เรื่องเด่น เปลี่ยนใจที่เศร้าหมองด้วยสติปัฏฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 28 พฤศจิกายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    yyrAHb8n5KQSscCm7INMtTdHErXY-_iv750Yqeyix3co&_nc_ohc=57PK1dthW5wAX__36Q4&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    วันนี้ก็มีลูกศิษย์ มาส่งสภาวะการปฏิบัติ
    แกก็บอกว่า เวลาแกอยู่ฐานกายนี่
    มันไม่ได้รู้กายแบบปกตินะ
    มันไปรู้แบบ ทั้งการทำงานของเลือดลม
    การแตกดับของระบบในร่างกาย เต็มไปหมดเลย
    .
    จึงรู้สึก เหมือนจะเป็นตัวประหลาดขึ้นไปทุกที
    เพราะมันไปรู้สึกอะไรแบบนั้น
    .
    ก็เลยบอกว่า การที่เราอยู่ฐานกายก็ตาม
    มันก็ขึ้นอยู่กับ ความละเอียดของสติด้วย
    ความละเอียดของจิต
    ถ้าจิตยังมีความละเอียดน้อย
    มันก็รับรู้ได้แบบหยาบๆ
    เช่น การหายใจ การกระเพื่อม หน้าอกหน้าท้อง
    .
    ถ้าละเอียดขึ้นมาอีก
    ก็จะรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจ ของชีพจร
    .
    ซึ่งจริงๆ มันมีอยู่แล้วไหม?
    มันมีอยู่แล้ว
    แต่จิตมันยังมีความละเอียดไม่พอที่จะรู้สึกได้
    .
    แต่เมื่อละเอียดขึ้นไป
    แม้กระทั่ง เลือดลมที่สูบฉีดทั่วกาย ก็รู้สึกได้
    ระบบสมอง ระบบประสาท ทุกอย่าง
    มันรู้สึกได้หมด
    .
    บางทีอยู่ฐานกาย แต่ถ้าจิตมีความละเอียด
    บางทีสภาวะมันจะมาก
    บางที มันก็รู้สึกใช้ชีวิตยากเหมือนกันนะ
    .
    ก็คิดดูสิว่า ร่างกายคนเรามันประกอบด้วยอะไร?
    มันไปเห็น รับรู้การทำงาน ของปอด
    ของตับไต ของอวัยวะต่างๆ ได้
    .
    ถ้าละเอียดขึ้นไปอีก
    มันจะรู้สึกได้ แม้กระทั่ง การแตกดับของเซลล์ต่างๆ
    .
    อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ เค้าก็บอกอยู่แล้วว่า
    ร่างกายคนเรา 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ เกินครึ่ง
    ประกอบด้วย จุลินทรีย์
    มนุษย์เรา จุลินทรีย์สักครึ่งหนึ่ง
    .
    เพราะฉะนั้น ถ้าย่อยลงไป
    มันเป็นแค่เรื่องของสสารต่างๆ
    มีจุลินทรีย์ มีเซลล์ มีต่างๆ
    มันไม่ได้มีความเป็นมนุษย์เลย ถ้าละเอียดลงไป
    .
    เพราะฉะนั้น คนที่จิตละเอียดมากๆ
    แล้วอยู่ฐานกาย มันจึงบางทีก็รู้สึกเหมือน
    มันผิดมนุษย์มนา หรือเปล่า?
    สภาวะมันเหมือนเราใช้กล้องจุลทรรศน์
    ที่มันละเอียดลงไปเรื่อยๆ
    .
    แม้กระทั่ง การแตกดับของเซลล์ก็รู้สึกได้
    เลือดลม ระบบสมอง ระบบประสาท
    ระบบการทำงาน อวัยวะต่างๆ
    มันรู้สึกได้หมด
    .
    ก็เลยสอนวิธีของการปรับ ความละเอียด ของสติ
    เหมือนเราปรับโวลุ่ม
    พาฝึกกันเดี๋ยวนั้นเลย
    .
    ถ้าเร่งโวลุ่มละเอียดปุ๊บ มันก็ยิ่งเข้าไปสู่
    ยิ่งละเอียดมาก ก็จะยิ่งรู้สึกแบบนั้นได้มาก
    .
    แต่พอค่อยๆ ลดโวลุ่มลงมา
    ลดความละเอียดของสติลงมา
    มันก็จะหยาบลงๆ จนถอนสมาธิ
    ก็จะรู้สึกได้แค่เบาๆ สบายๆ
    .
    เพราะฉะนั้น เวลาฝึกหยาบ ก็คือ ฝึกเข้าฐาน ใช่ไหม
    ฐานกาย ฐานเวทนา ฐานจิต ฐานธรรม
    แล้วก็สลัดคืน สู่อมตธรรม
    .
