เรื่องเด่น เปิดตำนานอีสาน นางสีดา ฆ่านกหัสดีลิงค์ หลังม.ขอนแก่น เชิญผู้สืบเชื้อสาย ร่วมพิธี

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 7 มกราคม 2019.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    b899e0b8b2e0b899e0b8ade0b8b5e0b8aae0b8b2e0b899-e0b899e0b8b2e0b887e0b8aae0b8b5e0b894e0b8b2-e0b886.jpg
    เปิดตำนานอีสาน นางสีดา ฆ่านกหัสดีลิงค์ หลังม.ขอนแก่น เชิญผู้สืบเชื้อสาย ร่วมพิธีหลวงพ่อคูณ

    นางสีดา ฆ่านกหัสดีลิงค์ – ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทธโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่รับผิดชอบงานดังกล่าว พร้อมกำหนดจัดสร้างในสระน้ำด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ใช้ในการก่อสร้างโรงพยาบาลศรีนครินทร์ แห่งที่ 2 เนื้อที่ 15 ไร่ ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การก่อสร้างเนินดิน 3 ชั้น โดยมีรูปปั้นพญานาค บริเวณบันไดทั้ง 8 ทิศรวม 16 ตัว

    ขณะที่ในชั้นที่ 3 กำหนดให้จำลองเป็นเขาพระสุเมรุ มีการจำลองสระอโนดาต มีสัตว์ในตำนาน 30 ตัวรายล้อมนกหัสดีลิงค์บนเนินบุษบก ที่มีความสูง 22 เมตรหรือประมาณ ตึก 6 ชั้น โดยการก่อสร้างทั้งหมดเป็นสีขาวที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ เรียบง่าย และใช้กระดาษในการก่อสร้างทุกขั้น ยกเว้นสัตว์ต่างๆที่ใช้ปูนปั้นทั้งหมด เพื่อสื่อถึงความเรียบง่าย ความสมถะ และความบริสุทธิ์ ตามกิจวัตรของหลวงพ่อคูณ

    “ที่สำคัญตามตำนานและความเชื่อที่สืบต่อกันต่อเป็นขนบธรรมเนียมของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยนั้น นกหัสดีลิงค์นั้น การฆ่าได้จะต้องมีผู้ที่สืบเชื้อสายนางสีดา เป็นผู้ฆ่า ซึ่งวิธีฆ่านกหัสดีลิงค์นั้น มีทั้งรูปแบบของการยิงธนูให้ตายและเผาทิ้ง หรือการฆ่าและตัดหัวนกมาเก็บเป็นที่ระลึก

    ซึ่งนักวิชาการของ มข.ที่สืบค้นในเรื่องดังกล่าวมีข้อมูลยืนยันว่าผู้ที่สืบเชื้อสายนางสีดา ในตำนานที่เป็นคนไทยนั้นมีอยู่จริง ปัจจุบันอายุ 90 ปี อาศัยอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี โดยมหาวิทยาลัยได้ติดต่อคุณยายแล้ว และคุณยายตอบรับในการร่วมขบวนนางสีดา และร่วมฆ่านกหัสดีลิงค์ตามตำนาน และเผานกไปพร้อมกับหลวงพ่อคูณ เพื่อส่งท่านสู่สรวงสวรรค์ในวันที่ 29 ม.ค.62

    โดยตำนานนกหัสดีลิงค์นั้น มีว่าสมัยโบราณหลายพันปีมาแล้ว ความว่า ในนครตักกะศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร พระมหากษัตริย์แห่งนครนั้นถึงแก่สวรรคต ตามธรรมเนียมต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง ในครั้งนั้นพระมหาเทวีให้จัดการพระศพตามโบราณประเพณี ได้แห่พระศพออกจากพระราชวังไปยังทุ่งหลวงเพื่อถวายพระเพลิง

    ขณะนั้นมีนกสักกะไดลิงค์ หรือนกหัสดีลิงค์ ซึ่งกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารบินมาจากป่าหิมพานต์ นกได้เห็นพระศพคิดว่า เป็นอาหารของเขา จึงบินโฉบลงมาเอาพระศพจะไปกิน เมื่อพระมหาเทวีเห็นเช่นนั้นก็ประกาศให้คนดีต่อสู้นกหัสดีลิงค์เพื่อเอาพระศพคืนมา คนทั้งหลายก็อาสาต่อสู้นกหัสดีลิงค์ไม่ได้ ถูกนกหัสดีลิงค์จับกินหมด

