เปิดดวงชีวิต พลิกดวงชะตา เปิดวาสนา ชีวิตเปลี่ยนแปลงแน่นอน ใน 7 วัน กับคุณกช 0837663882

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย kichprapan1, 12 มกราคม 2012.

  1. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    [FONT=&quot]ด่พฟพั่ฟพััััััััััััััดดด่ยงเพงบ

    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2012
  2. nonlawat

    nonlawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +41
    อาจารย์ค่ะ ที่อาจารย์เตื่อนนะค่ะ ว่าที่จะมีอุบัติเหตุเกิดกับคนในครอบครัวนะค่ะ ที่แรกก็ไม่ได้คิดอ่ะไรนะค่ะ แต่ ยิ่งกว่าตาเห้นเลยค่ะ ดูดวงได้ไม่ถึงชั่วโมง เกิดเลยค่ะ คุณแม่ดิฉันถูกรถชนค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลค่ะ แม่นและตรงมากๆๆ ขนาดอาจารย์บอกว่าไม่เกินเจ้ดวันจะเกิดนี่แค่วันเดี๋ยวเองค่ะ เกิดเลย ส่วนที่อาจารย์ไห้แก้นะค่ะหนูกำลังจะไปทำนะค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวหนูขอ โทรหาอาจาย์นะค่ะ

    ขอบคุณอาจารย์มากๆค่ะ
     
  3. nonlawat

    nonlawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +41
    อาจารย์ค่ะ สวัสดีค่ะ เรย์นะค่ะที่อยู่ นิวยอคร์

    ได้ดูดวงกับอาจารย์แล้วดีใจมากค่ะ สบายใจมากค่ะ และสิ่งที่สำคัญแม่นมาก ขนาดดูข้ามทวีป ยังแม่นขนาดนี้ ถ้าดูตัวเป็นๆๆคงแม่นมากเลยซิค่ะ รู้หมดเลย ยังกับตาเห็น ถ้าเรย์ เล่าเรื่องเรย์ไห้อาจารย์ฟังก่อนพยากรณ์ดวง ก็ว่าไป นี่ไมได้เล่าอะไรเลยค่ะ ไม่ได้รู้จักกันด้วยค่ะ ยังรู้หมดเลย แม้กระทั่งแม่พ่อ น้องก้ยังรู้หมดเลย สรัทธามากค่ะ รุ็แม้กระทั้งเรย์ไปทำแท้งมา เป็นผู้ชายสองคน แม่นมาก อุบัติเหตูที่ว่าเกิดขึ้นภายในเจ็ดวัน ก็เกือบโดนค่ะ ดีนะค่ะ อาจารย์ไห้แก้ไขก่อนค่ะ ไม่งั้นแย่เลย เฉียดตายมาได้ค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ ที่โปรดเมตรา แล้วเรื่องขายที่ ทำตามอาจารย์ ก็ขายได้แล้วนะค่ะ ยังไงหนูติดต่อกลับไปค่ะ
     
  4. nonlawat

    nonlawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +41
    สวัสดีค่ะ อาจารย์กฤชค่ะ

    ยินดีนะค่ะที่ได้รู้จักอาจารย์ค่ะ ดีใจมากเลยที่อาจารย์กฤชดูดวงไห้ค่ะ รู้สึกว่าคุยกับอาจารย์แล้ว สบายใจมากเลยค่ะ อาจารย์เก่งมากเลยค่ะ อาจารย์ทักมาเลยคำแรก โดนหลอกมาไช่ใหม่ หนูรู้สึกว่าแม่นมากเลยค่ะ เลยมาขอบคุณอาจารย์ค่ะ เพราะว่าแม่นมากค่ะ เดี่ยวจะนำหลักคำสอนของอาจารย์ ไปทำนะค่ะ

    โมทนาบุญด้วยนะค่ะ
     
  5. nonlawat

    nonlawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +41
    ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ


    แม่นมากเลยค่ะ จะนำคำแนะนำไปไช้นะค่ะ และจะแนะนำเพื่อนๆๆ ปรึกษาอาจารย์นะค่ะ เพราะว่าแม่นมากค่ะ เจอกับตัวเองแล้วก็เลยอยากแนะนำสิ่งดีๆๆ ไห้กับคนที่เรารู้จักค่ะ ไม่เสียทีที่รอค่ะ และคุ้มค่าที่สุดค่ะ

    ขอบคุณค่ะ โมทนาบุญด้วยนะค่ะ
     
  6. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    อยากดูดวงทิ้งข้อมูลไว้นะครับ เดี๋ยวจะมาตอบไห้
     
