เปิดรอคอเดียวกัน...(นอกรอบ!)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 21 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    มีเพื่อนๆ สมาชิกหลายท่านที่ต้องไปใช้ชีวิตต่างแดน หรือร่วมชีวิตกับคนต่างชาติ ต่างความเชื่อ ต่างศาสนา

    เอาเป็นว่า จากการที่ยายผีป่าสัมผัสและพิจารณษได้ ความรักไร้พรหมแดนค่ะ ความรักไม่มีเชื้อชาติ ศาสนาจริงๆ ค่ะ (นี่คือมุมมองตอนยังไม่ใช้ชีวิตร่วมกัน)

    แต่พอได้ไปอยู่ใช้ชีวิตร่วมกัน ความเป็นตัวตนที่แท้จริง ความเชื่อและสิ่งที่ได้รับการปลูกฝัง และขนบธรรมเนียม สภาวะแวดล้อมต่างๆ นี่ล่ะค่ะมที่มันคือตังบ่งชี้ว่า

    คำว่ารักนั้นบริสุทธิ์ใจเพราะไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีพรหมอแดน ไม่มีศาสนาใดๆ มากางกั้นได้ มันจริงแท้แน่นอนเพียงไร โปรดรอคอยอ่านนะจ๊ะ ไม่นานเกินรอเจ้าค่ะ (คอยกระตุ้นเน้อ ไม่งั้นลืมอีกล่ะ)


    วันนี้นั่งรถมา เปิดเพลงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ที่เล็กคาราบาวกับ สีเผือกคนด่านเกวียนออกเพลงร่วมกัน แต่มีเพลงผู้หญิง ไม่รู้ชื่อเพลงนะ เสียงหวาน ซึ้ง เนื้อเพลงฟังแล้ว น้ำตาคลอ
    มันกินใจจริงๆ ค่ะ

    มันเกี่ยวกับความรักความศรัทธาที่คนต้องเกิดมารู้สึกดีต่อกัน และร่วมผูกพันธ์ สัมพันธ์กันด้านความรัก แต่ในความรู้สึกยายนี่ อ่านอารณ์เพลงไม่จำกัดที่ความรักเพียงหญิงกับชายคู่หนึ่ง แต่สำหรับยายน้ำตาคลอเพราะว่า
    ยายผีป่าคงได้เคยร่วมบุญสรร้างกุศลกับพวกเราที่มาพบกันทางเวบมากมาย เราคงเคยให้คำมั่นสัญญาต่างๆ เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ร่วมกัน
     
  2. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
    พูดถึงความรักเลยนึกถึงเรื่องคนค้นฅนวันอังคารที่ผ่านมาเลย อังคารหน้าตอนสองนะ ซึ้งมาก(ไม่ได้ดูเหมือนกัน ฟังเค้ามาอีกที)
     
  3. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ยายไม่ค่อยมีเวลาดูทีวีเลยจ๊ะ แต่เข้าใจดีจ๊ะว่า ความรักที่รักษาคำมั่นสัญญาแน่นหนานั้น จีรังและมีคุณค่าเพียงไร
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,227
    ค่าพลัง:
    +10,593
    ตอนแรกเห็นกระทู้เรื่องนี้ เห็นคนในนั้นบอกว่าดูไปน้ำตาไหลไป ก็เลยไปหามาดูมั่ง...
    ดูแล้ว...ซึ้งจริงๆ......

    [​IMG]       [​IMG]

    <center><div style="border-style: double;border-width: 5px; padding-top:15px; padding-bottom:15px; width:70%"><center>[​IMG]<br><br> [​IMG]<br><br> [​IMG]</center></div></center>
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อย่ามองข้าพลังกายสิทธิ์ จากก้อนหิน ดิน แร่ แก้วต่างๆ

    เนื่องด้วยยายผีป่าเข้าเน็ตไม่ค่อยง่ายนัก พอจะเข้ามาตอบ คอมที่ใช้มักมีปัญหา

    พอยายไม่ลอคอินชื่อยายผีป่า จะไม่มีอะไร อ่านได้
    พอจะตอบในชื่อยายผีป่า โดนแฮกเกอร์หรือไวรัสอะไรสักอย่างป่วนทุกที อย่างนี้เรียกว่าเจ้าแฮกเกอร์นี่มันมีอภิญญาแบบนรกภิวัฒน์
    ได้นะเนี่ย


    เอาล่ะค่ะเข้าเรื่องเสียที


    มีสมาชิกหลายท่านค่ะ ที่มีแแก้ว มีหิน (อันที่จริงหินกับแก้วนี่เรียกรวมว่าแก้วได้ค่ะ เพราะหินนี่หากผ่านกาลเวลาที่ยาวนานจะเป็นแก้วมณีค่ะ)
    โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี่เวลายายจัดสร้าง จัดหาวัตถุมงคลอะไรมาแนะนำ มาแจกหรือให้บูชา มักจะมีแก้ว(หินกายสิทธิ์) ที่ผ่านการพุทธาภิเษก
    เทวาภิเษกเสริมพลังกายสิทธิ์ด้วยเสมอ แม้กระทั้งในมวลสารต่างๆ แน่นอนค่ะครูบาอาจารย์ท่านจะรวบรวมแต่กายสิทธิ์มงคลที่มีพลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    รักษาอยู่ทั้งนั้นนะคะ


    หลายท่านได้รับไปแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อให้ก่อเกิดมหามงคล เกิดพลังเสริมมาทำให้วิถีปฎิบัติทั้งทางโลกและทางธรรมเจริญขึ้น
    แต่ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่นะคะ แค่แต่ท่านตั้งวางไว้เฉยๆที่เหมาะสม พลังเหล่านั้นก็ยังทรงพลังเสริมได้แต่ไม่ค่อยเกื้อเท่าการนำเพ่งภาวนาขอพรบ่อยๆ ค่ะ
    ไม่ว่าท่านจะเพ่งจากกายสิทธิ์ที่เกิดจาก หิน แร่ แก้ว ธาตุ ขอเรียกรวมว่า แก้วบรมจักรพรรดิ์ (พุทธาภิเษกโดยผู้ทรงบารมีสูงสุด ส่วนมากองค์ปฐมฯ ทรงปรก)

    แก้วมหาจักรพรรดิ์(มีบริวารน้อยลงจากบรมจักรพรรดิ์ บารมีระดับกลาง ) แก้ว

    จุลจักรพรรดิ์ (บารมีระดับต้น เป็นบริวารของบรมจักรพรรดิ์ และมหาจักรพรรดิ์)

    ครูบาอาจารย์ผู้บรรลุธรรมชั้นสูงจะสามารถล่วงรู้และอธิษฐษนจิตเพื่อให้เกิดธาตุกายสิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นได้ ซึ่งแก้วกายสิทธิ์มีทุกชั้นทุกภพภูมิ
    หากพบที่สวรรค์ หรือภพกามาพจร เรียกว่า ทิพยจักร
    หากอยู่ที่ชั้นพรหม เรียกว่า พรหมจักร
    หากอยู่ที่แดนนิพพาน เรียกว่า พุทธจักร


    เมื่อตอนที่ยายเด็กๆ เริ่มสนใจในการเพ่งภาวนา ยายผีป่าได้ศึกษาตำราของหลวงพ่อสด ค่ะ เพราะตอนนั้นท่านเป็นพระที่มีตำราวิชชาของท่านออกมาเผยแผ่มากทีเดียว