    ในครั้งนี้ ธิดาแห่งพญาตักกะศิลาจึงเข้ารับอาสาสู้นกหัสดีลิงค์นั้น นางมีนามว่า สีดา นางได้ใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์ นกหัสดีลิงค์ถึงแก่ความตายจกลงมาพร้อมพระศพแห่งกษัตริย์องค์นั้น พระมาหาเทวี จึงโปรดสั่งให้ช่างทำเมรุคือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน ตำนานมีกล่าวไว้ดังนี้

    ต่อจากนั้นมาเจ้านายในพระราชวงศ์นั้นแห่งเมืองตักกะศิลาเชียวรุ้งแสนหวีฟ้าได้ถือเอาประเพณี ทำเมรุนกหัสดีลิงค์ หรือนกสักกะไดลิงค์นั้นขึ้น เพื่อประกอบพิธีถวายพระเพลิง ถวายแก่เจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่ถึงแก่อสัญกรรม

    ประเพณีนี้จึงถือกันมาตลอดสายกษัตริย์องค์นั้น สืบทอดกันมาจนถึงเจ้านายเมืองอุบลราชธานี และเชื้อสายของเมืองตักกะศิลา จึงรับสืบทอดมรดกพิธีนี้มาเป็นประจำเอง ผู้ที่ฆ่านกหัสดีลิงค์ประจำเมืองอุบลราชธานีของเราผู้สืบทอดกันมาดังนี้

    ยุคแรกคือ ญาแม่นางสุกัณ ปราบภัย ผู้สืบเชื้อสายมาจากเมืองตักกะศิลา เมื่อญาแม่สุกัณถึงแก่กรรมไปแล้ว บุตรสาวของท่านคือ คุณยายมณีจันทร์ ผ่องศิล เป็นผู้รับช่วงในการทรงเจ้านางสีดาลงมาฆ่านกหัสดีลิงค์ เมื่อคุณ ยายมณีจันทน์ ผ่องศิล ถึงแก่กรรมแล้ว บุตรสาวของท่านคือ คุณสมวาสนา รัศมี รับช่วงเป็นคนทรงเจ้านางสีดาลงมาฆ่านกหัสดีลิงค์ต่อมา[​IMG] [​IMG]

    ต่อมาเมื่อคุณสมวาสนา รัศมีถึงแก่กรรมไปแล้ว คุณยุพิน ผ่องศิล เป็นผู้รับช่วงในการเข้าทรงเจ้านางสีดาลงมาฆ่านกหัสดีลิงค์ต่อไป ซึ่งเป็นคนฆ่าปัจจุบัน(พ.ศ.2548)

    ในการที่จะเชิญเจ้านายสีดามาฆ่านกหัสดีลิงค์นั้น โบราณมีว่า ตัวแทนของอัญญาสี่ จำนวนผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 4 คน ที่เป็นบุตรหลานของอัญญาสี่จะต้องนำขันธ์ห้า คือ ดอกไม้ขาว 5 คู่ เทียนแท้ 5 คู่ ยาวคืบหนึ่ง ใส่พานไปที่ตำหนักทรงของเจ้าแม่สีดา เพื่อบอกกล่าวเชิญเจ้าแม่ไปฆ่านกหัสดีลิงค์

    เมื่อผู้ทรงได้รับขันธ์เชิญก็จะเข้าทรงเชิญเจ้าแม่สีดาลงมาพบตัวแทนอัญญาสี่ แล้วว่าจะรับหรือไม่ เมื่อท่านเจ้าแม่ในร่างทรงรับจะไปฆ่านกหัสดีลิงค์เรียกว่า คายหน้า คือ เครื่องบูชาบวงสรวงก่อนที่จะไปฆ่านกหัสดีลิงค์นั้น จะต้องมีการบวงสรวงเข้าทรงเสียก่อนตามประเพณีโบราณ เครื่องบูชาครูหรือเครื่องบวงสรวงมีทั้งหมด 17 รายการ

    เมื่อขบวนแห่ไปถึงบริเวณที่ตั้งเมรุนกสักกะไดลิงค์หรือนกหัสดีลิงค์แล้วขบวนก็จะเดินไปรอบๆ พอนกหัสดีลิงค์เห็นเช่นนั้นก็จะหันซ้ายหันขวางวงก็จะไขว่คว้า ตาก็จะเหลือกขึ้นลง หูก็กระพือปากก็จะอ้าร้องเสียงดัง พร้อมที่จะต่อสู้ เจ้าแม่สีดาก็ไม่รั้งรอ ก็จะทรงศรยิงไปที่นกหัสดีลิงค์อีกครั้ง

    แห่ไปอีกก็จะกลับมายิงนกหัสดีลิงค์อีก จนนกหัสดีลิงค์หมดแรงไม่เคลื่อนไหว ซึ่งแสดงว่านกหัสดีลิงค์ตายแล้ว แผลที่ถูกยิงก็จะมีเลือดไหลออกมา