  7. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    เรื่องธูปและกำยาน
    การจุด ธูป หรือ กำยาน มีวัตถุประสงค์เพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ
    - ถวายกลิ่นหอมแก่เทพ
    - ให้ควันธูปหรือกำยาน เป็นสื่อนำคำอธิษฐานเราไปสู่เทพ
    มีความหมายเพียงเท่านี้นะครับ ไม่เกี่ยวว่าต้องใช้กี่ดอก? หรือต้องปักแบบไหน?
    คนไทยเข้าใจผิดกันเยอะครับ เกี่ยวกับการจุดธูป
    สมัยโบราณนานมา ไม่มีการกำหนดหรอกครับว่าต้องใช้กี่ดอก
    มีแต่คนรุ่นหลังเท่านั้นที่กำหนดกันว่าเทพองค์นี้ต้องจำนวนธูปเท่านี้..บาง คนบอกว่าต้องปัก..ต้องวาง..ต้องปักเป็นวงกลม...ต้องเรียง ฯลฯ ขอจงอย่าซีเรียสเรื่องพวกนี้ครับ และถ้าใช้ธูปเยอะไปก็ไม่ดีหรอกครับ เปลืองเงินและเปลืองทรัพยากรธรรมชาติอีกต่างหาก เป็นเรื่องตลกที่เราจะเห็นกันว่า วัด ศาล เทวาลัย แต่ละแห่ง จะบอกให้จุดจำนวนธูปไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ข้างในก็ประดิษฐานเทพองค์เดียวกัน พระพิฆเนศ ก็พระพิฆเนศเดียวกันทั้งโลก ไม่ได้มีหลายพระพิฆเนศซะหน่อยครับ คนอินเดียมาเที่ยวเมืองไทยยังสงสัยกันเลยครับ ว่าที่คุณๆไหว้กันนั้น ไม่ใช่พระพิฆเนศองค์เดียวกันหรอกหรือ?? เหตุใดจึงต้องใช้ธูปแต่ละที่จำนวนไม่เท่ากัน?? ทำไมที่นี่ต้องเดินวนซ้าย แต่ศาลพระพิฆเนศอีกแห่งต้องเดินวนขวา?? ทำไมต้องใช้ธูปแดง?? ธูปขาวธรรมดาไม่ได้หรือ?? ทำไมพระพิฆเนศที่นี่ต้องเทียนขาว?? แต่ทำไมอีกที่ต้องเทียนแดง?? สุดท้าย..คนไทยเราก็โดนเยาะเย้ยจากต่างชาติ ว่าบูชาเทพให้เป็นเพียงวัตถุ ไม่ได้เข้าถึงหัวใจหลักแห่งการบูชาเทพเลย...
    เพราะชาวฮินดูในอินเดียจริงๆ แล้วจะไม่มีการกำหนดจำนวนธูป เทียน และกำยานมาตั้งแต่โบราณ ไม่มีการกำหนดสีสันและขนาดด้วยครับ เค้าหยิบออกจากซอง ได้มากี่ดอก ก็จุดเลยครับ ไม่มีการนับ เนื่องจากเหตุผลในการจุดธูปก็คือ 1.ถวายกลิ่นหอม และ 2.ให้ ควันนำพาคำอธิษฐานไปถึงเทพเบื้องบนเท่านั้นเอง... ขอให้เข้าใจตามนี้นะครับ (แต่ถ้าให้สบายใจ ใช้ธูป 3, 5, 9 ดอกแบบคนไทยหรือคนจีนก็ได้ครับ) และขอยืนยันว่า สามารถใช้ได้ทั้ง ธูป และ กำยาน

    ถ้าอยู่ห้องเล็กๆ หรืออยู่ร่วมกับคนอื่น หรือไปค้างแรมที่อื่น การจุดธูปเทียนจะทำให้ควันธูปรบกวนคนรอบข้าง หรือเสี่ยงต่อไฟไหม้ ก็ไม่ต้องจุดเลยครับ โดนด่าซะเปล่าๆ
     
  8. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    คนเราเกิดมามีกรรมติดตัว และต้องชดใช้กรรมไปจนหมดวาระของชีวิต ไม่มีใครช่วยให้เราพ้นกรรมได้ มนุษย์ควรยอมรับในกรรมที่สร้างขึ้น เมื่อผลกรรมส่งผลแก่ตัวเราในปัจจุบัน จะเล็กน้อยหรือร้ายแรงก็ตาม ก็ขอให้ยอมรับสภาพ และอดทนก้าวผ่านไปให้ได้ จากนั้นให้เริ่มสั่งสมบุญด้วยการตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง หมั่นทำบุญ ทำทาน ไม่สร้างกรรมชั่วเพิ่มขึ้นอีกในชาตินี้ และสวดมนต์ต่อมหาเทพ มหาเทวี ตลอดจนสวดมนต์ต่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อว่าบุญบารมีที่ทุกท่านได้สะสม จะส่งผลดีให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่านอย่างแน่นอน


    อาจารย์ กฤช
     
  9. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    <table cellpadding="2" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td>
    </td> <td>ผู้ที่ประสบ ความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว การเรียน การทำงานจะเป็นผู้ที่มีพลังใจในตนเอง ซึ่งเป็นแรงจับที่คอยกระตุ้นให้มีความพยายามที่จะทำในสิ่งที่ต้องการจน สำเร็จบรรลุเป้าหมายอย่างไม่ท้อต่อ อุปสรรคใด ๆ พลังใจที่กล่าวถึงนี้ก็คือ ความมุ่งมั่น ตั้งใจอันแน่วแน่เป็นความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเรานั้น เอง </td></tr> <tr> <td colspan="2">การ ที่จะมีพลังใจในชีวิตได้ จะต้องเริ่มต้นที่การรู้จักตนเองก่อน ว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นที่ต้องการมาก ที่สุดในชีวิตของเรา แล้วนำสิ่งนั้นมาตั้งเป็นจุดหมาย เช่น ในเรื่องของการเรียนก็ต้องมีเป้าหมายของการที่จะนำ เอาความรู้ ความสำเร็จในการศึกษาไปใช้ในการดำรงชีวิตซึ่งจะทำให้เรามีการพัฒนาและ เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น นำความต้องการนั้นมาเป็นเป้าหมาย บวกกับความมั่นใจในตนเอง เห็นคุณค่าของตนเองว่าเราสามารถที่จะทำได้ สามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีทำให้ชีวิตมีประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเราเอง เรามาเสริมสร้างพลังใจให้มีขึ้นในตัว เราได้ตามแนวทาง 5 ประการ ดังนี้

    ประการแรก เป็นตัวของตัวเอง มีความเชื่อมั่นและมีเหตุผล เป็นผู้นำด้านความคิดให้แก่ตัวเอง สามารถ ตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง

    ประการที่สอง พึ่งตนเอง ดังคำกล่าวที่ว่า " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " ยังนำมาใช้ได้ไม่ล้าสมัย พยายามทำ สิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง ไม่ควรพึ่งพาผู้อื่นตลอดเวลา

    ประการที่สาม กล้าเผชิญปัญหา ต่อสู้กับอุปสรรค ยอมรับได้ทั้งความสำเร็จและความผิดหวัง คิดว่า ปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสดังนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า " ปัญหามาปัญญาเกิด "

    ประการที่สี่ ทำทุกอย่างเต็มความสามารถ ใช้ความสามารถของตนเองให้เต็มที่ มีความรับผิดชอบ ตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ ทำให้ดีที่สุดทั้งกำลังกาย กำลังความคิด และกำลังใจเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย

    ประการที่ห้า พัฒนาตนเอง พยายามแข่งขันกับตนเองอยู่เสมอ โดเฉพาะการพัฒนาจิตให้บริสุทธิ์เปิดใจ มองโลกให้กว้าง รู้จักให้รวมถึงการให้อภัยด้วย

    ดังนั้น เมื่อเรามีพลังใจแน่วแน่สามารถทำได้อย่างไม่ย่อท้อ ความภาคภูมิใจความมีคุณค่าในตนเอง ก็เป็นสิ่งที่ตามมา ความสำเร็จย่อมอยู่ในมือของเรา แม้ดวงใจดวงน้อยนิดพิชิตอุปสรรคได้ ถ้าใส่พลังใจเต็มเปี่ยม
    </td></tr></tbody></table>
     
  10. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    ผู้ที่เข้าถึงจิต
    ผู้ที่รวมจิต
    ผู้ที่รู้จักจิต ผู้ที่เข้าใจจิต
    ก็คือผู้เข้าใจโลกและมัจจุราช

    ถึงแม้ว่าเราจะปฏิเสธการเรียนรู้เรื่องจิต แต่ทุกคนมีพลังจิต แต่ไม่ได้พัฒนา ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าเรา ไม่รู้จักพลังจิต แต่ทุกคนมีพลังชนิดนั้นอยู่ แต่ไม่รู้จักวิธีใช้ ถึงแม้ว่าเราจะบอกกับใครๆ ว่าเราไม่รู้ว่าอะไรคือจิต อะไรคือพลังแห่งจิต แต่จริงๆแล้วเราใช้มันแบบฟุ่มเฟือย และไม่รู่จักรักษาเพิ่มเติม สะสม เพราะฉะนั้นพระศาสดาจึงสอนให้พวกเราเข้าถึงจิตของตน และพระองค์ก็ทรงชี้ประโยชน์แห่งการเข้าถึงจิตของตนว่า คนๆนั้น สัตว์ประเภทนั้น ท่านเหล่านั้น จะดับและเย็นนั่นคือนิพพาน ซึ่งผู้มีบุ_ไม่มีนิพพาน พลังงานอนันต์ไม่สามารถผลักดันให้ถึงนิพพานอันแปลว่าดับและเย็นได้ มีพลังงานชนิดเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เข้าถึงนิพพานได้ นั่นคือ... พลังแห่งจิต ซึ่งต้องได้รับการฝึกปรือ ขัดเกลาพัฒนา ได้มาจากอัตภาพร่างกายและวาจาใจแห่งนี้ พลังงานวิเศษซึ่งเป็นพลังงานอมตะนั้น ไม่ใช่ได้มาจากที่อื่น ไม่ใช่ได้มาจากครูคนใด ไม่ใช่ได้มาจากพระพุทธเจ้าประทานให้ แต่ได้มาจากหัวใจที่เอื้ออารีย์ แต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณงามความดี ที่เราเรียกขานกันว่าผู้มีบุ_ และมันก็ได้มา จากการทำกรรมดี ที่เรียกว่าทำบุ_ สุดท้ายไม่ยึดติดในคำว่าบุ_ ทิ้งบุ_ ไม่หลงใหลในบุ_ จนกระทั่งถึงคำว่า สุ__ากาศ และก็ยกระดับไปสู่คำว่า สุ__ตา อันแปลว่าว่างและไม่มีอะไร

    กระบวนการฝึกจิตต้องเริ่มต้นมาจากการดัดกาย วาจา ใจของตน ให้เต็มเปี่ยมไปด้วยคำว่าบุ_เพราะบุ_เป็นอาหารแห่งจิต เรากำลังจะนำร่างกายไปออกรบ เรากำลังจะนำร่างกายไปอดตาหลับขับตานอน ไปฝึกปรือไปทำกิจกรรมใดๆ แต่ถ้าร่างการยเราขาดสารอาหาร เราก็มิอาจนำเอาร่างกายและอัตภาพนี้เดิน ทางไกล หรือไปทำอะไรๆ รบแล้วไปเอาชนะใครได้เลย
     
  11. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    <table id="post5440103" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_5440103" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"><table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="694"><tbody><tr><td bgcolor="#FFFFFF">
    10 วิธีที่สร้างความสุข ​
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#FFFFFF">