    แต่เมื่อละเอียด ก็จะฝึกสิ่งที่เรียกว่า การปรับโวลุ่ม
    หรือ ความละเอียด
    ซึ่ง มันปรับได้ทุกฐานเลย
    ฐานกาย ก็ปรับได้
    ฐานเวทนา ก็ปรับได้
    ฐานจิต ก็ได้
    ฐานวิปัสสนาญาณ ก็ปรับโวลุ่มตรงนี้ได้ เช่นกัน
    .
    เมื่อความละเอียดเปลี่ยน สภาวะก็เปลี่ยน
    ขึ้นอยู่กับ ความละเอียดของสติ ที่เราได้เข้าถึง
    .
    ก็จะพาฝึกการปรับโวลุ่มเช่นกัน
    .
    วิธีการฝึก จะใช้หลักการ เหมือนพาทำ
    เหมือนเราพาขับรถ พาทำกับข้าว
    ไม่ต้องมีทฤษฎีอะไรมากหรอก
    พาทำเลย
    .
    ให้เรียนรู้ จากสิ่งที่ได้ทำ
    พอเราได้ฝึกตามบ่อยๆ เดี๋ยวเราก็ทำเป็นเอง
    .
    เวลาปรับโวลุ่ม ก็เหมือนเราขับรถ
    เวลาเราขับรถ เราต้องเหยียบความเร็ว
    เร่ง ลด ความเร็ว
    พอเราชำนาญ เราต้องมาคิดไหม
    มันได้ดังใจ เป็นออโตเมติก
    .
    ความละเอียดของสติ ก็เช่นกัน
    พอชำนาญปุ๊บ ก็ปรับได้อย่างใจ
    อยากจะให้เร่งละเอียดเท่าไหร่ก็ได้
    อยากจะให้มันลดก็ได้
    .
    ถ้าเรามีศักยภาพตรงนี้ปุ๊บ
    มันจะทำให้เราบาลานซ์ โลก กับ ธรรม
    ได้กลมกล่อมมาก
    .
    บางทีสภาวะละเอียดนี่
    มันก็ใช้ชีวิตในโลกยากนะ
    แต่ถ้าความละเอียด
    ถามว่า ถ้ายังงั้น เราก็ไม่ต้องฝึกละเอียดเลย ดีไหม?
    ก็อยู่แค่ระดับต้นๆ
    .
    มันก็ไม่สามารถพัฒนา จนหลุดพ้นได้นะ
    .
    แต่ว่า การเข้าถึงสภาวะละเอียด
    แล้วเราสามารถ ปรับความละเอียดได้ชำนาญ
    มันก็จะทำให้กลมกล่อม
    โลกไม่ช้ำ ธรรมไม่ขุ่น
    .
    เพราะฉะนั้น ต่อไป ก็จะเรื่องการฝึก เข้าออกฐาน
    แล้วจะเริ่มฝึกเรื่องของการปรับโวลุ่ม
    .
    ให้สังเกต สภาวะที่เกิดขึ้น
    แล้วก็ค่อยๆ เอาไปฝึกตามนะ
    .
    พอชำนาญก็จะทำได้เป็นเหมือนกันทุกคนนะ
    .
    เราจะรู้ว่า ความละเอียดของสติ มันเปลี่ยน
    สภาวะ มันก็เปลี่ยน
    .
    เหมือนกล้องจุลทรรศน์
    ยิ่งคุณภาพของความละเอียดสูงเท่าไหร่
    มันก็จะไปสัมผัส สิ่งที่ละเอียด ขึ้นไปๆ เท่านั้น
    .
    ความละเอียดของสติ ของญาณก็เช่นกัน
    ซึ่งพื้นฐานตรงนี้ เราใช้ได้ทั้งในภาคของสมาธิ
    แล้วก็ในภาคของ วิปัสสนาญาณ เลยนะ
    .
    โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร
    พระวิปัสสนาจารย์
    yovpmZctnirqmJLURP_3yVZ2PPUrys_kUzApD7ttNbbN&_nc_ohc=PwQBOYX2shgAX9AskxO&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่






    โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร


    Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/duenjitpage/ Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/duenjitfound... Youtube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/duenjit Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/duen_jit/ LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://line.me/ti/g2/SStK5q9sZl2eM77... LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ Website เดินจิต : https://www.duenjit.com/ #ให้กำลังใจ #เครียด #ซึมเศร้า
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ยังมีโอกาสอยู่

    https://fb.watch/2jktGlz5nI/

    ที่พระพุทธองค์ ได้ตรัสไว้ว่า
    "การที่เห็นโลกตามความเป็นจริง
    แม้มีชีวิตอยู่เพียง วันหนึ่งคืนหนึ่ง
    ก็ประเสริฐกว่า มีชีวิตมาร้อยปี แต่ยังหลับใหลอยู่"
    .