    เมื่อเห็นว่านกหัสดีลิงค์หมดกำลังแล้ว บริวารของเจ้าแม่สีดาก็จะช่วยเอาหอกเอาดาบฟันนกหัสดีลิงค์ เมื่อเสร็จจากการฆ่านกหัสดีลิงค์แล้ว ขบวนเจ้าแม่สีดาก็กลับตำหนักพักผ่อนรอจนสามคืนก็จะมีพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สีดาอีกเรียกว่า บวงสรวงครั้งหลังเรียกว่าคายหลัง เครื่องบวงสรวงก็เช่นเดิมคือ เหมือนคายหน้า คายหลังต้องใช้เงินบูชาครู 15 ตำลึง

    แต่เดิมในเมืองอุบลราชธานีนี้มีตำนานการสร้างเมรุนกหัสดีลิงค์อยู่เป็นของประจำเมือง พร้อมทั้งพงศวดารเมือง ต่อมาทางราชการมาขอยืมไปเพื่อตรวจสอบ ทั้งตำนานเมือง ตำนานนกหัสดีลิงค์ โดยอ้างว่าจะไปเรียบเรียงใหม่

    ภายหลังผู้มาขอยืมที่เป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชั้นสูงได้เดินทางไปปักปันดินแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในคราวไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายให้แก่ฝรั่งเศส แล้วป่วยไข้มาลาเรียเสียชีวิต ตำนานนี้กล่าวมาก็หายสาบสูญไป ต่อมาจึงมีแต่เพียงคำบอกเล่าของผู้ได้ปฏิบัติมาและผู้สืบทอดเชื้อสายเล่าให้ลูกหลานฟังเท่านั้น ราชประเพณีของเมือง จึงเลือนรางไปดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้

    วัฒนธรรมประเพณีพื้นเมืองจะยังอยู่สืบเชื้อสายได้ก็จะต้องมีผู้รักษาหากขาดผู้รักษาแล้ววัฒนธรรมท้องถิ่นก็หมดไปด้วย นกหัสดีลิงค์ที่ว่านี้เป็นเรื่องประชาชนในท้องถิ่นถวายให้เกียรติแก่ผู้ตาย ไฟพระราชทานนั้นเป็นพระเมตตาของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานมาให้ผู้ตาย นกหัสดีลิงค์เท่ากับว่าเป็นพานทองรับไฟเพลิงพระราชทานชองพระมหากษัตริย์ นั่นเอง ดอกไม้มีพานใส่ฉันใด นกหัสดีลิงค์ก็ฉันนั้น

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_2055325
     
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    49645539_2003276603042349_5716269431349313536_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg


    49796440_2003276519709024_6411993234960023552_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg


    ญาแม่สุกัณ ปราบภัย บุตรีอัญญานางงัว ร่างทรงเจ้านางสีดาคนที่สอง ทำพิธีฆ่านกหัสดีลิงค์ ในงานส่งสการ ญาพ่อโฮงแพ ท้าวสิทธิสาร พระอุบลการประชานิตย์ (บุญชู พรหมวงศานนท์) เดือนมีนา พ.ศ.2471 มีหมอลำทองสามส่าว หมอลำขับกล่อมเจ้านางสีดา (ภาพต้นฉบับของคุณตาบำเพ็ญ ณ อุบล)

    49491009_2003270589709617_6890712952651907072_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    คุณเมทินี หวานอารมย์ ผู้สืบตระกูลนางเทียมเจ้านางสีดา เล่าถึงบรรพบุรุษ ของท่านว่า

    "นั่งศึกษาประวัติบรรพบุรุษ ตั้งแต่ต้นๆๆน้ำ มาจากเมืองเชียงรุ้ง ตั้งแต่ 2324 ชื่อว่าแม่งัว จากนั้นแม่งัว มีลูกสาว ชื่อว่า แม่สุกัญ แต่งงานกับขุนไชยสิทธิ์ ปราบภัย เป็นนางสุกัญ ปราบภัย(เสียชีวิต อายุ88ปี) แล้วมีลูกสาว ชื่อว่า มณีจันทร์ แต่งงานกับนายอรุณ ผ่องศิลป์ (เป็นศึกษาธิการ )ตอนนั้น ยายเล่าให้ฟัง นางมณีจันทร์ ผ่องศิลป์ ศักดิ์เป็นทวด (เสียชีวิต อายุ92ปี) มีลูก 8 คน ชาย 4 คน หญิง 4 คน ณ ที่นี้ ของ เรียงชื่อแต่ผู้หญิงมี ยายประทิน(เสีย88ปี),ยายสุขุม,ยายสมควรและยายสมวาสนา รุ่นยายเสียชีวิตกันแล้ว ยายทินแต่งงานกับตาไพศาล วันทาพงษ์ มีลูก 8 คน หญิง 7 ชาย 1 จะพูดแต่ผู้หญิง ป้าติ้วป้าต้อยป้าติ๊ก แม่ติ้ม น้าดิ่ง น้าอ้อย
    แม่มาแต่งงานกับพ่อ มีลูก4คน ถึงรุ่นเราแล้ว
    ขออนุญาตบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ที่นำมาบอกเล่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานรุ่นเหลน ได้จดจำ การแตกสายเป็นก่อเป็นเหล่า มา ณ ที่นี้"