    ยายชอบเดินไปหาก้อนหินที่มีผลึกตามแหล่งก่อสร้าง มักเจอผลึกหินปูน หรือหินบ่อน้ำที่กลมเกลี้ยงมาใช้เป็นสื่อพลังในการเพ่งภาวนาค่ะ เพื่อให้จิตรวมเร็วขึ้น เกิดนิมิตรที่
    ดีขึ้นค่ะ


    ยายอยากจะขอแจ้งให้ตามที่หลวงพ่อสด และครูบาอาจารย์ท่านมักจะเตือนเสมอก็คือ หิน แร่ แก้วต่างๆ (กายสิทธิ์) แม้บางครั้งดูจะไม่มีพลังอะไรเลย ทั้งๆ ที่ส่วนมากหิน แร่ แก้วทั้งหลายมักมีพลังของพระจักรพรรดิ์ประสิทธิ์ทั้งนั้น แม้จะไม่มีแต่แรกเริ่ม ซึ่งอาจเป็นสิ่งสังเคราะห์ขึ้นมา หากเรานำมาเข้าพิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก หรือแม้แต่นำมาเพ่งภาวนาน้อมจิต ย่อมเกิดพลังบารมีและองค์พระท่านจะเสด็จมาเสริมกายสิทธิ์เอง อย่างเช่น ลูกแก้วลายมะเฟืองที่หลวงพ่อฤษีฯ ท่านนำมาสร้างเป็นแก้วจักรพรรดิ์นั่นยังงัยคะ

    อ้อ...เกือบทำให้เบื่อแล้วล่ะสิ หลายท่านเลิกอ่าน เพราะสมาธิสั้น ทำไมยายผีป่าพล่ามเสียยาว ไม่บอกสั้นๆ เลยล่ะว่าจะให้เพ่ง ภาวนาอย่างไร
    จ้า...ไม่ว่าท่านจะได้รับอะไร บูชาอะไรจากยายผีป่าไปนะจ๊ะ ให้นำไปตั้งบูชาไว้ที่เหมาะสม แล้วหากจะดีที่สุด ให้เพ่งแล้วจดจำภาพนั้นๆ ให้ติดตานะจ๊ะ
    ส่วนมากยายจะตั้งตรงหน้าระดับสายตา หรือไม่ก็ถ้านั่งได้ก็เอามากำหรือวางที่ฝ่ามือระดับจักรากลางลิ้นปี่ หรือหน้าตักที่ฝ่ามือเชื่อมสมาธิจ๊ะ
    (ตอนนี้ท้องป่องนั้งไม่ได้ก็อาศัยนอนภาวนา) ก่อนภาวนาก็ไหว้ครูใหญ่และทุกชั้นภพภูมิก่อนนะเจ้าคะ แล้วเพ่ง หรือซึมซับพลังจากกายสิทธิ์นั้นๆ ภาวนาตามชอบ


    ยายจะติดที่ พุทโธ ก่อนจะมาที่ สัมมา อะระหัง พอเราจับภาพที่เพ่งจับตาแล้วค่อยๆ เลื่อนภาพนั้น(ปิดตาก็ได้) มาที่ปลายจมูก (หญิงซ้าย ชายขวา) ภาวนา ๓ หน(สัมมา อะระหัง) แล้วค่อยๆ เลื่อนดวงนิมิตรนั้นมาที่เพดานปากนะคะ(ลักษณะจะเปลี่ยนไปก็อย่ากังวล) ภาวนาไปอีก ๓ หน แล้วเลื่อนที่เพลาตาค่ะ
    (หญิงซ้าย ชายขวาเช่นเดิมนะจ๊ะ) ภาวนาอีกเช่นเคยก่อนเลื่อนไปที่กลางศรีษะค่ะ ภาวนา ๓ ครั้ง แล้วเลื่อนมาที่ที่ช่องคอ ภาวนา ๓ ครั้ง จึงเลื่อนมาต่อที่เหนือสะดือเล็กน้อย(จักรากลางกาย) หยุดดวงนิมิตรที่นี่ ภาวนาไปเรื่อยๆ เมื่อจิตสงบนิ่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องดวงนิมิตร ไม่ต้องกังวลอาการต่างๆ ของการปฎิบัติ ไม่ต้องกลัวคำภาวนาหาย ไม่ต่องหลอกจิตเราหรือสร้างภาพลวงขึ้นมาว่าเห็นนั่นเห็นนี่ พลังกายสิทธิ์จะทำให้ท่านสัมผัสได้เองทางใดทางหนึ่งค่ะ แต่ล่ะคนอาจสัมผัสหรือเกิดนิมิตร หรืออาการที่แตกต่างกันค่ะ อย่าตกใจ


    ให้ขอบารมีและขอพรเอานะจ๊ะก่อนออกจากการเพ่งภาวนาค่ะ อยากได้ทรัพย์ ขอทรัพย์ อยากได้อำนาจ (มิใช่ขอคุณ อำนาจ สมาชิกนักบุญนะจ๊ะ) ก็ขอได้จ๊ะ


    นอกจากนี้ยังนำมาขอฤทธิ์เพื่อรักษาโรคในกาย ในจิต และรักษาผู้อื่นได้นะคะ
    หลวงพ่อ ฤษีฯ ท่านยังได้รับแก้วบรมจักรพรรดิ์ (ลูกศิษย์ลูกหาเรียกแก้วจักรพรรดิ์แบบเข้าใจง่ายกว่าค่ะ) แบบเสด็จมาเอง จากพลังบารมีของท่าน ของเก่าประจำตำแหน่งท่านนั่นเองค่ะ


    แก้วจักรพรรดิ์ ราคาบูชาประมาณค่ามิได้นะจ๊ะ แต่ที่ต้องกำหนดบ้าง ก็ขอให้เป็นการวัดกำลังใจแต่ล่ะคนนะจ๊ะ เพราะของบางอย่างมีค่าเหนือราคา แต่พอแจกฟรีดูเหมือนของหาง่าย ไม่มีพลัง จะเป็นการปรามาสสิ่งมงคลเสียเปล่าๆ

    อย่างเพื่อนสมาชิกท่านบางท่านบอกว่า โห...ยายไม่เข้าเนื้อเหรอ บางอย่างแค่จัดหามาก็แพงนะ แต่แจกหรือไม่กำหนดอัตราบูชา ยายก็บอกว่า แล้วแต่วาสนาจ๊ะ


    ฮื่อ...เดี๋ยวขอคิดคำนวณก่อนว่า ค่าจ้างช่างฝีมือปั้นและค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุก่อสร้าง ที่จะทำที่ถ้ำทะลุจะอยู่ที่ยอดเท่าไร จะมีสมาชิกบุญท่านใดกล้าบูชาจากยายร่วมบุญกับยายอีก


    บารมีแต่ล่ะคนต่างกัน การทำงานสร้างนี่ไม่ใช่ง่ายๆ อย่าว่ากันนะคะ หากบางอย่างกำนดค่าบูชาเสียเกินกำลังบางท่านค่ะ เพราะท่านที่จะได้รับไปคือผู้ที่มีกำลังใจ กำลังทรัพย์กล้าบูชาค่ะ
     
  6. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    คดปลวก หรือแก้ว(หิน) อุลกมณี


    เมื่อครั้งที่ยายเริ่มแตกเนื้อสาว(แกร็น) อยากเที่ยวน่ะ ก็เลยยกพวกไปเขกระโดง บุรีรัมย์(เขตท่องเที่ยวที่ฮิตมากพอดูสำหรับการเที่ยวข้ามเขตของพวกวัยรุ่นสุรินทร์)