    ความสุข เป็นยอดปรารถนาของมนุษย์ที่สามารถแสวงหาได้ ซึ่งแนวทางในการทำตัวให้มีความสุข มีดังต่อไปนี้
    1. การรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรง สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีอิทธิพลต่อกันและกัน คนที่มีสุขภาพกายดีย่อมส่งผลให้มีจิตใจร่าเริงเข้มแข็ง
    2. มีความสุขกับการทำงาน การ เลือกทำงานที่ชอบหรือการสร้างความพึงพอใจในงานที่ทำ หาวิธีการทำงานให้มีความสุข พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายหลายอย่างภายในขอบเขตที่สังคมยอมรับ ตามความสามารถของตนเอง
    3. รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ควร ได้สำรวจตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร ต้องยอมรับว่าคนเรามีทั้ง ส่วนดีและส่วนเสีย เราต้องมองหาส่วนดี เห็นคุณค่า ชื่นชม พยายามพัฒนาส่วนดี พร้อมทั้งยอมรับในข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้
    4. มีอารมณ์ขัน มอง โลกในแง่ดี ควรมองหาความสุข ความเพลิดเพลิน เพื่อช่วยลดความตึงเครียดต่างๆ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย การหัวเราะทำให้จิตใจเบิกบาน มีการกระเพื่อมของหน้าท้อง เวลาจะทำอะไรต้องหาจุดดีของเรื่องนั้นให้พบ เมื่อพบแล้วทำความพอใจและชื่นชม ก็จะเกิดแต่ความดีงาม
    5. ไม่ควรเก็บอารมณ์ขุ่นมัว ต้องคิดไว้เสมอว่าเหนื่อยก็พัก หนักก็วาง วุ่นก็ให้ว่าง ทุกอย่างก็สบาย
    6. ควรมีงานอดิเรกและการพักผ่อนหย่อนใจ ควร หาอะไรที่ชอบและพอใจทำ ทำในเวลาว่างที่เหลือจากกิจวัตรประจำวัน การทำอะไรในสิ่งที่พึงพอใจย่อมเกิดความสุขเพลิดเพลิน ทำให้ไม่มีเวลาว่าง ที่จะคิดกังวลเรื่องต่างๆ เป็นการฝึกการใช้เวลาว่างนั้นๆให้มีสมาธิในการทำสิ่งที่พอใจ ซึ่งจิตมีสมาธิจะเป็นจิตที่เข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวง่าย
    7. หาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ แต่ละชีวิตย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เราจึงควรหาเพื่อนหรือใครสักคนที่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขได้ ค้นหาคนที่คุณรักและเขารักคุณ ช่วยเหลือเกื้อกูล ปลอบขวัญ บำรุงจิตใจซึ่งกันและกัน สามารถที่จะระบายทุกข์ ปรึกษาขอความคิดเห็น และแก้ไขปัญหาต่างๆ
    8. พร้อมที่จะเผชิญปัญหาและความกังวลใจ เมื่อพบอุปสรรค พึง พิจารณาปัญหาอย่างใช้เหตุและผล โดยค้นหาข้อเท็จจริง มองปัญหานั้นๆและหาวิธีการต่างๆในการแก้ปัญหา ทำการตัดสินใจ แล้วปฏิบัติตามที่ได้ตัดสินใจไว้ หรือถ้าปัญหารุมเร้ามากจนต้องการหลีกให้พ้น "จงใช้ชีวิต อยู่เพื่อวันนี้เท่านั้น"
    9. ใช้เวลาเป็นยารักษาความเจ็บปวด เมื่อพบกับความผิดหวังจงใช้เวลาเป็นเครื่องช่วยเยียวยา เมื่อพลาดหวังแล้วจงอดทน และมีความหวังต่อไป ความหวังเป็นพลังหรือแรงจูงใจ เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต เมื่อประสบความผิดหวัง ไม่ควรใช้วิธีถอยหนีหรือเลี่ยงปัญหา ควรคิดเสมอว่า "ท้อแท้-หงอย ท้อถอย-แพ้"
    10. ค้นหาเป้าหมายของชีวิต การ คิดฝันไม่ ใช่เรื่องเสียหาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความคิดฝันที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งความคิดฝันจะทำให้เรามีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีแรงจูงใจ มีการตั้งเป้าหมายในชีวิตใกล้เคียง กับความสามารถที่แท้จริงและสอดคล้อง กับความเชื่อและอุดมคติ แล้วทำการลงมือปฏิบัติเพื่อไปสู่เป้าหมาย การทำตัวให้มีความสุขได้เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ต้องอาศัยการเรียนรู้ และหาวิธีการ แล้วนำไปดัดแปลง ปรับปรุงให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการของผู้ต้องการแสวงหาความสุขนั่นเอง​
    </td></tr></tbody></table>
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> </tr></tbody></table>
     
  12. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว

    -เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
    -ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
    - ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
    - เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชา พระรัตนตรัย โดย ระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอิทิศบุญให้พ่อค้าแม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
    - เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา
    2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อนิสงค์ยิ่งใหญ่
    การ สร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆ คนในปัจจุบันเข้าใจและติดเป็นค่นิยมกัน การทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่จะเป็นบุญเล็ก บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามารถจะทำได้ และต้องไม่เดือดร้อนตนเอง แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงินนั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ และที่สำคัญเจตนาตอนที่ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ นั้นแหละมหากุศลทั้งสิ้น
    แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศงได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้นด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน อยู่ที่เจตนาและความต้งใจเป็นที่ตั้ง สรุปสั้นๆ ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าใดก็ได้บุญเช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมากๆ หรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน สร้างโรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถานนั้นๆ ที่ร่าวสร้างจะพังทลายไป
    3. การสวดมนภาวนา ให้ได้บุญมากขึ้น
    การ สวดภาวนา คาถาศักดิ์สิทธิ์ หรือมนตราอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ถ้าได้ทำอย่างถูกวิธีนั้น จะเป็นการเพิ่มบุญให้กับตัวเอง เพราะพลังบุญ พลังอำนาจของพระคาถาและมนตรานั้น จะถูกดึงเข้าสู่ตัวผู้สวดด้วย
    เคล็ด วิธีมีอยู่ว่า โดยก่อนสวดนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิที่พร้อมจะสวดแล้ว ขอให้ตั้งจิตให้มั่นแล้วอุทิศบุญทั้งหมดที่ตนเคยทำมานั้น ส่งให้แต่ครูบาอาจารย์ ผู้เป็นเจ้าของคาถาหรือมนตรานั้นๆ ด้วย ซึ่งเป็นการเชื่อมบุญรูปแบบหนึ้ง และหลังจากนั้น ก็อธิษฐานขอมีส่วนร่วมในบุญของท่าน และขอมีส่วนร่วมในบุญของผู้ที่ได้สวดคาถาและมนตราศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วย เมื่อใดตามที่มีคนอื่นสวดและกระทำเหมือนกับเรา เราก็ได้บุญเพิ่มทุกครั้ง
    4. การทำบุญด้วยการต่อชีวิตสัตว์ ให้ได้บุญมากขึ้น
    การ ทำบุญปล่อยชีวืตสัตว์หรือต่อชีวิตสัตว์นั้น หลายคนเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งก็แล้วแต่จิตจะพอไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เป็นการทำบุญใหญ่ เป็นการช่วยต่อชีวิต ต่อโชคชะตา ให้เวลากับสัตวที่กำลังจะถึงที่ตายให้ได้มีชีวิตอีกครั้งและเคล็ดลับสำคัญก็ คือ ก่อนที่จะปล่อบสัตว์นั้นๆ เมื่อได้ซื้อมาหรือเจอ ณ ที่ใดก็ตาม ให้นำไปถวายกับพระสงฆ์เสีก่อน เพื่อเพิ่มบุญให้มากขึ้น เหตุเพราะว่าพระสงฆ์ที่รับนั้นท่านบริสุทธ์ และมีศีลมากกว่าเรา ท่านย่อมมีบุญมากกว่าเรา ยิ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญมากแล้ว บุญนั้นจะเพิ่งเป็นหลายเท่า จากนั้นก็ขอผาติกรรมชำระหนี้สงฆ์ซื้อคืนมาจากท่าน ด้วยเงินเท่ากับจำนวนที่เราซื้อสัตว์นั้นมาก วิธีนี้เป็นการเพิ่มบุญอีกเท่าตัว ได้ทั้งทำบุญต่อชีวิตสัตว์ และชำระหนี้สงฆ์ด้วย หลังจากนั้นก็นำไปปล่อยในที่อันสมควร
    อา นิสงค์ของการทำบุญด้วยวิธีนี้ ถ้าใครที่ทำได้ตามนี้ บุญที่ได้จะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า จกาการที่ไปซื้อมาแล้วก็ไปปล่อยตามยถากรรม วิธีนี้นอกจากได้บุญน้อยแล้ว แถมยังได้บาปกลับมาด้วย ดังนั้นจะทำบุญทั้งที ความฉลาดในการทำบุญด้วย
    5. การทำสังฆทานให้ได้อนิสงส์บุญมากขึ้น
    การทำสังฆทานควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหาร (คาว-หวาน-ผลไม้-น้ำ), เครื่องนุ่งห่ม (ผ้าไตรจีวร หรือผ้าขนหนูสีสุภาพ), ยารักษาโรค, ที่อยู่อาศัย (บ้านหลังเล็กๆ ซึ้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยทิพย์ให้กับเจ้ากรรมนายเวร เค้าจะได้มีที่พักทิง ไม่มารบกวนเราอีก) และควรเพิ่มหนังสือธรรมะเข้าไปด้วยเพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวรซึ้งในรส พระธรรม มีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์
    เคล็ดลับสำคัญ เครื่องสังฆทานและอาหารเหล่านี้ เราควรที่จะต้องไปถวายแดพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูง แต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ทราบ ให้เรานั้นตั้งจิตอธิษฐานถวายแด่พระพุทธเจ้าโดยตรงและพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญจะได้มากขึ้นทบทวี และหลังจากนั้นก็ให้อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งหมดและควรกรวดน้ำ หลังทำบุญทุกครั้งเพื่อให้พระแม่ธรณีและเทพเทวาทั้งปวงท่านเป็นพยานในการทำ บุญครั้งนี้

