เปิดบันทึกจากหินไดโนเสาร์สูญพันธ์เพราะดาวเคราะห์พุ่งชนโลก!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ เตือนภัย, 14 กันยายน 2019.

  1. โพธิสัตว์ เตือนภัย

    โพธิสัตว์ เตือนภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,565
    กระทู้เรื่องเด่น:
    441
    ค่าพลัง:
    +655
    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า
    คณะนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์สมมติฐานที่ว่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปหลังมีดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งพุ่งชนโลก

    การศึกษาฉบับนี้ซึ่งได้รับการเผยแพร่ลงในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อวันที่ (9 ก.ย.) อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังจากหินก้อนยักษ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหลายร้อยฟุต พุ่งปะทะผิวโลกจนเกิดเป็นหลุมอุกกาบาต

    สมมติฐานดังกล่าวระบุว่าเมื่ออุกกาบาตลูกนี้ชนเข้าที่ผิวโลก ส่งผลให้เกิดไฟป่า คลื่นสึนามิ และทำให้กำมะถันปริมาณมหาศาลฟุ้งกระจายขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศจนแสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องผ่านมายังพื้นโลกได้ โลกจึงเย็นลงจนทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้

    ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้พุ่งชนด้วยพลังงานเทียบเท่าระเบิดปรมาณูขนาดเท่าที่ถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองจำนวนหนึ่งหมื่นล้านลูก แรงระเบิดแผดเผาพืชและต้นไม้จนมอดไหม้กินวงกว้างหลายพันไมล์ ทั้งยังก่อให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดมหึมา

    ทีมวิจัยนานาชาติ ซึ่งนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมืองออสติน กู้เศษหินขึ้นมาจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบนอกชายฝั่งคาบสมุทรยูคาตันในประเทศเม็กซิโก โดยพบเศษถ่าน กองหินที่ถูกพัดมาจากการที่คลื่นสึนามิไหลย้อนกลับ และแร่กำมะถันที่หายไปอย่างชัดเจน

    e0b899e0b897e0b8b6e0b881e0b888e0b8b2e0b881e0b8abe0b8b4e0b899e0b984e0b894e0b982e0b899e0b980e0b8aa.jpg

    ภาพจากอีจัน

    คณะนักวิจัยเรียกลักษณะดังกล่าวว่า “บันทึกจากหิน” ซึ่งให้รายละเอียดการสังเกตที่ละเอียดที่สุดกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังภัยพิบัติที่กวาดล้างสิ่งมีชีวิตยักษ์ไป

    นักวิจัยอธิบายว่าแร่ธาตุส่วนใหญ่ที่ทับถมในหลุมอุกกาบาตจนเต็มภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ ถูกผลิตขึ้น ณ จุดที่พุ่งชนนั้นเอง หรือถูกพัดให้มาทับถมในหลุมโดยน้ำทะเล ซึ่งทำให้เกิดการทับถมกันลึกลงไปกว่า 130 เมตร ภายใน 1 วัน

    พวกเขาพบถ่านไม้ภายในหลุม พร้อมดัชนีชี้วัดทางชีวภาพด้านเคมีที่เกี่ยวข้องกับเห็ดราในดินที่อยู่ภายในหรือเหนือชั้นทราย ซึ่งแสดงให้เห็นร่องรอยของการถูกทับถมโดยกระแสน้ำที่พัดพา

    ส่วนพื้นที่โดยรอบปล่องนั้นเต็มไปด้วยหินที่อุดมด้วยกำมะถัน แต่กลับไม่มีกำมะถันอยู่ตรงกลาง ซึ่งสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งมาชนทำให้แร่ธาตุต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของกำมะถันระเหยเป็นไอ แล้วกระจายสู่ชั้นบรรยากาศ

    b899e0b897e0b8b6e0b881e0b888e0b8b2e0b881e0b8abe0b8b4e0b899e0b984e0b894e0b982e0b899e0b980e0b8aa-1.jpg

    ภาพจากอีจัน

    คณะนักวิจัยคาดคะเนว่ามีกำมะถันอย่างน้อย 3.25 แสนล้านตัน กระจายสู่อากาศจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สภาพอากาศของโลกเย็นลงเฉลี่ย 2.2 องศาฟาเรนไฮต์ ยาวนานถึง 5 ปี

    ชอน กูลิก (Sean Gulick) ศาสตราจารย์ประจำสถาบันธรณีฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส ซึ่งเป็นผู้นำวิจัยในครั้งนี้ อธิบายกระบวนการดังกล่าวว่าเป็น “ไฟนรกระยะสั้นที่กระทบในระดับภูมิภาค จากนั้นตามมาด้วยการเย็นตัวของโลกในระยะยาว” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ถึงแก่กาลอวสาน
    ขอบคุณข้อมูลจาก www.xinhuathai.com

    ขอบคุณที่มา
    https://www.ejan.co/news/5d7cac3ab4df6
     

แชร์หน้านี้

Loading...