    เขากระโดงเป็นภูเขาไฟเก่างัยจ๊ะ ดังนั้นหินที่นี่จะแปลกค่ะ ยายเคยหยิบได้หินที่ไม่สวยเอาเสียเลย ดำปึ๊ดดำปื๋อ ไม่เกลี้ยงเกลา แต่มีความมันที่เนื้อผิวแฝงอยู่ ยายเลยบอกเพื่อนว่า
    เราเจอหินอุกกาบาตก์นะ เพื่อนๆ ไม่ค่อยสนใจหรอก เพราะยายนี่ดึงจุดสนใจไม่ค่อยเก่ง แล้วยายก็เอาหินก้อนนั้นกลับบ้านโดยไม่ลืมขอเจ้าป่าเจ้าเขาจ๊ะ กลัวโดนทวงงั๊ย


    พอได้มาก็เอามาถามอาจารย์ ก็ไม่มีใครใส่ใจในความสนใจของยายผีป่าตอนนั้นอยู่ดี เพราะแต่ล่ะเรื่องที่นังนี่สนใจ มันไม่ก่อประโยชน์เล๊ย!!! หรือว่าอาจารย์ที่โรงเรียนไม่รู้จริงน๊า อิอิ


    ตอนนั้นไม่มีอินเตอร์เนตด้วยสิ ก็ไปเปิดหาตำราที่ห้องสมุด มันก็หาตำราแนวนี้ยากด้วยสิ เอาล่ะ ช่างมันเหอะ ก็เอาหินนี้มาใช้ในการฝึกพลังตามตำราค่ะ แล้วตั้งแต่ๆได้หินก้อนนี้มาฝึกนะ


    พอตั้งจิตขอให้ได้รับพระธาตุ ส่วนมากจะได้หินพระธาตุวรรณะสีดำทั้งนั้น บ้างมาเองที่พานครู บ้างมาปนกับกรวดหินหน้าบ้าน หากตาไม่ดี ไม่สามารถจับสัมผัสนั้นได้ก็มองข้ามไป


    ตอนหลังทราบมาว่า นั้นคือพระธาตุจากท้าวเวสสุวรรณน่ะ เอ๊..ทำไมเราไม่ห่างจากนรกเสียทีน๊อ ท่านคุมนรกนี่นา สงสัยมาเตือนเราว่า เองมาจากนี่นะ อย่าเผลอนะ ข้าเบื่อที่จะเอาเองกลับว่ะ
    แหะๆ...และชอบเจอแต่ท่านยมบาล มีร่างขาวกับร่างดำมาเยือนทั้งตาเนื้อและทั้งยามฝันเสมอ


    ตอนนี้ทราบแล้วจ๊ะว่า หินนั้น่ะเขาเอามาทำมวลสารมงคล มาทำกายสิทธิ์เสริมพลัง บำบัดโรคต่างๆ ราคาไม่เบาเลยทีเดียว ก้อนเล็กๆ ที่ยายไปหามานั้นนะคะ สนนราคาที่ร้านแบบกันเองก็ สี่ร้อยบาท
    เองจ๊ะก้อนที่ใหญ่และสัณฐานตรงตามตำรามงคล คือมีพลังสูง ก็กว่าสองพันบาทอัพจ๊ะ ยายเอามาก็ไม่เจียรนัยนะคะ เพราะค่าเจียรไม่มีง่ะ แต่ที่ทราบก็คือว่าการนำธาตุมงคลไปเจียรเราต้องรอบรู้นะคะสุ่มสี่สุ่มห้าทำพลังเสียหมดจากการแปลสภาพ


    เอาเป็นว่าในองค์ปู่ท้าวมหานาโค และพระยาพยัคฆาที่ยายจั้ดสร้าง รวมทั้งเต่านั้นมีมวลสารธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้บดปนด้วยนะคะ


    แก้วอุลกมณี บางท่านจัดอยู่ในตระกูลเหล็กไหลนะคะ ช่วยเสริมพลังทางการรวมจิต ทำสมาธิให้เกิดกายสิทธิ์ง่าย (มโนยิทธิเต็มกำลังก็เจริญได้ดีเช่นกัน)
    ป้องกันภัยสารพัด เน้นแคล้วคลาดเหมือนเหล็กไหลทีเดียว


    เคยมีนักโทษที่กำลังจะโดนประหาร อมอุลกมณีไว้ในปาก เพชรฆาตรสังหารไม่ตาย เลยมาตรวจดูจึงเอาออกก่อนการประหารค่ะ


    สมัยเด็กๆ เวลาหลวงตาของยายผีป่าทำน้ำมนต์ท่านจะเอาอุลกมณีก้อนประจำตระกูลของท่านมาทำน้ำมนต์ และขับไล่เสนียดจัญไร หรือพลังร้ายๆ ออกค่ะ เวลาปวดหัวไมเกรนเมื่อไร ไร้ที่พึ่ง ยายจะวิ่งไปหยิบ
    หินก้อนนั้นมาวางที่หน้าผากแล้วภานาไตรสรณะคมภ์ค่ะ ก็ทุเลาค่ะ (เป็นเทคนิคส่วนตัวขอให้อย่าเชื่อหากท่านไม่ลองเองก่อน) ตอนนั้นยายไม่ทราบว่าหินนี้เป็นหินแบบเดียวกับที่เก็บมาจากเขากระโดง เพราะหลวงตามีนั้นก้อนใหญ่กว่ามากๆ และใช้งานจนผิวเงามันเรียบ ท่านบอกว่าสืบต่อๆ กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษของหลวงตาที่จำปาศักดิ์ (อิอิ...กำลังบอกว่ากำพรืดเหล่ากอน่ะมาจากลาวจ๊ะ)


    อุลกมณีที่ยายได้มานี้ได้นำเข้าพิธีครั้งแรกที่วัดท่าขนุน (เสาร์ ๕ ที่เพิ่งผ่านมา) และเข้าพิธีต่างๆ อีกมากมาย หลายสำนัก และจะนำเข้าพิธีรวมกับมงคลวัตถุต่างๆ ที่เตรียมไว้มากมายค่ะ


    สนใจบูชา ก็อาจนำมาเปิดบูชานะคะ เพื่อหาทุนบรูณะและสร้างศาสนสถานค่ะ อาจมีการหักต้นทุนเพื่อต่อทุนข้างหน้าด้วยหากจำเป็น แต่ส่วนมากมักไม่ค่อยหักค่ะ