    สรุป
    เมื่อ ท่านได้ทราบว่า ทำบุญอะไร และได้รับอนิสงส์ของการทำบุญเป็นอย่างไร สมควรช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย เพราะเป็นการให้คนได้รู้ถึงอานิสงส์ของการทำบุญในแต่ละอย่าง จะได้จำสืบต่อกันไปอย่างถูกต้อง
    ดังนั้น จึงสรุปว่า การทำบุญอะไรก็ตาม เมื่อได้ทำบุญแล้ว ก็ได้รับผลบุญในทันที กล่าวคือ ขณะที่ทำบุญนั้น สภาพจิตของเราตรงนั้นเป็นอย่างไร สุขใจไหม สบายใจไหม ภูมิใจไหม ตรงนี้ไม่ต้องถาม หวังว่า ท่านที่เคยทำบุญมาแล้วก็จะตอบตนเองได้อย่างแจ่มแจ้งทีเดียว
    เมื่อ เราได้ทำบุญ ผลของการทำบุญ จะให้อานิสงส์ไม่เหมือนกัน บุญบางอย่าง ก็ให้ผลโดยตรง แต่บุญบางอย่า ก็ให้ผลโดยอ้อมไม่ตรงทีเดียว ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่ อานิสงส์แห่งการทำบุญนั้นไม่เหมือนกัน และผลบุญที่เราได้ทำนั้น รอให้ผลอยูตลอดเวลาแก่ผู้ที่ได้ทำบุญไว้ ตราบเท่าที่ยังมีผลบุญอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำยุญไว้ ถ้าไม่ประมาท ถึงแม้ไม่มีอะไรจะทำบุญ เพียงแต่เห็นคนอื่นเข้าทำบุญ แล้วทำใจให้เลื่อมใส ก็เป็นอันได้ทำบุญเหมือนกัน บุญชนิดนี้ เรียกว่า บุญด้านปัตตานโมทนามัย (บุญจากการอนุโมทนาบุญ)
     
  13. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    เราต้องมีความเชื่อมั่นว่า :
    • บุญ – บาป มีจริง
    • เราเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง
    • ทำบุญ
    ล้างบาปไม่ได้ แต่ อาจหนีได้
    เนื้อหา
    1. ทำความเข้าใจเรื่อง “บุญ – บาป”
    1.1 บุญ เป็นพลังงาน มีลักษณะเบา เย็น สว่าง เกิดจากการคิดดี พูดดี ทำดี
    1.2 บาป เป็นพลังงาน มีลักษณะ หนัก ร้อน มืด เกิดจากการคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว

    2. ทำบุญล้างบาปไม่ได้
    : พระพุทธเจ้าเปรียบบาปเหมือนเกลือ บุญเหมือนน้ำ
    ตัวอย่าง
    - เมื่อทำบาป (ผิดศีลข้อใดข้อหนึ่ง) เหมือนผลิตเกลือไว้ในจิต (สมมติว่า 1 กก.) ต่อมาได้สำนึกพยายามทำ ความดี (ทาน – ศีล - ภาวนา) เป็นการเติมน้ำ ลงไปในเกลือ หากเติมน้ำไปสัก 100-1,000-10,000 ... ลิตร เกลือจะค่อยๆ ลดความเค็ม จนจืดในที่สุด แต่ในน้ำก็ยังมีเกลือเจือปนอยู่ แต่ไม่ปรากฏ รสเค็ม