    (อนุเคราะห์ภาพโดย คุณยายสุขุม ศิริภูมิ)

    49741343_2003270613042948_2083976990251024384_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    คณะมเหสักข์หลักเมืองอุบล
    (อนุเคราะห์ภาพโดย คุณยายสุขุม ศิริภูมิ)

    49348705_2003271149709561_3412572179206766592_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    นางสีดา สมมาคารวะมเหสักข์แต่ละองค์

    สำหรับญาแม่มณีจันทร์ท่านเริ่มทำพิธีฆ่านกมาตั้งแต่อายุ 45 ปี

    (อนุเคราะห์ภาพโดย คุณยายสุขุม ศิริภูมิ)

    49696209_2003276489709027_9171981301459189760_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    คุณยายมณีจันทร์ ผ่องศิลป์ ร่างทรงเจ้านางสีดาคนที่ 3 สืบจากญาแม่สุกัญ ปราบภัย (รุ่น2) และญาแม่นางงัว (รุ่น1) ท่านสิ้นปี2535 ฆ่านกไปแล้ว 18 ตัว (ภาพจากหนังสืออุบลฯ 200 ปี)

    49769298_2003280633041946_863948322451226624_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    ญาแม่มณีจันทร์ ผ่องศิลป์ ร่างทรงเจ้านางสีดา กำลังฟ้อน โดยมีคุณยายประทิน วันทาพงษ์ บุตรสาวผู้เป็นร่างทรงอัญญาพ่อตักกะศิลา และต่อมาก็เป็นร่างทรงนางสีดาคนที่ 5 หลังจาก ยายสมวาสนา รัศมีบุตรสาวคนสุดท้องเสียชีวิต (ร่างที่4)

    49414096_2003270976376245_5448926009439027200_n.jpg?_nc_cat=102&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    ญาแม่มณีจันทร์ ผ่องศิลป์ บุตรีญาแม่สุกัณ ปราบภัย ผู้รับช่วงต่อการเทียมเจ้านางสีดา สวมกุบ ถือศร นุ่งสิ้นไหมคำ ฟ้อนในงานเลี้ยงมเหสักข์หลักเมือง

    (อนุเคราะห์ภาพโดย คุณยายสุขุม ศิริภูมิ)


    49800272_2003270703042939_8935279013757190144_n.jpg?_nc_cat=111&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg

    ญาแม่มณีจันทร์ ผ่องศิลป์ บุตรีญาแม่สุกัณ ปราบภัย ผู้รับช่วงต่อการเทียมเจ้านางสีดา ทำพิธีฆ่านก

    (อนุเคราะห์ภาพโดย คุณยายสุขุม ศิริภูมิ)



    ขอบคุณที่มา
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    49465037_2003381589698517_5013241503275810816_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fnak1-1.jpg



    นางเทียมเจ้านางสีดาต้องเป็นผู้สืบเชื้อสายกันมาในหมู่เครือญาติ โดยนับทางฝ่ายหญิง ตามประวัติผู้เป็นนางเทียมเจ้านางสีดาที่ประกอบพิธีฆ่านกฯในเมืองอุบลฯ มีดังนี้
    1.ญาแม่นางงัว ฆ่านกฯครั้งแรกปี 2324
    2.ญาแม่สุกัญ ปราบภัย (บุตรีญาแม่นางงัว)
    3.ญาแม่มณีจันทร์ ผ่องศิลป์ (บุตรีญาแม่สุกัญ)
    4.คุณยายสมวาสนา รัศมี (บุตรีญาแม่มณีจันทร์)
    5.คุณยายประทิน วันทาพงษ์ (บุตรีญาแม่มณีจันทร์, พี่สาวคุณยายสมวาสนา)
    6.คุณเมทินี หวานอารมย์ (หลานคุณยายประทิน)
     

แชร์หน้านี้

Loading...