    ที่เราใช้ชีวิตอยู่ในโลก ทำสิ่งต่าง ๆ
    มันก็เป็นเพียงของ ชั่วครู่ ชั่วคราว ของโลก
    จริงๆ แล้ว มันก็ไม่ได้มีสาระอะไร
    ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ทั้งชีวิตเรานี่
    มันก็ของชั่วคราว
    .
    แล้วชีวิตบนมนุษย์โลก มันก็ไม่ได้ยืนยาวนานอะไร
    บางคนอาจผ่านมาถึงวัยกลางคน
    40 ปี. 50 ปี.
    เหมือนจะผ่านอะไรมามาก
    แต่ชีวิตบนมนุษย์โลก เมื่อเทียบกับชีวิตในวัฏสงสาร
    มันช่างสั้นนัก
    .
    พระพุทธองค์ได้อุปมาถึง
    ความสั้นของชีวิตของความเป็นมนุษย์
    เปรียบเหมือน หยดน้ำ บนยอดหญ้า
    กลางคืน น้ำค้างมันลง
    พอรุ่งอรุณขึ้นมาก็เหือดแห้งไปเร็ว ฉันใด
    เปรียบเหมือน หยดน้ำ ที่หยดลงกระทะที่มีความร้อนสูง
    ย่อมเหือดแห้งไปเร็วฉันใด
    .
    ชีวิตมนุษย์ต่อให้เรายืนยาวนาน 70 ปี. 80 ปี.
    ก็ช่างสั้นนัก
    เมื่อเทียบกับชีวิตในวัฏสงสาร
    มันยาวนานกว่ามาก
    แต่สิ่งที่เราได้ทำไว้ ในช่วงที่เรามีชีวิต
    มันกลับส่งผล สืบต่ออย่างยาวนาน
    ไม่ว่า จะเป็นสิ่งที่ดี หรือ สิ่งที่ไม่ดี ก็ตาม
    .
    แต่ส่วนใหญ่แล้ว ชาวโลกก็ จะก่อการเบียดเบียน
    ส่วนใหญ่ก็ เพิ่มความหนักให้แก่ตัวเอง เป็นส่วนใหญ่
    มีส่วนน้อยที่ จิตใจดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
    ก็จะเป็นวิถีจิต ที่ลอยขึ้นสูง
    .
    และมีส่วนน้อยขึ้นไปอีก
    ที่จะได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนา
    มีศรัทธาที่จะฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
    ตามคำสั่งสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เพื่อปลดแอกตนเอง
    ออกจากวงจรแห่งวัฏสงสารทั้งปวง
    .
    โอกาสเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
    แต่ปัจจุบัน ท่านทั้งหลาย ก็มีโอกาสอยู่
    ก็ไม่รู้หรอกว่า จะมีโอกาสแบบนี้ไปอีกกี่วัน,
    กี่เดือน, หรือ กี่ปี.
    คืนนี้ เราล้มตัวนอน เราอาจจะจากโลกนี้ ไปเลยก็ได้
    ความตาย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน
    .
    แต่ตราบใด ที่เรายังมีชีวิตอยู่
    มันคือโอกาสของพวกเราทุกคน
    ก็พึงขวนขวาย เจริญสมณธรรม
    เพื่อกระทำให้แจ้ง ซึ่งพระนิพพานได้
    จะได้ไม่เป็นผู้ที่ร้อนใจ ในภายหลัง
    เมื่อใด ที่จากโลกนี้ไป
    จะร้อนใจภายหลังว่า...
    รู้งี้ เราน่าจะทำให้มันเต็มที่...
    มันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว
    .
    เพราะฉะนั้น ในแต่ละวัน
    อย่าปล่อยให้วัน เวลา ล่วงเลยไป
    โดยที่ไม่ได้ฝึกหัด ปฏิบัติธรรม
    ชำระตนเองให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่าง ๆ
    เรียกว่า แข่งกับภัย ที่จะเกิดขึ้น
    ภัย คือ ความแก่
    ภัย คือ ความเจ็บไข้ ได้ป่วย
    ภัย คือ ความตาย มันเกิดขึ้นกับเราทุกๆ คน อยู่แล้ว
    .
    ก็ปฎิบัติเพื่อแข่ง กับ ภัยที่มันจะเกิดขึ้น
    ไปรอ ทุกขเวทนามาก ไม่สบายมาก
    ไปเร่งปฏิบัติ มันจะไม่ทันกาล
    เพราะฉะนั้น ในทุกๆ วัน
    พิจารณาว่า วันนี้ เรามีชีวิตอยู่แค่วันนี้
    เราจะ ทำอะไร?
    .
    ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ก็ตรัสถาม พระอานนท์ว่า
    "ดูกร อานนท์ เธอระลึกถึงความตาย
    วันละกี่ครั้ง?"