    ถ้าท่านใดที่มีอุลกมณีนะคะ ให้ทำการล้างด้วยพลังแสงอาทิตย์ และแสงจันทร์วันเพ็ญก่อนะคะ เพื่อขจัดพลังร้ายที่อาจปนมาด้วย
    หากเราเจ็บป่วย หรือรู้สึกว่าโดนมนต์ดำ คุณไสย์ ลมพัดลมเพ ก็ให้จุดธูป ๙ ดอก เอาอุลกมณีมาใส่ในขันน้ำสะอาด ควรเป็นขันน้ำมนต์ที่ทำจากโลหะนะคะ กำหนดจิตถึงพระจะกรพรรดิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครอฃงรักษาก่อให้
    ดวงแก้วดวงนี้เป็นกายสิทธิ์ที่เปี่ยมพลังทิพย์ ตั้งจิตน้อมนำถึงคุณพระเบื้องบน โดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นที่สุด หรือหากเราไม่ใช่สายพุทธ ก็เอาแค่ครูบาอาจารย์ที่เราน้อมนำถึงมาเป็นประธานขอบารมีก็ได้ค่ะ นับถือคริสต์
    ก็นึกถึงพระสายคริสต์ นับถือเทพ พรหม ก็น้อมนำถึงท่านนั้นๆ เป็นที่สุดจ๊ะ คุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ท้าวเทพพรหม ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกชั้นภูมิ ปู่ฤษี ๑๐๘ แม่ย่าธรณี แม่ศรีคงคา ฯลฯ อาราธานามาให้ครบเลยนะจ๊ะ
    ขอปวงท่านจงมาประสิทธิ์ประสาทเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ บังเกิดพลังอำนาจครอบจักรวาน เพื่อประโยชน์ในการบำบัดรักษษโรคา พยาธิที่เกิดแก่...เทอญฯ พอธูปดับก็สามารถนำน้ำมงคลนั้นมาดื่มรักษษตนและผู้ป่วยได้


    มาอาบก็ดี มาพรมทั่วบ้าน ร้านค้ายิ่งดี โรคประจำตนก็ทัเลา ถึงหายขาด โรคกรรม โรคลมพัดลมเพ ยิ่งขจัดได้ง่ายนะจะบอกให้ ขอย้ำจ๊ะ ตราบใดที่เราระลึกน้อมนำ มีเบื้องบนเป็นที่ตั้ง ย่อมดีแลฯ

    อ้อ...อุลกมณีเยี่ยมมากหากนำมาตั้งวางป้องกันภัยต่างๆ โดยเฉพาะไฟไหม้บ้านน่ะค่ะ กันได้ดีนักจ๊ะ ก็เอามาเสริมด้วยคาถาก่อนค่ะ ตั้งทุกๆ มุมบ้าน อย่างน้อย ๔ มุมค่ะ
    หรือนำติดตัวยามเดินทางไปไหนๆ ขอพรตามชอบ เน้นแคล้วคลาดที่สุด

    ส่วนคาถาการใช้นั้น ยายจะบอกหากท่านใดขอบูชามาจากยายค่ะ มีจำนวนไม่มากค่ะ เพราะเก็บไว้ส่วนตัวเผื่อกาลหน้าด้วยล่ะ
     
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    @@@เหล็กไหลหรือแร่หินย้อยจากเขา(แห่งหนึ่ง ขอสงวนสถานที่ได้มา)


    เมื่อครั้งที่ยายผีป่าอายุยังน้อยแต่จำความได้แม่นยำนั้น พ่อกับเพื่อนๆ เคยนำเหล็กไหลก้อนหนึ่ง วรรณะดำเนียนขนาดเท่ากำปั้นเด็ก มาทำพิธีลองของ
    และเคยโพสบอกเล่าไว้นานแล้ว หลายท่านอาจไม่ได้อ่าน การลองพลังเหล็กไหลครานั้นแม้จะมีการไหว้ครูขอขมาขอพลังจากผู้สถิตย์รักษาแล้วก็ตามที
    ผลที่ตามมาหลังจากการลองของนั้นทำให้แต่ล่ะคนเกิดความวิบัติค่ะ เพื่อนพ่อผู้นำมาลองต้องตายโหง พ่อเสี่ยวอีกคนที่เป็นคนนำพิธีนอนไหลตาย ส่วนพ่อ
    ของยายผีป่ารถคว่ำแต่ตัวไม่มีรอบบาดแผลใดๆ คนโดยสารตายหลายศพ (ทำให้ครอบครัวยายยิ่งจนซ้ำซ้อนจ๊ะ)

    แล้วการลองครั้งนั้นถามว่าเป็นอย่างไร ตื่นเต้นและตะลึงสิคะ เพราะดาบและพร้าคมกริบไม่ระคายผิวคนที่เป็นตัวทดลองให้ฟันเลยค่ะ
    อ้าว!!! แล้วทำไมคนที่ร่วมพิธีมีอันเป็นไปในทางร้ายๆ ล่ะ
    เพราะว่า กายสิทธิ์ที่สถิตย์รักษาท่านมิใช่เพื่อนเล่น เพื่อนลองของใครๆ นี่นา หากไม่ศรัทธาก็อย่าบูชา อย่าลองดีกว่า เพราะพลังที่ท่านจะมาช่วยนั้นท่านสะสมไว้
    เพื่อช่วยยามที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นมงคลวัตถุ หรือหินแก้วกายสิทธิ์ใดๆ ก็ตาม มิควรลองจริงๆ ค่ะ ยายเจออาถรรภ์การลองของเข้าด้วยตัวเองมาบ่อยแล้วค่ะ จึงคิดว่า
    หากท่านใดมาถามยายผีป่าว่า ขลังแน่นะ ของแท้แน่นะ ยายจะตอบว่า สำหรับยายขลังและแท้ แล้วตัวคุณล่ะเชื่อมั่นความแท้และขลังหรือไม่ ถ้าเชื่อมั่นก็เอาไปบูชา
    ไปรักษาคุ้มครอง ถ้ามาลองนะคะ ต่อให้เอาเงินมากองให้ท่วมหัวยายคิดว่า เสียเวลาเปล่าค่ะ ยายอยากได้เงินจริงๆ ค่ะ เพื่อนำมาต่อบุญกุศล มาพยุงกำลังตนให้มีกำลัง
    ใจในการทำดีต่อๆ ไป

    กัลยาณมิตรท่านหนึ่งบอกว่า ยายอย่าเพิ่งเจียรแบ่งเหล็กไหลเขาอึมครึมให้สมาชิกบูชานะยาย เพราะยายอาจมีเงินมหาศาลได้ หากคนที่ต้องการเหล็กไหลก้อนนี้ทดสอบแล้วว่า
    ยิงไม่ออกจริง ยายก็คิดว่า ถ้าได้เงินก้อนนี้รับรองว่าสร้างวัดทำทานและพาลูกๆ พาเพื่อนตะลอนทัวร์ทำบุญที่ต่างๆ ได้หลายที่ทีเดียว

    แต่ยายไม่ให้ลองค่ะ ถ้าเขาอยากได้กายสิทธิ์ที่ยายมี ไม่ว่าจะเป็นเหล็กไหลหรือไม่ เขาอยากได้เขาต้องกล้าที่จะบูชา ไม่ต้องแพงหูดับตับไหม้หรอกค่ะ เอาแค่พอใจทั้งสองฝ่ายก็พอ
    มีมงคลวัตถุหลายสำนัก แม้กระทั่งกายสิทธิ์ฯ จากธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านการลองของก่อนการซื้อหาแลกเปลี่ยน แต่ด้วยพลังศรัทธาเชื่อมั่น พลังจากกายสิทธิ์เหล่านี้ได้ช่วยชีวิตหรือดล
    บันดาลให้ผู้ศรัทธาเจริญตามอธิษฐานมานับต่อนับแล้ว อย่างจตุคามรามเทพองค์ไม่กี่บาท ตอนไม่บูมไม่มีปาฎิหาริย์ ไล่แจกคนยังไม่สนใจเลย พอดังก็แห่ตามหา แพงเพียงไร ก็กล้าบูชา
    นี่เรียกว่าตื่นศรัทธาจริต

