มาก จะไม่เห็นผิดเพี้ยนไปจากความจริง

    พระธรรมในระดับจิตเป็นของละเอียด ไม่มีสมมุตติบัญญัตติสักอณูเดียว พระพุทธเจ้าผู้มีปัญญาแทงตลอด ทรงบัญญัตติไว้ดีแล้ว

    แต่เพราะไม่น้อมจิตเข้าไปเจริญมรรค
    เอาแต่ยึดตำราของสาวก บัณฑิตรุ่นหลัง ที่เรียงร้อยอักษรตามความเข้าใจ ตามยุคสมัย ไม่ประกอบด้วยที่สุด
    ถูกจริตวาทะไหน ตนใดก็ยึดมั่นเป็นศาสดาตน อันตรายมาก
    สำคัญ ผู้เสพธรรมต้องมีปัญญาแยกแยะฟังธรรม และน้อมจิตพิจารณาแยบคาย

    ตราบใดชาวพุทธมีความเห็นถูกต้องตามจริง
    รู้ความไม่เที่ยงสภาวะเป็นจริง
    พุทธศาสนาจะไม่สูญ พระธรรมจะไม่อัตรธาน พระอริยะเจ้าจะไม่หมดไปจากยุคสมัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...