    พระอานนท์ กราบทูลว่า
    "วันละ 7 ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า"
    พระอานนท์ วันหนึ่ง ระลึกถึงความตาย 7 ครั้ง
    แต่ พระพุทธองค์ ตรัสว่า
    "ตถาคต ระลึกถึงความตาย ทุกลมหายใจ เข้าออก"
    นี่ พระพุทธเจ้านะ
    .
    เพราะฉะนั้น ความตาย
    เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ใน ทุกๆ ขณะจิต
    แม้ขณะที่นั่งฟังตรงนี้
    เราอาจจะตายตรงนี้เลย ก็ได้ ไม่ต้องรอไปนอนหรอก
    ความตาย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    .
    เพราะฉะนั้น การที่เรา มีสติ
    ในทุก ลมหายใจ เข้าออก นี่แหละ
    คือสิ่งที่เรียกว่า อยู่ในความไม่ประมาท
    ความไม่ประมาท ก็คือ
    ความเป็นผู้มี สติ-สัมปชัญญะ
    เป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ
    ........................................
    ธรรมโดย พระมหาวรพรต กิตติวโร




     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    bLpbuW35Gp6stzmnX7KHNHuiqDdf6bMm5xIOVHYLDgb0&_nc_ohc=mELp3EgSGTsAX9kAHS3&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=16a2335950e5337127a28e78c96e64dc.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dj.jpg
      dj.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      115
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ถาม : เวลากำลังใจตก เราจะรวบรวมกำลังใจที่มีให้กลับมาอย่างไร?
    ตอบ : รีบวิ่งไปหาลมหายใจเข้าออกก่อนเลย ถ้าหากลมหายใจเข้าออกทรงตัว ความหมอง ความน้อยใจ เสียใจ หรือกำลังใจที่ตกลงไปจะคืนมา หลังจากที่คืนมาก็พยายามรั้งเอาไว้ด้วยสมาธิ แต่ถ้าหลุดเมื่อไรก็ไปอีก
    ดังนั้น..อันดับแรก วิ่งเข้าไปหาเครื่องช่วยชีวิตเราก่อน ก็คือ ลมหายใจเข้าออก
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    ?temp_hash=d50d8002f43ccccb3dfca68f2aef3f1e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    พระธรรมนี่แหละ เป็นธรรมโอสถ
    สามารถดับความเร่าร้อน
    ความหิวกระหาย....
    ความทุกข์ทรมานทั้งปวงได้
    เมื่อโยมฝึกปฏิบัติไปเรื่อย ๆ
    จนเห็นจิต เห็นใจของตนเอง
    โยมจะพบสัจธรรมข้อหนึ่งว่า...
    ทุกสิ่งทุกอย่าง.. ก็เกิดที่ใจของเรานี่เอง
    ความเร่าร้อนต่าง ๆ
    ความทุกข์ทรมานต่าง ๆ
    ก็เกิดที่ใจนี่แหละ
    และเมื่อทุกสิ่งเกิดที่ใจ.. ก็จบที่ใจ เช่นกัน
    โยมไปดับความทุกข์จากสิ่งภายนอก
    มันไม่ดับหรอก
    เพราะว่ามันเกิดที่ใจ
    มันก็ต้องจบที่ใจ เช่นกัน
    เพราะฉะนั้น...การแก้ที่ใจ
    การดับไฟในใจ ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์
    เป็นการแก้ที่ต้นตอของปัญหาที่แท้จริง
    เพราะฉะนั้น..
    ก็ฝึกตามอยู่เป็นประจำ ทุกเช้าทุกค่ำ
    ส่วนในระหว่างวัน...
    ก็พยายามเจริญสติในชีวิตประจำวันอยู่เนือง ๆ
    สะสมกำลังสติ-สัมปชัญญะ
    ถ้าท่านทั้งหลายพากเพียรอยู่อย่างนี้
    ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตที่สงบเย็น
    มีความสุขขึ้น
    ต่อให้โลกมันวุ่นวาย แต่ถ้าใจเข้าถึงธรรม
    มีความสงบเย็น...
    อยู่ที่ไหน ก็สงบเย็น มีความสุขได้
    คำว่า "นิพพาน" หรือ "บรมสุข"
    ไม่ต้องไปรอที่ไหนหรอกโยม
    ปฏิบัติปัจจุบัน ก็เข้าถึงได้ในปัจจุบัน
    ประจักษ์แจ้งแก่ใจได้ด้วยตัวของตัวเองนี่แหละ
    ................................
    ธรรมบรรยายโดย พระมหาวรพรต กิตติวโร
    yylseqNV4vjB_4fYfMwLTgUwWLDulfW5gG4WanVnsKw-&_nc_ohc=_CJ3Gt6wM-4AX8Qj9vz&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...