    เอาล่ะ มาพูดเรื่องเหล็กไหลเขา...ที่ยายกล่าวถึงดีกว่านะคะ
    ยายไม่เคยรู้จักว่าเขาแห่งนี้อยู่ที่ไหน มีชื่อเสียงด้านใด จนกระทั่ง ได้รับกายสิทธิ์องค์นี้มาอย่างที่นิมิตรเห็นทีเดียวก็ว่าได้ ปาฎิหาริย์จริงๆ ค่ะ
    มีทวยเทพเทวดาภพชั้นต่างๆ ที่ปรกปักษ์ รักษากายสิทธิ์ต่างๆ ทั้งบรมจักรพรรดิ์ จักรพรรดิ์ และจุลจักรพรรดิ์ ต่างประสงค์สร้างบารมีให้เต็ม และวิธีหนึ่งที่จะเต็มได้ก็คือ
    มาช่วยมนุษย์ทางอ้อม ช่วยเสริมพลังให้ผู้ครอบครองพบแต่ความสุข ความเจริญ แคล้วคลาดปลิดภัยจากอันตรายต่างๆ บำบัดรักษาโรคภัย โรคกรรม และอื่นๆ เมื่อบุคคลเหล่านี้
    สมบรูณ์อย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมีจิตกุศล เมื่อมีจิตดี การกระทำย่อมดี ยิ่งดีอยู่แล้วย่อมดียิ่งๆ ขึ้น เป็นบารมี กายสิทธิ์ย่อมได้รับพลังบารมีนั้นด้วย ส่งเสริมกันไปมาตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    หรือบรรลุตามปารถนา

    ยายก็นิมิตรว่า องค์เหล่านั้นจะมาช่วยมนุษย์ในลักษณะกายสิทธิ์ ที่มนุษย์อาจมองเป็นเพียงเครื่องลางของขลัง หรือเครื่องประดับเท่านั้น แต่ท่านเหล่านั้นก็ไม่ต่อว่าเพราะมนุษย์
    เกิดมาไม่ได้รู้ดีเสียไปทุกคน จิตของยายบอกว่า อยากได้กายสิทธิ์ที่เป็นเหล็กไหล จะเป็นเหล็กไหลประเภทใดก็ได้ (เหล็กไหลมีหลายชนิดค่ะ) แล้วก็คิดว่าควรจะมีวรรณะเช่นไร

    พอไม่นานนักก็ได้มา อย่างไม่คาดคิด ยายก็ไม่ต้องการเป็นหนี้สงฆ์ หนี้เบื้องบน จึงบูชาเป็นเงินจำนวนหนึ่งไปแม้พระรูปนั้นจะไม่เรียกร้องก็ตาม
    และเมื่อได้ทำการชำระกายสิทธิ์ให้บริสุทธิ์แล้ว ด้วยการครอบพลังดิน น้ำ ลม ไฟ เพิ่มเติม ยายก็ได้อัญเชิญไว้ที่หิ้งพระระยะหนึ่ง ก่อนนำมาขอพลังในการบำบัดอาการปวดกระดูกที่ร้าว
    ยายก็กำไว้ที่อุ้งมือซ้ายแล้วยื่นมือออกสุดๆ แบบหงายแล้วภาวนาพร้อมน้อมจิตขอบารมี พลังแผ่ซ่านมากจนถึงขั้วหัวใจ และรู้สึกว่า เป็นกายสิทธิ์ที่มีชีวิต ก้อนที่แข็งพอกำมือกลับรู้สึกนิ่มนวลและ
    มีการเต้นของชีพจรระหว่างมือกับกายสิทธิ์ที่แรงมาก ยายก็ค่อยๆ เคลื่อนพลังไปตามจุดจักระ และพอถอนออกมาจากการบำบัด ยายก็ยังงงๆ ว่า ชีพจรที่มือเรานั้นเต้นแรงขนาดนี้เชียวหรือ
    และทำไมรู้สึกนิ่มจังเลย ปาหัวแตกนะกายสิทธิ์องค์นี้ ก็เลยเอามาเคาะดูว่าจะเจ็บมากไหม ก็ของแข็งจะไม่เจ็บได้ไงเล่า ทีนี้ลองกำมือตัวเองโดยไม่มีกายสิทธิ์ในอุ่งมือ กลับไม่มี
    ความรู้สึกถึงชีพจรที่เต้นอย่างตอนกำก้อนกายสิทธิ์เลย โดยเฉพาะตอนย้ายไปมือขวา จับพลังอะไรไม่ได้เลย ยายก็ถึงบางอ้อ...จริงสินะครูบาอาจารย์ท่านสอนมาสืบต่อๆ กันว่า
    หญิงจับซ้าย ชายจับขวา ก็เลยเรียกผู้ช่วยเก๋มา ช่วยจับกำมือซ้ายสิ เขาก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอกำด้วยมือขวา แขนเขาชาไปเลย บอกว่าเหมือนไฟช็อต ยายถามว่ารู้สึกนิ่มไหม
    เขาบอกว่านิ่ม รู้สึกถึงการเต้นตุ๊บๆ เหมือนหินหายใจพร้อมเราไหม เขาบอก เออ...เป็นไปได้ไงนี่

    คืนนั้นยายนอนไม่ทรมานเลย เพราะพลังกายสิทธิ์ต่างๆ ที่มีและการน้อมจิตขอบารมีทั่วถ้วนถึงเบื้องบน และโดยเฉพาะจากกายสิทธิ์เหล็กไหลเขา...องค์นี้
    ยายสองจิตสองใจว่าจะเจียดแบ่งให้ญาติธรรมกะลยาณมิตรชาวเวบได้ร่วมบูชาอย่างไรดี เพราะใจหนึ่งก็อยากคงสภาพเดิมๆ ไว้ อีกใจหนึ่งนึกถึงคำบอกกล่าวจากนิมิตรว่า
    จงนำไปสานต่อบุญ
    เอาเป็นว่า ถ้าท่านใดสนใจสอบถามยายนะคะ ยายอาจเจียรแบ่งไปทำเป็นล็อคเก็ตหรือแหวนกายสิทธิ์ฯขึ้นเรือนเงินแท้ล้อมพลอยจุลจักรพรรดิ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้บูชาค่ะ
    ไม่ทราบว่าจะได้กี่องค์
    ทราบมาว่า หากเนื้อกายสิทธิ์ฯ มี ๗ สี จะยิ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสมหรือวงการผู้ตามหามวลสารกายสิทธิ์มากค่ะ ราคา ๗ สีจะแพง ๗ -๑๐ เท่าตัวค่ะ ยายได้รับมาเพื่อทำหัวแหวน
    กับจี้ห้อยคอ อย่างล่ะองค์เท่านั้นค่ะ

    หมายเหตุ...โลกเรามีความพิศวงซ่อนเร้นอีกมากมาย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และโปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อหรือไม่เชื่อด้วยนะคะ ไม่มีการยัดเยียดให้ใครงมงายค่ะ

    @@@กายสิทธิ์บรมจักรพรรดิ์พลังจักรวาล

    เออ...คงสงสัยเนอะ ทำไมช่วงนี้ยายผีป่า(หลายคนเรียกยายผีบ้า เหอๆ...) ถึงจับแก้ว จับหิน มาเรียกแปลกๆ เช่นนี้เล่า
    เปล่าเลยจ๊ะ เรียกมาตั้งแต่นมนานที่ครูบาอาจารย์ท่านนำเรียกก่อนเราเกิดแล้วล่ะ แต่คำที่เรียกมันเข้าใจยาก เลยย่อมาเพียงคำที่ง่ายขึ้น