    3. ทำบุญหนีบาปได้หรือไม่
    : บางครั้งได้ บางครั้งไม่ได้
    - การกระทำในอดีตที่ผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ ถ้าจะแก้ไขต้องแก้ที่ ปัจจุบัน
    3.1 บาปที่หนีไม่ได้
    • อนันตริยกรรม 5
    ตัวอย่าง พระโมคคัลลานะ
    • บาปที่มีกำลังแรงกว่าบุญ หรือเจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมให้เป็นอโหสิกรรม
    ตัวอย่าง
    - คุณหมออาจิณ บุณยเกตุ

    - ดร.ดาราวรรณ (กระดูกสะโพกหัก ถูกถ่วงดุลตุ้ม เพราะตอนเด็กๆ เคยเอายางมะตอยไปแปะขาแมง)
    - หลวงพ่อพุธ (ป่วยเป็นมะเร็ง)
    3.2 บาปที่หนีได้
    • พลังบาป มีกำลังอ่อนกว่า พลังบุญวิ่งไล่ตามไม่ทัน
    ตัวอย่าง
    - พระองคุลีมาล ฆ่าคน 999 ศพ แต่บาปตามได้แต่ถูกก้อนหินขว้างปา

    4. การเปลี่ยนชะตาชีวิต

    4.1 เปลี่ยนชะตาจากร้ายเป็นดี
    ตัวอย่าง
    - จากกฎแห่งกรรมของ ท. เลียงพิบูลย์ : สมัยสงครามโลก ชายคนหนึ่งถูกพยากรณ์จากชีปะขาวว่าจะตายโหงอย่างศพไม่มีญาติ ในวันวิสาขบูชา แต่รอดได้เพราะทำบุญมาตลอด

    - นักธุรกิจกำลังเดินทางไปท่องเที่ยว ขณะเตรียมตัวออกจากบ้านไปสนามบิน ปูเดินมาขวางทางรถ จึงให้คนรถหยุดรอ จนกว่าขบวนปูจะไปหมด ซึ่งกินเวลาหลายนาที พอไปถึงสนามบินไม่ทันเครื่องออกไปแล้ว สักครู่มีประกาศว่าเครื่องบินลำนั้นตกอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี


    - ดร.ดาราวรรณ ได้รับคำทำนายจากหมอดูหลายคนว่าจะชะตาขาดตั้งแต่ปลายปี 2524 จึงเร่งทำความดี ทั้งทาน ศีล และภาวนา และรอดพ้นมาได้

    ปี 2540 หลวงพ่อดีทำนายว่าตกดวงคอขาด แต่กลับไม่มีเคราะห์อะไรเลย แถมมีโชคได้ 2 ขั้น เพราะทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
    หมายเหตุ : สามารถขยายความได้ว่า หากทำความดีเพื่อสะเดาะเคราะห์ต่ออายุตัวเองจะได้บุญน้อย แต่ถ้าทำโดยไม่หวังผลตอบแทนจะได้บุญมาก
    ตัวอย่าง
    • เพื่อนบ้านถูกทักว่าจะโชคร้าย มีอุบัติเหตุ จึงรีบไปใส่บาตรทำบุญด้วยความกลัวตายแต่สุดท้ายก็ตายจากอุบัติเหตุพร้อม ภรรยาและเพื่อน
    • เณรน้อยชะตาขาด ช่วยชีวิตปลา ต่ออายุตัวเองได้ เพราะทำโดยมุ่งช่วยปลา จริงๆ ด้วยความเมตตา
    4.2 เปลี่ยนชะตาจากดีเป็นร้าย
    ตัวอย่าง
    - ลุง ที่ขามทะเลสอ อาชีพหมอดู ดูชะตาตัวเองว่าอายุยืน 80 ปี ตายดีไม่มีดวงตายโหง แต่ทำชั่วมาก ในที่สุดตายโหงตอนอายุ 40 กว่า

    สรุป
    1. ให้รีบเร่งสร้างความดีในปัจจุบัน อย่าประมาท ไม่ต้องสนใจกรรมเก่าหรือคำทำนายของหมอดู

    - ถ้าบุญในปัจจุบันแรงกว่า ก็หนีเคราะห์และบาปได้
    - ถ้าบุญในปัจจุบันกำลังไม่พอ อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบา
    ตัวอย่าง คุณแม่และสามี ของ ผช.ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่ง หลวงพ่อดีทำนายว่าจะชะตาขาดภายใน 7 วัน ให้อยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นการสะเดาะเคราะห์ แต่ขอกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า รถประสานงากลางทาง เสียชีวิตทั้งคู่ (ไม่ได้สร้างบุญไว้ล่วงหน้า หนีไม่ทัน)

    2. ดำเนินชีวิตในวิถีพุทธ ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานหลักการไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ ได้แก่

    1. การไม่ทำบาปทั้งปวง (ละชั่ว)
    2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม (ทำดี)
    3. การทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส (ทำสมาธิ – ภาวนา)
    3. ทางบุญ = ทาน ศีล ภาวนา (หรือขยายความ = กุศลกรรมบถ 10)
    ทางบาป = ละเมิดศีล

    4. การทำบุญให้ได้อานิสงส์แรง คือ ทำโดยไม่หวังผลตอบแทนให้ตัวเอง แต่ทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น และทำดีเพื่อความดี
     
