เปิดภาพ “หลุมดำ” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ | ข่าวช่องวัน

ในห้อง 'บันเทิงและศิลปวัฒนธรรม' ตั้งกระทู้โดย torphak, 2 มิถุนายน 2021.

  1. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
     
  2. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
  3. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
     
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +283
    เหนือขีดจำกัดของมนุษย์!! พระพุทธเจ้า "มองเห็นอนาคต" เพราะสามารถส่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วย "จิตที่เร็วเหนือแสง"!!
    Publish 2017-03-07 18:07:35

    ชาวพุทธเรามีความเชื่อกันอยู่อย่างหนึ่งว่า "พระพุทธเจ้าทรงมีญาณหยั่งรู้อนาคต" (หรือที่ภาษาพระเรียกว่า "อนาคตังสญาณ")

    หากใครเคยอ่านพระไตรปิฎกหรือได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติก็จะพบว่า พระพุทธเจ้าทรงทำนายเหตุการณ์ในอนาคตเอาไว้มากมายหลายเรื่อง และคำทำนายเหล่านั้นก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน เพราะพระองค์ย่อมไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริงตามที่พูด

    คำถามก็คือ "การหยั่งเห็นอนาคต" หมายความว่าอย่างไร?

    หมายถึงการคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่? อย่างเช่น ถ้ารถยนต์วิ่งด้วยความเร็ว ๑๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็สามารถคำนวณได้ว่า อีก ๗ ชั่วโมง รถคันนั้นจะต้องวิ่งได้ระยะทาง ๗๐๐ กิโลเมตร

    การคาดการณ์แบบคณิตศาสตร์นี้ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าหมายถึงอย่างนี้ การหยั่งเห็นอนาคตก็จะไม่ใช่ "การเห็น" จริงๆ แต่จะเป็นเพียงแค่ "การคาดคะเน" เท่านั้น ซึ่งอาจผิดพลาดได้ (เช่น รถเกิดยางแบนระหว่างทาง ทำให้วิ่งไปไม่ถึง ๗๐๐ กิโลเมตร)

    การหยั่งเห็นอนาคตของพระพุทธเจ้าจะเป็น "การเห็น" จริงๆ ได้ก็ต่อเมื่อ "เหตุการณ์ในอนาคต" นั้นมีอยู่จริงและเกิดขึ้นแล้วจริงๆ (ทำนองเดียวกับที่เหตุการณ์ในปัจจุบันมีอยู่และกำลังเกิดขึ้น) เพราะถ้าเหตุการณ์ในอนาคตมีอยู่จริงและเกิดขึ้นจริง การมองเห็นอนาคตก็สามารถเป็นไปได้



    be(2).jpg


    คำถามต่อมาก็คือ "เหตุการณ์ในอนาคตที่มีอยู่จริงและเกิดขึ้นแล้วจริงๆ" นั้นหมายความว่าอย่างไร?

    คำถามนี้สามารถตอบได้ด้วยทฤษฎีของไอน์สไตน์ที่ว่า "ไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ที่เคลื่อนที่เร็วกว่าแสง" ดังนี้

    สมมุติว่า เรามีเพื่อนเป็นมนุษย์ต่างดาวซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ ๑๐,๐๐๐ ปีแสง ถ้าเราอยากรู้ว่า "ขณะนี้" ดาวของเพื่อนเป็นอย่างไร เราจะไม่มีทางรู้ได้เลย เพราะภาพดาวของเพื่อนที่เราเห็นในกล้องส่องทางไกลนั้นเป็นภาพของอดีตเมื่อ ๑๐,๐๐๐ ปีที่แล้ว (แสงต้องใช้เวลาเดินทาง ๑๐,๐๐๐ ปี ในการสะท้อนภาพจากดาวของเพื่อนมาถึงดวงตาของเรา) หรือถ้าใช้วิธีโทรศัพท์ไปหา เราก็ต้องรอ ๑๐,๐๐๐ ปี เสียงของเราถึงจะเข้าหูเพื่อน แล้วก็ต้องรออีก ๑๐,๐๐๐ ปี เสียงของเพื่อนถึงจะเข้าหูเรา (คลื่นโทรศัพท์ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็เคลื่อนที่ได้เร็วเท่าแสงเช่นกัน) ถึงตอนนั้น คำตอบเกี่ยวกับ "ขณะนี้" ของดาวของเพื่อนก็กลายเป็นอดีต ๒๐,๐๐๐ ปีไปแล้ว

    นี่คือข้อจำกัดของธรรมชาติที่ผูกมัดมนุษย์เอาไว้!!

    แต่สำหรับพระพุทธเจ้านั้น การตรัสรู้ของพระองค์ส่งผลให้พระองค์มีความสามารถพิเศษที่จะ "ส่องญาณ" ไปในที่ใดก็ได้ในจักรวาล โดยไม่ต้องกินเวลา เพราะทรงก้าวข้ามข้อจำกัดของคนธรรมดาไปแล้ว

    ความสามารถพิเศษนี้จึงทำให้พระพุทธเจ้ามองเห็นเหตุการณ์ที่คนธรรมดามองไม่เห็น … และ "เหตุการณ์ในอนาคต" สำหรับคนอื่น ก็จะกลายเป็น "เหตุการณ์ในปัจจุบัน" สำหรับพระองค์

    ขอให้นึกถึงตัวอย่างสมมุติเมื่อสักครู่นี้ว่า เมื่อเราถามเพื่อนต่างดาวเกี่ยวกับความเป็นไปของดาวของเพื่อน แล้วเพื่อนตอบกลับมาว่า "ดาวของฉันกำลังจะแตก" เราต้องรออีกหมื่นๆ ปี ถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาวของเพื่อน แต่ถ้าบังเอิญว่า ตอนนั้นเราอยู่กับพระพุทธเจ้า ซึ่งเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาวดวงนั้น (ด้วยการส่องญาณ) พระองค์ก็จะสามารถพยากรณ์เหตุการณ์ (ล่วงหน้า) เกี่ยวกับดาวดวงนั้นให้เราฟังได้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน

    นี่คือคำตอบของปริศนาที่ว่า…พระพุทธเจ้ามองเห็นอนาคตได้อย่างไร!!!



    be2re.jpg

    be3re.jpg

    ที่มา : https://www.tnews.co.th/religion/30...่องญาณไปได้ทั่วจักรวาลด้วย-จิตที่เร็วเหนือแสง!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...