    หลังจากที่จัดสร้างปู่มหานาโคฯ ท่านจะเน้นให้จัดหากายสิทธิ์ที่มีพลังมงคลมาเป็นสื่อในการช่วยผู้ที่บูชาทั้งทางตรงและทางอ้อม กายสิทธิ์ต้องของแท้
    ที่เกิดจากการหล่อหลอมมานานหลายหมื่นๆ ปี ขึ้น (จริงๆ น๊า เชื่อเห๊อะ) มีดิน น้ำ ลม ไฟ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงหรือปรกพลังไว้เกิดเป็นพลังของกายสิทธิ์

    ต่อจากนั้นยายก็ได้หิน แก้ว แร่ ที่มีพลังสูงเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างปาฎิหาริย์จ๊ะ อันที่จริงสั่งสม และเสาะหากายสิทธิ์ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
    อย่างตอนที่อยู่เมืองนอกเมืองนา จะเข้าป่าไปหาเองบ้าง ไปตามตลาดรวมหิน แร่ต่างๆ ซื้อดะบ้างขอเค้าบ้าง แต่พอกลับมา เอามาได้บางส่วน

    ถามว่า...กายสิทธิ์ที่ยายผีป่านำมาใช้น่ะ ช่วยอะไรยายได้รึ๊...
    อืมส์...มันไม่เป็นรูปธรรมหรอกนะคะ เอาอย่างการที่ยายใช้กายสิทธิ์จับนิมิตรเพื่อการเข้าสู้พลังพิเศษ มีจิตที่ตั้งมั่น น้อมนำเชื่อมต่อไปถึงเบื้องบน ทำให้ยายได้เห็น
    กายทิพย์ขององค์ปฐมฯ ตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนั้นไม่ทราบว่า นี่คือองค์ปฐมฯ เพราะไม่มีภูมิและบารมีมากพอที่จะเข้าใจว่าขั้นตอนต่อไปจะทำเช่นไร จึงบอกใครต่อใครว่า
    เทวดาแต่งตัวเป็นแก้ว สวยมาก บางทีเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าขณะเล่นกับเพื่อนๆ แต่เราเห็นไม่เหมือนเพื่อนๆ เราเห็นวิมานบ้าง การร่ายรำของเหล่านางฟ้าบ้าง พอร้องบอกเพื่อน
    แน่นอนค่ะ เขาไม่เชื่อชัวร์ แต่ก็จำใจทนฟัง เหมือนหลายท่านที่จำใจทนอ่านตอนนี้นั่นล่ะจ๊ะ อิอิ

    เมื่อวันที่ยายออกมาที่อีกตำบลเพื่อโพสเรื่องล่าสุด ขากลับพายุลมแรง แต่ก็ไม่โพล้เพล้นักค่ะ ก็จิตตั้งที่การภาวนา(แต่ไม่หลับตานะจ๊ะ เพราะต้องตั้งมั่นกับการดูทางด้วยงั๊ย)
    พอเลี้ยวเข้าปากทางเข้าพุน้ำร้อน โค้งแรก ภาพนิมตรขึ้นมาทันที(คล้ายภาพฉายในจิตค่ะ) ว่าจะมีเด็กตัวเล็กๆ วิ่งตัดหน้ารถ ยายก็ไม่รู้ว่ารถเราหรือรถใคร พอเลยมาโค้ง
    อันตราย (ที่คณะทางใต้เคยมาติดโคลนนั่นล่ะจ๊ะ) ก็มีภาพมาเตือนและเสียงแว่วมาว่า เองจักระวัง อย่าประมาท ! ยายก็เลยตอบกลับเสียงนั้นว่า ขอบารมีที่ทำมา ครูบาอาจารย์
    ที่รักษา อย่าให้ลูกหรือใครๆ มีเวรมีกรรมต่อกันเลย อย่าได้เกิดเลย แล้วก็ขอบารมีเบื้องบนเป็นสื่อในการบอกกล่าวเจ้ากรรมนายเวรอีกทาง เพราะเราไม่แน่ใจว่าเป็นกรรมจากอะไรแน่
    แล้วขับรถอย่างระวังที่สุด ตลอดทางก็การจราจรราบรื่นค่ะ จนกระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านของยาย มีเพิงสำหรับกลุ่มปลูกแตง มีเด็กพี่น้องสามสี่คน โตสุดก็เท่าน้องเกรซค่ะ เล็กสุดนี่ล่ะค่ะ คือเด็กที่
    เห็นในนิมิตร เท่านั้นล่ะค่ะ ยายบอกว่า ถ้าจะเกิดตรงนี้ขออย่าให้มีผู้ใดได้รับอันตรายเลย แล้วก็ชะลอรถลงระดับที่ช้ามากๆ ค่ะ แล้ววิ่งเลนส์ขวามาก่อนถึงเด็กๆ ซึง่ตอนนั้นห่าง
    จากเด็กๆ ประมาณสองเสาไฟฟ้าค่ะ บีบแตรเตือนเด็กๆ แล้ว และเห็นว่าพวกเขายังอยู่ที่เพิงไม่ได้ขึ้นมาที่ขอบถนน ยายก็หวังว่าคงไม่มีเด็กวิ่งตัดหน้านะ เพราะเราบีบแตรเตือนแล้ว
    แต่พอยายอยู่ใกล้เพิ่งประมาณ สองเมตรได้ เด็กคนตัวเล็กสุดวิ่งออกมาทันที ตั้ดหน้ารถ(เลยเส้นขาวแบ่งเขตกลางเลนส์มาเลยนะคะ) ยายขนาดวิ่งเลี่ยงขวาสุดก็แทบเบี่ยงและเบรคไม่ทัน
    จะเบี่ยงมากๆ ยายคงตกถนน ดีที่วิ่งช้า ไม่งั้นเบรคล้อหมุนอาจสบัดทั้งรถทั้งโดนเด็กได้ ยายก็ตะโกนในใจ ปู่ลงไปดูหน่อย...(น้าน..ใช้คนแก่)

    ยายก็ไม่ขยับรถค่ะ เพราะมองไม่เห็นเด็กว่าอยู่จุดไหน เกิดชนไปแล้ว ล้มใต้ล้อรถ เราไปทับอีกหากขยับ ทีนี้เวรเอยกรรมเอยยายผีป่าเอ๊ย!!!
    ผู้คนต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ขนาดคนมีอายุยังยืนมองเฉยๆ จนแม่ของเด็กวิ่งมาอุ้มลูกที่ล้อซ้ายของรถยาย เด็กร้องจ้า ยายพอเห็นว่าเด็กไม่โดนทับ ก็แล่นเบี่ยงมาจอดข้างถนนแล้วลงไป
    ดูอาการเเด็กและแม่เขาขอโทษเรานะคะ เพราะชาวบ้านบอกเขาว่า ลูกเขาชอบวิ่งตัดหน้ารถแทบทุกวัน และครั้งนี้ เขาเห็นหมดว่า รถยายน่ะมาช้าและแล่นเลนส์ขวาไกลจากเด็กแล้ว


    ไม่ว่าใครจะผิดหรืออย่างไรก็ตาม ไม่มีใครต้องการให้เกิดเรื่องร้ายๆ ใช่ไหมคะ ยายก็เตือนเด็กๆ และพ่อแม่เขาไป แต่ก็อีกนั้นล่ะ พอเช้าวันต่อมา คนเลี้ยงวัวของบ้านยายมาบอกว่า
    ไอ้เด็กคนนั้นตอนเช้าเอาอีกแล้ว มันวิ่งออกถนนเกือบโดนอีกแล้ว ยายเลยคิดว่า ต้องมีอะไรกับเด็กคนนี้แน่นอน และมีจริงๆ ค่ะ