  14. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    การสร้างบุญในทางโลก หมายความว่าอะไร
    การสร้างบุญที่เรารู้จักและคุ้นเคยก็คือ การไปวัดทำบุญด้วยการตักบาตร ถวายสังฆทานให้กับพระหรือไปทำบุญทอดกฐินร่วมงานวัด นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างบุญที่เราเรียกว่า ทาน ซึ่งจะขอกล่าวต่อไปในแง่ของทางธรรม แต่ในขณะที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสปกติอย่างนี้เราก็สามารถที่จะ สร้างบุญในทางโลกให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
    หากลองพิจารณาให้ดีๆ จากหลักของบุญกิริยาวัตถุ 10 จะพบว่ามีอยู่ข้อหนึ่งที่กล่าวถึงทางมาแห่งบุญที่เรียกว่า “เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้หรือประกอบกิจการงานที่ชอบ”
    การขวนขวายทำกิจการงานที่ชอบก็คือการ “ประกอบอาชีพสุจริต” ชอบที่ว่าคือ ทั้งตัวเองชอบและผู้อื่นชอบด้วย คือ ตัวเราไม่เดือดร้อนกับอาชีพนั้นและคนอื่นก็ไม่เดือดร้อนจากการประกอบอาชีพของเรานี่แหละคือการสร้างบุญอย่างหนึ่งในทางโลก
    ดังนั้นถ้าเราอยากมีความสุขอยากร่ำรวยอยากได้บุญก็ต้อง ประกอบอาชีพที่ดีที่สุจริตถือได้ว่าเป็นการสร้างบุญไม่ต่างจากการบริจาคทาน หรือการสร้างบุญประเภทอื่นๆ เพียงแต่เราจะได้บุญมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยอีกทีหนึ่ง
    และการสร้างบุญประเภทนี้ก็เป็นไปตามหลักของกฎแห่งกรรมที่ได้กล่าวมาแล้วด้วย ว่า เมื่อเหตุเป็นเช่นไรผลก็เป็นเช่นนั้น หากอยากจะร่ำรวยมีเงินทองใช้ก็ต้องประกอบอาชีพสุจริตทำมาหากินอย่างขยันขัน แข็งคือต้องหมั่นขยันหาทรัพย์เมื่อหามาได้แล้วก็ต้องรู้จักรักษาทรัพย์ที่หา มานั้นให้ได้ รู้จักคบคนดีที่เป็นกัลยาณมิตรที่จะไม่พาให้ชีวิตเราตกต่ำและต้องเลี้ยง ชีวิตให้เหมาะสมกับฐานะของตนเอง
    พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสว่าความร่ำรวยนั้น เป็นบาปหรือเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมี เพียงแต่การประกอบอาชีพเพื่อสร้างความร่ำรวยนั้นอย่าให้สร้างความเดือดร้อน ความทุกข์แก่ผู้อื่น พระองค์จึงบัญญัติเรื่องการประกอบอาชีพที่ไม่ชอบธรรม 5 ประการ (มิจฉาวณิชชา) ซึ่งถือเป็นมลทินในพระพุทธศาสนาเป็นที่สุด ได้แก่
    1. การค้าขายเครื่องประหารหรืออาวุธทุกประเภท การค้าขายอาวุธที่จะใช้ทำร้ายกันหรือเบียดเบียนกันอันจะเป็นการทำร้ายสิ่งมี ชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ หรืออาวุธที่ทันสมัยแค่ไหนก็ตามแม้จะได้สร้างความร่ำรวยมหาศาลให้กับผู้ที่ ประกอบอาชีพนี้ก็ไม่อาจจะสร้างความสุขที่แท้จริงและบุญให้เกิดขึ้นได้นอกจาก จะไม่ได้บุญแล้วยังกลายเป็นการก่อบาปทางอ้อมแม้ว่าเราจะไม่ได้นำอาวุธนั้นไป สังหารใครโดยตรงก็ตาม ถือเป็นการสนับสนุนให้ผู้อื่นได้นำสิ่งนั้นไปทำผิดศีลปาณาติบาตได้
    2. การค้าขายมนุษย์ด้วยกันเอง เพราะมนุษย์เราย่อมมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนๆ กันสิ่งที่เราต้องการคนอื่นก็ย่อมต้องการเราไม่ควรจะนำร่างกายทั้งของตนเอง และผู้อื่นไปค้าขายอันเป็นการสร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้น เช่น การค้าทาส,ค้าแรงงานผิดกฎหมายที่มีการเอารัดเอาเปรียบหรือการทารุณกรรมและ การค้าประเวณีไม่ว่ารูปแบบใดๆ ก็ไม่ควรทั้งสิ้น
    3. การค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์ที่ตัวฆ่าเป็นอาหาร เพราะจะก่อให้เกิดทุกข์และบาปกรรมติดตัวกับผู้กระทำเพราะเป็นการเบียดเบียน ชีวิตกันโดยตรงส่งผลให้อาจมีอายุไม่ยืนยาวหรือต้องเผชิญกับโรคภัยต่างๆ มากมาย
    แต่ว่าการค้าขายสัตว์เป็นเพื่อใช้เป็นอาหาร เช่นสุกรหรือสัตว์ปีกอย่าง ไก่ เป็ดที่เป็นอาหารของคนส่วนใหญ่รับประทานนั้นนับได้ว่าเป็นอาชีพที่จำเป็นและ มีเจตนาอ่อนเพราะจุดประสงค์ทำเพื่อเลี้ยงปากท้องทั้งตนเองและผู้อื่นจัดได้ ว่าเป็น อาชีพที่อิงอยู่ในหลักกฎแห่งกรรมว่าด้วย “กฎัตตากรรม” หรือกรรมที่สักว่าทำ ผลของกรรมแม้จะเกิดขึ้นก็จะเป็นผลอย่างเบากว่าการฆ่าแบบมีเจตนาแรงโดยมุ่ง หวังให้สัตว์นั้นได้ตายไปเฉยๆ
    4. การค้าขายน้ำเมารวมไปถึงสิ่งเสพติดให้โทษทุกชนิด เพราะการค้าขายสิ่งเหล่านี้จะทำให้เป็นสาเหตุหลักให้เกิดการ “ขาดสติ”ไปอันจะเป็นเหตุให้หลงทางไปทำชั่วในทางอื่นๆ ได้อีกมากเช่นผู้ที่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดจนขาดสติก็จะก่อเหตุทำผิดได้ หลายกรณีตั้งแต่ การลุกขึ้นมาฆ่าเพื่อนในวงเหล้าด้วยกันเอง การลักขโมยเพื่อหาเงินไปดื่มเหล้าหรือเสพยา หรือการขาดสติจนเป็นเหตุให้ผิดประเวณีกับผู้อื่น
    5. การค้าขาย ยาพิษหรือวัตถุมีพิษ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดโทษกับสิ่งมีชีวิตทั้งปวงไม่ว่ากับคนหรือสัตว์ก็ไม่ควรที่จะทำเพราะทุกชีวิตต่างก็รักชีวิตของตน
    อาชีพทั้ง 5 เหล่านี้จัดเป็นมลทินในพระพุทธศาสนาไม่ถือว่าเป็นการสร้างบุญด้วยวิธีการขวน ขวายกิจการงานที่ชอบเพราะเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถลองคิดตามได้ง่ายๆ ว่า คนที่ประกอบอาชีพเป็นพนักงานจำหน่ายยารักษาโรคแม้จะมีเงินเดือนที่น้อยแต่ก็ จะเป็นผลดีเป็นความสุขและเป็นบุญได้มากกว่า เพราะเป็นการช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายคือได้ผลบุญทั้ง ตัวผู้จำหน่าย คือมีความสุขอิ่มใจเกิดรายได้ ส่วนผู้ที่ได้รับยารักษาโรคไปก็นำไปรักษาโรคของตนเกิดความสุขกายและใจขึ้น เช่นเดียวกัน
    ตรงกันข้ามกับคนที่ประกอบอาชีพค้าขายเหล้า เบียร์หรืออบายมุขทุกประเภท ที่แม้ว่าบางรายจะมีรายได้ที่สูงกว่ามากกว่าหรือแม้กระทั่งเป็นผู้ที่มีขนาด การจำหน่ายใหญ่โตระดับประเทศ แต่อาชีพนี้แม้จะก่อความสุขสร้างรายได้มหาศาลให้กับตนเองแต่ไม่ก่อให้เกิด บุญอย่างนี้ก็ไม่เรียกว่า เป็นการขวนขวายในกิจการงานที่ชอบ เพราะก็ต้องรับผลของกรรมที่ได้สร้างไว้แตกต่างกันไปตามกฎแห่งกรรม
    ที่กล่าวมานี้เป็นหนึ่งในวิธีการสร้างบุญให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ในแบบทางโลก ขอเพียงหมั่นประกอบอาชีพที่ดีสุจริตและเป็นประโยชน์กับผู้อื่นหรือสามารถ สร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้และให้กับตัวเราเองได้ก็นับได้ว่าได้สร้างบุญ ให้เกิดขึ้นอันจะเป็นตัวช่วยพยุงให้ชีวิตของเราไม่ตกต่ำลง
    แต่ทว่าการสร้างบุญเพียงทางโลกเพียงด้านเดียวนั้นยังไม่อาจนำพาให้เกิดกระแส บุญที่ใหญ่และมากพอที่จะเกื้อหนุนค้ำจุนรวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้ไปถึงจุด มุ่งหมายหรือความสำเร็จที่เราตั้งความปรารถนาได้ควรจะกระทำการสร้างบุญอีก ด้านคือในทางธรรมควบคู่กันไปด้วย
     