    เจ้ากรรมนายเวรเขาเป็นผีผู้หญิง ไม่ยอมรับการขอร้องหรือผลบุญอะไรๆ เลยไม่ว่าจากยายหรือผู้ทรงบารมีกว่ายาย เขาบอกจะเอาเด็กคนนี้ไปให้ได้ ยายชี้หน้าด่าก็ยังไม่ยอมอีก
    แหม...ผีตัวนี้หน้ามึนมากๆ ยายด่ามันว่า ทำไมจะเอาเด็กไป ต้องมาทำให้คนอื่นๆ ที่ไม่รู้อีโหน่ อีเหน่ ได้รับความเดือดร้อนด้วย ข้าฯ เคยมีกรรมต่อเจ้ารึงัย
    ผีตอบว่า เจ้าไม่เคยมี เขาผ่านมาฟังพระสวดที่บ้านเราบ่อยๆ แต่ที่ต้องให้เรามีส่วนร่วมด้วยเพราะว่า เราจะได้ไปบอกพ่อแม่เด็กได้ว่า ทำไมเขาถึงจะเอาเด็กคนนี้ไป
    แต่จนวันนี้ยายก็ไม่ได้ไปบอกเค้าอีกนะคะ เพราะวันนั้นยายให้พ่อแม่เขาพาลูกไปวัดเรียกขวัญก่อน เขาบอกว่า ไม่นับถือพุทธ!!!

    เห็นรึยังคะว่า การที่เรามีครูบาอาจารย์จากการฝึกจิตด้วยสื่อใดสื่อหนึ่ง ไม่ว่าจะบูชาอาราธนาพระรัตนตรัย(แก้วกายสิทธิ์ระดับบรมจักรพรรดิ์) ภาวนาพร้อมการเพ่งดวง
    นิมตรต่างๆ ที่เราเรียกว่ากสิณต่างๆ ไม่ว่าจับภาพพระ ภาพหิน แก้ว (จะก่อให้เกิดพลังกายสิทธิ์) เบื้องบนย่อมมาปรากฎหรือคุ้มครองเราทางใดทางหนึ่ง หรือไม่จิตที่ได้รับ
    การฝึกดีแล้วย่อมมีพลังทิพย์ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะปรากฎแบบไหน เมื่อไร อย่างไร เพื่ออะไร เพราะอะไร

    อย่างหวยนี่บอกตามตรงเลยนะคะ เลขวิ่งนี่ ถ้ามีเงินหนักๆ เข้าทุกงวดค่ะ โดยเฉพาะงวดหวยออมสินนี่ ยายบอกคุณตั้มและคุณขุนท้าวว่า พลังของเลขยังคลุมกับหวยรัฐบาล
    ให้เอาเลขที่ออกของรัฐบาลมาแทงค่ะ แต่หวยรัฐบาลมันไม่ออก ๙ ออก ๖ แทน เพราะขืนออก ๙ หลายๆ งวด ชาวบ้านและเจ้ามือเป็นทะเลาะกันตายนะ

    ยายบอกว่า ๗ กับ ๕ มาแน่นอนค่ะ ส่วน ๓ กับ ๘ ตัวเดียวกัน หากเจ้ามือไม่ให้แทงเลข ๓ กับ ๙ ให้แทง ๘ กับ ๖ แทนนะคะ ส่วน วิ่ง ๕ นั้น เจ้ามือไม่รับแทงค่ะ ขืนแทงก็จะโดนโกงเหมือนยาย
    คือไม่จ่ายน่ะ!!!
    แต่ไม่ใช่ว่า เออ...ขอพลังทิพย์เพื่อดูหวยนะจ๊ะ ขนาดยายสั่งให้เขาเล่นให้ตรงๆ แต่เขาไม่ซื้อให้ ก็ไม่ได้นะจ๊ะ ขนาดถูกคิดว่าได้เงิน แต่เขาไม่จ่ายเราจะไปเอาเรื่องอะไรกับเขาล่ะจ๊ะ
    ขำคุณตั้มจ๊ะ ถูกหวย แต่ได้ครึ่งเดียว ก็ยังไม่ยักกะเข็ด อิอิ...
    ยายก็เหมือนกันจ๊ะ ไม่เข็ดหรือจ๊ะที่จะมาใบ้หวยวันล่ะนิดจิตแจ่มใส พาสมาชิกหมดเนื้อหมดตัวหลายงวดแล้ว เหอๆ อยากตามยายดีนัก สะใจไหมจ๊ะ

    @@@ คุณพี่ตุ่นมีไม้ตะเคียนกลายเป็นหิน (ฟอสซิลไม้ตะเคียน) ยายก็คิดว่าคงมีอีกหลายๆ ท่านที่มีไม้กลายเป็นหินนะคะ หรือสนใจอยากเห็นอยากมีไว้บูชา
    เพื่อเพิ่มพลังมงคลแก่ผู้ครอบครอง ไม้หลายชนิดค่ะที่กลายเป็นหิน หรือเหล็ก ต้องบอกว่ากว่าจะกลายเป็นหินได้นี่ใช้เวลานานม๊ากส์ส์ส์...และแต่ล่ะชนิดมี
    พลังแฝงแรงฤทธิ์แตกต่างกันตามแต่ชนิดของไม้และแหล่งกำเนิด-สภาพแวดล้อม อย่างที่พี่ตุ่นมีไม้ตะเคียน ท่านเป็นกายสิทธิ์มีพระจักรพรรดิ์ดูแลอยู่
    แม้ไม่ใช่ระดับจักรพรรดิ์ก็เป็นเทพที่ต้องลงมาบำเพ็ญเพื่อให้ตะบะแกร่งกล้า

    ถ้าเนื้อตะเคียนที่ยังไม่เป็นหินนี่พลังมงคลจะเด่นด้านโชคลาภ เมตตา มหานิยม แล้วยิ่งกลับกลายเป็นกินกายสิทธิ์ยิ่งเพิ่มพลังด้านเดช อำนาจ คุ้มครองครอบทุกด้าน
    ไม่ต่างจากหินตาเสือ หรือคดไม้สักนั่นล่ะค่ะ โดยเฉพาะคดไม้สักนี่มีพลังแร่กายสิทธิ์ผสมที่แกนในด้วย บำบัดรักษษโรคในกาย ในจิตได้ชะงัดแลฯ ไม่รวมพวกที่สนใจ
    ในเรื่องตาที่สามนะจ๊ะ เพราะคดไม้สัก นี่เรียกได้ว่าเป็นหายสิทธิ์ที่เป็นพลังให้ผู้ครอบครองนำมาเป็นสื่อเปิดตาที่สามได้อย่างดี เกิดพลังหยี่งรู้ได้แจ่มชัด มีสมาธิที่ไม่หลอน

    เวลาที่อาราธนาขอพลังจากกายสิทธิ์แห่งองค์แม่ตะเคียน ต้องขอบารมีองค์แม่ธรณี ด้วยนะคะ ขอท่านตามที่เราประสงค์ค่ะ


    @@@
    [​IMG]
    กายสิทธิ์บรมจักรพรรดิ์พลังจักรวาล พลังเสาร์ ๕ (จาก อุลกมณี หรือ คดปลวกค่ะ) ยายจะนำมาให้บูชาทั้งแปรรูปเป็นแหวนปละจี้ห้อยคอ หรือทั้งเป็นก้อนเพื่อคุ้มครอง ฯลฯ ได้ผ่านการเข้าพิธีเสริมพลังมาแล้วทุกอย่างจ๊ะ