  15. kichprapan1

    kichprapan1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +40
    อยากดูดวงทิ้งข้อมูลไว้นะครับ เดี๋ยวจะมาตอบไห้
     
  16. ภูตจิ๋ว

    ภูตจิ๋ว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
    อาจารย์จะตอบให้ในบอร์ดฟรีหรือคะ
     
  17. วัฒน์ฤทัย

    วัฒน์ฤทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +232
    เขามาอ่านในบอร์ดนี้แล้ว ได้ความรู้มากเลยค่ะจะนำไปปฏิบัติและบอกต่อแก่ผู้ที่สนใจค่ะ และขออนุโมทนาบุญ กับอาจารย์มาก ๆ คะ
    ถ้าจะอนุเคราะห์ดูดวงให้ นะค่ะ เกิดวันที่ 3 ก.ย.2523 วันพุธกลางคืน ขอทราบเรื่อง การเงิน การงาน และความรัก พอสังเขป ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  18. bbooyydd

    bbooyydd สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีครับอาจารย์ จำผมได้ไหมครับ คนที่โอนเงินไปให้อาจารย์ 1000 บาท แล้วอาจารย์ ก็หายไปเลยพยายามโทรติดต่อก็ไม่รับสาย ส่งข้อความก็ไม่ตอบกลับ ผมคิดว่าคุณคงจะเป็นพวกมิชฉาชีพ อาจารย์ไม่กลัว บาป กรรม บ้างหรือครับ เมื่อก่อน ค่าดู 159 บาท แต่พอบอกว่าโทรมาจาก ต่างประเทศ คิดเป็น 1000 บาท ตอนแรกก็สะกิดใจ แต่ก็เห็นว่าจะเอาเงินไปทำบุญปีใหม่ ก็เลยโอนให้ไป ถ้าใครอยากดูใบโอนเงิน ที่ผมโอนให้คน ๆ นี้บอกน่ะครับ ผมเก็บเอาไว้ แต่ขอให้เลิก หลอกลวงคนอื่นเถอะครับ มันเป็นบาปจริง ๆ ส่วนผมนี้คงจะเป็นข้อความสุขท้ายที่ผมจะติดต่อกับทางอาจารย์ ผมขออโหสิกรรมให้ครับ เงิน 1000 ผมจะคิดว่าไปหลอกอาจารย์มาเมื่อชาติที่แล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันน่ะครับ ขอกรวดน้ำ คว่ำขัน ให้เลิกแล้วต่อกันน่ะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

    ปล. กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง สาธุ สาธุ สาธุ
     
  19. willy0089

    willy0089 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +239
    สรุป

    ฮ่าๆๆๆ ไม้เมืองเดิม เปลี่ยนดวงตัวเองให้รวยก่อน จะได้ไม่ต้องมาหากิในเว็บครับ
     
  20. ห้องหนึ่ง

    ห้องหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,385
    โทรไปแล้วไม่มีผู้รับสายครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...