     
  9. ท่าข้าม

    ท่าข้าม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +2,513
    สยองผีผู้หญิงจัง
     
  10. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ช่วงนี้มีข่าวมงคลจากกัลยาณมิตร สมาชิกพลังจิต.คอม ที่จะบวชอย่างน้อยก็มีคุณ บ. ใบไม้ กับน้องเบริท (โพธิสัตว์น้อย หรือลิงน้อยกันแน่ย่ะ?!!)
    ก็ขออนุโมทนากุศลบารมีด้วยนะคะ และหากเคยล่วงเกินกันมาภพใดภูมิใด หรือภายภาคหน้า ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ล้อเล่นก็ดี ก็ขอขมาและอโหสิกรรมต่อกันและกัน
    อย่ามีเวรมีกรรมอันจักส่งผลให้ไม่หลุดพ้นได้โดยไวเทอญฯ (เอาแค่นี้ล่ะ ที่เหลือภาวนาในจิตให้เยอะแยะแล้วล่ะ)
    โบราณเขาเล่าว่า ถ้าพูดว่าอยากบวช หรือจะบวช แต่ไม่บวชเสียที เดี๋ยวติดนั่นติดนี่ หรือบางทีมีอันไม่ได้บวชตลอดชีพ อันนี้มิดีเลยนะคะ ถ้าบอกจะบวช หากไม่พร้อม
    ที่จะห่มผ้าเหลือง ก็บวชใจ ปฎิบัติจิตให้ผ่องแผ้ว มีพระรัตนเป็นที่สุด มีศีลประคองตน ไม่ทำตนให้เลว ก็ถือเป็นการบวชแล้วค่ะ แต่เพียงไม่ได้ครองศีล ๒๒๗ วัตร เท่านั้น
    อย่างเจ้าเบริทนี่ ยังไม่นิ่ง ตามประสาลิง อันนี้มันสันดานติดมาทุกภพทุกชาติ แต่คุณ บ. ใบไม้นี่ ถ้าเลิกความสงสัยอยากเห็น อยากรู้ในสิ่งที่มันไม่ก่อประโยชน์ต่อทาง
    สว่างแจ้งจริง ก็ปล่อยวางไปเสียเถิดจ๊ะ
    ยายก็แนะไปแล้ว ว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด จงอย่าไปสนใจจริต หรือการกระทำของผู้อื่นๆ เลย จงมองที่ตัวตน ที่จิตเราเอง พระรูปอื่นๆ ชีไหนๆ ก็ไม่ทำให้เราหลุดพ้นหรือค้น
    พบทางสว่างได้หรอก หากเรามัวแต่ไปมองว่า ทำไมพระองค์นี้ไม่มีจริยาวัตรเยี่ยงสงฆ์ ชีท่านนี้ทำไมปากจัด ฯลฯ
    เราจงรู้ว่าเราไปทำอะไร เพื่ออะไร เราไปหาธรรมะ คือความจริงที่เราต้องการ ไช่ไหม ขืนมัวแต่ไปสนใจการกระทที่มันทำให้เราหงุดหงิด อารมณ์เสีย! จะไปทำไม๊?!!
    เราไม่ต้องปิดหู ปิดตา ปิดจมูกหริอ เพราะสิง่ที่มากระทบเรานี่มันไม่มีผลหรอกนะหากเราไม่รับรู้ ไม่ใส่ใจมัน จิตเรานี่ล่ะตัวร้ายนักแล
    ถ้าคนจ้องจับผิดคนนั้นคนนี้ คนขี้ระแวงสงสัย คนขี้อิจฉาริษยาเป็นสันดานก่อนบวช พอบวชแล้วล้างมัน ละมันไม่เป็น ก็ถือว่ามันเป็นอย่างนั้น คงอยู่อย่างนั้น
    อต่ถ้าเรารู้จิตรู้ความนึกคิดรู้เท่าทันเราเองแล้ว ตำหนิตนเองเถิดว่า ข้าฯ ทำไมโง่เหมือนเดิม ถ้ามาครองตนเยี่ยงสมณะแล้วยังโง่อีก ข้าฯ หาสมควรที่จะเรียกตนว่าผู้แสวงหา
    ทางสว่างอยู่อีกรือ!!!
    การบวชนี่ หากกำลังใจเราไม่ดีพอมันจะยิ่งทำให้เสื่อม เพราะอะไรน่ะเหรอ บางคนมุ่งมั่นว่า ฉันบวชเพราะต้องการวิชชาที่สามารถจะทำให้ฉันมีฤทธิ์ มีเดช เพราะถ้าได้เยื่ยงนี้
    จักประเสริฐต่อลาภ สักการะปูชาภาคหน้า ฉันจักมีผู้คนเข้าหามากมาย ชี้นกเป็นนก ชี้ไม่เป็นไม้ เยื่ยงนี้จงเลี่ยงการบรรพชารืออย่าหวังครองผ้าอันมงคลใดๆ เลย
    จงบอกตนว่า ฉันจักเป็นสมณะที่ดี ตามที่พระพุทธองค์ประสงค์ ฉันจักหลุดจากความเป็นคนที่เคยโง่งมงาย ฉันจึ่งไม่หวังอันใดที่จักนำพาไปสู่อบายทั้งปวง ฉันจักดูจักรู้ใจฉันเพียง
    เท่านั้น ไม่ยึดเกาะในสิ่งใดๆ...สละได้แล้วเพื่อทางหลุดพ้น
    ทั้งหมดนี่แลฯ ที่เราท่านทั้งหลายพึงสังวรณ์ ไม่ว่าจะครองตนเยี่ยงไร
    การบรรพชา หรือครองผ้าขาว ผ้าเหลือง เหมือนการเข้าขังจิตตัวเอง ให้จิตที่เคยกับความสบาย ได้อยู่ในกรอบในกรง ได้สำรวมเสียที เพราะมีกฎบังคับอยู่ อันที่จริงเราเกิดมามีศีล
    มีกฎบังคับอยู่แล้ว แต่เรามองข้าม วัดเลยเป็นเสมือนโรงเรียนกินนอนที่เข้มงวดน่ะค่ะ หากกายพร้อม ใจพร้อม ไม่ว่าจะอยู่ที่วัด ที่ป่า อยู่กับอะไรๆ เราก็ไม่มีเกร็งค่ะ
    ต้องดูว่ากิจของสงฆ์ ของชี มีอะไรบ้าง เอาตามตัวเอย่างพระพุทธเจ้านะคะ พระพุทธองค์ท่านไม่ต้องออกบิณฑบาตรทุกเช้าก็ได้นะ มีสาวกมากมายพร้อมที่จะนำมาถวายถึงกุฏิ
    แต่ทำไมพระพุทธองค์ถึงออกบิณฑบาตรเหมือนสาวกอื่นๆ ล่ะคะ เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้มีความเหลื่อมล้ำ เพราะพระองค์ประสงค์โปรดสัตว์ เอาแค่ข้อวัตรที่พระพุทธองค์ทรงทำ
    ต่อเนื่องสัก ๑๐ ข้อ แล้วเราทำตามเป็นนิจตลอดเวลาที่ครองตนเยี่ยงสมณะดูสิคะ แล้วเราจะเห็นความจริงที่จริงและแจ้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...